จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

Facebook มีกระบวนการตรวจสอบและป้องกันการเข้าใช้งานในลักษณะที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นการแฮกบัญชีได้ เช่น จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนว่ามีการล็อกอินจากอุปกรณ์ที่ไม่เคยถูกใช้ล็อกอินมาก่อนหน้านี้ หรือมีการล็อกอินจากต่างสถานที่ (เช่น คนละจังหวัดหรือคนละประเทศ) รวมถึงส่งอีเมลแจ้งเตือนและขอให้ยืนยันเมื่อมีการพยายามเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี Facebook เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถช่วยให้เจ้าของบัญชีตรวจสอบและป้องกับความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง การตรวจสอบว่าบัญชี Facebook ถูกแฮกหรือไม่ สามารถดูได้ทั้งจากการแจ้งเตือนการล็อกอิน และข้อมูลการล็อกอินบัญชี Facebook

Show

การตรวจสอบการแจ้งเตือนเมื่อมีการล็อกอินบัญชี Facebook​

เมื่อมีการล็อกอินบัญชี Facebook จากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่ ไม่เคยถูกใช้ในการล็อกอินบัญชี Facebook ก่อนหน้านี้ (Facebook เรียกอุปกรณ์เช่นนี้ว่าบราวเซอร์หรืออุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก) จะมีการแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการล็อกอิน ดังแสดงในรูปที่ 1


จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

รูปที่ 1 ตัวอย่างการแจ้งเตือนเมื่อมีการล็อกอินจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่ไม่เคยใช้ในการล็อกอินบัญชี Facebook

ข่าวเรื่อง Facebook ที่กระทบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ มีให้เห็นกันแทบจะทุกอาทิตย์ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีรายงานว่า Facebook ประสบปัญหาการจัดเก็บรหัสผ่านผู้ใช้นับร้อยล้านชุด โดยรหัสผ่านถูกเก็บไว้ในรูปแบบตัวอักษรที่ไม่ได้เข้ารหัส โดยที่พนักงานของ Facebook สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญดังกล่าวนี้ได้เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่เพิ่งถูกพบโดยบังเอิญ นับว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้อย่างพวกเราต้องฉุกคิดถึงภัยจากการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญรวมทั้งรหัสผ่านที่อาจทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับบัญชีทรัพย์สินของเราได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำ คือ การเลิกใช้งานไปเลย แต่เราคงไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น แล้วในฐานะผู้ใช้ทั่วไปควรทำอย่างไรดีที่จะรักษาความปลอดภัยบัญชีให้มากที่สุด มาดูคำตอบกัน

เริ่มต้นที่การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวขั้นพื้นฐานของ Facebook ก่อน

เราสามารถเช็คได้ว่า มีแอปฯ ใดบ้างที่เข้าถึงข้อมูล Facebook ของเรา (ชื่อ รูปภาพ วันเกิดและรายชื่อเพื่อน) ได้ในหน้าการตั้งค่าแอปฯ (App Setting) และคลิกแต่ละรายการเพื่อแสดงประเภทของข้อมูลที่เราให้สิทธิ์ในการเข้าถึง เราสามารถเลือกจำกัดการเข้าถึงในข้อมูลส่วนตัวบางรายการได้ โดยการไม่คลิกเลือกในบางรายการนั้นๆ และยังสามารถยกเลิกการเชื่อมโยงแอปฯ จากบัญชี Facebook ในหน้านี้โดยคลิก “X” ที่ปรากฏถัดจากแอปฯ

เราสามารถเช็คได้ว่า มีแอปฯ ใดบ้างที่เข้าถึงข้อมูล Facebook ของเรา (ชื่อ รูปภาพ วันเกิดและรายชื่อเพื่อน) ได้ในหน้าการตั้งค่าแอปฯ (App Setting) และคลิกแต่ละรายการเพื่อแสดงประเภทของข้อมูลที่เราให้สิทธิ์ในการเข้าถึง เราสามารถเลือกจำกัดการเข้าถึงในข้อมูลส่วนตัวบางรายการได้ โดยการไม่คลิกเลือกในบางรายการนั้นๆ และยังสามารถยกเลิกการเชื่อมโยงแอปฯ จากบัญชี Facebook ในหน้านี้โดยคลิก “/” ที่ปรากฏถัดจากแอปฯ

ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” เลือก “แอปและเว็บไซต์ (Apps and Websites)” จากนั้นเลือก “แก้ไขและปิดการใช้งาน (Edit and Disable)

