ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

จากประเทศFrance เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวที่เป็นสิวง่าย
อายุการใช้งาน2 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก ปริมาณ50 ml.
ราคา1,350 บาท ข้อแนะนำควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อง 30 นาที
จุดเด่นสูตรอ่อนโยน สำหรับผิวระคายเคืองง่าย ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผิวที่ไวต่อแสงแดด หรือ ผิวที่แพ้แสงแดด

กันแดดคุมมันเนื้อเจลครีม สำหรับผิวมัน - ผิวที่เป็นสิวง่าย

  • ประสิทธิภาพสูงในการปกป้องผิวจากรังสี UVA/UVB
  • กันแดดคุมมัน ด้วยส่วนผสมที่ดูดซับความมันและส่วนเกินระหว่างวัน
  • ซึมซาบสู่ผิวทันที ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว
  • สูตรอ่อนโยน สำหรับผิวระคายเคืองง่าย ผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ผิวที่ไวต่อแสงแดด หรือ ผิวที่แพ้แสงแดด 
  • ปราศจากน้ำหอม และพาราเบน
  • สูตรกันน้ำ (Very water resistant) 
  • ผ่านการทดสอบภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณ


วิธีใช้ : ทาให้ทั่วบริเวณผิวหน้าและลำคอ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนการแต่งหน้าและก่อนสัมผัสเผชิญแสงแดดประมาณ 30 นาที และแนะนำทาซ้ำหลังเล่นน้ำหรือเหงื่อออกมาก

ผลลัพธ์ที่ได้ : หลังจากทา พบว่า เนื้อผลิตภัณฑ์ แห้งภายหลังการใช้ ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งคราบขาว และความมันวาว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดผิวอุดตัน (สูตร non-comedogenic)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว


  • 2 ปีที่แล้ว

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลาที่เรามีโอกาศได้ลองผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย แต่พอลองมานั่งคิดๆ ดูแล้ว หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราได้ลองมากที่สุดและใช้อย่างจริงจังที่สุดนั่นฏ็คือ "กันแดด" ซึ่งก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะด้วยสภาพอากาศ และรังสี UV ประเทศไทยที่ดูเหมือนว่าจะรุนแรงขึ้นทุกปีๆ ทำให้เรายิ่งต้องป้องกันผิวให้มากขึ้น

ซึ่งเมื่อเราเหลือบไปมองกองทัพกันแดดที่เปิดใช้อยู่ในตอนนี้ เลยตัดสินใจหยิบขึ้นมาแชร์ให้ฟังดีกว่า ว่าแต่ละตัวนั้นน่าสนใจและแตกต่างกันอย่างไร มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสี UV ได้มากน้อยแค่ไหน โดยการวิคราะห์สารสารกันแดดที่ใส่เข้ามาในสูตร รวมถึงทดสอบความมันของกันแดดแต่ละแบรนด์ด้วยการหยดกันแดดลงบนแผ่นฟิล์มซับมัน แล้วทิ้งไว้ 3 ชม. เพื่อทำการเปรียบเทียบความมันของกันแดดทั้ง 14 แบรนด์อย่างคร่าวๆ แต่ก่อนที่จะไปดูรีวิวกันแดด เราอยากพาเพื่อนๆ มาทำความรู้จักกับข้อมูลพื้นฐานของรังสี UV และ ค่า SPF,PA กันซักเล็กน้อย เอาหละถ้าพร้อมแล้วไปเริ่มกันเลยฮะ...

ทำความเข้าใจเรื่องรังสี UV

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

เราเคยทำบทความเรื่อง "รังสี UV" ไว้ใน Blog แล้วหากเพื่อนๆ อยากอ่านแบบละเอียดสามารถเข้าไปดูได้เลยเน้อ แต่วันนี้เราขอหยิบประเด็นหลักๆ มาพูดเพื่อเป็นพื้นฐานความเข้าใจเบื้องต้นดีกว่าครับ อัลตร้าไวโอเล็ต (หรือรังสี UV) เป็นส่วนหนึ่งของแสงอาทิตย์ซึ่งทำให้เกิดผิวไหม้ ทำร้ายผิว และมะเร็งผิวหนัง โดยแสงอัลตร้าไวโอเล็ตหรือยูวีสามารถแบ่งออกมาเป็น 3 ประเภทตามความยาวคลื่นดังนี้ :

