BlackDoor provides two series, first series looks like iOS 4/5/6 and second series looks like iOS 7/8.Both series are in two versions: Normal and Unlocked.Lots of iPhone 2G has been exported worldwide, so lots of iPhone 2G users are looking for a carrier unlock to use their device with any SIM card. Show
If you want look on list of features BlackDoor custom iOS firmware, click here. File name:
iPhone1-1_3.1.3_7E18-BD6_Unlocked.ipsw File name: iPhone1-1_3.1.3_7E18-BD6_Normal.ipsw File name: File name: ใครจะไปเชื่อหล่ะครับว่า iPhone รุ่นโบราณอย่าง iPhone 2G, iPhone 3G, iPod Touch Gen 1 และ iPod Touch Gen 2 จะมีวันได้สัมผัสอารมณ์ของการใช้ iOS 7 กับเขาด้วย ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นได้นั่นก็คือเฟิร์มแวร์?Whited00r นั่นเอง ซึ่งจะทำให้เราได้ใช้ iOS ที่ให้ความรู้สึก และหน้าตาเหมือน iOS 7 เลย (ย้ำนะว่าแค่เหมือนไม่ใช่ iOS 7 แท้) ซึ่งดูเหมือนว่าเฟิร์มแวร์ตัวนี้จะมีพื้นฐานมาจาก iOS 3.x ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ฟีเจอร์ของ?multitasking, control center, Siri, lockscreen notifications และ?แอพพลิเคชั่นกล้องตัวใหม่ที่ถ่ายวิดีโอได้ แถมยังใส่ App Store และ Cydia ลงมาให้ด้วย แต่แน่นอนมันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะรองรับแอพพลิเคชั่นที่เห็นๆอยู่ทุกวันนี้ จึงมีการใส่?AppTimeMachine เพื่อให้เราสามารถที่จะหาและดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนั้นในเวอร์ชันเก่าที่รองรับได้ ส่วน iPod Touch Gen 3 และ iPad รุ่นแรกก็สามารถที่จะใช้ได้เช่นกันแต่ต้องเป็นเฟริมแวร์ชื่อ?Grayd00r นั่นเอง โดยในตอนนี้เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่สุดจะอยู่ที่ iOS 7.1 สามารถอัพเดตผ่านทาง Cydia ได้ และสามารถลงเฟิร์มแวร์ได้ทั้งจาก PC และ MAC ใครที่สนใจสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่นี่เลยครับ Whited00r?แต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่าการลง Custom Firmware มีความเสี่ยงที่จะทำให้เครื่องพังได้ โปรดศึกษาวิธีการให้ละเอียดก่อนลงมือ และต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเองด้วยนะครับ ที่มา : GSMArena Submitted by ezybzy on Mon, 2010-09-27 - 13:47 ผมเข้าใจว่าหน้า iPhone ของทุกค่ายถูกทาง Apple บังคับมาว่าต้องใส่เนื้อหาอะไรบ้าง ทุกค่ายจึงมีข้อมูลที่ปรากฏในหน้าเว็บไม่ต่างกันเท่าไร แต่ที่รู้สึกผิดหวังกับหน้าเว็บ iPhone ของ AIS นั่นก็เพราะว่ามันดูไม่สวยอย่างใจคิดเท่าใด ปกติ AIS ทำพวกสื่อประชาสัมพันธ์ออกมาได้ดี ดูกลมกลืน เว็บทำออกมาได้เหมือนแผ่นพับโฆษณาเลย แต่กับ iPhone กลับทำออกมาแล้วแปลกแยกไปนิด ที่จะวิจารณ์ก็คือแบบอักษรนั่นแหละ SMBAdvance ตัวอักษรที่ผมคิดว่ามันเข้าคู่กับ Myriad ที่ Apple ใช้มากๆ (จนอยากจะให้