ผู้เชี่ยวชาญจาก McAfee บริษัทชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยไซเบอร์แนะนำว่าการใช้บัญชี Facebook เพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปฯ อื่น เสมือนสร้างการเชื่อมโยงให้ทั้งสองบริษัทคู่ค้าสามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างโปรไฟล์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวเราและกิจกรรมของเราได้ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นเพื่อปกป้องข้อมูลของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น ควรตั้งค่าการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านใหม่สำหรับแอปฯ ที่เคยเข้าระบบผ่านบัญชี Facebook วิธีนี้ช่วยยุติการถูกแชร์ข้อมูลส่วนตัวระหว่างบริการต่าง ๆ ได้

– ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” เลือก “แอปและเว็บไซต์ (Apps and Websites)”

จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

จากนั้นเลือก “แก้ไขและปิดการใช้งานแพลตฟอร์ม (Edit and Disable Platform”)

จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

ผู้เชี่ยวชาญจาก McAfee แนะนำว่าการใช้บัญชี Facebook เพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปฯ อื่น เสมือนสร้างการเชื่อมโยงให้ทั้งสองบริษัทคู่ค้าสามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างโปรไฟล์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวเราและกิจกรรมของเราได้ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นเพื่อปกป้องข้อมูลของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น ควรตั้งค่าการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านใหม่สำหรับแอปฯ ที่เคยเข้าระบบผ่านบัญชี Facebook วิธีนี้ช่วยยุติการถูกแชร์ข้อมูลส่วนตัวระหว่างบริการต่าง ๆ ได้

ต่อไปนี้เป็นวิธีการตั้งค่าเพื่อความเป็นส่วนตัวขณะใช้งาน Facebook ซึ่งรวบรวมไว้ทั้งหมด 17 แนวทางสำคัญ (แนะนำให้ตั้งค่าผ่าน Desktop)

  1. ก่อนอื่น ควรเช็คภาพรวมการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของบัญชี

    เราสามารถเช็คสถานะคร่าวๆ ของค่าความเป็นส่วนตัวได้โดยการคลิกไปที่เครื่องหมายคำถาม (?) ด้านขวาของหน้าจอหลักและเลือก ” ………. Privacy Check Up” เราจะเห็นการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวใน 3 ส่วนสำคัญของบัญชี Facebook ดังนี้
    1.1) โพสต์ (Posts) – ควบคุมการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของเราในทุกโพสต์
    1.2) โปรไฟล์ (Profile) – สามารถ “อนุญาต” ใครบ้างและ “จำกัด” การมองเห็นข้อมูลส่วนตัว (งาน, อายุ, รายละเอียดการติดต่อ) เพียงใดได้
    1.3) แอปฯ และเว็บไซต์ (Apps and Websites) – อนุญาตให้ใครเห็นกิจกรรมของเราภายในแอปฯ Third Party

  2. กำหนดได้ว่าใครสามารถเห็นโพสต์ของเรา

    ประเด็นนี้ ผู้ใช้ Facebook ส่วนมากมักกังวล เนื่องจากคงไม่มีใครต้องการถูกหัวหน้างานสอดแนมชีวิตส่วนตัวในวันหยุด หรือให้คนที่ไม่สนิทมารับรู้ความเคลื่อนไหวมากเกินไป เมื่อใดก็ตามที่เราอัปโหลดรูปภาพ อัพเดทสถานะ (Status) หรือเช็คอินในสถานที่ใดๆ เราสามารถปรับตั้งค่าโดย
    • คลิกที่กุญแจล็อคด้านซ้ายของเพจแล้วเลือก “กิจกรรมของคุณ” และเลือก “ใครบ้างที่สามารถเห็นโพสต์ในคราวต่อๆ ไปของคุณได้”
    ตัวเลือก คือ: สาธารณะ, เพื่อน, เพื่อนทุกคนยกเว้น…, เพื่อนที่เจาะจงและ เฉพาะฉัน เป็นต้น

    “เฉพาะฉัน (Only You)” – หลายคนใช้ Facebook เป็นพื้นที่เก็บข้อมูลสำหรับความทรงจำส่วนตัวหรือบล็อก เราสามารถเลือก Only You เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของบัญชีเป็นคนเดียวที่เห็นข้อมูลเหล่านี้

    Facebook จะจดจำการตั้งค่าจากโพสต์ล่าสุดของเรา ดังนั้นอย่าลืมตั้งค่าให้เหมาะสมกับแต่ละโพสต์ด้วย

