เมื่อเราฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ หัวใจจะเต้นช้าลง และออกซิเจนจะเข้าสู่กระแสเลือด พร้อมกับสื่อสารไปที่สมองให้ผ่อนคลาย Show การศึกษาในมหาวิทยาลัยพบว่า นักศึกษาที่ได้เข้าคอร์สฝึกการหายใจเข้าออกลึก ๆ จะรู้สึกซึมเศร้าน้อยลง กังวลน้อยลง และดื่มแอลกอฮอล์น้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนกลุ่มอื่น การหายใจเข้าออกลึก ๆ ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน ซึ่งสามารถลดความรู้สึกเจ็บปวดได้ แม้การถอนหายใจง่าย ๆ เพียงครั้งเดียวยังช่วยลดความตึงเครียดทางร่างกาย และปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ ปรับการทำงานของสมองให้ดีขึ้น ผลพบว่าผู้เข้าร่วมการศึกษานี้สามารถใช้สมองคิดได้เร็วขึ้น และทำคะแนนได้ดีขึ้น ในการทดสอบคิดเลขเร็ว การเล่นโยคะและเทคนิคการหายใจบางอย่างก็พิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มความสามารถของสมองในการจดจ่อและทำงานอย่างตั้งใจ การหายใจด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragmic breathing) Credit photo: pixabay.com การหายใจด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม (Diaphragmic breathing) หรือที่นิยมเรียกว่า Belly breathing หรือ Abdominal breathing เป็นการหายใจเข้า-ออก ช้าๆ ด้วยการใช้บังคับใช้กล้ามเนื้อกระบังลม ช่วยให้กระบังลมแข็งแรงขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการหายใจ และเมื่อประสิทธิภาพในการหายใจของเราดีขึ้น ร่างกายก็จะได้รับอ๊อกซิเจนมากขึ้น ประโยชน์ของการหายใจด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม
ในขณะที่หายใจเข้า กระบังลมจะเคลื่อนตัวต่ำลง เพื่อช่วยนำอากาศเข้ามาในปอด และในขณะที่หายใจออกกล้ามเนื้อกระบังลมจะยกตัวสูงขึ้นเพื่อช่วยนำอากาศออกจากปอด
ผู้ป่วย COPD (Chronic Obstructive Pulmonary Disease) สามารถใช้การหายใจแบบนี้ในการช่วยให้กล้ามเนื้อกระบังลมแข็งแรงขึ้น และประสิทธิภาพในการหายใจดีขึ้น
ในกรณีผู้ป่วย COPD หรือหอบหืด (Asthma) ปอดมีความยืดหยุ่นหน้อยกว่าคนปกติ ดังนั้นกล้ามเนื้อกระบังลมจะไม่ทำงานได้อย่างเต็มที่ในขณะที่หายใจเข้า และออก ดังนั้นร่างกายจึงต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนคอ และหน้าอกเข้ามาช่วยในการหายใจ และร่างกายไม่สามารถรับอ๊อกซิเจนเข้ามาได้อย่างเต็มที่ในขณะที่ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมทางร่างกาย
การฝึกหายใจด้วยกล้ามเนื้อกระบังลมจะช่วยให้เอาอากาศที่สะสมอยู่ในปอดออกมาได้มากขึ้น ช่วยให้กระบังลมแข็งแรงขึ้น และช่วยเพิ่มปริมาณอ๊อกซิเจนที่หายใจเข้าสู่ร่างกาย ขั้นตอนการหายใจด้วยกระบังลม
By admin1 การหายใจ bellybellybreathbreathingtechniquebreathworkdiaphragmdiaphragmicbreathfreedivekrunookvictoriousbreathzanookdiveกลั้นหายใจการหายใจครูนุ๊กคู่มือฝึกหายใจนอนไม่หลับประโยชน์ของการหายใจฝึกกลั้นหายใจฝึกหายใจฝึกหายใจเบื้องต้นฟรีไดฟ์วิธีรักษาหอบหืดสอนกลั้นหายใจสอนหายใจหอบหืดหอบหืดหายได้หายใจขัดหายใจไม่สะดวกอารมณ์ดีเครียดเรียนดำน้ำเรียนฟรีไดฟ์ - abdominal breathing �������ö�����������Ǣͧ abdomen 㹪�ǧ������� abdomen �оͧ����� ��Ш��غŧ�㹪�ǧ�����͡ �»��Ԩо� abdominal breathing ���ҡ - costal breathing �������ö�����������Ǣͧ��д١����ç �������Ẻ����ѡ��㹪�ǧ����դ����纻Ǵ�ͧ abdomen (�� peritonitis) ��觡��������Ǣͧ������㹪�ͧ��ͧ�з��������纻Ǵ������� ��ҧ��¨�����Ẻ costal breathing ᷹ 㹷ҧ��Ѻ�ѹ�����ҧ����դ����纻Ǵ㹺���dz��ͧ͡ (�� pleuritis) ��ҧ��¡���� abdominal breathing ���������ҡ ลักษณะของการหายใจเข้า เป็นอย่างไรการหายใจเข้า (Inspiration)
กะบังลมจะเลื่อนต่ำลง กระดูกซี่โครงจะเลื่อนสูงขึ้น ทำให้ปริมาตรของช่องอกเพิ่มขึ้น ความดันอากาศในบริเวณรอบ ๆ ปอดลดต่ำลงกว่าอากาศภายนอก อากาศภายนอกจึงเคลื่อนเข้าสู่จมูก หลอดลม และไปยังถุงลมปอด
หายใจเข้าผ่านอะไรบ้างระบบทางเดินหายใจแบ่งตามหน้าที่
หลอดลมทำหน้าที่เป็นการลำเลียงอากาศ : มีหน้าที่นำอากาศจากภายนอกเข้าสู่ปอด เป็นทางผ่านเข้าออกของอากาศเท่านั้น ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนแก๊ส ได้แก่ จมูก, คอหอย, กล่องเสียง, หลอดคอ, หลอดลมใหญ่, หลอดลมฝอย และปลายหลอดลมฝอย
ข้อใดคือกําหนดอัตราการหายใจเข้าสิ่งที่กำหนดอัตราการหายใจเข้าและออก คือ ปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด ถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดต่ำจะทำให้การหายใจช้าลง เช่น เวลานอนหลับ แต่ถ้าปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงจะทำให้มีการหายใจเร็วขึ้น เช่น เมื่อออกกำลังกาย
การยกตัวและหดตัวของกระบังลมส่งผลอย่างไรกับระบบหายใจการที่กล้ามเนื้อกะบังลมหดตัว จะท าให้ กะบังลมลดตัวต่าลงในขณะที่กระดูกซี่โครงจะ ยกตัวขึ้น ส่งผลให้ช่องอกมีปริมาตรเพิ่มขึ้น และความดันภายในช่องอกลดลง อากาศจาก ภายนอกจึงเคลื่อนที่เข้าสู่ปอด เกิดเป็นการ หายใจเข้า Page 11 การหายใจเข้าและการหายใจออก ในทางกลับกันเมื่อกล้ามเนื้อกะบังลมคลายตัว จะท าให้กะบังลมยกตัวสูงขึ้นในขณะ ...
|