เมื่อ 30 September 2021 958 ที่มา: https://www.matichon.co.th/foreign/news_2966382 สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป (อีอีเอ )เปิดเผยว่า ปี ค.ศ. 2017 เพียงปีเดียว มลพิษทางอากาศที่มาจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในทวีปยุโรปทำลายสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 430,000 ล้านยูโร (16.9 ล้านล้านบาท) ในรายงานของหน่วยงานดังกล่าวระบุว่า เมื่อปี ค.ศ. 2017 มลพิษทางอากาศจากอุตสาหกรรมสร้างความเสียหายให้กับสังคมราว 277,000–433,000 ล้านยูโร (10.9–17 ล้านล้านบาท) มูลค่าดังกล่าวเทียบเท่ากับร้อยละ 2-3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหภาพยุโรป (อียู) และเป็นมูลค่าที่สูงกว่าผลผลิตทางเศรษฐกิจทั้งหมดในแต่ละปีของหลายชาติสมาชิกยุโรป ในขณะที่อุตสาหกรรมในทวีปยุโรปมีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในเรื่องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ ส่วนต้นทุนทางสังคมหรือผลกระทบภายนอกที่เกิดจากมลพิษทางอากาศจากภาคอุตสาหกรรมนี้ยังคงสูงอยู่ มูลค่าดังกล่าวประเมินจากผลกระทบของมลภาวะทางอากาศซึ่งรวมถึงการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ตลอดจนความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ แหล่งที่อยู่อาศัย และพืชผล จากสถานที่มากกว่า 11,000 แห่งที่มีการรายงานการปล่อยมลพิษ มีเพียง 211 แห่งที่รับผิดชอบค่าเสียหายครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศเยอรมนี สหราชอาณาจักร โปแลนด์ สเปน และอิตาลี โดยมลพิษทางอากาศจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ถ่านหิน เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากที่สุด รองลงมาคือ การปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรมหนัก การผลิตเชื้อเพลิงและกระบวนการแปรรูป สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรปแถลงเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า คนจำนวนมากในเมื่องใหญ่ของยุโรปกำลังใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางมลพิษทางอากาศที่มีความเข้มข้นถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทั้งที่มีการปรับปรุงมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้านมากว่าสองทศวรรษและมาตรการล็อกดาวน์เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปีที่แล้วก็ทำให้มลพิษลดลง มลพิษทางอากาศคือปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปที่ทำให้สุขภาพของประชาชนต้องอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความเจ็บป่วย อนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของประชาชนในประเทศสหภาพยุโรปราว 307,000 คนในปี 2562 แม้ว่าเมื่อเทียบกับปี 2548 แล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตจะลดลงถึง 33% ก็ตาม ในรายงานของสำนักงานสิ่งแวดล้อมฯ ระบุว่า ประชากรในเมืองใหญ่ของยุโรปประมาณ 97% ต้องสัมผัสกับฝุ่นละอองขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก ซึ่งสูงกว่าระดับปลอดภัยที่องค์กรอนามัยโลกกำหนดไว้ในปี 2562 ขณะที่อีก 94% ก็ต้องเผชิญกับก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ซึ่งถือว่าเป็นพิษต่อร่างกาย เกินขีดกำหนดที่ปลอดภัย มลพิษทางอากาศมีส่วนทำให้เกิดโรคมะเร็งปอด, โรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคหอบหืด อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะกาลของปี 2563 ซึ่งยังไม่ได้มีการยืนยัน ก็แสดงให้เห็นว่ามีความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหลายประการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมยุโรป กล่าวว่า สถานการณ์ที่ดูดีขึ้นนั้นเป็นเพราะเงื่อนไขทางสภาพอากาศและมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 แพร่ระบาด