ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

ในโลกของเทคโนโลยีนั้นมีการปรับปรุง พัฒนาให้ทันสมัยอยู่ทุกวันโดยเฉพาะเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารไร้สาย เนื่องจากเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานได้ครอบคลุมที่สุด และเมื่อพูดถึง 5G หลายคนพอจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าคืออะไร แต่อีกหลายคนยังสงสัยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่รู้ความหมายที่แท้จริงรู้แต่ว่ามันใกล้ตัวเราเข้ามาทุกทีแล้ว

ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

หลังจากเมื่อวานนี้ 16 ก.พ. 63 ได้มีประมูลคลื่น 5G จบไปเป็นที่เรียบร้อย เคาะกัน 3 คลื่น 700, 2600 เมกะเฮิรตซ์ และ 26 กิกะเฮิรตช์ ขายออก 48 ใบอนุญาตรัฐกวาดรายได้วันเดียว 100,521 ล้านบาท โดยทางกสทช. จะมีการประกาศผลการประมูลอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 ก.พ. นี้

5G คืออะไร ?

5จี คือ Generation 5 หรือรุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่ถูกพัฒนามาจาก 1G (มือถืออนาล็อก), 2G (ยุคแรกของมือแบบดิจิทัล ส่ง SMS ผ่านมือถือได้), 3G (ยุคโทรศัพท์แบบเห็นหน้า, ดูทีวีเล่นเกมออนไลน์, เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทได้ตลอดเวลา), 4G (ยุคที่อินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูง สามารถดู Youtube แบบ HD บนมือถือได้)

5G มันคือ Generation 5 หรือรุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่ไม่ใช่แค่มือถือเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์แต่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดที่สามารถเชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ก็จะได้รับประโยชน์เช่นกัน แล้วข้อดีของ 5G มันมีอะไรบ้าง ว่ากันว่าถ้าเราจะดาวน์โหลดไฟล์ที่มีขนาด 8K (ความละเอียดระดับ FUHD ย่อมาจาก Full Ultra HD มีขนาด 7680 x 4320 พิกเซล หรือมีความละอียด 33.2 megapixels) หากเป็นยุคนี้ 4G จะใช้เวลา 6 นาที แต่ถ้าเป็น 5G จะใช้เวลาแค่ 6 วินาที! เท่านั้น

[advanced_iframe iframe_hide_elements=”header,footer,#filterWrapper,.bread”  src=”https://www.shopat24.com/mobile-tablet-acc/mobile/?show=all&filter.from_PRICE=3000&filter.to_PRICE=4200&sortBy=si&filter.initial_from_PRICE=49&filter.initial_to_PRICE=46900&view=6/&utm_source=blog&utm_medium=iframe” change_iframe_links=”a” change_iframe_links_target=”_blank”]

5G มีประโยชน์อย่างไร ?

อย่างที่กล่าวไปว่า 5G มีความเร็วมากกว่า 4G ประมาณ 10-100 เท่า ทำให้ผู้ใช้งานมือถือทั่วๆไปสามารถรับชมวีดีโอ, เล่นเกมออนไลน์ ที่ไหนก็ได้แบบไม่มีสะดุด คมชัด รวดเร็ว นอกจากนี้ 5G ยังสามารถใช้ได้กับการเชื่อมต่อผ่านอินเตอร์เน็ตที่เรียกว่า IoT คือนวัตกรรมดังต่อไปนี้ อาทิ

รถยนต์ไร้คนขับ Autonomous vehicles, หุ่นยนต์ในโรงงาน, เทคโนโลยีด้านการแพทย์เช่น สามารถผ่าตัดคนไข้จากระยะไกลได้ Remote surgery ทั้งยังช่วยพัฒนาศักยภาพของระบบค้าปลีก การซื้อของออนไลน์ รวมถึงการใช้งานต่างๆ

