สีเสื้อมงคลประจำวัน ปี 2565 หมอไก่ พ.พาทินี บอกว่าเป็นสีประจำวันในปี 2565 เน้นย้ำไม่ใช่สีประจำวันเกิด เรียกว่าอยากชีวิตปังเงินเข้ารัวๆ มีโชคลาภ เพิ่มเสน่ห์ มีความสำเร็จ ผู้ใหญ่รัก มีความโชคดี ในชีวิตทุกประการนั้น ให้เตรียมตัวหยิบเสื้อ กางเกง กระเป๋า รองเท้า ของใช้จิปาถะ สารพัดต่างๆ ที่มีสีตามนี้มาใช้ในแต่ละวันได้เลย แต่ต้องไม่ลืม ดูสีฉุดดวงในแต่ละวันด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าฉันมากับดวงไม่เตือน Show
สีเสื้อมงคลประจำวันอาทิตย์อยากโชคดี ต้องใส่สีเขียว (สามารถใส่ได้ทุกโทน) อยากมีเงินทองร่ำรวยมั่งคั่งต้อง สีม่วง ดำ เทาดำเท่านั้น งานเจริญรุ่งเรืองถึงขั้นแจ่มว้าวก็ต้องสีชมพูและสีบานเย็น สีเทาและสีทอง สำหรับผู้ใหญ่รักเมตตาเอ็นดู หากต้องการเสริมเสน่ห์ไปหยิบเสื้อสีแดง และเลือดหมูมาใส่ ส่วนสีต้องห้าม คือ สีฟ้า น้ำเงิน คราม ห้ามหยิบมาใส่ในวันนี้ สีเสื้อมงคลประจำวันจันทร์สีดำ เทาดำ ม่วง ไปหยิบมาใส่จะได้รับความโชคดี เงินทองหลั่งไหลมาเทมา ก็ต้องสีส้ม และสีน้ำอ่อน งานแจ่มคล่องตัว สามารถใส่เขียวได้ทุกโทน ถ้าอยากเน้นผู้ใหญ่รักเอ็นดู ขอเป็นสีฟ้า น้ำเงิน และสีครามเท่านั้น อยากเสริมเมตตาและเสน่ห์ก็ต้องสีขาว ครีม เหลือง มุกนะคะในวันนี้ ส่วนสีต้องห้าม คือ สีแดงและสีเลือดหมู สีเสื้อมงคลประจำวันอังคารขอความโชคดีจงเกิดขึ้นกับฉันนั้นไปหยิบเสื้อสีส้มและสีน้ำตาลอ่อนมาใส่โดยเร็ว แต่สีเทา กับสีทอง จะเรียกเงินทองเป็นพิเศษ งานดีไม่มีปัญหาก็ต้องสีดำ สีเทาดำ สีม่วง ส่วนสีแดง และสีเลือดหมูนั้นผู้ใหญ่รักและเอ็นดู สีชมพูและสีบานเย็นช่วยเสริมเมตตาและมีเสน่ห์แก่ผู้ใส่เสื้อสีนี้ ส่วนสีต้องห้าม คือ สีขาว สีครีม สีเหลือง สีมุก สีเสื้อมงคลประจำวันพุธสีเทา สีทอง ช่วยให้โชคดี อยากมีเงินทองต้อง สีฟ้า สีน้ำเงิน สีคราม งานราบรื่นไร้ปัญหา สีส้มและสีน้ำตาลอ่อนช่วยคุณได้ หากอยากให้ผู้ใหญ่รักอีกสักหน่อยก็ต้องสีขาว สีครีม สีมุก สีเหลือง และเมตตามีเสน่ห์ก็ต้องสีเขียวใส่ได้ทุกโทน ส่วนสีต้องห้าม คือสีชมพู กับสีบานเย็น สีเสื้อมงคลประจำวันพฤหัสบดีสีแดง และสีเลือดหมู จะนำความโชคดีมาให้คุณในวันพฤหัสบดี และ สีขาว สีครีม สีเหลือง สีมุกนั้นจะเรียกเงินทองมาให้ สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีครามนั้นส่งงานของคุณไปถึงฝั่งฝันและไร้ปัญหา ผู้ใหญ่รักก็ต้องสีเขียวได้ทุกโทน ส่วนสีส้ม และสีน้ำตาลอ่อน ก็จะให้เมตตาและเสริมเสน่ห์ให้คุณ ส่วนสีต้องห้าม คือ สีดำ สีเทาดำ สีม่วง สีเสื้อมงคลประจำวันศุกร์อยากโชคดีลั้นลา ก็ต้องหยิบเสื้อสีชมพู และสีบานเย็นมาใส่ แต่ถ้าอยากได้เงินทองก็หยิบสีเขียวทุกโทนมาใส่ในวันนี้ สีขาว สีครีม สีเหลือง สีมุก จะทำให้งานของคุณไม่มีปัญหา ส่วนผู้ใหญ่รักต้องสีส้ม และสีน้ำตาลอ่อนเท่านั้น อยากได้เมตตา เสริมเสน่ห์ ก็ต้อง สีฟ้า สีคราม สีน้ำเงิน