  3. กำหนดว่าใครสามารถเห็นกิจกรรมบนแอปฯ ของเรา

    หากเรามีแอปฯ Third Party เชื่อมโยงกับ Facebook ไม่ว่าจะเป็นบริการข่าวสาร แอปฯ ฟิตเนส เกมส์ บริการสตรีมมิ่งหรือแอปฯ แชร์รูปภาพ เครือข่ายโซเชียลอื่นๆ ให้ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” > “แอปฯ (Apps)” และกำหนดผู้ที่สามารถดูกิจกรรมของเราหรือหากต้องการลบรายชื่อบางรายชื่อ สามารถทำได้โดยคลิก “X”

  4. ปกปิดข้อมูลส่วนตัว

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Facebook ได้รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจำนวนมหาศาล เช่น ที่อยู่อีเมล วันเกิด หมายเลขโทรศัพท์ สถานที่ที่เราเคยเรียน รสนิยมทางเพศ มุมมองทางการเมือง สถานที่ที่เคยพักอาศัย ที่ทำงานเก่า เคยแต่งงานกับใครและมีใครเกี่ยวข้องกับเราบ้าง  ปัจจุบัน ฝ่ายบุคคลของบริษัทฯ จำนวนไม่น้อยเลยที่ชอบเข้ามาเช็คดูบัญชีโซเชียลของผู้สมัครงาน ดังนั้นควรพิจารณาปกปิดข้อมูลส่วนตัวที่อาจจะส่งผลกระทบต่อตัวเราจะดีกว่า

  5. ซ่อนโพสต์แบบเฉพาะเจาะจง

    ยกตัวอย่าง หากเรายังแอดแฟนเก่าเป็นเพื่อนบน Facebook มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายหนึ่งอาจเห็นรูปภาพของเรากับแฟนใหม่ เราสามารถหลีกเลี่ยงได้โดยการกดปุ่ม “กำหนดเอง (Custom)” จากเมนู“ ใครที่จะเห็นสิ่งนี้ได้ ………” และติดแท็กคนที่เราต้องการซ่อนโพสต์ ถือเป็นวิธีที่ดีในการป้องกันไม่ให้เพื่อนบางคนที่ชอบพูดตรงไปตรงมาทำให้เราขายหน้าด้วยการแสดงความเห็นในเรื่องบางเรื่องที่ละเอียดอ่อน

  6. ซ่อนโพสต์ประเภทชั่วคราวไว้จากไทม์ไลน์

    บางทีเราอาจมีบางสิ่งที่อยากพูด เช่น ภาพล้อเลียนหรือเรื่องตลกเฉพาะช่วงเวลานั้น และไม่ต้องการให้ถูกบันทึกถาวรบนไทม์ไลน์ ให้เลือก “ซ่อนจากไทม์ไลน์ (Hide from your Timeline” ในช่องโพสต์

  7. ยุติการแชร์รูปภาพและโพสต์ของเรา

    หากเราแชร์รูปภาพหรือสถานะบน Facebook ภาพนั้นจะถูกเปิดให้แชร์กับใครก็ตามที่สามารถเข้าถึงได้ นั่นหมายถึงเพื่อน ๆ และหากคุณติดแท็กคนเป็นเพื่อนของเพื่อน หากโพสต์เป็นสาธารณะแล้วทุกคนในโลกใบนี้สามารถแชร์ได้ นอกจากการตั้งค่าโพสต์เป็น “เฉพาะฉัน (Only me)”

  8. เช็คโปรไฟล์สาธารณะของตัวเรา

    หากอยากทราบว่าโปรไฟล์ของเรามีลักษณะอย่างไรในสายตาคนที่เข้ามาดูเพจ เพื่อให้แน่ใจว่าการตั้งค่าต่างๆ เป็นไปในแบบที่ต้องการ สามารถไปที่จาก “ฟีดข่าว (Newsfeed)” ให้คลิกที่ชื่อที่ด้านซ้ายบน และคลิก “ดูในมุมมองของ” ที่ด้านล่างของรูปภาพหน้าปก

  9. กำหนดผู้ที่สามารถดูโพสต์เก่าของเราได้

    หากสมัยก่อนเราอาจจะเผลอโพสต์อะไรที่ไม่ควร ไม่ว่าจะเพราะความที่เราอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะเราสามารถ ไปที่ “ตั้งค่า (Settings)” > “ความเป็นส่วนตัว (Privacy)” คลิก “จำกัดโพสต์เก่า (Limit Old Posts)” ซึ่งจะเปลี่ยนการมองเห็นโพสต์ใด ๆ ให้มีเพียงเพื่อนเท่านั้นที่สามารถเห็นได้

