งาน จิ ว เว ล รี่ ต่างประเทศ

           ทำไมเราถึงขายงานจิวเวลรี่จากต่างประเทศ ทำไมจึงต้องบินไปหาของถึงต่างประเทศ งานจิวเวลรี่ไทยหาง่ายกว่าไหม ทำไมไม่เอามาขาย


ทางร้าน Passionatogems เนื่องจากตัวเจ้าของร้านเองเป็นนักออกแบบ เคยทำเครื่องประดับเงินส่งออกให้แบรนด์ดังๆ ต่างประเทศมากว่า 17 ปี ชอบงานดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร และงานดีไซน์จากต่างประเทศตอบโจทย์ตรงนี้ทุกอย่าง เราอยากจะทำร้านเพชรที่มีเอกลักษณ์ ดีไซน์สวย บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเองกับลูกค้า เข้ามาแล้วไม่อึดอัด


ราคาที่สบายใจทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ นอกจากนี้งานของการประเทศนั้นมีความละเอียดลออ ในการผลิตค่อนข้างมาก การฝัง การชุบสวยงามเรียบร้อย เทคโนโลยีในต่างประเทศนั้นล้ำกว่าประเทศไทยมาก มีรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น อันเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงขึ้น จนสามารถนำไปผลิตงานที่มีรูปแบบซับซ้อนมาก ๆ ได้ งานจึงทนและหาข้อบกพร่องได้น้อยกว่าเช่น  Dancing Daimond หรือจิวเวลรี่ที่หมุนได้รอบตัวทำให้เพชรวูบวาบตลอดเวลา

ลูกค้าจึงมั่นใจว่าของที่เรานำมาขายทุกชิ้นนอกจะจะดีไซน์สวยงามแปลกตาและทันสมัยแล้ว ยังทนทานด้วยค่ะ

ีลองชมสินค้าของ Passionatogems ดูนะคะ ว่าของสวยดูดีและราคาสมเหตุสมผลมีอยู่จริง

งาน จิ ว เว ล รี่ ต่างประเทศ

งาน จิ ว เว ล รี่ ต่างประเทศ

กลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของไทยนับเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้จากการส่งออกกว่า 2 แสนล้านบาทในปี2561 แม้จะมีแผ่วไปบ้างในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแต่ก็ยังถือเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้อันดับต้นๆ ของประเทศโดยมีตลาดใหญ่ใน ฮ่องกง ที่กล่าวได้ว่าเป็นศูนย์กลางตลาดอัญมณีและเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขณะที่อีกประเทศคือสหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วงที่ผ่านมาตลาดในกลุ่มจิวเวลรี่เริ่มมาแรง

โดยการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปสหรัฐฯ ในปี 2561 มีมูลค่ารวม 1,357 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.72% โดยสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ 3 อันดับแรก ได้แก่ เครื่องประดับเงิน 553 ล้านเหรียญสหรัฐ , เครื่องประดับทอง 429 ล้านเหรียญสหรัฐ และทับทิม แซฟไฟร์ มรกต และพลอยเจียระไนอื่นๆ 167 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมาไทยมูลค่ารวม 591 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40% โดยสินค้าส่งออกหลัก 3 อันดับแรก ได้แก่ เพชร พลอย แพลตตินัม ตามลำดับ

ไม่พลาดทุกข้อมูล ข่าวสารที่น่าสนใจ อย่าลืมกดไลค์Facebook bangkokbanksme 

งาน จิ ว เว ล รี่ ต่างประเทศ

นางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับในสหรัฐฯ มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง จากที่มีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ โดยคาดว่าตลาดจะมีอัตราการขยายตัวต่อเนื่องไปจนถึงปี 2565 แม้ว่าจะขยายตัวในอัตราที่ไม่สูงมากนัก แต่ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทยที่จะขยายตลาดเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้น

สำหรับสินค้าที่กำลังมาแรง และกำลังได้รับความนิยมในตลาดสหรัฐฯ ก็คือสมาร์ท จิวเวลรี่หรือเครื่องประดับที่ผลิตโดยการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไป เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งาน เช่น สร้อยข้อมือที่สามารถเก็บข้อมูลทำกิจกรรมต่างๆ ของผู้สวมใส่ แหวนที่สามารถวัดจำนวนก้าวและแคลอรี สร้อยคอที่จะสั่นเบาๆ เพื่อแจ้งว่ามีโทรศัพท์ อีเมล เข้ามา

