ระบบศักดินามีความสำคัญต่อสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างไร

�к��ѡ�Թ�

�ѧ��������ͧ��趡��§�Ң����ػ���ҡ ���ҧ�á��� �ѡ����ѵ���ʵ����ǹ�˭��դ�������ʹ���ͧ�����§�ѹ��� �к��ѡ�Թ���ظ�ҹ�Ҩ��繡�èѴ����º�ҧ�ѧ�����¡�è�ṡ�ҹ��ѧ���ͧ��ЪҪ�������٧�ش���֧����ش ��˹�˹�ҷ������Ѻ�Դ�ͺ ����Է��� ����Է�Ե�ҧ � ���ؤ��������дѺ�����ѧ������ö�������������� ���ըӹǹ���� �����ѡ�Թ��ҡ����������ͧ�ʴ��觪��ҹ��٧��ӵ���ӴѺ ��ҹ�����;�к��ǧ�ҹ�ǧ�� ��˹��ѡ�Թ� �����ҧ 100,000 - 500 ��� �ѡ�ԹҢع�ҧ �����ҧ 10000 - 400 ��� �ǡ����Ҫ��âع���蹵�ӡ��� 400 ���ŧ�Ҩ��֧ 30��� �ǡ����������ҧ��ѡ�Թ������ҧ 25 - 10��� �Ҩ� dzԾ� ��� �١��� ���ѡ�Թ� 5 ��� ���ʧ���ѡ�Թ������ҧ 2,400 -100 ���

���ء����зء�дѺ��鹨����ѡ�Թһ�Шӵ�� ¡��鹾����ҡ�ѵ������§���ͧ������ �ç����������Ҫ����Ҫ��Ե�������蹴Թ �ա�ç�繼�����Ҫ�ҹ�ѡ�Թ���������蹴Թ�ء��

�к��ѡ�Թ�

  1. ��Ңع��Ź���繪���ǹ���·�����ͺ��ͧ���Թ �����ǹ������������ 2 ��ǹ ���

    1.1 �ǡ��� �繾ǡ������Ѻ��鷸�����շ�Ѿ���Թ��ǹ����� ��˹�ҷ��ӧҹ���׹�蹴Թ�׹˹�� ����ͷ��Թ�١�͹������Ңͧ��������ԡ�������ҹ���ͧ���仴��� �ż�Ե������Ӷ١���� ���� �����ҹ��

    1. �ǡ��������ժ� ������� ��ͧ��ҷ��ͧ����蹴Թ �¡���·����������������� ����բ�ͼ١�Ѵ�Ѻ���Թ
  2. ���к���ä��Ẻ�١�Ҵ ��� ��Ңع��Ź���繾�ͤ�Ҥ���ҧ�����ҧ���ͨҡ��ͤ�ҡѺ��ЪҪ�
  3. �Ѱ����ѡ�Թ��繤�С�������ѡ�ҼŻ���ª��ͧ���������蹴Թ�µç ���˹觻�иҹ ��� ��ѵ���� ���� �������蹴Թ ��û�С���͹���Թ�������繻�иҹ����§�������
  4. �ѡɳзҧ�Ѳ������ͧ�к��ѡ�Թ� ��� �ǡ����鹺ѧ�Ѻ����ЪҪ�¡��ͧ���Ǵ� ���ӹҨ�����ǡ������������٧⤵õ�С�� ʵ�ըж١����´�������������ӡ����Ȫ��
  5. �ҹ�ͧ��ЪҪ���к��ѡ�Թ��ؤ�鹢ͧ�ѡ�Թ� �繼��ӧҹ���׹�Թ����������ҡ����Ѻ��ҷ��Թ

��ػ��������ǡѺ���Թ㹵͹����ظ��

    • ��ѵ��������Ңͧ�蹴Թ�˭� �ա����Է����索Ҵ
    • ��ЪҪ���ǹ�ҡ����ա����Է���㹷��Թ ��ͧ����·��Թ�ͧ��ѵ��������ҡԹ�µ�ͧ�����ҡ�
    • �Է���͡���˹�ͷ��Թ������§�������ͧ��ǧ
    • �к�ᨡ���·��Թ��������դ����ͺ��Ҫ��� ��ҡ��բ�鹪Ѵਹ

    Ref : http://www.geocities.com/m6_7_mp/new_page_26.htm 10/06/2008

    ระบบศักดินามีความสำคัญต่อสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างไร

    จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เช่น ศิลาจารึกสุโขทัย และจดหมายเหตุของจีน ทำให้เราทราบว่า ศักดินาไม่ได้มีเมื่อสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ แต่ได้มีมานานแล้ว เป็นเพียงแต่พระองค์ได้ทรงวางหลักเกณฑ์และปรับปรุงใหม่เท่านั้น  กฎหมายกำหนดศักดินานี้ปรากฏชัดเจนครั้งแรกใน พ.ศ. 1997 ว่าพระบรมไตรโลกนาถโปรดฯ ให้ตรากฎหมาย 2 ฉบับเรียกว่า พระอัยการตำแหน่งนาพลเรือน กับพระอัยการตำแหน่งนาทหารหัวเมือง ซึ่งเป็นรากฐานของระบบศักดินาของอยุธยา ซึ่งได้ใช้เรื่อยมาจนกระทั่งสมัยรัตนโกสินทร์   โดย กำหนดให้บุคคลทุกประเภทในสังคมไทยมีศักดินาด้วยกันทั้งสิ้น นับตั้งแต่พระบรมวงศานุวงศ์ ขุนนางผู้ใหญ่ ลงไปถึงบรรดาไพร่ ทาส และพระสงฆ์ ประหนึ่งว่าแต่ละคนมีที่ดินจำนวนหนึ่งตามฐานะสูงต่ำของตนจาก 5-100,000 ไร่  ยกเว้นองค์พระมหากษัตริย์ ซึ่งมิได้ระบุศักดินาเอาไว้ เพราะทรงเป็นเจ้าของศักดินาทั้งปวงทั่วราชอาณาจักรและดำรงอยู่ในฐานะเทวราชา มูลเหตุที่ทรงกำหนดให้มีศักดินาเป็นเพราะ ในสมัยนั้นข้าราชการและพระบรมวงศานุวงศ์ ยังไม่มีเงินเดือน เงินปีอย่างสมัยนี้ จึงใช้วิธีพระราชทานที่ดินให้มากน้อยตามฐานะแต่ความเป็นจริง แล้วก็ไม่ได้มีที่ดินไว้ในครอบครองตามที่กำหนด แต่อย่างไรก็ตาม ศักดินาจึงหมายถึงสิ่งที่กำหนด สิทธิ หน้าที่ ชั้นฐานะของบุคคล ความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลที่มีต่อบ้านเมือง ศักดินายังมีอิทธิในทางด้านกฎหมายและด้านอื่นๆด้วย

    ลักษณะสำคัญของระบบศักดินา

    หลายคนเข้าใจผิดว่าการปกครองในยุคศักดินา เป็นการปกครองที่มีพระเจ้าแผ่นดินที่มีอำนาจเข้มแข็ง แต่ที่จริงแล้วระบบศักดินามีองค์ประกอบสามอย่างที่ทำให้พระเจ้าแผ่นดินมี อำนาจจำกัดคือ

    (๑) ระบบการปกครองแบบศักดินาไม่มีข้าราชการ ระบบข้าราชการไทยตั้งขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ ฉนั้นพระเจ้าแผ่นดินในยุคศักดินาต้องแบ่งอำนาจในการปกครองกับ ขุนนาง มูลนาย และเจ้าหัวเมือง

    (๒) การที่ระบบการผลิตอาศัยการเกณฑ์กำลังงานแรงงานบังคับโดยมูลนายและขุนนาง มีส่วนทำให้พระเจ้าแผ่นดินต้องแบ่งอำนาจทางเศรษฐกิจการผลิตให้กับมูลนายและ ขุนนางอีกด้วย

    (๓) อำนาจของ “เมืองหลวง” เช่นอยุธยา หรือ กรุงเทพฯ ในระบบศักดินา จะลดลงในสัดส่วนที่เท่ากับความห่างจากตัวเมือง เพราะเมืองห่างๆ ไม่จำเป็นต้องกลัวการส่งกองกำลังมาปราบปรามเท่ากับเมืองที่อยู่ใกล้ศูนย์ กลาง นอกจากนี้ “หัวเมือง” อาจเป็น “หัวเมือง” ของเมืองอำนาจศูนย์กลางอื่นๆ หลายเมืองพร้อมๆกัน ระบบการแผ่อำนาจแบบวงกลมซ้อนๆนี้ เรียกว่าเป็นระบบ Mandala หรือ Galactic Polity – คือระบบดวงดาวที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ มันเป็นระบบที่ไม่มีแผนที่ ไม่มีพรมแดน เพราะเน้นควบคุมคนและชุมชนเป็นหลัก