  10. จำกัดผู้ที่สามารถส่งคำขอเป็นเพื่อน

    คลิก “ตั้งค่า (Settings) > “ความเป็นส่วนตัว (Privacy) และเลือก “ใครสามารถส่งคำขอเป็นเพื่อนถึงฉันได้ (who can send me friend requests)”

  11. บล็อกเพื่อนบางคน

    ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” > บล็อกโดยพิมพ์ชื่อของเพื่อน (หรือเพื่อนเก่า) ที่ต้องการบล็อกจากบัญชีของเรา โดยสามารถบล็อกไม่ให้ส่งข้อความถึงเราได้
    นอกจากนี้ยังสามารถบล็อกคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนด้วยโดยไปยังโปรไฟล์ของคนนั้น และคลิกที่ “ …” ทางด้านขวามือแล้วเลือกบล็อก

  12. จำกัดผู้ที่สามารถค้นหาเราผ่านข้อมูลติดต่อ

    Facebook อาจบันทึกหมายเลขมือถือและอีเมลของเรา ผู้ใช้งานบางประเภท เช่น ฝ่ายบุคคลบริษัทที่เราสมัครงานไว้ แฟนเก่า หรือมิจฉาชีพ ต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเรา คนพวกนี้อาจเจอโปรไฟล์ของเราได้ วิธีป้องกัน ให้ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” > “ความเป็นส่วนตัว (Privacy)” โดยเลือก “ทุกคน เพื่อนของเพื่อนหรือเพื่อน” ได้ตามต้องการ

  13. อยากซ่อนเพจ Facebook ของเราจากการค้นหาโดย Google

    ถึงแม้เราจะซ่อนเพจจาก Search Engine ของ Facebook ได้ แต่เราสามารถซ่อนเพจจากการค้นหาโดย Google รวมถึง Search Engines อื่นๆ ได้ โดยไปที่ “การตั้งค่า (Settings) > “ความเป็นส่วนตัว (Privacy)” เลือก “วิธีที่ผู้อื่นค้นหาและติดต่อคุณ” และไปที่ตัวเลือกบรรทัดล่างสุด “คุณต้องการให้โปรแกรมค้นหานอก Facebook ลิงก์มายังโปรไฟล์ของคุณหรือไม่” และเลือก “ไม่ใช่”

  14. ปกปิดชื่อจริง

    การไม่เปิดเผยตัวตนสำหรับบางคนและในบางกรณี อาจเป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจาก Facebook แสดงโปรไฟล์ทั้งหมดในผลการค้นหา การเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นอาจเป็นทางเลือกที่จำเป็นสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงหรือหลบเลี่ยงจากการถูกติดตาม
    ถึงแม้ก่อนหน้านี้ Facebook บังคับให้ใช้ชื่อจริงตอนสมัครใช้งานและมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเกี่ยวกับการเปลี่ยนชื่อหลังจากนั้น หากเราใช้ชื่อปลอมอาจถูกระงับบัญชีได้ อย่างไรก็ตาม Facebook ได้ปรับท่าทีเรื่องนี้หลังจากได้รับรายงานมากมายจากผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการถูกคุกคามและจากสมาชิกกลุ่ม LGBTQ ดังนั้นเราสามารถลองดูและอธิบายถึงความจำเป็นในการปกปิดชื่อจริง ซึ่งทาง Facebook อาจจะอนุมัติได้

  15. ปกปิดตำแหน่งที่แท้จริง

    ทุกครั้งที่เราเช็คอินในสถานที่ต่าง ๆ ข้อมูลส่วนตัวของเราทั้งหมดจะถูกนำไปใช้งานโดยแบรนด์ที่ต้องการทำโฆษณา หากต้องการปกปิดตำแหน่งของเรา สิ่งที่ควรทำคือ อย่าคลิกหมุดระบุตำแหน่งเวลาโพสต์
    อย่างไรก็ตามขณะใช้งานแอปฯ มือถือ Facebook อาจใช้ฟังก์ชัน GPS และ Wi-Fi เพื่อระบุตำแหน่งของเรา หากไม่ต้องการเปิดเผย ให้เข้าไปที่การตั้งค่าตำแหน่งบนอุปกรณ์มือถือของยกเลิกการเข้าถึงโดย Facebook