  • UVA Rays - เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 320-400 นาโนเมตร UVA ยังแบ่งออกเป็น UVA I ความยาวคลื่น 340-400 นาโนเมตร และ UVA II ความยาวคลื่น 320-340 นาโนเมตร // UVA เป็นสาเหตุให้เกิดความเสียหายต่อผิวระยะยาวและปัญหาเอจจิ้ง หรือก็คือผิวแก่ก่อนวัย รอยเหี่ยวย่อน ตีนกา และไฝแดดนั่นเอง
  • UVB Rays - เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 290-320 นาโนเมตร // UVB ทำให้ผิวหนังแสบ แดง เกิดอาการเบิร์น และมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากแสงยูวีบีนั่นเอง  
  • UVC Rays - เป็นแสงในช่วงความยาวคลื่น 200-290 นาโนเมตร // เป็นรังสีที่รุนแรงที่สุด และสามารถทำอันตรายต่อชีวิตได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเรายังโชคดีที่ชั้นโอโซนช่วยปกป้องรังสีชนิดนี้ไม่ให้ผ่านเข้ามาสู่ผิวโลก ดังนั้นอย่าพยายามทำลายชั้นโอโซนนะ

ค่า SPF และ PA คืออะไร ?

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

บนผลิตภัณฑ์กันแดดส่วนมากจะระบุค่า SPF กับ PA ไว้หลากหลายแบบ เพื่อให้เราเลือกใช้ให้ตรงกับความต้องการ โดย SPF หรือ Sun Protection Factor เป็นค่าการป้องกัน UVB ที่บอกให้ทราบว่า เราจะอยู่กลางแสงแดดได้นานเท่าใดโดยที่ผิวของเราไม่ไหม้

หากยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ เช่น ถ้าเราอยู่กลางแสงแดด 10 นาที แล้วผิวของเราเริ่มแดงไหม้ นั่นคือผิวเราทนได้แค่ 10 นาที หากทากันแดดที่มี SPF15 ผิวเราจะทนแดดได้นาน 10x15 = 150 นาที หรือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ผิวไม่แดงไหม้นั่นเอง และหากจะเทียบค่า SPF กับปริมาณการดูดซับรังสี UVB พบว่า

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

มาทำความรู้จักกันต่อกับค่า PA หรือ Protection grade of UVA เป็นค่าการป้องกัน UVA ริเริ่มโดยสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2006 โดยมีประสิทธิภาพดังต่อไปนี้

  • PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA เริ่มต้น
  • PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA กลาง
  • PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูง
  • PA++++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA สูงสุด

เอาหละ เชื่อว่าตอนนี้น่าจะเข้าใจพื้นฐานของรังสี UV และความหมายของค่า SPF และ PA กันพอสมควรแล้ว เราไปเริ่มทำความรู้จักกันแดดทีละตัวเลยดีกว่าครับ....

1. ANESSA perfect UV sunscreen skincare milk SPF50+ PA++++ (859.-/60ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"ANESSA perfect UV sunscreen skincare milk SPF50+ PA++++"

กันแดดในตำนานที่ไม่พูดถึงไม่ได้อย่าง ANESSA ขวดสีทองอันโด่งดัง หากวิเคราะห์ในแง่ของสารกันแดดที่ใส่มาส่วนตัวเราคิดว่าค่อนข้างครบ สามารถกันรังสี UVA และ UVB ได้ดีทีเดียว แถมล่าสุดยังได้มีการปรับสูตรใหม่เพิ่มเทคโนโลยี Aqua Booster EX ที่ทำให้ยิ่งโดนน้ำหรือเหงื่อก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการกันแดดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนในแง่ของเนื้อสัมผัส และความมันหลังทาสำหรับเราแล้วเราโอเคกับกันแดดที่มีเนื้อน้ำนมด้วยความที่เค้าสามารถเป็น Moisturizer ได้ในตัวสำหรับมนุษย์ผิวผสม-มันอย่างเรา แต่ในแง่ของความมันหลังทาอาจจะสูงไปซักหน่อย ระหว่างวันอาจมีการใช้กระดาษทิชชู่ซับความมันส่วนเกินออกไปบ้างเล็กน้อย