    ที่มา     http://redcyberclub.thai-forum.net/t79-topic

    http://learners.in.th/blog/thelaw1/336370

    ระบบแมเนอร์ หรือ ศักดินายุโรป

    ระบบศักดินามีความสำคัญต่อสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างไร

    พื้นฐานและที่มาของระบบ

    ระดับชั้นในระบบศักดินาของตะวันตกเป็นระบบสังคมและเศรษฐกิจที่เป็นระบบ ที่ใช้ในสังคมของยุโรปอย่างกว้างขวางในยุคกลาง หัวใจของระบบคือการมอบดินแดนให้เป็นการแลกเปลี่ยนกับการสนับสนุนทางการทหาร

    ธรรมชาติของระบบศักดินาเป็นระบบที่สร้างระดับชั้นในสังคม ที่ผู้มีส่วนร่วมต่างก็ทราบฐานะและหน้าที่ของตนในระบบสังคมนั้น ว่ามีความเกี่ยวข้องและรับผิดชอบต่อผู้ใดที่เหนือกว่า และต่ำกว่าตนเองอย่างใด การรักษาความสัมพันธ์ดังว่าเป็นไปตามการสืบดินแดนตามกฎบัตรต่างๆ หรือประเพณีที่วางไว้อย่างเคร่งครัด แต่กฎของประเพณีอันสำคัญที่สุดและปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดที่สุดคือกฎสิทธิของบุตรคนแรกซึ่งหมายความว่าสมบัติ/ที่ดินทุกอย่างของผู้ที่เสียชีวิตต้องตกเป็นของบุตรชายคนโตเท่านั้น

    บุคคลในสังคมระบบศักดินาเป็น "บริวาร" (vassal) หรือ "ข้า" ของประมุข ฉะนั้นจึงต้องสาบานความภักดีต่อประมุข ผู้ที่มีความรับผิดชอบและหน้าที่ในการพิทักษ์และรักษาความยุติธรรมให้แก่ผู้ อยู่ภายใต้การปกครอง สังคมระบบศักดินาเป็นสังคมที่สมาชิกในสังคมมีความภักดีและหน้าที่รับผิดชอบ ต่อกันและกัน เป็นสังคมที่ประกอบด้วยผู้ครองดินแดนผู้เป็นทหารและชนชั้นแรงงานที่เป็น เกษตรกร ขุนนางที่เป็นผู้ครองดินแดนที่ว่านี้ก็รวมทั้งสังฆราชเพราะสังฆราชก็เป็นผู้ครองดินแดนเช่นเดียวกับฆราวาส ชนชั้นที่ต่ำที่สุดในระบบนี้คือเกษตรกร หรือ villeins ต่ำกว่านั้นก็เป็นข้าที่ดิน (serfs)

    ระบบศักดินารุ่งเรืองมาจนกระทั่งเมื่อระบบการปกครองโดยพระมหากษัตริย์ผู้ มีอำนาจจากศูนย์กลางมีความแข็งแกร่งขึ้น ก่อนหน้านั้นผู้มีอำนาจที่แท้จริงคือขุนนางผู้ครองดินแดน ผู้มีเกษตรกรอยู่ภายใต้การปกครองผู้มีหน้าที่เสียค่าธรรมเนียมต่างๆ ระบบการศาลก็เป็นระบบที่ทำกันในท้องถิ่นที่ปกครอง ระบบก็จะแตกต่างกันออกไปบ้างแต่โดยทั่วไปแล้วเกษตรกรก็จะมีที่ดินทำมาหากิน แปลงเล็กๆ หรือแปลงที่ร่วมทำกับผู้อื่นที่ใช้เป็นที่ปลูกอาหารสำหรับตนเองและครองครัว และมีสิทธิที่จะหาฟืนจากป่าของผู้ครองดินแดนมาใช้ ระบบที่ใช้กันมากคือระบบการแบ่งที่ดินเป็นผืนยาวๆ รอบดินแดนของเเมเนอร์