จะเห็นได้ว่าในปี 2020 เราเริ่มเห็นทิศทางของเทคโนโลยี 5G ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับเรามากขึ้น สังเกตได้จากมือถือ 5G ในไทย ทั้งที่เป็นมือถือ 5G ราคาถูก และเรือธง ก็เริ่มมีวางขายกันหลายรุ่นแล้ว และการมาของ 5จี ก็จะทำให้ผู้ผลิตมือถือ และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือยักษ์ใหญ่ให้ความสำคัญในบริการ 5G นี้เป็นโจทย์แรกนั่นเอง

ช่วงนี้เราจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับ 5G ไม่ว่าจะจากทางด้าน AIS ที่โชว์ความสามารถของ 5G บนคลื่นความถี่ 26.5 – 27.5 GHz การประกาศขายมือถือรองรับ 5G จากทางฝั่งของ Samsung AT&T OPPO Xiaomi Huawei และอีกสารพักแบรนด์ เราคงได้แต่คาดว่า  5G มันต้องดีกว่า 4G แน่ๆเพราะมากกว่า 1G แต่เราไม่อยากให้คุณรู้แค่นั้นหรอก เราเลยอยากบอกว่า 5G มันคืออะไร? มันดีอย่างไร? และที่สำคัญมันเกี่ยวอะไรกับเรา?

ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

ตกลง 5G คืออะไร?

ก่อนที่จะไปถึง 5G เราเริ่มจาก 1G ก่อน ยุคนั้นเป็นยุคที่เราคุยกันผ่านเสียงผ่านมือถือระบบอนาล็อก จนเราส่งข้อความ MMS หากันได้ในยุค 2G จากนั้นเราก็เข้าสู่ยุค 3G ที่เราเชื่อมต่อและเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้นระหว่าง 20 kbps ถึง 42.2 Mbps และเข้ามาถึงยุค 4G  ที่เราสามารถดูภาพและเสียงหรือหนังออนไลน์พอได้เพราะความเร็วที่เพื่มขึ้นเช่น 4G LTE (100 Mbps), 4G LTE Cat.4 (150 Mbps) และ 4G LTE Advanced (1,000 Mbps)

 

ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

 

ส่วนยุค 5G มันคือ Generation 5 หรือรุ่นที่ 5 ของการสื่อสารที่อนาคตมันจะไม่ใช่แค่มือถือแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมอินเตอร์เน็ตได้ (Internet of Things หรือ IoT) ว่ากันว่าถ้าเรามี 5G เราจะดาวน์โหลดวีดีโอ หนังหรือแอปฯได้เร็วถึง 10,000 Mbps! ถ้าใช้ 4G ดูวิดีโอออนไลน์ (ขนาด 8K) หรือดาวน์โหลดหนังต้องรอ 6 นาที แต่ถ้ามี 5G ใช้เวลาแค่ 6 วินาที!

ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

เท่านั้นไม่พอ ถ้ามี 5G เราจะเชื่อมต่อไปปลายทางได้เร็วกว่า 0.001 วินาที (คือเร็วมาก) รับส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตเพิ่มเป็น 1,000 เท่า ใช้พลังงานในการเชื่อมต่อน้อยลง 90% ทำให้แบตจะยืดอายุการใช้งานได้ถึง 10 ปี

 

5G เหนือกว่า 4G อย่างไร?

1. ตอบสนองไวกว่า

ถ้าเราใช้ 4G สั่งงานควบคุมสิ่งต่างๆได้เร็วที่ 20 – 30 ms (Milli-second คือ 1:1,000 วินาที) แต่ถ้าใช้ 5G จะเร็วขึ้น 10 เท่า จะสั่งงาน IoT หรือสมาร์ทดีไวซ์ได้เร็วจริงถึง 3-4ms

2. รับส่งข้อมูลได้มากกว่า 4G

ถ้า 4G รับส่งข้อมูลต่อเดือนได้แค่ 7.2 Exabytes 5G จะทำให้เรารับส่งข้อมูลได้เพิ่มขึ้น  7 เท่า คือ 50 Exabytes ต่อเดือน

3. มีความถี่สำหรับใช้งานมากกว่า

ตอนใช้ 4G มีให้ใช้ถึงแค่ 3GHz แต่ถ้าเป็น 5G เราใช้งานคลื่นความถี่ได้ถึง 30GHz

4. รับรองการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้มากกว่า

ถ้า 4G รับคนได้ราว 1 แสนคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. 5G จะรับได้ 10 เท่าคือรับได้ 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม.