นอกจากนี้ ยังมีสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตดี เช่น เครื่องประดับชิ้นเล็กๆ ที่เริ่มได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่มาจากแหล่งกำเนิดแท้จริงของเครื่องประดับนั้นๆ อย่างเครื่องประดับที่ผลิตจากชุมชน ที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น 

ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของสมาร์ทจิวเวลรี่ และเครื่องประดับที่มีแหล่งกำเนิดชัดเจน ถือเป็นเทรนด์ใหม่ในตลาดสหรัฐฯ ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถผลิตสินค้าเหล่านี้ป้อนความต้องการของตลาดได้อยู่แล้ว เพราะไทยมีฝีมือในการผลิต และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้ ส่วนการเข้าสู่ตลาด นอกจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ ยังสามารถใช้ช่องทางออนไลน์ โซเซียลมีเดีย ในการเจาะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐฯ

งาน จิ ว เว ล รี่ ต่างประเทศ

กฎถิ่นกำเนิดต้องระวังหากโฟกัสตลาดสหรัฐฯ

ท่ามกลางปัจจัยสนับสนุน แต่ไม่ง่ายนักที่จะเจาะตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากเทรนด์ใหม่ในตลาดสหรัฐฯในกลุ่มสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจะต้อง มีแหล่งกำเนิดที่ชัดเจนโดยก่อนหน้านี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ได้มีคำเตือนถึงผู้ประกอบการไทยในกลุ่มอัญมณีและเครื่องประกับกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ส่งสารถึงบรรดากิจการและกลุ่มบริษัทต่างๆ ในธุรกิจเครื่องประดับระหว่างการประชุมในนิวยอร์กซิตี้ว่า ธุรกิจเครื่องประดับจะต้องรับรู้และเปิดเผยข้อมูลแหล่งที่มาของวัตถุดิบทั้งหมด ไม่ใช่แค่อัญมณี เพชรหรือพลอยสี แต่รวมถึงทองคำและโลหะมีค่าอื่นๆ ด้วย มิฉะนั้นจะถูกดำเนินการตามกฎหมายใหม่ที่จะนำมาใช้ในอุตสาหกรรมนี้อย่างเข้มงวดมากขึ้น แม้กฎหมายใหม่นี้ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดข้อมูลที่ชัดเจนมากนัก แต่คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในเร็วๆ นี้

เนื่องด้วยรัฐบาลสหรัฐฯ เชื่อว่าวัตถุดิบในการผลิตเครื่องประดับนั้นเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนเหตุความขัดแย้งและกลุ่มนอกกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อิหร่าน เวเนซูเอลา และบางประเทศในทวีปแอฟริกา ฉะนั้นภาครัฐจึงต้องการทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนที่นำเข้าทุกรายการ เพื่อป้องกันประเด็นเรื่องการฟอกเงิน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาคอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับเห็นว่า การทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนทุกรายการในเครื่องประดับอย่างชัดเจนนั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากวัสดุหลายชิ้นนั้นผ่านการรีไซเคิล การนำกลับมาใช้ใหม่ และการขายผ่านตลาดรอง หรือขายผ่านมือมาหลายทอด แต่ทว่าภาครัฐก็ไม่ได้คล้อยตามข้อคิดเห็นดังกล่าวนี้และมองว่าภาคอุตสาหกรรมไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มีอยู่ อีกทั้งยังจับตามองอุตสาหกรรมเครื่องประดับเป็นลำดับต้นๆ แม้จะเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ก็เป็นแหล่งทุนสนับสนุนเหตุความขัดแย้งต่างๆ ด้วย

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยที่จะส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในตลาดสหรัฐ คงต้องปรับตัวพร้อมรับกฎระเบียบใหม่ที่จะบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้ โดยสำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับทุกชิ้นจะต้องสำแดงเอกสารแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเพชร พลอยสี และโลหะมีค่าทั้งทองหรือเงิน เป็นต้น ให้ถูกต้องจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองจาก Responsible Jewellery Council หรือเพชรที่มีใบรับรอง Kimberley Process หรือองค์กรที่ให้การรับรองเหมืองทองอย่าง Fairtrade (http://www.fairgold.org) และ Fairmined (http://www.fairmined.org) เพื่อแสดงถึงความโปร่งใสในธุรกิจเครื่องประดับ 

อ้างอิง : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์

           :ศูนย์ข้อมูลอัญมณีและเครื่องประดับ

             สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

Bangkok Bank SMEเราเป็นเพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน ทุกช่วงการเติบโตของธุรกิจ
สนใจลงทุนธุรกิจสามารถปรึกษาธนาคารกรุงเทพคลิกหรือสายด่วน1333