การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรปลูกฝังให้เด็กสนใจตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการออกกำลังกายช่วยให้สุขภาพสุขภาพกายใจแข็งแรง โดยเฉพาะการ ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Strength training) ที่ช่วยให้อวัยวะ ภายในร่างกายของเด็ก เช่น กล้ามเนื้อ ข้อต่อ กระดูก แข็งแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การจะให้เด็กออกกำลังกายประเภทนี้ ก็ควรเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก เพื่อป้องกันอันตราย หรืออาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจนส่งผลเสียต่ออวัยวะอย่างถาวรได้ Show
ประโยชน์ที่เด็กๆ ได้รับจากการ ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (American Academy of Pediatrics) ระบุว่า การฝึกความแข็งแรงหรือความอดทนของกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนักทั้งแบบฟรีเวท (ใช้ดัมเบล หรือบาร์เบล) การยกน้ำหนักแบบแมชชีน การออกกำลังกายด้วยยางยืด เป็นสิ่งที่เด็กสามารถทำได้ หากยึดหลักเหล่านี้
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง และความอดทนของกล้ามเนื้อ อย่างถูกวิธีนั้น สามารถส่งผลดีต่อร่างกายเด็กๆ ดังนี้
เริ่มฝึกได้ตั้งแต่วัยไหน และแต่ละวัยควรฝึกอย่างไรดีเด็กสามารถออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ตั้งแต่อายุ 7 ปีขึ้นไป หากเด็กสามารถควบคุมการทรงตัวและร่างกายของตัวเองได้ พร้อมกับออกกำลังกายภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ เด็กอายุ 7-13 ปีสามารถออกกำลังกายแบบบอดี้เวท (Bodyweight exercises) เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความทนทานของร่างกาย ได้ด้วยท่าออกกำลังกาย เช่น ท่าสควอช ท่าลันจ์ (Lunge) ท่าวิดพื้น ท่าแพลงก์ ท่าเบอร์พี (Burpee) ท่าดึงข้อ (Pull-up) ซึ่งไม่ทำให้เกิดแรงต้านที่กล้ามเนื้อมากเกินไป ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการฝึกกล้ามเนื้อโดยการยกน้ำหนักแบบฟรีเวท เมื่อเด็กเรียนรู้ท่าทางและพื้นฐานของการออกกำลังกายเพื่อฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแล้ว อาจเริ่มให้ฝึกยกน้ำหนักแบบฟรีเวท นั่นคือการยกน้ำหนักโดยใช้อุปกรณ์ เช่น ดัมเบลหรือบาร์เบล ที่เราสามารถเคลื่อนไหว บังคับมุมต่างๆ ได้อย่างอิสระ โดยใช้ท่าไบเซพ เคิร์ล (Bicep curl) เพื่อฝึกกล้ามเนื้อแขนหน้า ท่าไตรเซพ เอ็กเทนชัน (triceps extension) เพื่อฝึกกล้ามเนื้อแขนด้านหลัง เป็นต้น อย่างไรก็ตามการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับเด็กควรใช้อุปกรณ์สำหรับเด็ก หากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์สำหรับผู้ใหญ่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง เด็กอายุ 13-18 ปีสามารถเริ่มฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแบบขั้นสูงขึ้น เช่น ฝึกฝนกล้ามเนื้อทุกส่วนด้วยการยกน้ำหนักแบบ Olympic Lifting นั่นคือท่าสแนทซ์ (Snatch) และท่าคลีนแอนด์เจิร์ก (Clean and Jerk) หรือเริ่มเน้นฝึกทักษะด้านกีฬาที่สนใจได้ พร้อมกับเสริมสร้างความภูมิใจในตัวเองให้กับเด็ก และฝึกให้เด็กมีนิสัยรักการออกกำลังกาย โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความถูกต้องของท่าทางเป็นหลัก ข้อแนะนำสำหรับการฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับเด็ก
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด โหลดเพิ่ม ขอขอบคุณ ข้อมูล :เนตรนภา ปะวะคัง แท็กที่เกี่ยวข้องพ่อแม่เลี้ยงลูกดูแลลูกน้อยฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกล้ามเนื้อเด็กกล้ามเนื้อลูกstrength trainingฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อสำหรับเด็กพัฒนาการลูกน้อยแม่และเด็กผู้หญิงอยากรู้ การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมีประโยชน์อย่างไรผู้ที่ออกกำลังกายแบบฝึกกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธีจะได้รับประโยชน์หลายอย่าง ทั้งช่วยเพิ่มความทนทานแข็งแรงในการเล่นกีฬาและประกอบกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้สมาธิดีขึ้น ลดไขมันและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นการเผาผลาญพลังงานของร่างกายตลอดเวลา ลดโอกาสเสี่ยงได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งป้องกันการป่วยด้วยปัญหาสุขภาพต่าง ๆ
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมีความสำคัญอย่างไรความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราทำกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นงานหรือกิจวัตรประจำวัน ได้อย่างไม่ติดขัดหรือเมื่อยล้า ลองทดสอบดูว่าถ้าเดินขึ้นบันไดแค่ ๒ ชั้นก็รู้สึกเมื่อยหน้าขาแล้ว แสดงว่ากล้ามเนื้อไม่มีความแข็งแรงหรือทนทานพอ ความแข็งแรงและความทนทานจะลดลงตามอายุ พบว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่มีความแข็งแรง ...
กล้ามเนื้อทำอะไรได้บ้างกล้ามเนื้อ คือ ส่วนหนึ่งของร่างกายที่ช่วยออกแรงและเคลื่อนไหว โดยมีหน้าที่พยุงและปรับเปลี่ยนท่าทาง การเคลื่อนที่ไปมา รวมทั้งการเคลื่อนไหวของอวัยวะภายในร่างกาย เช่น หัวใจบีบตัว หรืออาหารเคลื่อนตัวในระบบย่อยอาหาร โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายมีกล้ามเนื้อ 600 มัด ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 40 ของน้ำหนักตัว แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ กล้าม ...
ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหมายถึงอะไร3. ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (Muscle Strength) คือ ความสามารถในการทำงานของกลุ่มกล้ามเนื้อในการออกแรงสูงสุด โดยกล้ามเนื้อที่หดตัวเพียงครั้งเดียวโดยไม่จำกัดเวลา เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น
|