ส่วนสีต้องห้าม สีเทา สีทอง สีเสื้อมงคลประจำวันเสาร์ในวันเสาร์ถ้าอยากโชคดีควรใส่เสื้อสีฟ้า สีน้ำเงิน และสีคราม ส่วนสีที่ได้เงินทอง ก็ต้องเป็นสีแดง สีเลือดหมู ส่วนสีเทา สีทอง จะช่วยให้งานคุณแจ่ม และสีชมพูกับสีบานเย็นนั้นผู้ใหญ่รักอย่างแน่นอน สีดำ สีเทาดำ สีม่วง ช่วยเรื่องเมตตาเสริมเสน่ห์ สีต้องห้ามคือ สีเขียวทุกโทน อย่างไรก็ตาม โปรดใช้วิจารณญาณในการเลือกสีประจำวัน อย่าลืมเลือกที่ตัวเองสะดวกและหาได้ในตู้เสื้อผ้านะคะ จะได้ไม่ต้องไปซื้อใหม่ให้สิ้นเปลือง ผู้ดูสีเสื้อมงคล : หมอไก่ พ.พาทินี ผู้เขียน : ฉันมากับดวง HIGHLIGHTS
พอพูดถึงคำว่า “สีมงคล” หลายคนอาจไปนึกถึงเรื่องโชคชะตาหรือ “สายมู” และคิดไปว่าเราไม่สนใจจนมองข้ามเรื่องการใช้สีอย่างเหมาะสมไปเสียอย่างนั้น แต่รู้ไหมว่าปัจจุบันประเด็นเรื่องการใช้สีคือสิ่งที่ HR ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญเพราะมีผู้เชี่ยวชาญมากมายออกมายืนยันแล้วว่า การใช้สีอย่างถูกต้องจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นได้จริง ยกตัวอย่างหากเราไปสปาเพราะอยากผ่อนคลาย เราย่อมคาดหวังถึงสีขาวสว่างและการตกแต่งที่ดูสะอาด ปลอดโปร่ง พร้อมกลิ่นหอม ๆ ที่ช่วยสร้างความสุนทรีย์อย่างเต็มที่ แต่ลองคิดดูว่าหากสปาเจ้าประจำของเราเปลี่ยนสีห้องเป็นดำสนิทและสาดด้วยสีแดงสดเพิ่มความเร้าใจไปอีกขั้น เราจะรู้สึกทันทีว่าแม้กลิ่นหอมและบริการยังมีประสิทธิภาพเท่าเดิม แต่ความรู้สึกของเราต่อสปาจะเปลี่ยนไปทันที นี่คืออิทธิพลของสีต่อความรู้สึกนึกคิดของเรา HR สามารถนำสีมงคลมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบ้าง บทความนี้จะเล่าให้ฟัง Contents
การเลือกสีมงคลมีผลกับมนุษย์อย่างไรแท้จริงแล้วการใช้สีมงคลคือเรื่องทางจิตวิทยาโดยตรง เพราะการเลือกใช้สีสามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกนึกคิด, อารมณ์, ระดับความเครียด รวมถึงช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็นได้ทันที คุณลีตรีซ ไอซ์แมน (Leatrice Eiseman) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสีชื่อดังจาก Pantone Color Institute บอกว่าสีต่าง ๆ นั้นผูกพันกับสิ่งที่คนพบเห็นได้ใจธรรมชาติ โดยเบื้องต้นมนุษย์จะมีปฏิกริยาพื้นฐานเกี่ยวกับสีที่ใกล้เคียงกันมาก จะแตกต่างกันแค่เพราะสีนั้นเคยสร้างประสบการณ์ใดกับตนเอาไว้ หรือตรงกับลักษณะนิสัยของตนหรือไม่เท่านั้น เช่นคนที่ชอบเพลงร็อค อยากนำเสนอความโหด ก็อาจมีทัศนคติต่อต้านสีชมพู แต่ทั้งนี้ทัศนคติดังกล่าวก็เกิดจากความเข้าใจว่าสีชมพูเป็นตัวแทนของความอ่อนหวาน เป็นต้น ผลวิจัยของ Eastern Illinois University เมื่อปี 1974 ระบุว่าการเลือกสวมชุดสีต่าง ๆ มีผลให้ความประพฤติของฝ่ายตรงข้ามต่อเราเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย และที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือสีมีอิทธิพลต่อการเต้นของหัวใจ, ความดันในเลือด, ระบบการหายใจ ดังนั้นการเลือกสีมงคลโดยพื้นฐานแล้วคือการเลือกสีให้เหมาะกับสิ่งที่ตนเองเป็นหรือ “อยากจะเป็น” ตามทฤษฎีด้านจิตวิทยานั่นเอง ความหมายของสีมงคลในแง่มุมเชิงจิตวิทยาจากประเด็นที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนหน้า ทฤษฎีสีไม่ได้มีคำจำกัดความแน่นอน แต่เกิดจากการสังเกตคนหมู่มากเป็นเวลานานและได้ข้อสรุปออกมาว่าสีต่าง ๆ มีอิทธิพลต่อจิตใจของมนุษย์อย่างไร เช่น เมื่อเราเห็นสีน้ำเงิน ในตอนเด็กเราอาจมองว่ามันเป็นสีของท้องฟ้าที่สดใส, น้ำทะเลที่สนุกสนาน แต่เมื่อเราเติบโตขึ้น สีฟ้าอาจสะท้อนถึงความหมองหม่น, การเข้ามาของพายุหรือความเครียด, ความเปลี่ยนแปลงเมื่อพายุนั้น ๆ เลือนหายไป ดังนั้นสรุปได้ว่ามิติของความรู้สึกจะเข้มข้นลึกซึ้งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีคำตอบที่สามารถฟันธงเรื่องอิทธิพลของสีต่อความรู้สึกได้แบบ 100% แต่ก็เป็นข้อมูลพื้นที่ควรรู้เพื่อนำไปต่อยอดกับองค์ประกอบอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน สีแต่ละชนิดมีความหมายในภาพรวมดังนี้
การเลือกสีมงคลมีผลต่อการทำงานอย่างไรองค์กรส่วนใหญ่จะใช้สีเพื่อสร้าง Employer Branding ที่ทำให้เกิดเอกลักษณ์และส่งผลกระทบต่อการทำงานทั้งด้านบวกและลบ โดยคุณแอนดรูว์ นิโคล (Andreu Nicole) จาก CannonDesign สหรัฐอเมริกา เผยว่าปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ พยายามหาวิธีดึงดูดพนักงานรุ่นใหม่มากขึ้นภายใต้แนวคิดการทำให้คนรู้สึกว่าที่ทำงานกับบ้านไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ดังนั้นการใช้สีที่โดดเด่นจึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าออฟฟิศไม่มีข้อจำกัดอย่างที่เคยคิด พนักงานจึงรู้สึกสบายใจขึ้นที่จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันอยู่ในที่ทำงาน ซึ่งในประเด็นนี้ University of Texas ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ดังนั้นหากถามว่าการใช้สีที่ถูกต้องส่งผลต่อการทำงานอย่างไร ยกตัวอย่างหากเราต้องการกระตุ้นพนักงานให้มีใจสู้มากขึ้น เราสามารถทาสีออฟฟิศด้วยสีแดงในปริมาณที่เหมาะสม เพราะสีแดงสามารถทำให้สมองตื่นตัว หรือบางบริษัทเลือกทาสีโทนมืดที่ทางเข้าบริษัทเพื่อทำให้แขกรู้สึกถึงความลึกลับ อยากค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมซึ่งช่วยให้แขกสนใจข้อมูลที่พนักงานบริษัทต้องการนำเสนอมากขึ้น หรือการใช้สีโทนสว่างตรงทางออกเพื่อเล่นกับจิตวิทยาให้แขกรู้สึกว่าเขาได้รับข้อมูลอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาฉลาดขึ้น เป็นต้น วิธีเหล่านี้จะทำให้เกิดความประทับใจระหว่างกันมากกว่าออฟฟิศที่ตกแต่งด้วยสีแบบปกติธรรมดา