อีกจุดที่น่าพิจารณา คือ กันแดดขวดนี้ใส่น้ำหอม แอลกอฮอล์ และซิลิโคนเข้ามาด้วยแน่นอนว่ามีโอกาสระคายเคือง และอุดตันได้ แต่ก็แลกมากับคุณสมบัติ Water Resistant ที่หลายแบรนด์ไม่มีก็ต้องชั่งน้ำหนักกันซักหน่อยหละครับ

2. Biore UV AQUA Rich Watery Essence SPF50+ PA++++ (420.-/60ml.)


ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"Biore UV AQUA Rich Watery Essence SPF50+ PA++++"

หากย้อนกลับไปเมื่อสมัยเรายังเรียนมหาลัย Biore UV AQUA Rich Watery Essence เป็นกันแดดที่เราใช้บ่อยมาก ด้วยความที่เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมไว แถมราคายังสบายกระเป๋าเลย สารกันแดดที่ใส่มาอยู่ในระดับปานกลางพอไปวันไปวาได้ ซึ่งเราแนะนำให้ทาซ้ำทุกๆ 2-4 ชม. อีกจุดคือสารกันแดดทั้งหมดเป็นแบบ Chemical Sunscreen ซึ่งในบางคนที่แพ้สารกัดแดดกลุ่มนี้ก็อาจจะไม่ถูกกับน้องคนนี้เท่าไหร่นัก

และตามสไตล์กันแดดสัญชาติญี่ปุ่นก็มักจะใส่น้ำหอม แอลกกอฮอล์ และซิลิโคนมาเช่นเคย แต่ยังดีที่มีคุณสมบัติ Water Resistant มาให้ แต่จากประสบการณ์ของเราแล้วด้วยเนื้อกันแดดที่บางเบาแบบนี้ความสามารถในการกันน้ำไม่ได้สูงมากนักขอรับ

3. BONAJOUR Natural Green Tea Sunblock SPF50+ PA+++ (580.-/60ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"BONAJOUR Natural Green Tea Sunblock SPF50+ PA+++"

กันแดดจากแดดกิมจิหลอดนี้มีความน่าสนใจในแง่สารกันแดดพอสมควร ด้วยความที่ใช้ทั้ง Physical และ Chemical Sunscreen สามารถกัน UV ได้ครบและค่อนข้างเสถียรทีเดียว นอกจากนี้เนื้อผลิตภัณฑ์ยังในรูปแบบ เจล-ครีม ซึ่งใช้แทนมอยเจอร์ไรเซอร์ได้เลยถือว่าประหยัดเวลาชีวิตพอสมควร นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการ Tone-Up ผิวให้ดูไบร์ทขึ้นอีกราวๆ 1 Step ใครที่ชอบ Effect แบบในการปรับผิวให้ไบร์ทขึ้นน่าจะถูกใจไม่น้อย

แต่ใช่ว่าจะมีข้อดีอย่างเดียว เพราะเมื่อลองทดสอบการกระจายตัวของความมันบนแผ่นฟิล์มซับมันพบว่ามีการกระจายตัวที่ค่อนข้างสูงทีเดียว แน่นอนว่าเมื่ออยู่บนผิวหน้าผนวกกับความมันบนผิวย่อมต้องมันขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเราคิดว่า BONAJOUR Natural Green Tea Sunblock น่าจะเหมาะกับมนุษย์ผิวค่อนข้างแห้ง และมีสีผิวที่ขาวในระดับนึงเลยหละครับ

4. d program ALLERDEFENSE ESSENCE SPF46 PA+++ (990.-/40ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"d program ALLERDEFENSE ESSENCE SPF46 PA+++"

เมื่อพิจารณาถึงปัญหามลภาวะฝุ่น PM2.5 ที่ต้องเผชิญแล้ว d program ALLERDEFENSE ESSENCE SPF46 PA+++ ถือว่าเป็นกันแดดอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราหยิบมาใช้ค่อนข้างบ่อยด้วยคุณสมบัติ Anti-Pollution ที่ดักจับอนุภาคเล็กๆ จากฝุ่นละอองได้ดี ช่วยลดโอกาสแพ้ระคายเคืองของเราไปได้เยอะเลยทีเดียวหละ ความน่าสนใจอีกอย่าง คือ สารกันแดดที่ใช้เป็นกลุ่ม Physical Sunscreen ล้วน ทำให้คนที่แพ้สารกันแดดกลุ่ม Chemical หัวใจพองโตได้ไม่ยาก

