ประเภทของคำประพันธ์ไทย - คำประพันธ์ประเภทกลอน - คำประพันธ์ประเภทโคลง - คำประพันธ์ประเภทกาพย์ - คำประพันธ์ประเภทฉันท์ คำประพันธ์ประเภท "กลอน" กลอน คือ ลักษณะคำประพันธ์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะบังคับคณะและสัมผัส แต่ไม่บังคับ เอกโท และ ครุ-ลหุ กลอนสองวรรคเท่ากับหนึ่งบาท กลอนสี่บาทเท่ากับหนึ่งบท วรรคทั้งสี่ของกลอนยังมีชื่อเรียกต่าง ๆ กันอีก คือ ๑. วรรคแรก หรือ วรรคสดับ คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงเต้น (คือนอกจากเสียงสามัญ) จะทำให้เกิดความไพเราะ แต่ถ้าจะใช้เสียงสามัญก็ไม่ห้าม ๒. วรรคสอง หรือ วรรครับ คำสุดท้ายของวรรคนิยมเสียงจัตวา จะใช้เสียงเอก เสียงโทบ้างก็ได้ แต่ไม่ควรใช้เสียงสามัญหรือเสียงตรี ถ้าจะใช้เสียงเอก คำสุดท้ายของวรรครองควรเป็นเสียงตรี ๓. วรรคสาม หรือ วรรครอง คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงสามัญ ไม่ควรใช้ คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์ ๔. วรรคสี่ หรือ วรรคส่ง คำสุดท้ายของวรรคนิยมใช้เสียงสามัญ ห้ามใช้คำตายและคำที่มีรูปวรรณยุกต์ จะใช้คำตายเสียงตรีบ้างก็ได้ ในที่นี้เราจะมาเรียนรู้รูปแบบฉันทลักษณ์ในการแต่งคำประพันธ์ประเภทกลอน ๓ ประเภท ด้วยกัน คือ - กลอนสุภาพ - กลอนสักวา - กลอนดอกสร้อย คำประพันธ์ประเภท " โคลง " โคลงสี่สุภาพ เป็นคำประพันธ์ประเภทร้อยกรองชนิดหนึ่ง ซึ่งมีปรากฏในวรรณคดีไทยมานานแล้ว วรรณคดีไทยฉบับที่เก่าและมีชื่อเสียงมากฉบับหนึ่งคือ "ลิลิตพระลอ" มีโคลงสี่สุภาพบทหนึ่งถูกยกมาเป็นบทต้นแบบที่แต่งได้ถูกต้องตามลักษณะบังคับของโคลงสี่สุภาพ คือนอกจากจะมีบังคับสัมผัสตามที่ต่าง ๆ แล้ว ยังบังคับให้มีวรรณยุกต์เอกโทในบางตำแหน่งการประพันธ์โคลงสี่สุภาพ ลักษณะโคลงสี่สุภาพ ส่วนที่บังคับ เอก โท (เอก ๗ โท ๔) ดังนี้ บาทที่ ๑ (บาทเอก) วรรคแรก คำที่ ๔ เอก และคำที่ ๕ โท บาทที่ ๒ (บาทโท) วรรคแรก คำที่ ๒ เอก วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ ๒ โท บาทที่ ๓ (บาทตรี) วรรคแรก คำที่ ๓ เอก วรรคหลัง คำที่ ๒ เอก บาทที่ ๔ (บาทจัตวา) วรรคแรก คำที่ ๒ เอก คำที่ ๕ โท วรรคหลัง คำแรก เอก คำที่ ๒ โท แผนผังโคลงสี่สุภาพ
คำประพันธ์ประเภท "กาพย์" ฉันทลักษณ์ในการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ ๓ ชนิดด้วยกัน ดังนี้ - กาพย์ยานี ๑๑ - กาพย์ฉบัง ๑๖ - กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คำประพันธ์ประเภท "ฉันท์" แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์
https://sites.google.com/site/ssruthai๐20/laksna-kha-praphanth-thiy
|