Apple คิดจ้างนักออกแบบตัวอักษรทีมนี้ทำตัวภาษาไทยให้กับ MyriadSet เพื่อใช้ในสื่อโฆษณาในประเทศไทย) แต่กลายเป็นว่าในหน้าเว็บ iPhone ของ AIS กลับไม่สามารถนำมันมาใช้ได้ครบทุกจุด มีเพียงแค่หน้าที่ผมเข้าใจว่า AIS ตั้งใจทำเอง (ได้แก่ ทำไมถึงต้องใช้เครือข่าย AIS, แสดงโปรโมชั่น, หน้าบริการหลังการขาย ที่เหมือนยังไม่สมบูรณ์?) เท่านั้นที่แบบอักษรดังกล่าวมาใช้อย่างเต็มที่ทุกจุดของภาษาไทย แต่หน้าอื่นกลับ (เข้าใจว่าอาจจะรับทราบในภายหลังว่าต้องทำเพิ่ม) มีแบบอักษรแบบอื่นปรากฏขึ้นมาให้เสียเอกลักษณ์ความเป็น AIS
ไปได้ (วิจารณ์เฉพาะจุดที่ใช้ไฟล์รูปภาพแสดงข้อความภาษาไทยนะ พวก Text ที่จงใจจะให้เป็น HTML คงไปทำอะไรกับมันไม่ได้) ก็หวังว่าทีมงานที่อาจจะผ่านมาเห็นจะได้นำข้อวิจารณ์นี้กลับไปปรับปรุงตัวงานด้วย ผมแค่เสียดายความไม่หมดจดพวกนี้ ยังแอบคิดอยู่ว่า AIS ไม่น่าจะปล่อยให้ความไม่หมดจดพวกนี้มาทำให้เอกลักษณ์ขององค์กรหายไปได้นะ เพราะเป็นสิ่งที่ AIS ทำได้ดีมาโดยตลอดก่อนค่ายมือถือ 2 ค่ายที่เหลือเสียอีก (dtac หลังจากเปลี่ยนโลโก้ก็ดูผลงานทำออกมาได้สม่ำเสมอดี แต่อย่างไรก็ตามผมก็ยังชอบ ห ของ SMBAdvance อยู่ดี
แม้ว่าแบบอักษร dtac จะเป็นผลงานการสร้างของนักออกแบบตัวอักษรทีมเดียวกันก็ตาม) Submitted by ezybzy on Wed, 2010-09-22 - 23:30 dtac ให้ Call Center ติดต่อกลับมา ให้ลงทะเบียนแจ้งข้อมูลส่วนตัวกับ Call Center เอง AIS ส่งอีเมล์หาลูกค้า เพื่อให้ทำการลงทะเบียนด้วยตัวเอง TRUE ให้ Call Center ติดต่อ เพื่อขอที่อยู่ในการจัดส่งบัตรเชิญ และ เพื่อแจ้งให้ลูกค้าไปลงทะเบียนในเว็บไซต์ที่กำหนด แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่กับกรณี dtac ดูจะมีความเสี่ยงในเรื่องของมิจฉาชีพอาจจะสวมรอยลักลอบนำข้อมูลส่วนตัวนี้ไปใช้ได้ และสำหรับกรณีที่ให้ทำการลงทะเบียนด้วยตัวเอง แม้จะเป็นวิธีที่น่าจะปลอดภัยที่สุด
แต่ก็จำเป็นต้องแก่งแย่งเพื่อให้ได้รอบจำหน่ายที่ดีที่สุดเอาเอง (ถ้าเปิดเว็บลงทะเบียนช้าเกินไป ก็อาจจะพลาดโอกาส) กรณี dtac และ TRUE เคยมีประสบการณ์ในเสียงบ่นของลูกค้ามาแล้วเนื่องจากการปล่อยให้ลูกค้ารอนานเกินไป (โดยไม่มีอะไรแจกเลย) ทำให้ลูกค้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก (ไปซื้อ iPad ที่ Apple Store ยังมีแจกน้ำเป็นขวด ๆ เลยนะ) ก็เลยคิดวิธีในการแบ่งเบาคิวไม่ให้ยาวจนเกินไป ซึ่งคิดว่าทาง AIS คงจะเรียนรู้จากประสบการณ์นี้เช่นกัน (เชื่อว่าทาง Apple Thailand อาจจะให้คำแนะนำในเรื่องนี้) โดยเฉลี่ย 1