นอกจากนี้กันแดดขวดนี้ยังแหวกแนวจากกันแดดสัญชาติญี่ปุ่นเพราะไม่ใส่น้ำหอม และแอลกอฮอล์เข้ามาในสูตร ซึ่งถือว่าน่าสนใจทีเดียว แถมยังมีคุณสมบัติ Water Resistant พ่วงเข้ามาด้วยหละ แต่น่าเสียดายตรงที่ผลทดสอบความมันของกันแดดขวดนี้ทำออกมาได้ไม่ดีนักขอรับ

5. Dr.Jart+ Every Sun Day SPF50+ PA+++ (680.-/100ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"Dr.Jart+ Every Sun Day SPF50+ PA+++"

Dr.Jart+ เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีผลิตภัณฑ์น่าสนใจค่อนข้างเยอะ แถมยังทำราคาออกมาได้น่ารักทีเดียว อย่าง Dr.Jart+ Every Sun Day SPF50+ PA+++ ขวดนี้ที่เรามองว่า ราคา/ปริมาณ ทำออกมาได้เด็ดดวงมากทีเดียวหละครับ แถมในแง่ของประสิทธิภาพกันแดดเมื่อพิจารณาจากสารกันแดดแล้วก็จัดว่าดีทีเดียวกันแดดได้ครบและค่อนข้างเสถียร

อีกจุดที่ชอบคือความพอดีในเรื่องความมัน-ความชุ่มชื้นบนผิว ที่กำลังพอดีไม่มากไป ไม่น้อยไป แถมยังมีคุณสมบัติ Anti-Pollution(Dust Blocking) ใส่เข้ามาให้ด้วย จัดว่าดีงามทีเดียว โดยรวมเหมือนจะมีแต่ข้อดีใช่ไหมหละครับแต่จริงๆ แล้วในเรื่อง Texture ของเค้าก็อาจเป็นข้อเสียได้เหมือนกัน เพราะถ้าคนที่ผิวมันมากๆ ใช้กันแดดขวดนี้เราว่าก็ไม่น่ารอด ถ้าไม่ลงแป้งฝุ่นทับ

6. Eucerin SUN DRY TOUCH SEBUM CONTROL SPF60+ PA+++ (1,190.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"Eucerin SUN DRY TOUCH SEBUM CONTROL SPF60+ PA+++"

หากนึกถึงกันแดดที่มีประสิทธิภาพดี หาซื้อได้ง่าย Eucerin เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เรามักจะแนะนำเพื่อนๆ อยู่เสมอด้วยประสิทธิภาพในการกันรังสี UV ที่ครบ เลือกใช้สารกันแดดที่ค่อนข้างเสถียร แถมยังมี Oxidant Filter ที่ช่วยลดการทำร้ายผิวจากรังสี High Energy Visible Light 85% จึงลดจุดด่างดำ ฝ้าแดดได้ซึงแบรนด์อื่นๆ ไม่มี

ที่น่าสนใจคือเค้ามีให้เลือกหลายสูตรมากไม่ว่าจะเป็นสูตรสำหรับผิวมัน, ผิว Sensitive, Whitening และ Age Repair โดยสูตรที่เราหยิบมาใช้ช่วงนี้คือ Eucerin SUN DRY TOUCH SEBUM CONTROL SPF60+ PA+++ ที่ใส่คาร์นีทีนช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน ช่วยลดโอกาสเกิดสิวอุดตัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สูตรนี้อาจจะหาซื้อยากนิดนึงเพราะเค้ามีจำหน่ายเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้นขอรับ

7. HELIOCARE 360 Fluid Cream SPF50+ PA++++ (1,299.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"HELIOCARE 360 Fluid Cream SPF50+ PA++++"

ถ้าวันที่เราต้องออกแดดนานๆ เจอแดดจัด HELIOCARE 360 Fluid Cream SPF50+ PA++++ จะเป็นกันแดดที่เรามักจะหยิบมาใช้บ่อยที่สุด ด้วยประสิทธิภาพของสารกันแดดที่จัดมาเต็มแม็กซ์ กันได้ครบทุกช่วงไม่ว่าจะเป็น UVA-I, UVA-II และ UVB และมีความเสถียรของสารกันแดดสูงทีเดียว ในด้าน Texture เนื้อ Fluid Cream ก็ไม่ได้หนักหน้าจนเกินไป สามารถใช้แทน Moisturizer ไปได้ในตัว แต่ระหว่างวันก็ยังแอบมีความมันพอสมควร (ซับออกก็หายเน้อ)