  16. ลบแท็ก / ป้องกันการถูกแท็ก

    กรณีที่เพื่อนเคยติดแท็กเราในโพสต์บางโพสต์ที่ไม่เหมาะสม ไปที่ “การตั้งค่า (Settings) > เลือกไทม์ไลน์และการติดแท็ก เราสามารถเลือกขอตรวจทานทุกแท็กก่อนที่จะปรากฏบนไทม์ไลน์ของเราหรือของคนอื่น ๆ ได้

    นอกจากนี้เราสามารถเลือกลบแท็กภายในการตั้งค่าโพสต์แต่ละรายการ หากพบว่าโพสต์ใดไม่เหมาะสม สามารถ Report โพสต์เพื่อให้ Facebook นำออกได้

  17. แท็กเพื่อนแบบจำกัดผู้ที่เห็นโพสต์

    หากเราแท็กคนอื่นในโพสต์และรูปถ่าย คนที่เห็นโพสต์นั้นโดยรวมมีจำนวนมากกว่าจำนวนที่แท็ก เมื่อใดที่เพื่อนอนุมัติโพสต์ในไทม์ไลน์ หมายถึงเพื่อนของพวกเขาทั้งหมดสามารถเห็นโพสต์นั้นได้เช่นกัน ตัวอย่าง เช่น หากเรากำลังติดแท็กเพื่อนในภาพถ่ายที่มีลูกของเรา นั่นแปลว่าเรากำลังยินยอมให้ผู้ที่อยู่นอกเครือข่ายเพื่อนของเราดูโพสต์ แชร์และแสดงความคิดเห็นได้ ดังนั้นหากไม่ต้องการคนแปลกหน้าดเห็นรูปภาพส่วนตัวของเรา ให้หลีกเลี่ยงการติดแท็กเพื่อน

อ้างอิงที่มา

  • https://www.trustedreviews.com/news/facebook-privacy-settings-2939307
  • https://www.facebook.com/help/325807937506242
  • https://www.facebook.com/help/288066747875915?helpref=faq_content

จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook
จำเป็นต้อง ตรวจ สอบ การตั้งค่า ข้อมูลของคุณ facebook

NT cyfence

ทีมงาน NT cyfence ที่พร้อมให้คำปรึกษา และ ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกองค์กร อย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพ

ทำไมเฟสบุ๊คต้องตรวจสอบการตั้งค่า

การตรวจสอบความเป็นส่วนตัวช่วยแนะนำคุณเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการตั้งค่ารักษาความปลอดภัยบางรายการ ดังนั้น คุณจะสามารถตรวจสอบตัวเลือกของคุณเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังแชร์เนื้อหาให้กับคนที่คุณต้องการ

การตรวจสอบข้อมูลของเฟสบุ๊คใช้เวลากี่วัน

หลังจากดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว คุณจะต้องรออีก 24 ชั่วโมงจึงจะสามารถเข้าสู่ระบบบัญชี Facebook ของคุณได้ โดยในระหว่างนี้ บัญชีของคุณจะยังคงแสดงต่อเพื่อนของคุณบน Facebook แต่คุณจะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ โปรดทราบว่าช่วงเวลาการรอนี้เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่เราตั้งขึ้นเพื่อปกป้องบัญชีและข้อมูลในบัญชีของคุณ ...

ฉันจะกลับเข้าสู่บัญชี Facebook ได้อย่างไรหากฉันถูกขอให้ยืนยันข้อมูลระบุตัวตน

STEP 1: เริ่ม ยืนยันตัวตน โดย เปิดการตั้งค่าบัญชี ... .
STEP 2: การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ของคุณ ให้เลือกดู การยืนยันข้อมูลระบุตัวตน ... .
STEP 3: ใส่รหัสยืนยัน บัญชีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ของคุณซ้ำลงไปอีกรอบนึงเพื่อยืนยัน ... .
STEP 4: ยืนยันข้อมูลระบุตัวตนของคุณ ให้กดเริ่มการยืนยันข้อมูลระบุตัวตน.

จะรู้ได้ยังไงว่าโดนแฮกเฟส

1. พบโพสต์แปลกๆของเรา โดยที่เราไม่ได้เป้นคนโพสต์สิ่งนั้นเอง 2. มีอีเมล์แจ้งเตือนจาก Facebook ว่ามีคนพยายาม Login เข้าสู่บัญชีของคุณ 3. เจอบัญชีที่ปลอมเป็นตัวเรา 4. บางอย่างเราตั้งค่าเป็นส่วนตัว (Private) ไว้ แต่ก็มีคนอื่นเห็น