ซึ่งช่วยหยุดยั้งกิจกรรมทางอุตสาหกรรมและการจราจรบนท้องถนนที่เป็นตัวก่อมลพิษไว้ชั่วคราว จำนวน 95% ของสถานีวัดคุณภาพอากาศในเขตแดนของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศและประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ในทวีปยุโรป ซึ่งรวมถึงตุรกีและโคโซโว ได้ตรวจพบความเข้มข้นของอนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สูงกว่าระดับมาตรฐานที่ถือว่าปลอดภัยตามแนวทางขององค์กรอนามัยโลกในปี 2562 ขณะที่ในปี 2563 มีเพียง 92% สำหรับก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์นั้น มีการตรวจพบความเข้มข้นที่สูงเกินระดับที่ปลอดภัยตามมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลกสูงถึง 79% โดยปีก่อนพบเพียง 71% ของสถานีตรวจวัดอากาศทั้งหมด อนุภาคฝุ่นละอองขนาดเล็กเกิดจากหลายแหล่ง เช่น การจราจรบนถนน, โรงงานอุตสาหกรรม ส่วนในยุโรปตะวันออกและยุโรปตอนกลางก็มีการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อทำความร้อนในบ้าน ประเทศบอสเนีย, ตุรกี, โปแลนด์ และ บัลแกเรีย คือประเทศที่มีระดับความเข้มข้นของฝุ่นละอองเหล่านี้สูงที่สุด จุดที่มีมลพิษเนื่องจากก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์เข้มข้นที่สุด ได้แก่ เยอรมนี และ ลักเซมเบิร์ก ซึ่งมีสาเหตุมาจากการจราจรบนท้องถนน ในรายงานย้ำถึงความแตกต่างระหว่างระดับมลพิษในอากาศที่ถือว่าเป็นอันตรายขององค์กรอนามัยโลกและมาตรฐานของยุโรปซึ่งต่ำกว่ามาก ในขณะที่องค์กรอนามัยโลกเตรียมจะปรับมาตรฐานให้สูงขึ้นอีกในปีนี้ หลังจากมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันได้ว่ามลพิษทางอากาศเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่งยวด เมื่อใช้มาตรฐานของยุโรป พบว่ามีเพียง 1% ของสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศเท่านั้นที่ตรวจพบว่ามีระดับของฝุ่นละอองขนาดเล็กและก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์เกินขีดที่ถือว่าปลอดภัยต่อสุขภาพ ทางสหภาพยุโรป กล่าวว่า หน่วยงานจะปรับเปลี่ยนมาตรฐานคุณภาพอากาศเสียใหม่ในปีหน้า และจะปรับให้เทียบเท่ากับมาตรฐานขององค์กรอนามัยโลก เครดิตภาพ : Getty Images
http://www.baanjomyut.com/library_2/extension-2/natural_resources_in_europe/index.html
ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรปมีอะไรบ้าง- เกิดการสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม - เกิดหมอกควันปกคลุมเป็นบริเวณกว้าง ส่งผลต่อสุขภาพของประชากร และการขนส่งทางอากาศ มลพิษทางอากาศ สาเหตุ : การปล่อยควันของโรงงานอุตสาหกรรม โรงงานไฟฟ้าที่ใช้พลังงานถ่านหิน และยานพาหนะที่ ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล
ปัญหาของทวีปยุโรปมีอะไรบ้าง6.1 ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรป. 1. สภาพอากาศแปรปรวนผิดปกติ หลายปีที่ผ่านมาประเทศต่างๆในยุโรปต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ฤดูอากาศร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศหนาวจัด พื้นที่หลายแห่งประสบกับอุทกภัยอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ... . 2. ไฟป่า ... . 3. มลพิษทางอากาศ. ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทวีปแอฟริกามีอะไรบ้าง1. ปัญหาทรัพยากรน้ำ ... . 2. ปัญหาทรัพยากรดิน ... . 3. ปัญหาขยะพลาสติก ... . 4. ปัญหาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ... . 5. ปัญหาภัยแล้ง ... . 6. ปัญหาการขยายตัวของทะเลทราย. สาเหตุสําคัญที่ส่งผลให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรปคืออะไรปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในทวีปยุโรป เกิดจากการพัฒนาอย่างรวดเร็วและการเพิ่มขึ้นของประชากร ทำให้ความต้องการใช้ทรัพยากรมากขึ้น และมีการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม ทำให้เกิดสารพิษและขยะจำนวนมาก
|