5. ถ่ายโอนข้อมูลต่อวินาทีได้เยอะกว่า

ถ้า 4G โอนข้อมูลเข้าเครื่องได้แค่ 1 GB ต่อวินาที 5G จะทำได้ถึง 20 GB ต่อวินาทีหรือ 20 เท่าของ 4G

 

ไม่ใช่คุณลักษณะเฉพาะของการพัฒนา 4g เป็น 5g

 

แล้ว 5G ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?

แน่นอนว่าถ้ามี 5G จะทำให้เราดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ เปิดเว็บไซต์บนมือถือได้เร็ว ไม่มีสะดุด แม้แต่วีดีโอที่มีความละเอียดสูงๆ แต่ประโยชน์ของ 5G มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นน่ะสิ เพราะว่าในอนาคต ถ้ามี IoT เราจะได้เห็นการทำงานของสมาร์ทดีไวซ์ที่มากกว่าแค่สมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ที่เชื่อมต่อกันผ่าน 5G ก็จะส่งข้อมูลหากันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ถ้า 5G มา เราได้ดูวีดีโอชัดๆที่ไหนก็ได้แบบนี้แน่ๆ

 

เช่นถ้าเรามีรองเท้าที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ ตัวรองเทาก็จะเก็บข้อมูลว่าเราวเดินหรือวิ่งไปได้กี่ก้าว เดินไปได้กี่กิโลเมตร แล้วมันก็ส่งข้อมูลผ่าน 5G ไปแสดงโทรศัพท์หรือนาฬิกาของเราที่ไหน เวลาไหนก็ได้ ถ้ามี 5G นี่คือตัวอย่างง่ายๆของการทำงานร่วมกันระหว่าง 5G กับ IoT ไม่ต้องผ่าน WiFi ที่จำกัดแค่บางพื้นที่

 

 

หรือจะเป็นเรื่องของรถยนต์ไร้คนขับ (Driverless Car) ที่ในอนาคตอาจจะสามารถโต้ตอบกับรถอีกคันและถนน (Smart Road) ผ่านเซนเซอร์ที่ติดตั้งไว้ และมี 5G โอนข้อมูลหากัน ซึ่งช่วยลดอุบัติเหตุได้ด้วย ซึ่งถ้ายังใช้ 4G มีหวังกว่าจะรับส่งข้อมูลหากันได้ ก็อาจจะไม่ทันแจ้งเตือนอุบัติเหตุได้

 

นี่ยังไม่พูดถึง Virtual Reality  (VR) และ Augmented Reality (AR) เช่นถ้าเราดูหนังหรือเล่นเกมผ่านอุปกรณ์ VR ถ้าใช้ 5G เราก็จะได้รับประสบการณ์ที่เหนือกว่าสมาร์ทโฟนที่ไหนก็ได้ และคุณภาพดีพอๆกับดู VR ผ่าน WiFi ที่สำคัญคือ AR ที่เราสามารถใช้สมาร์ทโฟนส่งไปวัตถุ 2 มิติแล้วมีภาพหรือวีดีโอดิจิทัลปรากฎบนหน้าจอ ซึ่งภาพหรือวีดีโอที่ว่าจะต้องดึงมาจาก Cloud ทำให้ 5G มีบทบาทมากในการดึงข้อมูลดังกล่าวมาจาก Cloud ให้ปรากฏบนหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีดีเลย์ ทำให้ดึงความสามารถของ ​AR ได้ทุกวงการ

 

 

สรุปคือถ้า 5G มาบ้านเรา เราจะได้ดูวีดีโอ เล่นเกม ฟังเพลงได้ไม่มีสะดุดแน่ๆ แต่ถ้าเป็นเรื่องของ IoT ในไทยคงต้องดูกันอีกสักระยะว่าจะเกิดขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ไม่อย่างนั้นการมี 5G ก็ใช้ไม่คุ้มค่าครับ