เครื่องจะใช้เวลาบริการรวมถึงการจัดการเอกสารต่างๆ ประมาณ 5 นาที รอบรับเครื่องของค่ายหนึ่งใช้เวลา 120 นาที ตีตัวเลขกลมๆ ต่อ 1 โต๊ะบริการน่าจะบริการได้ 20 เครื่อง (ตีเวลาพักให้อีก 1 นาที เลยเป็น 6 นาที) ดังนั้นก็น่าจะมีโต๊ะบริการซัก 8 โต๊ะเพื่อให้เพียงพอกับจำนวนเครื่องต่อรอบคือ 150 เครื่อง ดังนั้นก็อาจจะตีได้ว่ายอดที่ค่ายนี้มีน่าจะตกอยู่ที่ 1650 เครื่อง ถ้ามีเครื่องที่ต้องแจกคนดังอีกตัดยอดกลม ๆ รวมเครื่องที่ต้องแจกจ่ายให้กับศูนย์บริการเพื่อไว้สาธิตสินค้า ฯลฯ ก็น่าจะทำให้ค่ายนี้ได้รับเครื่องมาซัก
2500 เครื่องในลอตแรก หากไม่ประสบเหตุการณ์ว่าเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Activate ล่มจากการกระหน่ำ Activate ที่อาจจะเกิดขึ้นในวันนั้น (จากหลายประเทศ) จำนวน 8 เครื่องก็ไม่น่าจะส่งผลรุนแรงขนาดนั้น ย่อหน้าที่แล้วเดาล้วน ๆ นะ Submitted by ezybzy on Tue, 2010-09-21 - 18:01 ตามข้อสังเกตน่าจะเป็นไปตามนี้ อันนี้เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นเท่านั้นนะ หมายเหตุ: การวางจำหน่าย iPhone ผ่านหน้า Apple Online Store ไม่ได้แปลว่าต้องมี AppleCare for iPhone วางจำหน่ายด้วย ดังเช่นตัวอย่างประเทศที่ลงท้ายด้วยยกกำลัง 3 Submitted by ezybzy on Wed, 2010-07-21 - 15:16 แม้ว่ามือถือหลากหลายยี่ห้อจะมีปัญหาสัญญาณหายเมื่อทำการรบกวนตัวเสาสัญญาณ แต่เหมือน iPhone 4 จะโดนวิพากษ์วิจารณ์หนักที่สุด บทสรุปข้อเดียวที่คิดว่า Apple พลาดคือ ในคู่มือการใช้งานไม่ได้ระบุข้อห้ามเรื่องการสัมผัสบริเวณเสาอากาศแบบที่โทรศัพท์มือถือยี่ห้ออื่น ๆ เขามีกัน นั่นก็เลยทำให้ลูกอีช่างซนทั้งหลาย เอานิ้วไปแตะชีดที่ Apple จงใจทิ้งไว้ให้รู้ว่าอย่าแตะตรงนี้นะ (แต่ไม่ได้บอกไว้) แล้วก็ออกมาร้องโวยวายว่าสัญญาณหาย ๆ
ก็ในเมื่อรู้แล้วว่าแตะแล้วสัญญาณหายแล้วจะไปแตะมันอีกทำไมล่ะ? Submitted by ezybzy on Mon, 2010-07-19 - 09:01 สรุปว่า มันก็แค่ซิมที่มีค่า MCC/MNC ค่าต่อไปนี้ พอดีเห็นในวีดีโอว่ามันขึ้นชื่อ Carrier ใน About ว่า Submitted by ezybzy on Tue, 2010-04-13 - 18:00 ก็เดากันไปต่างๆ นานา ผมก็เคยเดาว่ามันเหมือนเครื่องหมาย Play แต่จากปากคำของคน Apple เองกลับได้คำตอบว่า “จริง ๆ แล้วเราอยากให้มันเป็นเลขบอกเวลาช่วงที่สินค้าตัวนั้นถูกแสดงต่อสาธารณะชนครั้งแรก (ใน Keynote)” ทีแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ แต่พอเปิดดูใน Keynote ของสินค้าตัวนั้น เออ เวลาที่ผู้พูด (จะ Steve Jobs หรือใครก็แล้วแต่) แสดงหน้าจอของสินค้าตัวนั้นครั้งแรกก็จะอยู่ในช่วงเวลาประมาณนาทีที่ 9 หรือไม่ก็นาทีที่ 40 กว่า ๆ จริง ๆ ก็นับว่าเป็นความแยบยลอีกเรื่องของ Keynote แฮะ ที่มา:
