แม้ว่าจะมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผิววางจำหน่ายในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก
แต่สำหรับเด็ก หรือผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย หรือแม้แต่ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบเป็นผื่นภูมิแพ้ ผื่นแพ้ผิวหนัง ควรเลือกสารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ประกอบด้วยส่วนผสมที่อ่อนโยนและปลอดภัย ไม่ผสมสารปรุงแต่งอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดการะคายเคือง นอกจากการดูแลฟื้นบำรุงผิวในช่วงที่ผิวอักเสบ หรือมีผื่นแดงเห่อแล้ว เมื่อการสงบลงก็ควรเลือกสกินแคร์ดูแลผิวที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ
ในการดูแลปกป้องผิว มาช่วยใช้ในการดูแลและเต็มเติมสารสำคัญหลักในผิว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดโอกาสการกลับเป็นซ้ำของผิวอักเสบหรือผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง Omega Balm ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
สำหรับผู้ที่กำลังมีปัญหาผิวแห้ง ระคายเคืองง่าย แดง คัน ผิวอักเสบเป็นผื่นภูมิแพ้ หรือผดผื่น ด้วยสาร Licochalcone A ที่สกัดจากธรรมชาติช่วยลดปัญหาผิวแห้ง และการระคายที่มีสาเหตุจากผิวแห้ง ผสาน Omega 3 & 6 fatty acids และ ceramindes ช่วยเติมไขมันที่จำเป็น เพื่อคืนความชุ่มชื้น พร้อม Shea Butter ที่ช่วยฟื้นบำรุงชั้นปกป้องผิวให้มีสุขภาพดีขึ้น Complete Repair Moisture Lotion
โลชั่นผิวแห้งสำหรับ ดูแลปัญหาผิวแห้งในช่วงที่ไม่ได้มีอาการผื่นแดงเห่อ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย 3 สารสำคัญ กับการเติมสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ (NMFs) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการยึดเกาะความชุ่มชื้นของผิวชั้นบน เสริมชั้นปกป้องผิวให้แข็งแรงขึ้น และเซราไมด์ ที่ช่วยลดการสูญเสียความชุ่มชื้นออกจากผิว ร่วมกับ Gluco-Glycerol ช่วยเพิ่มเครือข่ายการส่งผ่านโมเลกุลน้ำไปยังผิว ให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นขึ้น ชั้นปกป้องผิวแข็งแรงขึ้น ผิวแลดูสุขภาพดีได้ยิ่งขึ้น การดูแลผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นด้วยการใช้สารเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเป็นประจำสม่ำเสมอ
นอกจากจะดีต่อสุขภาพผิวในคนทั่วไปแล้ว ยังช่วยลดการกลับมาเป็นซ้ำของผิวอักเสบ ผื่นในผู้ป่วยโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังได้อีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถลดการใช้ยาสเตียรอยด์ลงได้ในระยะยาว การเอาใจใส่ดูแลผิวให้มีความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก โรคผื่นแพ้อักเสบ หรือที่เรียกว่า Eczema เป็นโรคที่พบบ่อยมากในกลุ่มของโรคที่เกิดจากภูมิแพ้ จากสถิติแผนกอายุรกรรมภายนอกของทางคลินิกในหลายปีที่ผ่านมานั้น พบว่ามีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาด้วยโรคผื่นแพ้อักเสบมากเป็นอันดับ 1 โดยพบได้ในกลุ่มคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงวัยชรา เป็นได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ผู้ป่วยจะมีผื่นแดง คัน เกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย มักจะกำเริบได้ง่าย ระยะเวลาที่เป็นรวมถึงความรุนแรงของโรคแตกต่างกันไปในรายบุคคล ผู้ที่ในครอบครัวมีประวัติกลุ่มโรคภูมิแพ้ ผื่นแพ้อักเสบ หอบหืด ลมพิษ ภูมิแพ้จมูกอักเสบ ภูมิแพ้อากาศ จะมีโอกาสเป็นโรคผื่นแพ้อักเสบสูงกว่าปกติ สาเหตุการเกิดโรค แบ่งเป็น 1.2 Allergic contact dermatitis (ACD) ซึ่งเป็นปฏิกิริยาภูมิแพ้ของร่างกายต่อสารสัมผัส เช่น การแพ้โลหะนิเกิล, สารในยาย้อมผม, ผลิตภัณฑ์จากยาง เช่น ถุงมือยาง รองเท้า , น้ำหอม หรือสารกันบูดในเครื่องสำอาง เป็นต้น ACD จะพบประมาณ 20% ของผู้ป่วยผื่นสัมผัส 2. สาเหตุจากสิ่งกระตุ้นภายในร่างกาย (Endogenous หรือ Constitutional eczema) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อาจเกี่ยวของกับพันธุกรรม โรคในกลุ่มนี้เรียกชื่อตามลักษณะผิว สาเหตุและบริเวณเป็น ดังนี้ 2.2 Seborrheic dermatitis ผิวหนังอักเสบเรื้อรังบริเวณที่มีต่อมไขมันหน้าแน่น มีขุยสะเก็ดมัน (Greasy scales) ร่วมด้วย เช่น ใบหน้า (โดยเฉพาะบริเวณปีกจมูก เหนือคิ้ว) หนังศีรษะ ลำตัวส่วนบน เป็นต้น 2.3 Nummular eczema ผิวหนังอักเสบรูปร่างกลมหรือรี ขอบเขตชัดเจน 2.4 Dyshidrotic eczema ตุ่มน้ำจมอยู่ในผิวหนังบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า 2.5 Pityriasis alba (กลากน้ำนม) ผื่นผิวหนังอักเสบที่มักพบบริเวณใบหน้าในเด็กและวัยรุ่น 2.6 Xerotic eczema พบได้ในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ชอบอาบน้ำร้อน ผิวจะมีรอยแตกคล้ายดินที่แตกระแหง แห้ง แดง คัน มีขุย มักพบบริเวณขา หน้าแข้ง ต้นแขน ลำตัว มือของผู้สูงอายุ 2.7 Stasis eczema ผื่นผิวหนังอักเสบที่เกิดจากเส้นเลือดบริเวณขาส่วนล่างไหลเวียนติดขัด มักพบในผู้ป่วยวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ อาจมีอาการข้อเท้าบวมร่วมด้วย 2.8 Neurodermatitis เป็นผื่นผิวหนังอักเสบชนิดเรื้อรัง ผิวแข็ง หยาบกร้าน หนาขึ้นจนเห็นลายที่ผิวคล้ายเปลือกไม้ (Lichenification) ซึ่งเกิดจากการถูและเกาเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ อาจมีปัจจัยด้านอารมณ์ เช่นความเครียด กังวล มาเกี่ยวข้อง มักพบบริเวณท้ายทอย คอ ข้อเท้า ขา หลังมือ กระเบนเหน็บ เป็นต้น ผื่นแพ้อักเสบสามารถแบ่งตามระยะการดำเนินโรคออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเฉียบพลัน ระยะกึ่งเฉียบพลัน และ ระยะเรื้อรัง ระยะเฉียบพลัน ระยะกึ่งเฉียบพลัน ระยะเรื้อรัง โรคผื่นแพ้อักเสบในมุมมองแพทย์แผนจีน การวินิจฉัยแยกกลุ่มอาการและหลักการรักษา 2. กลุ่มอาการความร้อนความชื้นแทรกซึม 3.
กลุ่มอาการความชื้นสะสมจากม้ามพร่อง 4. กลุ่มอาการเลือดพร่องทำให้เกิดลมแห้ง ยาใช้ภายนอก 2. ระยะกึ่งเฉียบพลัน 3. ระยะเรื้อรัง ข้อแนะนำสำหรับคนไข้โรคผิวหนัง 2. อาหารที่ควรงด-หลีกเลี่ยง : เนื้อแพะ เนื้อวัว อาหารทะเล ของที่มีรสเผ็ดร้อน เห็ดต่างๆ หน่อไม้ อาหารแสลงเช่น ของหมักดอง (เช่น ปลาร้า กะปิ เต้าเจี้ยว ผัดกาดดอง เป็นต้น) อาหารแปรรูปต่างๆ (เช่น ไส้กรอก ไส้อั่ว ปูอัด ลูกชิ้น แฮม เป็นต้น) 3.อาหารที่สามารถรับประทานได้ : เนื้อหมู เนื้อห่าน อาหารสดใหม่ ผักผลไม้สดที่มีวิตามินซี 4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิวหนัง เช่น สบู่-แชมพูผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก 5. ตรวจสอบผลิตภัณฑ์หรือยาก่อนใช้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆหรือยาทาที่ไม่เคยใช้ ควรทดสอบการแพ้ก่อนการใช้ บทความโดย |