    ระบบศักดินาตะวันตกที่วิวัฒนาการขึ้นในขณะที่บ้านเมืองอยู่ในสภาพอัน ระส่ำระสายในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ในฝรั่งเศสเป็นระบบที่ทำให้สร้างความมีกฎมีระเบียบขึ้นบ้าง การเป็นเจ้าของดินแดนก็อาจจะได้มาโดยการยินยอมหรือการยึดครอง ผู้ครองดินแดนใหญ่ๆ อาจจะได้รับหน้าที่ทางกฎหมายและทางการปกครองจากรัฐบาลกลางพอสมควร เมื่อมาถึงระดับดินแดนในปกครองผู้ครองดินแดนก็อาจจะทำข้อตกลงกับเจ้าของดิน แดนที่ย่อยลงไปอื่นๆ ในการก่อตั้งกองทหารท้องถิ่นเพื่อการป้องกันตนเอง ระบบศักดินาเป็นระบบที่มีกฎหมายและจารีตที่เป็นของตนเองที่มามีบทบาทอัน สำคัญในประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของยุโรปในยุคกลาง ระบบศักดินานำเข้ามาใช้ในอังกฤษโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษใน ปี พ.ศ. 1609 แต่ทรงริดรอนอำนาจจากขุนนางที่เป็นบริวารของพระองค์เป็นอันมากและใช้ระบบการ บริหารจากส่วนกลาง ระบบศักดินามีองค์ประกอบสามอย่าง: เจ้าของที่ดิน, ที่ดิน และ รัฐบาล สมาชิกในระบบศักดินารวมทั้งพระมหากษัตริย์ผู้เป็นประมุขของระบบ แต่ละคนต่างก็มีอภิสิทธิ์แตกต่างกันไปตามที่ระบุตามกฎระบบศักดินาในการรับ ผิดชอบต่อหน้าที่ที่กำหนด

    ระดับชั้นในระบบศักดินา

    ระบบศักดินา หรือ ระบบสามนตราช (Feudalism) ของยุโรปนี้แตกต่างจากระบบศักดินาไทยอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นระบบดังกล่าวข้างต้น ที่มีนาย และข้า ถัดลงไปตามลำดับ โดยระดับสูงคือจักรพรรดิที่อาจมีรัฐบริวาร (Vassal) รองลงมาคือ กษัตริย์ และ อาร์คดยุค เช่นในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) กษัตริย์ก็มีข้ารองลงมา ปกครองดินแดนย่อยลงไปคือ ดยุค และถัดไปตามลำดับ ขุนนางและผู้ครองดินแดนของยุโรปแบ่งออกเป็น 5 ระดับดังนี้

    1. ดยุค
    2. มาร์ควิส
    3. เอิร์ล (อังกฤษ) หรือ เคานท์ หรือ มากราฟ (ภาคพื้นยุโรป)
    4. ไวส์เค้านท์
    5. บารอน

    ตำแหน่งต่างๆ เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นตำแหน่งสืบสกุล พระมหากษัตริย์มีสิทธิที่จะพระราชทานตำแหน่งใหม่ หรือเพิกถอน หรือผนวกดินแดนเป็นของหลวง แต่ละตระกูลจะสืบสกุลไปจนกว่าจะสิ้นบุตรชายหรือถูกปลดหรือถูกผนวกโดยดินแดน อื่น ลักษณะของดินแดนที่ครองก็เปลี่ยนไปตามความผันผวนทางการเมือง, การแบ่งแยกที่ดินระหว่างทายาท หรือการรวมตัวกันเป็นสหอาณาจักร และอื่นๆ บางตำแหน่งก็เป็นตำแหน่งเลือกตั้งหรือการเลื่อนระดับเช่นตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครของอาณาจักรสมเด็จพระสังฆราช แม้ว่าผู้ครองดินแดนเหล่านี้อาจจะไม่เป็นข้าราชการโดยตรงแต่ก็มีหน้าที่รับ ผิดชอบต่อผู้เหนือกว่า ขุนนางเหล่านี้จะมี ที่ดิน หรือ Estate เป็นของตนเอง มีข้าที่ดิน (serfs) คือสามัญชนที่ทำกินในที่ดินของขุนนาง และต้องจ่ายภาษีให้ขุนนางเจ้าของที่ดินนั้น และขุนนางมีอำนาจตัดสินคดีความในเขตของตน และจะต้องส่ง ทหารที่พร้อมรบ ไปรวมทัพกับกษัตริย์ในกรณีที่มีการระดมพล ในการทำสงคราม ขุนนางจะต้องรับผิดชอบ เกณฑ์คนในเขตของตนไปร่วมกองทัพ

    ที่มา     http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2