TÚAW Submitted by ezybzy on Thu, 2010-02-18 - 19:59 ได้เขียนบทความส่งไปที่ Siampod เรื่องเกี่ยวกับ ipcc แต่ไม่ได้กล่าวถึงวิธีทำ Carrier logo เลยเอามาต่อที่นี่แล้วกันเพื่อไม่ให้ยืดยาวเกินไป ด้วยระบบการแสดงผลบน iPhone ทาง Apple แบ่ง Carrier logo ออกเป็นสองชนิดคือ ชนิดสำหรับหน้าจอพื้นใส (เช่นใน Springboard มีชื่อไฟล์ ถ้านิยมโลโก้รูปภาพ เราก็เพียงแค่เอาโลโก้ของค่ายต่างๆ มาจัดให้อยู่บนพื้นที่ขนาดนี้ แต่สำหรับคนที่อยากจะทำโลโก้ที่มีเป็นข้อความเหมือนกับ Apple จะทำอย่างไรดี? ก่อนอื่นก็ทดลองก่อนว่าใช้ฟอนต์อะไรดีขนาดเท่าไรดีสีอะไรดี เราก็ได้ข้อสรุปมาว่า ใช้ Helvetica ความหนาเป็นปกติ ขนาด 14 point
สีขาวและดำ (ขึ้นกับประเภทการแสดงผล) ขั้นต่อไปคือเอาชื่อของ Carrier ไปวางบนไฟล์ภาพ เอ๊ะใช้โปรแกรมอะไรดีนะ??? เอา Photoshop แล้วกัน แต่เอ๊ะเราจะใช้โปรแกรมราคาหลายหมื่นเพื่อแก้รูปขนาดแค่นี้จริงหรือ? แล้วเราจะเล็งตำแหน่งการวางชื่อ Carrier ได้ทุกครั้งจริงเหรอ? แล้วถ้าเราต้องทำไฟล์รูปสำหรับหลายร้อย Carrier แบบ Apple ทาง Apple จะให้นักออกแบบมาเปิด Photoshop แก้ขนาดนี้เชียวหรือ??? ใช่ครับ Apple ก็คงไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่ๆ ทุกครั้งที่มีการสร้าง ipcc ไฟล์พวกนี้ก็จะถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆ
กันก่อนจะถูกจับรวมเป็นไฟล์ ipcc ให้เราใช้งานได้ง่ายๆ ผมไม่ทราบว่า Apple จะใช้ Tool ตัวไหนในการสร้างไฟล์รูปเหล่านี้ แต่ตัวที่ใช้งานง่ายๆ และพอจะเป็นไปได้ที่ Apple จะเลือกใช้ น่าจะเป็น ImageMagick ซึ่งเป็น Opensource และมีการผลิตขึ้นมาให้ใช้งานได้หลากหลาย Platform (ซึ่งรวมถึง Mac OS X) จริงๆ ความสามารถหลักของโปรแกรมนี้คือการแต่งภาพครับ ใส่พวก effect ต่างๆ กับรูปภาพของเรา แปลงไฟล์ภาพได้ รวมถึงสามารถสร้างรูปภาพที่เป็นข้อความได้ ที่สำคัญคือใช้งานง่ายเพียงสั่งผ่าน Command line เท่านั้น
ซึ่งจากคุณสมบัตินี้ก็ดูจะเป็นเรื่องที่เข้าท่าที่ทาง Apple จะเลือกใช้โปรแกรมนี้ ตัวที่ผมใช้งาน ผมใช้ตัวที่ถูกติดตั้งมาพร้อมกับ TeXLive 2009 แหล่งอื่นๆ นอกจากนี้เช่น Fink หรือ Macports หรือจากตัวเว็บของโครงการนี้เอง แต่ปัญหาที่พบคือ ผมพบ Warning ที่ไม่แน่ใจว่าจะแก้ไขมันอย่างไร ซึ่งค่อนข้างทำให้รำคาญพอสมควรว่าตกลงเราจะได้ไฟล์ออกมาไหมเนี่ย แต่สุดท้ายเพียงเพิ่ม