นอกจากนี้ยังกัน Blue Light ที่มาจากหน้าจอ Electronic ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคอมฯ หรือสมาร์ทโฟนที่เราต้องใช้เกือบทั้งวันได้อีก จัดมาเด็ดดวงทีเดียว แถมยังใส่สารสกัดจากธรราชาติอย่าง Fernblock เพื่อป้องกันการดูดรังสีอุลตร้าไวโอเลสเข้าสู่ผิวหนัง ยับยั้งเซลล์ที่เกิดจากการอักเสบ ผิวหนังอักเสบที่เกิดจากการแพ้แดง ลดอุบัติการการเกิดมะเร็งผิวหนังจากการทำลายของแสงแดด นับว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้ผิวไม่เสียความยืดหยุ่นและเกิดการเหี่ยวย่น ลดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ ที่เกิดจาก UVA/UVB เป็นผลิตภัณฑ์คุ้มค่าที่ปกป้องผิวหนังอย่างแท้ทรูเลยหละครับ

8. JUNGSAEMMOOL PRE-TECT SUN Waterfull SPF50+ PA++++ (1,350.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"JUNGSAEMMOOL PRE-TECT SUN Waterfull SPF50+ PA++++"

เมื่อพูดถึงแบรนด์เกาหลีอันโด่งดังที่เพิ่งเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปีที่แล้วอย่าง JUNGSAEMMOOL หลายคนคงนึกถึงผลิตภัณฑ์กลุ่ม Makeup ที่ช่วยเนรมิตรผิว Glass skin ถูกไหมหละครับ แต่รู้ไหมว่าที่จริงแล้วปัจจัยหลักของการได้มาซึ่งผิว Glass Skin นั่นคือการบำรุงผิวซึ่งแน่นอนว่า Sunscreen ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยนั้น

ด้วยเนื้อสัมผัส และส่วนผสมในการมอบความชุ่มชื้นของ JUNGSAEMMOOL PRE-TECT SUN Waterfull SPF50+ PA++++ ทำให้ผิวเราชุ่มชื้นขึ้นอย่างมาก ทำให้การลงเมคอัพต่อจากนี้ทำได้ง่ายขึ้น และได้ผิวที่ดูสวยกำลังดี ส่วนในแง่ของการปกป้องผิวจากแสงแดดก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว ทางแบรนด์เลือกใช้สารกันแดดที่มีประสิทธิภาพและค่อนข้างเสถียร

ข้อสังเกตุของกันแดดขวดนี้คือ Texture และ Effect ที่ได้หลังจากลงกันแดดจะให้ผิวที่ชุ่มชื้น ฉ่ำน้ำ ทำให้เรากังวลว่าปริมาณที่เหมาะสมในการใช้ (2ข้อนิ้วกลางสำหรับทั่วใบหน้า-ลำคอ) อาจจะยากไปซักหน่อยสำหรับมนุษย์ผิวมันขอรับ

9. Kanebo ALLIE EXTRA UV GEL SPF50+ PA++++ (850.-/60ml)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"Kanebo ALLIE EXTRA UV GEL SPF50+ PA++++"

นี่คือกันแดดอีกหนึ่งแบรนด์ที่เราใช้บ่อยไม่แพ้ Biore ในช่วงเรียนนั่นคือ Kanebo ALLIE EXTRA UV GEL SPF50+ PA++++ เพราะเนื้อสัมผัสที่ใกล้เคียงกัน แต่ให้ความชุ่มชื้นได้ดีกว่า ไม่มีแอลกอฮอล์ แถมยังให้ผิวที่มันน้อยกว่า และที่ญี่ปุ่นชอบขายแบบ Duo Pack Size 90ml. ในราคาที่หารแล้วเหลือหลอดละ 9xx.- เรียกว่าใช้กันไปยาวๆ เลยหละ

แถมสารกันแดดที่ใช้ก็เป็นการผสมผสานระหว่าง Physical & Chemical Sunscreen ซึ่งแต่ละตัวที่ใช้ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่หวังผลในแง่การป้องกันผิวจากแสงแดดได้ทั้งนั้น ทำให้เราค่อนข้างไว้ในกันแดดตัวนี้ อ๋อ! กันแดดหลอดนี้เราว่าเค้าให้ผลทาง Cosmetics ด้วยนะ เพราะเรารู้สึกว่าทาแล้วแต่งหน้าต่อได้ง่ายขึ้นมากทีเดียวหละ

10. LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS XL Anti-shine SPF50+ PAไม่ระบุ (1,300.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS XL Anti-shine SPF50+ PAไม่ระบุ"

ใครที่กำลังมองหากันแดดที่ให้ผิวที่ค่อนข้างแมทเราว่า LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS XL Anti-shine SPF50+ คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจที่เดียว ถึงแม้ผลทดสอบความมันอาจจะสวนทางกับผลลัพธ์ไปบ้าง แต่เชื่อเถอะจากประสบการณ์การใช้กันแดดของเรา นี่คือกันแดดที่ค่อนข้างคุมมันได้ดีสมกับชื่อ Anti-shine แบบไม่มีข้อกังขาเลยหละ

ในแง่สารกันแดดต้องยอมรับว่าเค้าใส่มาแบบไม่มีกั๊กเลยจริงๆ กันแดดได้ครบทุกช่วง แถมยังมีความเสถียรมากทีเดียว แถมเรายังเคยหยิบกันแดดตัวนี้ ไปใช้ตอนไปเที่ยวทะเลที่ในวันที่ฟ้าเปิด แดดจัดประหนึ่งว่าซ้อมไปนรก แต่ปรากฏว่าผิวไม่เบิร์น ไม่คล้ำลงเลยแม้แต่นิดเดียว (แต่เรามีการล้างหน้าและทาซ้ำทุกๆ 4 ชม.) ดังนั้นถ้าใครถามเราเรื่องกันแดดในวันที่ต้องเจอแดดหนักๆ เรามักจะแนะนำน้องคนนี้เสมอๆ ด้วยความที่หาซื้อง่าย และชอบจัดโปรฯ เป็นกันแดดลูกรักอีกตัวนึงเลยหละครับ

แต่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดีเสมอไป เพราะถึงแม้ว่าจะคุมมันได้ดีแต่ในแง่ของเนื้อสัมผัส-ความรู้สึกหลังทา เรารู้สึกว่ามีความหนัก และเหนอะหนะผิวอยู่พอสมควร ยิ่งในมุมของคนที่ชอบเลเยอร์กันแดดอย่างเรา ถือว่าเป็นกันแดดที่ทายากไม่น้อยเลยหละครับ แถมยังมีอาการ Ball-up(เป็นขุย) ได้ค่อนข้างง่ายทีเดียว

11. LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS FLUID INVISIBLE(Non-perfuem) SPF50+ PA++++ (1,400.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"LA ROCHE-POSAY ANTHELIOS FLUID INVISIBLE(Non-perfuem) SPF50+ PA++++"

กันแดดตัวล่าสุดของ LA ROCHE-POSAY อย่าง ANTHELIOS FLUID INVISIBLE(Non-perfuem) SPF50+ PA++++ ที่ปรับดีไซน์เนื้อสัมผัสออกมาได้เบาสบายผิว เหมาะกับสภาพอากาศในช่วงนี้สุดๆ ด้วยความที่เป็น Water-Based ทำให้เกลี่ยง่าย ซึมเข้าผิวได้ดี ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว

ส่วนในแง่ของประสิทธิภาพกันแดดขวดนี้ทำออกมาได้ดีทีเดียวแม้ว่าจะดูด้อยกว่ารุ่นพี่อย่าง ANTHELIOS XL Anti-shine ไปซักเล็กน้อย แต่สำหรับวันสบายๆ เราถือว่าเกินพอแล้วหละครับ อ๋อ! เห็น Texture เค้าเบาสบายผิวแบบนี้แต่เค้า Water Resistant นะเออ และก็ตามสไตล์กันแดดสมัยใหม่ที่มักจะใส่สาร Antioxidant เข้ามาเพื่อช่วยลดผลกระทบจาก Free Radical ที่เกิดจากรังสียูวีได้ในระดับนึงขอรับ

อ๋อ! สำหรับกันแดดตัวนี้จะมีด้วยกัน 2 สูตร คือ สูตร Non-Perfume ที่เราใช้และแบบมีน้ำหอม ซึ่งเราไม่ชัวร์ว่าสูตรไม่มีนี้มีจำหน่ายในไทยไหม ถ้าใครพอมีข้อมูลก็เม้นท์บอกกันหน่อยนะค๊าบ

12. PANPURI LOTUS DEFENSE Mineral Sunscreen SPF30 PAไม่ระบุ (1,850.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"PANPURI LOTUS DEFENSE Mineral Sunscreen SPF30 PAไม่ระบุ"

หากพูดถึงสกินแคร์แบรนด์ไทยที่ก้าวมาอยู่ในระดับสากล และมีความโดดเด่นในเรื่องส่วนผสมแล้วหละก็ PANPURI คือ ชื่อแรกที่เรานึกถึง ด้วยความใส่ใจในการเลือกส่วนผสม พยายามตัดส่วนผสมที่เป็นอัตรายต่อผิวออก และเลือกใช้สารสกัดที่เป็นออร์แกนิคที่ได้จากธรรมชาติให้ได้มากที่สุดอย่าง PANPURI LOTUS DEFENSE Mineral Sunscreen ขวดนี้ที่ใช้สารกันแดดแบบ Physical ล้วนที่ค่อนข้างปลอดภัยกับผิว

แถมยังมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเบา สบายผิวทั้งๆ ที่มาในรูปแบบครีม ทำให้เราประหลาดใจอยู่ไม่น้อย และถึงแม้ว่าค่า SPF ของกันแดดขวดนี้จะอยู่ 30 แต่เมื่อพิจารณาจากหลักการด้านบนจะพบว่าความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสี UVB ที่ SPF 30-50 นั้นแทบไม่แตกต่างกันเลยหละครับ ดังนั้นสำหรับเราแล้วกันแดดขวดนี้เพียงพอที่จะใช้ในชีวิตประจำวัน แถมยังมีสารสกัดจากน้ำดอกบัว เมล็ดดอกบัว และสาหร่ายสีแดงที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยชะลอการเจริญของเม็ดสี Melanin ยับยั้งการทำงานของ Tyrosinase enzyme ได้อีกด้วย

13. SHISEIDO Perfect UV Protector SPF50+ PA++++ (1,550.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"SHISEIDO Perfect UV Protector SPF50+ PA++++"

มื่อพูดถึงกันแดดฝั่งญี่ปุ่นตัวที่ไม่หยิบมาพูดถึงไม่ได้คงจะหนีไม่พ้น SHISEIDO Perfect UV Protector ที่ล่าสุดเพิ่งมีการปรับสูตรใหม่เพิ่มเทคโนโลยี "SynchroShield" คือการรวม 2 เทคโนโลยีอย่าง

  • WetForce : ที่มีสาร Ionic Mineral Sensor สามารถเปลี่ยนน้ำและเหงื่อที่เคยเป็นศัตรูกับกันแดด เป็นพันธมิตรช่วยให้กันแดดมีประสิทธิภาพมาก
  • HeatForce : เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยปกป้องผิวจากปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้อุณหภูมิผิวสูงขึ้น เช่น แสงแดดและไอร้อน และยังช่วยทำให้กันแดดยิ่งมีประสิทธิภาพขึ้นเมื่ออีกด้วย

ในแง่สารกันแดดเรียกว่ายกทัพ "สารกันแดด A List" มารวมไว้ในขวดนี้ได้อย่างลงตัว กันได้ครบทั้ง UVA-I, UVA-II และ UVB แถมยังมีความเสถียรที่สูงมากทีเดียว นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานระหว่างสารกันแดดกลุ่ม Physical และ Chemical Sunscreen ทำให้ประสิทธิภาพการกันแดดสูงทะลุเกณฑ์ไปเลยหละครับ

แม้ว่ากันแดดขวดนี้จะทรงประสิทธิภาพแต่เรายังมีข้อสังเกตุเล็กๆ ในเรื่องน้ำหอม แอลกอฮอล์ และ ซิลิโคนที่ใส่เข้ามา ถ้าทางแบรนด์ตัดส่วนผสมเหล่านี้ออกไปได้เราว่านี่คือกันแดดที่ดีที่สุดตัวนึงที่เรามีเลยหละครับ!!