อนึ่งการใช้สีเพื่อกระตุ้นอารมณ์ไม่จำเป็นต้องเป็นสีผนังเท่านั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามันสามารถเป็นสีของพรม, หมอน, กระเบื้อง หรือของตกแต่งก็ได้เช่นกัน Science of People ได้แนะนำวิธีใช้สีให้เหมาะกับการทำงาน ดังนี้ – การเลือกโทนสีสำหรับหน้า Desktop คอมพิวเตอร์ : ให้เน้นสีโทนเขียว เพราะทำให้รู้สึกสบายตา, เกิดการปวดตาน้อยที่สุด สามารถใช้เป็นภาพพักหน้าจอของเรา หรือเป็นสีหลักของเว็บไซต์บริษัทก็ได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกรณีที่เนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ต้องอาศัยการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน – การเลือกโทนสีเมื่ออยากให้คนอื่นเห็นว่าเราแข็งแกร่ง : ให้เลือกสีดำ เพราะมีการวิจัยจากการวิเคราะห์การแข่งขัน NHL (กีฬาฮ็อกกี้ ในสหรัฐอเมริกา) มากกว่า 52,000 แมตช์ ระหว่างปี ค.ศ.1984 – 2010 และได้ข้อสรุปว่านักกีฬาถูกลงโทษมากขึ้นเป็นพิเศษเมื่อใส่เครื่องแต่งกายสีดำ ทั้งนี้ผู้วิจัยกล่าวว่ามันไม่จำเป็นต้องเป็นชุดดำแบบเต็มตัวเท่านั้น เพราะแค่มีสีดำอยู่ราวครึ่งหนึ่งของชุด ก็มีผลต่อการกระทำของบุคคลแล้ว อย่างไรก็ตามประเด็นที่น่าสนใจก็คือยังไม่แน่ชัดว่าสีดำ ทำให้ผู้สวมใส่ดุดันขึ้นจริง หรือเป็นผลที่เกิดขึ้นจากผู้สังเกตการณ์ (คนนอกมองเข้าไป) และมองว่าผู้สวมใส่แข็งแกร่งดุดันขึ้นกันแน่ ดังนั้นหากเราต้องเผชิญหน้ากับปัญหายาก ๆ ในที่ประชุม ก็ไม่ควรใส่เสื้อสีขาวหรือโทนอ่อนที่ดูสบายเกินไปเด็ดขาด คุณเจฟฟ์ เฟอร์มิน (Jeff Fermin) ผู้เชี่ยวชาญด้านสภาพแวดล้อมในออฟฟิศจากบริษัท Officevibe กล่าวเสริมว่าการใช้สีในเว็บไซต์ชื่อดังที่เราเห็นอยู่ทุกวันนั้นผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทำไปเพราะเห็นว่าสวยเพียงอย่างเดียว โดยเขาเสริมข้อมูลไว้ว่า “การใช้สีก็ส่งผลกับอารมณ์ของพนักงานได้จริง ๆ และคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการต้องตื่นมาทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมือนตายทั้งเป็น” ดังนั้นก่อนตัดสินใจทุกครั้ง ต้องคำนึงถึงจิตวิทยาและความหมายของสีให้เหมาะกับเนื้องานและความต้องการของพนักงานที่สุด ด้วยการใช้วิธี Mood Research หรือจัดประชุมเพื่อให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเลือกเท่า ๆ กัน ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของ HR ในการสื่อสารอย่างครอบคลุม ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบภายในจาก Drexel University กล่าวว่าหากออฟฟิศมีที่ว่างเยอะ บริษัทสามารถทาสีห้องแต่ละห้องแตกต่างกันตามทฤษฏีสี และออกนโยบายให้พนักงานสามารถนั่งทำงานตรงไหนในออฟฟิศก็ได้ เพื่อเพิ่มตัวเลือกให้พนักงานรู้สึกสบายใจที่สุด ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ออฟฟิศก็ไม่ควรพยายามยัดเยียดหรือเลือกใช้สีของบริษัทโดยอ้างอิงกับโลโก้มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นหากเราเป็นร้านขายสัตว์เลี้ยงและมีโลโก้เป็นสีเหลืองและแดง เราก็ต้องศึกษาก่อนว่าทั้งสองสีนี้เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงทุกชนิดที่เรานำเข้ามาขายหรือไม่ มากกว่าการดันทุรังโดยไม่สนใจผลกระทบที่ตามมา เคล็ดลับการเลือกสีสำหรับที่ทำงานมีดังนี้ 1. หากไม่รู้จะเลือกสีอะไร ให้เลือกสีธรรมดา : คุณลอว์เร็น เดนนิสัน (Lauren Dennison) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบจากบริษัท Vocon แนะนำว่าหากยังไม่รู้ว่าจะใช้สีอะไรในที่ทำงาน ให้เริ่มจากการใช้สีขาว หรือสีอ่อนมาเป็นพื้นก่อน และค่อยเพิ่มสีอื่นเข้าไปนิด ๆ หน่อย ๆ เพราะสีพื้นที่เรียบง่ายจะช่วยให้สีที่เราเติมเข้าไปโดดเด่นยิ่งขึ้น 2. ให้อำนาจกับหัวหน้าในการเลือกสี : เพราะสีมีผลต่อการตัดสินใจ ดังนั้นหากเราตั้งเป้าไว้ว่าจะทาสีหรือตกแต่งเพื่อช่วยให้การทำงานดีขึ้น การเลือกสีเพื่อส่งเสริมการทำงานของหัวหน้าทีมก็คือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งหัวหน้าทีมสามารถเลือกสีตามทฤษฎีเชิงจิตวิทยาที่เราเขียนเอาไว้ข้างต้นได้เลย 3. เลือกสีให้สอดคล้องกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว : หากเราไม่รู้จะเริ่มเลือกสีอย่างไร ให้ลองมองไปที่กระเบื้องบนพื้น, ตู้, เก้าอี้, โต๊ะ หรืออื่น ๆ จากนั้นค่อยเลือกสีที่เข้ากับวัตถุเหล่านั้น วิธีนี้จะช่วยให้เราตัดสินใจง่ายขึ้นมากหากเทียบกับการจินตนาการทุกอย่างขึ้นมาเองแบบไร้ทิศทาง 4. อย่ากลัว ลองไปเลย ! :แต่ถ้าคุณเป็นออฟฟิศใหม่และไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเริ่มอย่างไร ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าให้คุณลองใช้สีที่ต้องการไปเลย เพราะท้ายสุดแล้วเราสามารถทาสีใหม่ได้ตลอดเวลา แค่อาจเสียเวลาและเงินทองมากกว่าเดิมเท่านั้น ! HR มีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับประเด็นนี้Q: การนำเสนอยูนิฟอร์มของพนักงานต่อหัวหน้าควรมีวิธีการอย่างไร บริษัทมีแผนจะเปลี่ยนแบบฟอร์มพนักงาน แต่ติดตรงที่การออกแบบต่างจากแบบเก่ามากๆ คำถามคือเราจะโน้มน้าวเจ้านายให้เห็นด้วยกับเราได้อย่างไร A: การเปลี่ยนแบบฟอร์มใหม่นั้นควรให้ความสำคัญในหัวข้อเหล่านี้ – การเปลี่ยนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์อะไร ,,, (คลิกดูคำตอบทั้งหมด👇) การใส่เสื้อตามสีมงคลสะท้อนตัวตนในมุมการทำงานอย่างไรวิทยาศาสตร์อธิบายว่าโดยปกติแล้วมนุษย์ใช้เวลาตัดสินใจว่าชอบหรือไม่ชอบสินค้านั้น ๆ ในเวลาไม่ถึง 90 วินาที และมีถึง 90% ที่ตัดสินใจโดยอ้างอิงจากการเห็นสีเท่านั้น ยกตัวอย่างหากเราไปซื้อน้ำในร้านค้า เราอาจหยิบกระป๋องสีแดงหรือน้ำเงินขึ้นมาเมื่ออยากกินโคล่า โดยไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ากระป๋องที่หยิบมานั้นเป็นยี่ห้อที่ตนคิดจริง