Facebook มีกระบวนการตรวจสอบและป้องกันการเข้าใช้งานในลักษณะที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นการแฮกบัญชีได้ เช่น จะมีการส่งอีเมลแจ้งเตือนว่ามีการล็อกอินจากอุปกรณ์ที่ไม่เคยถูกใช้ล็อกอินมาก่อนหน้านี้ หรือมีการล็อกอินจากต่างสถานที่ (เช่น คนละจังหวัดหรือคนละประเทศ) รวมถึงส่งอีเมลแจ้งเตือนและขอให้ยืนยันเมื่อมีการพยายามเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี Facebook เป็นต้น ซึ่งมาตรการเหล่านี้สามารถช่วยให้เจ้าของบัญชีตรวจสอบและป้องกับความเสียหายได้ในระดับหนึ่ง การตรวจสอบว่าบัญชี Facebook ถูกแฮกหรือไม่ สามารถดูได้ทั้งจากการแจ้งเตือนการล็อกอิน และข้อมูลการล็อกอินบัญชี Facebook Show
การตรวจสอบการแจ้งเตือนเมื่อมีการล็อกอินบัญชี Facebook เมื่อมีการล็อกอินบัญชี Facebook จากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่ ไม่เคยถูกใช้ในการล็อกอินบัญชี Facebook ก่อนหน้านี้ (Facebook เรียกอุปกรณ์เช่นนี้ว่าบราวเซอร์หรืออุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก) จะมีการแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการล็อกอิน ดังแสดงในรูปที่ 1 รูปที่ 1 ตัวอย่างการแจ้งเตือนเมื่อมีการล็อกอินจากคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือที่ไม่เคยใช้ในการล็อกอินบัญชี Facebook ข่าวเรื่อง Facebook ที่กระทบความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ มีให้เห็นกันแทบจะทุกอาทิตย์ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีรายงานว่า Facebook ประสบปัญหาการจัดเก็บรหัสผ่านผู้ใช้นับร้อยล้านชุด โดยรหัสผ่านถูกเก็บไว้ในรูปแบบตัวอักษรที่ไม่ได้เข้ารหัส โดยที่พนักงานของ Facebook สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญดังกล่าวนี้ได้เป็นเวลาหลายปี ก่อนที่เพิ่งถูกพบโดยบังเอิญ นับว่าเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้ใช้อย่างพวกเราต้องฉุกคิดถึงภัยจากการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญรวมทั้งรหัสผ่านที่อาจทำให้มิจฉาชีพเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับบัญชีทรัพย์สินของเราได้ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยแนะนำ คือ การเลิกใช้งานไปเลย แต่เราคงไม่จำเป็นต้องไปถึงขั้นนั้น แล้วในฐานะผู้ใช้ทั่วไปควรทำอย่างไรดีที่จะรักษาความปลอดภัยบัญชีให้มากที่สุด มาดูคำตอบกัน เริ่มต้นที่การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวขั้นพื้นฐานของ Facebook ก่อนเราสามารถเช็คได้ว่า มีแอปฯ ใดบ้างที่เข้าถึงข้อมูล Facebook ของเรา (ชื่อ รูปภาพ วันเกิดและรายชื่อเพื่อน) ได้ในหน้าการตั้งค่าแอปฯ (App Setting) และคลิกแต่ละรายการเพื่อแสดงประเภทของข้อมูลที่เราให้สิทธิ์ในการเข้าถึง เราสามารถเลือกจำกัดการเข้าถึงในข้อมูลส่วนตัวบางรายการได้ โดยการไม่คลิกเลือกในบางรายการนั้นๆ และยังสามารถยกเลิกการเชื่อมโยงแอปฯ จากบัญชี Facebook ในหน้านี้โดยคลิก “X” ที่ปรากฏถัดจากแอปฯ เราสามารถเช็คได้ว่า มีแอปฯ ใดบ้างที่เข้าถึงข้อมูล Facebook ของเรา (ชื่อ รูปภาพ วันเกิดและรายชื่อเพื่อน) ได้ในหน้าการตั้งค่าแอปฯ (App Setting) และคลิกแต่ละรายการเพื่อแสดงประเภทของข้อมูลที่เราให้สิทธิ์ในการเข้าถึง เราสามารถเลือกจำกัดการเข้าถึงในข้อมูลส่วนตัวบางรายการได้ โดยการไม่คลิกเลือกในบางรายการนั้นๆ และยังสามารถยกเลิกการเชื่อมโยงแอปฯ จากบัญชี Facebook ในหน้านี้โดยคลิก “/” ที่ปรากฏถัดจากแอปฯ ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” เลือก “แอปและเว็บไซต์ (Apps and Websites)” จากนั้นเลือก “แก้ไขและปิดการใช้งาน (Edit and Disable) ผู้เชี่ยวชาญจาก McAfee บริษัทชั้นนำด้านโซลูชันความปลอดภัยไซเบอร์แนะนำว่าการใช้บัญชี Facebook เพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปฯ อื่น เสมือนสร้างการเชื่อมโยงให้ทั้งสองบริษัทคู่ค้าสามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างโปรไฟล์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวเราและกิจกรรมของเราได้ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นเพื่อปกป้องข้อมูลของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น ควรตั้งค่าการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านใหม่สำหรับแอปฯ ที่เคยเข้าระบบผ่านบัญชี Facebook วิธีนี้ช่วยยุติการถูกแชร์ข้อมูลส่วนตัวระหว่างบริการต่าง ๆ ได้ – ไปที่ “การตั้งค่า (Settings)” เลือก “แอปและเว็บไซต์ (Apps and Websites)” จากนั้นเลือก “แก้ไขและปิดการใช้งานแพลตฟอร์ม (Edit and Disable Platform”) ผู้เชี่ยวชาญจาก McAfee แนะนำว่าการใช้บัญชี Facebook เพื่อลงชื่อเข้าใช้แอปฯ อื่น เสมือนสร้างการเชื่อมโยงให้ทั้งสองบริษัทคู่ค้าสามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างโปรไฟล์เชิงลึกเกี่ยวกับตัวเราและกิจกรรมของเราได้ เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นเพื่อปกป้องข้อมูลของเราให้มั่นคงยิ่งขึ้น ควรตั้งค่าการเข้าสู่ระบบและรหัสผ่านใหม่สำหรับแอปฯ ที่เคยเข้าระบบผ่านบัญชี Facebook วิธีนี้ช่วยยุติการถูกแชร์ข้อมูลส่วนตัวระหว่างบริการต่าง ๆ ได้ ต่อไปนี้เป็นวิธีการตั้งค่าเพื่อความเป็นส่วนตัวขณะใช้งาน Facebook ซึ่งรวบรวมไว้ทั้งหมด 17 แนวทางสำคัญ (แนะนำให้ตั้งค่าผ่าน Desktop)
อ้างอิงที่มา
NT cyfenceทีมงาน NT cyfence ที่พร้อมให้คำปรึกษา และ ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกองค์กร อย่างครบวงจร ด้วยทีมงานมืออาชีพ ทำไมเฟสบุ๊คต้องตรวจสอบการตั้งค่าการตรวจสอบความเป็นส่วนตัวช่วยแนะนำคุณเกี่ยวกับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและการตั้งค่ารักษาความปลอดภัยบางรายการ ดังนั้น คุณจะสามารถตรวจสอบตัวเลือกของคุณเพื่อช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังแชร์เนื้อหาให้กับคนที่คุณต้องการ
การตรวจสอบข้อมูลของเฟสบุ๊คใช้เวลากี่วันหลังจากดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว คุณจะต้องรออีก 24 ชั่วโมงจึงจะสามารถเข้าสู่ระบบบัญชี Facebook ของคุณได้ โดยในระหว่างนี้ บัญชีของคุณจะยังคงแสดงต่อเพื่อนของคุณบน Facebook แต่คุณจะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ โปรดทราบว่าช่วงเวลาการรอนี้เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่เราตั้งขึ้นเพื่อปกป้องบัญชีและข้อมูลในบัญชีของคุณ ...
ฉันจะกลับเข้าสู่บัญชี Facebook ได้อย่างไรหากฉันถูกขอให้ยืนยันข้อมูลระบุตัวตนSTEP 1: เริ่ม ยืนยันตัวตน โดย เปิดการตั้งค่าบัญชี ... . STEP 2: การตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ของคุณ ให้เลือกดู การยืนยันข้อมูลระบุตัวตน ... . STEP 3: ใส่รหัสยืนยัน บัญชีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ของคุณซ้ำลงไปอีกรอบนึงเพื่อยืนยัน ... . STEP 4: ยืนยันข้อมูลระบุตัวตนของคุณ ให้กดเริ่มการยืนยันข้อมูลระบุตัวตน. จะรู้ได้ยังไงว่าโดนแฮกเฟส1. พบโพสต์แปลกๆของเรา โดยที่เราไม่ได้เป้นคนโพสต์สิ่งนั้นเอง 2. มีอีเมล์แจ้งเตือนจาก Facebook ว่ามีคนพยายาม Login เข้าสู่บัญชีของคุณ 3. เจอบัญชีที่ปลอมเป็นตัวเรา 4. บางอย่างเราตั้งค่าเป็นส่วนตัว (Private) ไว้ แต่ก็มีคนอื่นเห็น
|