14. Ultrasun Face Anti-Ageing Lotion SPF50+ PA++++ (1,090.-/50ml.)

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"Ultrasun Face Anti-Ageing Lotion SPF50+ PA++++"

และแล้วก็เดินทางมาถึงกันแดดตัวสุดท้ายของบทความนี้นั่นคือ Ultrasun Face Anti-Ageing Lotion SPF50+ PA++++ ต้องบอกว่าเป็นกันแดดที่อยู่นอกสายตาเราตัวนึงเลยหละ แต่ล่าสุดเราได้รับการป้ายยาจากพี่ Blogger ท่านนึงว่ากันแดดได้ดีมากๆ พอได้ยินแบบนี้ก็หูผึ่งซิงานนี้ สุดท้ายก็ได้มามาจนได้

ซึ่งถ้าพูดถึงในแง่ของสารกันแดดก็ต้องยอมรับว่าใส่มาครบ กันได้ครบทุกช่วง UV ส่วนในเรื่องความเสถียรก็ทำได้ดีตามระเบียบ แถมยังกันน้ำ กันเหงื่อได้อีก ดูรวมๆ ก็เหมือนจะดีพร้อมทุกด้านจริงไหมหละครับ

แต่จากที่เราลองใช้หลายครั้งพบว่า Texture ค่อนข้างหนัก เกลี่ยค่อนข้างยาก ต้องเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นสูงๆ ก่อนใช้กันแดดขวดนี้ แถมยังมีโอกาส Ball-up(เป็นขุย) ได้ง่ายม๊ากก นับว่าเป็นกันแดดที่เอาใจยากและใช้ลำบากอีกตัวนึงเลยหละครับ

Conclusion

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว

ต้องยอมรับว่ากันแดดแต่ละแบรนด์ก็มี "ข้อดี-ข้อเสีย" ที่แตกต่างกันและแน่นอนว่าการใช้จริงบนผิวหน้าของแต่ละคนก็ย่อมให้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจุดประสงค์ในการทำบทความนี้เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกซื้อกันแดดเบื้องต้น โดยอ้างอิงจากส่วนผสมของสารกันแดด เทคโนโลยี เนื้อสัมผัส ราคา/ปริมาณ เป็นหลัก

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"เริ่มทดสอบความมันของกันแดดบนแผ่นฟิล์มซับมัน"

สำหรับในเรื่อง "ความมัน" ที่เพื่อนๆ ได้เห็นในกันแดดแต่ละตัว เราทดสอบแบบหยาบๆ ด้วยการหยดกันแดดลงบนแผ่นฟิล์มซับมัน แล้วทิ้งไว้ 3 ชม. เพื่อทำการเปรียบเทียบความมันของแต่ละแบรนด์ แล้วนำมาสรุปให้เห็นเป็นภาพง่ายๆ  

ครีมกันแดด La Roche Posay Anthelios XL รีวิว
"ผลลัพธ์หลังผ่านไป 3 ชม."

ผลลัพธ์หลังผ่านไป 3 ชม. เป็นดังภาพด้านบน แต่อย่างที่เราบอกไปแล้วว่านี่คือการทดลองแบบหยาบๆ ซึ่งไม่สามารถเทียบกับการใช้จริงบนผิวของแต่ละคนได้ ดังนั้นดูเพื่อเป็นข้อมูลคร่าวๆ ประกอบการตัดสินใจแล้วกันนะครับ

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ในการเลือกกันแดดที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองนะครับ ยังไงเราก็ขอทิ้งท้ายไว้ซักเล็กน้อยว่า "กันแดดจะมีประสิทธิภาพตามที่แบรนด์เคลมไว้ ก็ต่อเมื่อเราทาในปริมาณที่เหมาะสม (ประมาณ 2 ข้อนิ้วกลางทั่วใบหน้าและลำคอ) และทาซ้ำทุกๆ 2-4 ชม. เมื่อต้องออกแดดจัด อยู่กลางแจ้งหรือเหงื่อออก เพื่อปกป้องผิวจากรังสี  UV ได้อย่างมีประสิทธิภาพและอย่าลืมใช้  Makeup Remover ทุกครั้งหลังทากันแดด เพราะไม่ว่ากันแดดจะบางเบาแค่ไหนก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการอุดตันได้ขอรับ"

Jebanista คุณก็เป็นได้!

มีรีวิว หรือ How to อะไรเอามาแชร์กัน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ JEBAN COMMUNITY
ได้ง่ายนิดเดียว เริ่มเขียนเลย