ๆ รึเปล่า (ซึ่งบางทีก็หยิบผิด เพราะบางยี่ห้อก็จงใจเพิ่มยอดขายด้วยวิธีนี้) ดังนั้นจะเห็นว่าการเลือกสีมีผลกับมนุษย์อย่างรวดเร็วมาก และการเลือกสีที่ผิดจะส่งผลเสียโดยไม่เปิดโอกาสให้เราแก้ตัว ดังนั้นถ้าเรามองประเด็นเรื่องสีมงคลที่สายมูใช้เป็นตัวช่วยเสมอเวลาต้องไปสัมภาษณ์งาน ทฤษฎีสีและจิตวิทยาคือสิ่งที่ทำงานกับสมองของมนุษย์โดยตรง และเพื่อให้คำอธิบายมีน้ำหนักมากขึ้น Buiness Insider ได้ทำการสำรวจถึงผลกระทบของสีต่อการสัมภาษณ์งานโดย HR Hiring Manager จำนวน 2,099 คน จนได้คำตอบออกมาในเบื้องต้นว่า สีน้ำเงินและดำคือสีที่เหมาะกับการทำงานมากที่สุด ขณะที่สีส้มคือสีที่แย่ที่สุด สาเหตุก็เพราะสีดำและน้ำเงินเป็นสีพื้นฐานที่คนนิยมใช้กันมายาวนาน ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมอย่างเช่นสีอื่น ๆ ที่ปรับตัวตามแฟชั่นหรือสมัยนิยม ดังนั้นสีที่ทุกคนคุ้นเคย (รวมถึงสีอย่างน้ำตาลและเทา) ถือเป็นสีที่เหมาะที่สุดในการคุยงานกับลูกค้าเป็นครั้งแรก เพราะดูเป็นมืออาชีพ สุขุม น่าเชื่อถือ ส่วนสีส้มที่เป็นสัญลักษณ์ของความคิดสร้างสรรค์ตามทฤษฎีสีกลับถูกมองว่าฉูดฉาดเกินไปสำหรับการพบกันครั้งแรกหรือการสัมภาษณ์งาน ดังนั้นหลังจากที่อธิบายเรื่องความหมายโดยรวมของแต่ละสีจากหัวข้อก่อน ๆ แล้ว เราจะพาผู้อ่านไปพบกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญว่าการแต่งตัวโดยใช้สีแต่ละแบบ แสดงถึงอะไร และมีประโยชน์อย่างไร – เสื้อสีดำ คือความเป็นผู้นำ : บางคนอาจมองว่าการใส่ชุดสีดำจะดูเข้าถึงยาก แต่คุณคาเร็น ฮอลเลอร์ (Karen Haller) ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์กล่าวว่าหากเราใส่สีดำอย่างถูกต้อง มันก็จะแสดงถึงความหรูหรา, น่าค้นหา และดูโดดเด่นแตกต่างจากคนอื่น ยกตัวอย่างเช่นแบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel หรือ Yves Saint Lauren ที่เลือกใช้สีดำเป็นและประสบความสำเร็จจนเป็นผู้นำตลาด – เสื้อสีน้ำเงิน คือความเป็นทีม : คุณลิซ่า จอห์นสัน แมนเดลล์ (Lisa JOhnson Mandell) จาก AOL Jobs กล่าวว่าสีกรมท่าคือสีที่ดีที่สุดสำหรับชุดสูท เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจ และการแต่งกายด้วยสีกรมท่าจะทำให้มีโอกาสสมัครงานผ่านมากกว่าการใส่ชุดสีอื่น ๆ จากประสบการณ์ของเธอ – เสื้อสีเทา คือความมีตรรกะและช่างวิเคราะห์ : สีเทาคือตัวแทนของความอิสระและความสันโดด ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใดตราบใดที่เราทำในสิ่งที่มั่นใจได้จริง ๆ เสื้อสีเทาจะแสดงถึงความขี้เหงาแต่ก็เด็ดขาดมากพอที่จะตัดสินใจในเรื่องสำคัญด้วยตนเอง – เสื้อสีขาว คือความมีระเบียบ : การใส่เสื้อสีขาวหรือสีโทนอ่อนอาจดูสบาย ๆ ใช้งานได้ทุกโอกาส แต่ก็ถูกมองว่าธรรมดาเกินจนเหมือนคนไม่กล้าทดลองอะไรใหม่ ๆ ก็ได้ อย่างไรก็ตามเทคนิคการใส่สีขาวก็คือการใส่ในวันที่คนอื่นน่าจะใส่สีโทนฉูดฉาดกันหมด เช่นเมื่อคุยกับลูกค้าหรือสมัครงานในสายครีเอทีฟที่มีคนมาร่วมงานหลายคน การใส่ชุดสีขาวอาจทำให้เราโดดเด่นขึ้นมาทันที – เสื้อสีแดง คือพลัง : สีแดงเหมาะสำหรับการใส่เพื่อเรียกร้องความสนใจจากใครสักคน โดยคุณเคนนี่ ฟริมปง (Kenny Frimpong) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาแบรนด์ของ Eredi Pisano เครื่องแต่งกายสัญชาติอิตาลีกล่าวว่าสีแดงจะช่วยให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกตื่นเต้น, มีแรงกระตุ้น และมีชีวิตชีวา – เสื้อสีเขียว, เสื้อสีเหลือง, เสื้อสีส้ม และเสื้อสีม่วง คือความคิดสร้างสรรค์ : สีที่ฉูดฉาด โดดเด่นเหล่านี้ทำให้คนมองว่าผู้ใส่เป็นคนสนุก และน่าเข้าใกล้ แต่จะไม่น่าเชื่อถือเท่ากับการใส่เสื้อที่ดูเรียบง่าย ดังนั้นอาจไม่เหมาะสำหรับการสัมภาษณ์งานหรือพูดคุยกับลูกค้าที่ต้องใช้ความจริงจัง แต่อาจใช้เพื่อเปลี่ยนลุคจากคนนิ่ง ๆ ให้ดูสดใสขึ้นเวลามีงานเลี้ยงบริษัท เป็นต้น บทสรุปสีมงคล, การเลือกสีตามทฤษฎีสี หรือการใช้จิตวิทยาในการแต่งกาย แม้จะมีประโยชน์ก็จริง แต่สิ่งที่ HR ควรให้ความสำคัญที่สุดก็คือกาลเทศะของพนักงาน เพราะหากเราปล่อยให้ทุกคนแต่งตัวตามทฤษฏีสี หรือสีมงคลตามความเชื่อในแต่ละวัน ยกตัวอย่างหากเราต้องไปพบลูกค้าที่อาวุโสกว่า แต่พนักงานกลับแต่งตัวด้วยสีฉูดฉาดเพียงเพราะเป็นสีมงคลในวันนั้น ผลที่ได้ก็อาจออกมาในแง่ลบแทน ต้องเข้าใจก่อนว่าสีมงคลนั้นเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งในการทำงานเท่านั้น ไม่ใช่ทางลัดที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอาศัยความพยายามในด้านอื่น เราสามารถประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องสนใจเรื่องสีมงคลเลยก็ได้ อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook ที่นิยมใส่เสื้อผ้าแบบเดิมในทุกโอกาส ดังนั้นสิ่งสำคัญกว่าคือการฝึกฝนตัวเองให้รอบด้านเพื่อให้มีความรู้มากพอในการออกไอเดียสร้างสรรค์ และแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดมากกว่า เราแนะนำให้ HR หรือผู้อ่านเข้าไปค้นหาคำตอบว่า “คุณคือสีอะไร” ผ่านทาง myCOLOR ซึ่งเป็นการนำทฤษฏีสีมาประยุกต์เข้ากับคำถามด้านพฤติกรรมของคนหลาย ๆ แบบ ซึ่งพอเราได้คำตอบแล้ว เราก็จะรู้ว่าควรดึงคนแบบไหนเข้ามาร่วมทีม หรือควรแต่งตัวด้วยสีใดเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาด แค่นี้เราก็รับรองว่าเราจะใช้ประโยชน์จาก “สีมงคล” ได้อย่างดีที่สุดแน่นอน คุณกำลังหาข้อมูลบริการและผลิตภัณฑ์ HR อยู่ใช่หรือเปล่า? HR Explore แพลตฟอร์มแรกในไทยที่รวบรวมข้อมูล HR Products & Services มากที่สุด มาพร้อมระบบเปรียบเทียบราคาเพื่อช่วยตัดสินใจ จะเป็น SMEs หรือธุรกิจใหญ่ ที่นี่มีครบ ! Sources
|