เส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ

อังคาร ก.พ. 10

ผู้เขียน:  นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ สพจ.อย. จาก สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เมื่อวันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 08:31 น.

 

อ่าน 1,722

การขนส่งทางน้ำในเมียนมา

          การคมนาคมขนส่งทางน้ำภายในประเทศ นับว่ามีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเมีย นมาเป็นอย่างมาก และยังเป็นเส้นทางคมนาคมหลักมาตั้งแต่อดีต เนื่องจากพื้นที่บริเวณปากน้ำแม่น้ำอิระวดีมีทางน้ำอยู่มากมาย และเป็นเขตที่มีประชากรพลเมืองอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุด เมียนมาร์มีแม่น้ำสายสำคัญ 4 สาย ดังนี้

1.แม่น้ำเอยาวดี (Ayeyarwaddy) เดิมชื่ออิระวดี เป็นแม่น้ำที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสูงสุดของประเทศ มีความยาว 2,170 กิโลเมตร

2.แม่น้ำตาลวิน (Thanlyin) เดิมเรียกสาละวิน มีความยาว 1,270 กิโลเมตร โดยไหลมาจากทิเบตผ่านมณฑลยูนานและประเทศไทยมาออกทะเลอันดามันที่มณฑลเมาะลำใย

3.แม่น้ำซิทตวง (Sittaung) ไทยเรียกว่าแม่น้ำสะโตง มีความยาว 400 กิโลเมตร อยู่ทางภาคกลางฝั่งตะวันออกของประเทศ ไหลมาทางทิศใต้จากที่ราบสูงฉานมาออกทะเลอันดามันที่อ่าวมาตาบัน (Martaban) แม่น้ำซิทตวงเป็นเส้นทางขนส่งไม้ซุง โดยเฉพาะไม้สักเพื่อการส่งออก

4.แม่น้ำชินวิน (Chindwin) มีความยาว 960 กิโลเมตรไหลจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ของประเทศมาบรรจบกับแม้น้ำเอยาวดีที่มัณฑะเลย์

                 นอกจากนี้ เมียนมายังมีความยาวชายฝั่งทะเล 2,832 กิโลเมตร ท่าเรือสำคัญอยู่ที่ย่างกุ้ง ซิทต่าย (Sittway) เจ้าฟิว (Kyau Kphyu) ตานต่วย (Thandwe) ในรัฐยะไข่ ท่าเรือปะเตง (Pathein) ในมณฑลเอยาวดี ท่าเรือเมาะลำใย (Mawlamyaing/มะละแหม่ง) ในรัฐมอญ ท่าเรือทแว (Dawai/ทวาย) ท่าเรือเมก (Myeik) ท่าเรือก้อตาว (Kaw-Thang/เกาะสอง) ในมณฑลตะนาวศรี

โดย สำนักงาน ก.พ.วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558

เส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ

คำค้นหา

เศรษฐกิจ

20 ธ.ค. 2564 เวลา 15:04 น.313

คมนาคมดันแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำ เตรียมชง คจร.เพิ่มโครงข่าย 285 กิโลเมตร รวม 14 เส้นทางเดินเรือครอบคลุมกรุงเทพฯ - ปริมณฑล หวังแก้ปัญหาการจราจรแออัด เชื่อประชาชนใช้บริการเพิ่ม 3.5 แสนคนต่อวัน

นายสุรพงษ์ เมี้ยนมิตร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงการศึกษาเส้นทางทางน้ำ และจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น โดยระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดบริการขนส่งทางน้ำในคลองอื่นๆ ที่ขนานกับถนนสายหลัก เพื่อลดปริมาณการจราจรบนถนน

โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ สนข.ศึกษาเส้นทางทางน้ำ และจัดทำแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น เพื่อเป็นระบบขนส่งเสริม และทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อผลักดันแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำไปสู่การปฏิบัติต่อไป

อย่างไรก็ดี สนข.ได้จัดสัมมนาในประเด็นดังกล่าว วันนี้ (20 ธ.ค.) เป็นการนำเสนอผลการศึกษาของโครงการแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลและการเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่น กรุงเทพมหานคร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสั่งการ

ซึ่งแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้

1. โครงข่ายการเดินทางทางน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 3 ระยะ 14 เส้นทางประกอบด้วย

ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2565 – 2570) จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่

S1 : เส้นทางเดินเรือในคลองแสนแสบส่วนต่อขยาย ช่วงวัดศรีบุญเรืองถึงถนนสุวินทวงศ์ (ระยะทาง 12 กิโลเมตร) และเส้นทางเดินเรือในคลองบางลำพู ช่วงสะพานผ่านฟ้าลีลาศถึงป้อมพระสุเมรุ  (ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร)

S2 : เส้นทางเดินเรือในคลองขุดมหาสวัสดิ์ ช่วงประตูน้ำมหาสวัสดิ์ถึงวัดชัยพฤกษมาลา (ระยะทาง 28 กิโลเมตร)

S3 : เส้นทางเดินเรือในคลองบางกอกน้อย ช่วงวัดชะลอถึงศิริราช (ระยะทาง 7.1 กิโลเมตร)

S4 : เส้นทางเดินเรือในคลองลาดพร้าว ช่วงสายไหมถึงพระโขนง (ระยะทาง 25.7 กิโลเมตร)