Arugument ชื่อ สำหรับรูปแบบการใช้งานคำสั่งผมจะไม่อธิบาย (ให้ลองอ่านจาก Tutorial ในเว็บได้เลย) แต่มาดูคำสั่งที่ผมใช้เลยแล้วกัน ตรงชื่อไฟล์ (Argument ท้ายสุดของคำสั่ง) หากต้องการใส่เครื่องหมายพิเศษหรือเว้นวรรคก็สามารถทำได้ตามรูปแบบที่ระบบปฏิบัติการเหมือน UNIX ทั้งหลายทำ (ใส่ ทีนี้ตอนลองก็พบว่าถ้าไม่ตั้ง เพียงเท่านี้เราก็จะได้ Carrier logo ของค่ายโทรศัพท์มือถือที่เราต้องการแล้ว ในรูปแบบเดียวกันกับที่ Apple ใช้ Submitted by ezybzy on Wed, 2010-02-03 - 23:05 เมื่อวาน Apple ปล่อย iPhone OS 3.1.3 ออกมา ในฐานะไม่ได้ใช้เครื่อง Jailbreak และเป็นเครื่องปลดก็เลยอัพซะเลย ก็ดูไม่มีอะไรผิดปกตินะ แต่มาทราบภายหลังว่า มันยอมให้กรอกค่า APN ของ Tethering เองแล้ว (เย้!) แต่พอมาลองดูในเครื่องของตัวเอง มันกลับไม่มีช่องให้กรอกค่าพวกนั้นเลย เอาหล่ะงานเข้าแล้ว สงสัยเพราะ IPCC ที่ทำใช้เองแน่เลย เอ้าแล้วทำอย่างไรดีล่ะ ถ้า Restore แล้วมันจะล้างค่า IPCC พวกนี้ทิ้งไปไหมนะ??? ก็เลยลอง Restore ก็พบว่าเครื่องกลับมาใช้ Unknown Carrier ดั่งเดิม แม้จะ Restore from Backup ข้อมูลกลับมาก็ตาม (ถือว่าโชคดีนะที่มันไม่ได้ถูก Backup ไปด้วย) ตอนนี้ก็เหลือปัญหาว่า Custom IPCC ที่ไม่มี signature check เนี่ย จะสามารถทำ Internet Tethering ได้ไหม เพราะถ้ามองตามตรรกะแล้ว ที่มีตัวนี้ก็เพราะไม่อยากจะให้ไปแก้ค่า Setting ของ Carrier ที่ตั้งมา ถ้าเกิดการปลอมแปลงมันก็แค่ใช้การไม่ได้ คนที่ไม่ได้ใช้ Carrier ที่เป็นพันธมิตรก็ใช้ช่องทางปกติคือกรอกค่าทุกอย่างเองหมด หลังจากลองแล้วพบว่าโกง Custom IPCC ให้มี Internet Tethering ไม่ได้แฮะ UPDATE:
มีคนโกง มีคนโกงด้วยการเอาคัดลอกแถบ Submitted by ezybzy on Mon, 2010-01-18 - 20:09 เมื่อวานได้นำเครื่อง iPhone ของพี่ที่รู้จักที่นี่มากู้ข้อมูลเพื่อเตรียมอัพเกรด เลยขอรวบรวมความรู้ที่กระจัดกระจายเสียหน่อยว่าทำอะไรไปบ้าง (คำบรรยายต่อไปนี้ไม่เหมาะแก่ผู้ไม่มีประสบการณ์) เครื่อง iPhone เครื่องนี้เป็นเครื่องจากจากสหรัฐอเมริกาสัปดาห์ที่ 51 ของปี 2007 ถูกติดตั้ง Firmware 2.0 มา ปัญหาคือเขาบอกว่าเขาต้องกรอกรหัสบางอย่างทุกครั้งที่ต่อเข้ากับ iTunes ทำให้ไม่สามารถ Sync ข้อมูลบนเครื่องได้ สำหรับรูปภาพจากกล้อง จะพบปัญหาว่าเมื่อโยนรูปกลับเข้าไปใน นอกจากนี้ให้ตรวจสอบสิทธิ์ของไฟล์ที่นำไปวางกลับสู่ใน iPhone ซึ่งควรจะมีสิทธิ์ของผู้ใช้เป็น การเปิด เมื่อเลิกใช้งานให้ปิด iTunes แล้วจึงพิมพ์คำสั่งต่อไปนี้เพื่อยกเลิก สำหรับ Windows ให้พิมพ์คำสั่งนี้เพื่อเปิดใช้งาน iTunes หรือ ข้อควรระวังสำหรับ สำหรับหลังจากนี้อยากจะทำอะไรเพิ่มเติมก็ตามสะดวกครับ Pagination |