S5 : เส้นทางเดินเรือในคลองเปรมประชากร ช่วงวัดรังสิตถึงบางซื่อ (ระยะทาง 20.5 กิโลเมตร)

ระยะกลาง (พ.ศ. 2571-2575) จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่

M1 : เส้นทางเดินเรือในคลองประเวศบุรีรมย์ส่วนต่อขยาย ช่วงตลาดเอี่ยมสมบัติถึงวัดสังฆราชา (ระยะทาง 21.4 กิโลเมตร)

M2 : เส้นทางเดินเรือในคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ช่วงตลาดรังสิตถึงโลตัสคลอง 7 (ระยะทาง 18 กิโลเมตร)

M3 : เส้นทางเดินเรือในคลองลาดพร้าวส่วนต่อขยาย (คลองสอง) ช่วงถนนสายไหม-คูคต ถึงประตูน้ำคลองสอง (ระยะทาง 8.5 กิโลเมตร)

M4 : เส้นทางเดินเรือในคลองภาษีเจริญส่วนต่อขยาย ช่วงถนนเพชรเกษม 69 ถึงประตูน้ำกระทุ่มแบน (ระยะทาง 16.5 กิโลเมตร)

M5 : เส้นทางเดินเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาส่วนต่อขยาย ช่วงปากเกร็ดถึงที่ว่าการอำเภอเมืองจังหวัดปทุมธานี (ระยะทาง 15 กิโลเมตร)

ระยะยาว (พ.ศ. 2576-2585) จำนวน 4 เส้นทาง ได้แก่

L1 : เส้นทางเดินเรือในคลองอ้อมนนท์ ช่วงวัดโตนดถึงแยกคลองบางกรวย (ระยะทาง 18.3 กิโลเมตร)

L2 : เส้นทางเดินเรือในคลองบางกอกใหญ่ ช่วงแยกคลองบางขุนศรีถึงวัดกัลยาณมิตร (ระยะทาง 6.2 กิโลเมตร)

L3 : เส้นทางเดินเรือในคลองมอญ ช่วงถนนอรุณอัมรินทร์ถึงแยกคลองบางขุนศรี (ระยะทาง 3 กิโลเมตร)

L4 : เส้นทางเดินเรือในคลองชักพระ ช่วงถนนบางขุนนนท์ถึงถนนจรัญสนิทวงศ์ 25 (ระยะทาง 5.2 กิโลเมตร)

เส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญ

2. การดำเนินการตามแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงสภาพทางกายภาพของคลอง เช่น การขุดลอกคลอง การจัดทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง การปรับปรุงท่าเรือ การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณท่าเรือ และการพัฒนาจุดเชื่อมต่อการเดินทางรูปแบบอื่นเพื่อเพิ่มความสะดวกและเป็นทางเลือกในการเดินทางให้ประชาชน

3. ส่วนการเดินเรือ ตามแนวยุทธศาสตร์ของกระทรวงคมนาคมมุ่งเน้นการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดภัย (GREEN TRANSPORT) และเน้นการใช้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทางเลือก เช่น
การใช้เรือไฟฟ้า เป็นต้น

4.  ส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นต้องดำเนินการเพื่อให้แผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เช่น ด้านการพัฒนาทางเลือกในการเดินทางที่มีประสิทธิภาพรองรับการเดินทาง อาทิ การส่งเสริมการเดินทางในเส้นทางเดินเรือที่มีศักยภาพ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือ สิ่งอำนวยความสะดวก แม่น้ำและคลองให้พร้อมต่อการเดินเรือ ด้านการยกระดับการเดินทางทางน้ำให้เชื่อมโยงกับการเดินทางรูปแบบอื่นแบบไร้รอยต่อ อาทิ การเชื่อมโยงการเดินทางทางน้ำกับการเดินทางรูปแบบอื่น และการเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงท่าเรือ ด้านการเพิ่มการใช้ประโยชน์จากระบบการเดินทางทางน้ำอย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ อาทิ การเพิ่มความสามารถและความเข้มแข็งของการให้บริการของผู้ประกอบการ และการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ และด้านการปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการพัฒนาการเดินทางทางน้ำ อาทิ การปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และการเพิ่มบทบาทเอกชนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการท่าเรือและการจัดการให้บริการเดินเรือในแม่น้ำและคลอง

โดยผลการดำเนินงานตามแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ จะเพิ่มความยาวโครงข่ายการเดินทาง
ทางน้ำ จาก 77 กิโลเมตรในปัจจุบัน เป็น 285 กิโลเมตรในอนาคต จำนวนเส้นทางเดินเรือ เพิ่มขึ้นจาก
5 เส้นทางในปัจจุบัน เป็น 14 เส้นทางในอนาคต จำนวนท่าเรือ เพิ่มขึ้นจาก 118 ท่า ในปัจจุบัน เป็น 277 ท่า ในอนาคต จำนวนจุดเชื่อมต่อ ล้อ-ราง-เรือ เพิ่มขึ้น เป็น 45 จุด ในอนาคต และปริมาณผู้โดยสารทางน้ำ เพิ่มขึ้นจาก 193,000 คนต่อวัน เป็น 354,000 คนต่อวัน ในอนาคต

โดยความสำเร็จของแผนพัฒนาการเดินทางทางน้ำฯ จะเกิดขึ้นได้ ก็จากความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะทำให้การเดินทางทางน้ำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ เข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม