คุย กับ แฟน ยัง ไง ให้ สนุก

1. 15 วิธีชวนคุย จีบเขาจีบเธอยังไงให้อยู่หมัดในยุคโควิด 2022

คุยกับใครไม่เคยได้คบซักที ต้องชวนคุยยังไงให้ได้คบ ชวนคุยไม่เก่ง ทำไงดี? ต้องชวนคุยยังไงแชทถึงไม่หนักขวา ลองมาดู 15 วิธี วิธีชวนคุย ในยุคโควิดแบบนี้!

6 ก.ค. 2022 · โดย

ในยุคโควิดแบบนี้ อยากจะหาแฟน ต้องชวนคุยยังไงให้ได้คบ ชวนคุยไม่เก่ง ทำไงดี? ชวนคุยแชทยังไงถึงไม่หนักขวา หรือต้องจีบยังไง ต้องเข้าหาแบบไหน ที่ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกอึดอัด นกแล้วนกอีกจนจะเป็นนกฟินิกซ์อยู่แล้ว ก็ยังไม่ได้คบแบบออฟฟิศเชียลซักที ลองมาดู 15 วิธีจีบหนุ่ม วิธีจีบสาว ชวนคุยยังไงให้มีเสน่ห์ ไปดูกันเลยจ้าาา   

How to วิธีชวนคุยยังไงให้ได้คบ จบภายใน 15 วิธี! ไม่มีนกแน่นอน 

1. เช็คความพร้อมของตัวเองและอีกฝ่าย ก่อนอื่นเลย ต้องถามใจตัวเองดี ๆ ก่อน ว่าเราต้องการความสัมพันธ์แบบไหน หรืออีกฝ่ายต้องการความสัมพันธ์แบบไหน เขาลืมแฟนเก่าหรือยัง? เขามีอะไรที่ต้องทำไหม อย่างเช่น ถ้าอีกฝ่ายต้องเตรียมตัวเรียนต่อ หรือต้องทำโปรเจกต์เกี่ยวกับการงาน ก็อาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาจะพัฒนาความสัมพันธ์ก็ได้ รวมไปถึงสถานะการเงิน เพราะว่าถ้าสถานะทางการเงินไม่ค่อยพร้อม เขาอาจจะโฟกัสกับเรื่องการทำงานหาเงิน มากกว่าเอาใจใส่ในความสัมพันธ์ค่ะ แต่ถ้าต้องการแค่คนคุยเรื่อย ๆ ไม่ได้รีบในความสัมพันธ์ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ก็ไปต่อเลย
2. เข้าหาด้วยความจริงใจ ใคร ๆ ก็อยากได้ความจริงใจ และไม่ชอบเรื่องโกหกใช่ไหมล่ะคะ แน่นอนว่าความประทับใจแรกก็สำคัญ แต่การที่ทำตัวเฟค ๆ เพื่อเข้าหาใครซักคน ไม่เวิร์คหรอก เพราะอะไรที่มันปลอม มันปลอมไปไม่ได้ตลอด และถ้าเมื่อไหร่ที่เราเริ่มเปลี่ยนไป อีกฝ่ายก็จะรู้สึกว่าที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำตัวแบบนี้ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนไป มีผลต่อการตัดสินใจคบต่อ หรืออาจจะเป็นปัญหาในอนาคตที่ทำให้ไปต่อไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทำตัวตรงเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกว่าเยอะเกิน อย่างเช่น บอกว่าชอบ อยากได้ เป็นแฟนกันนะ เรารักเธอ ตั้งแต่วันแรกที่คุย แบบนี้ไม่โอเค!
3. คุยด้วยความสม่ำเสมอ การสื่อสารคือกุญแจสำคัญ ถ้าแค่ดูรูป กดไลค์ กันไปมา ไม่เกิดการพัฒนาในความสัมพันธ์หรอกค่ะ ถ้าอยากรักษาความสัมพันธ์ให้นาน ๆ ต้องหมั่นส่งข้อความไปหาบ่อย ๆ ให้รู้ว่าเราไม่ได้เข้ามาเล่น ๆ นะ ที่ส่งข้อความมาหาเพราะอยากคุยด้วยจริง ๆ และควรใช้เวลาที่ว่างตรงกัน คุยให้เต็มที่ที่สุด อาจจะลองโทรคุยกัน หรือคอลวิดิโอกันบ้างก็ได้ แต่ถ้าเขินก็ไม่เป็นไรค่ะ แค่ได้คุยกันบ่อย ๆ เท่าที่ทำได้ ก็ถือว่าสานความสัมพันธ์สำเร็จไป 1 ขั้น!
4. ทำตัวให้น่าสนใจ มั่นใจเข้าไว้ อย่าคิดว่าเราไม่ดีพอ อีกฝ่ายคงไม่สนใจเราหรอก หรือกลัวว่าอีกฝ่ายดูดีเกินไป คงจะรู้สึกเขินเวลาเดินด้วยกัน ความมั่นใจก็เป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนน่าสนใจขึ้นมาได้ค่ะ หรือการที่มีความรู้พื้นฐานเยอะ ๆ จะได้หาเรื่องคุยได้บ่อย ๆ การมีอารมณ์ขันเล็กน้อย หยอดนิดหยอดหน่อย การให้กำลังใจอีกฝ่ายถ้าเขาต้องการ การแสดงทัศนคติที่ดีให้เห็น การมีงานอดิเรกของตัวเอง เต็มที่กับการใช้ชีวิต เต็มที่กับการทำงาน โฟกัสในเป้าหมายของเราอย่างมุ่งมั่น ไม่ยึดติดกับอีกฝ่ายมากเกินไป จะทำให้ความสัมพันธ์ไปได้ดีกว่าการที่เราเอาเวลาไปทุ่มเทกับอีกฝ่ายเต็มที่จนไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองค่ะ
5. เจอกันบ่อย ๆ หรือคอลคุยแบบเห็นหน้า บางคนคุยกันเป็นปี แต่ไม่เคยเจอกันเลย พอใช้เวลาอยู่ด้วยกันแล้ว รู้สึกว่าเข้ากันไม่ได้ก็มีค่ะ เพราะการที่เราคุยกันผ่านตัวอักษร หรือคุยผ่านออนไลน์ เราอาจจะใส่จินตนาการของเราเข้าไปด้วยโดยที่ไม่รู้ตัว การที่หาเวลามาเจอกัน ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง จะทำให้เราได้เห็นตัวตนอีกด้านแบบที่เราไม่เคยเห็น เช่น การปฏิบัติตัวต่อคนรอบข้าง มองว่าคนอื่นต่ำกว่าตัวเอง หรือเหยียดคนที่ด้อยกว่าไหม และถ้าอยากให้มีความประทับใจแรกที่ดี แนะนำให้ใช้ทริค Chameleon Effect หรือการที่แสดงภาษากายอะไรคล้าย ๆ กับอีกฝ่าย เช่น ถ้าอีกฝ่ายหยิบแก้วน้ำ เราก็หยิบตาม หรือแสดงที่หน้า ท่าทางคล้าย ๆ กัน (แบบที่ไม่ใช่การล้อเลียน) จะช่วยลดความประหม่า และช่วยเพิ่มความประทับใจแรกที่ดีได้ค่ะ
6. สังเกตและเอาใจใส่ การสังเกตสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น สไตล์ รสนิยม ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หรือแม้กระทั่งปฏิกริยาของอีกฝ่าย ก็ถือว่าเป็นอีกอย่างที่ทำให้เราเทคแคร์อีกฝ่ายได้อย่างดีค่ะ อย่างเช่น ถ้าอีกฝ่ายไม่ชอบกินเผ็ด เวลาพาไปร้านอาหาร ก็ควรเลือกเมนูที่ไม่เผ็ดมาให้ หรือถ้าอีกฝ่ายแพ้อาหารทะเล ถ้าพาไปกินร้านที่มีแต่อาหารทะเลก็คงไม่ได้ อีกฝ่ายเคยพูดอะไร หรือคุยเรื่องอะไร ก็ควรจะจำให้ได้ และควรตอบให้ตรงคำถาม อย่าพยายามเมินหรือเปลี่ยนเรื่อง และอย่าสนใจหรือพูดแต่เรื่องของตัวเอง จนไม่มีจังหวะให้คนอื่นได้แลกเปลี่ยน การเอาใจใส่คนรอบข้างในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ จะเพิ่มคะแนนความประทับใจได้มากเลยค่ะ
7. มีระยะห่างพอสมควร เคารพกันและกัน การที่เราแค่เป็นคนคุยกัน แต่ตามไปหึงหวง ไม่ให้อีกฝ่ายไปคุยกับเพื่อนต่างเพศ ก็คงไม่ได้ใช่ไหมคะ หรือการหึงหวง การประชดประชัน การไปพูดอะไรแย่ ๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าโดนบังคับ โดนคอนโทรล ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำค่ะ ถ้าอยากรักษาความสัมพันธ์ให้นาน ๆ เราต้องมีระยะห่างซึ่งกันและกัน และเคารพอีกฝ่าย หรือถ้าอีกฝ่ายทำอะไรที่เราไม่ชอบ ก็ต้องทำใจยอมรับในข้อเสียนั้น ๆ เพราะการมีช่องว่าง มีระยะห่าง ให้อีกฝ่ายได้เป็นตัวของตัวเอง จะทำให้ไม่รู้สึกฝืนในความสัมพันธ์นี้ แต่ถ้าคิดว่าเริ่มรู้สึกเยอะเกินไป ก็ต้องพยายามเตือนตัวเองบ่อย ๆ ว่าเรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน
8. ถ้าคิดว่าชัวร์ก็ตัดช้อยส์อื่น คนเรามักจะมีตัวเปรียบเทียบเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดเสมอ สำหรับใครที่มีตัวเลือกหลายทาง คุยหลายคน ก็อาจจะต้องตัดตัวเลือกอื่น ๆ ออก เพื่อเตรียมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ค่ะ เพราะถ้าเราพัฒนาความสัมพันธ์ไปซักพัก แล้วคนอื่น ๆ ก็อยากได้ความสัมพันธ์ที่ชัดเจนเหมือนกัน มันจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากเข้าไปอีก เผลอ ๆ อาจจะนกทั้งหมดเลยก็ได้ ถ้าจะจับปลา ก็ควรจับปลาทีละมือนะคะสาว ๆ
9. พัฒนาความสัมพันธ์ มาถึงขั้นนี้แล้ว ก็น่าจะชัดเจนแล้วใช่ไหมคะ ว่าคนนี้ชัวร์แน่ ๆ อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ในระยะยาว ก็อาจจะยกระดับความสัมพันธ์เข้าไปอีก ด้วยการแชร์เรื่องราวทุกเรื่องในชีวิตให้ฟัง เรื่องราวอินไซด์ ที่เราไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน ทำอะไรที่พิเศษ ๆ ให้ อย่างเช่นการให้ของขวัญวันเกิด พาไปเปิดตัวกับเพื่อน ๆ พูดเรื่องคนคุยให้คนรอบตัว หรือครอบครัวฟัง ทำทุกอย่างเหมือนคนที่คบกันแล้วแบบเนียน ๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราจริงจังในความสัมพันธ์นี้ และเขาว่ากันว่า ถ้าพาไปเจอเหตุการณ์อะไรที่ทำให้ใจเต้น ก็จะเพิ่มโอกาสในการตกหลุมรักได้มากขึ้นด้วยค่ะ อย่างเช่น พาไปปีนเขา หรือพาไปทำกิจกรรมอะไรที่น่าตื่นเต้น อย่างการดูหนังผี
10. ห่วงใยซึ่งกันและกัน เมื่อเราและเขารู้จักกันพอสมควรแล้ว ได้ไปทำกิจกรรมร่วมกันมาหลาย ๆ ครั้งแล้ว เมื่อไม่ได้เจอกันก็ควรแสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันบ้าง อย่างในยุคโควิดแบบนี้ อาจจะต้องแนะนำวิธีการดูแลตัวเองจากโรคบ้าง หรือส่งวิตามินบำรุงต่าง ๆ ไปให้เขาเพื่อแสดงความเป็นห่วงที่ดีต่อกันไว้
11. คอยอยู่เป็นเพื่อนเวลาเหงา ช่วงสถานการณ์โควิดระบาดแบบนี้บางคนอาจจะWFH หรือบางคนอาจอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องกักตัว ไม่ได้เจอกับผู้คนอื่น ๆ เราควรที่จะคอยทักไปหา คอยให้กำลังใจ คอยคุยเป็นเพื่อนในเวลาที่เขาเหงา ให้เขารู้สึกว่ายังมีเราอยู่ข้าง ๆ เสมอ
12. เป็นที่ปรึกษาพึ่งพากันได้ แน่นอนว่าเมื่อเราจะมีแฟนสักคน นอกจากความรักที่มีให้กันแล้ว ก็ต้องเป็นที่ปรึกษาให้กันและกันได้ ถ้าสามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง เป้นที่ปรึกษาได้ทุกเรื่องก็จะดีมาก ๆ เลย
13. ไม่พยายามเป็นเจ้าของเขา หากการที่เราและเขากำลังอยู่ในขั้นศึกษาดูใจกันอยู่ เราก็ไม่ควรไปหึงหวงเกินหน้าเกินตา มันจะยิ่งทำให้เขาอึดอัด ให้เขาได้มีทางเลือกอื่น ๆ หากเราดีจริงเขาก็จะเป็นคนเลือกเราเอง
14. นัดเดทสถานที่คนไม่เยอะ เป็นส่วนตัว เวลาที่จะนัดเดทกันควรเลือกสถานที่ ที่คนไม่เยอะมากจนเกินไป ควรเลือกร้านที่มีความเป็นส่วนตัวพอประมาณจะทำให้เราได้มีสมาธิในการคุยกับเขาได้ง่ายขึ้น หรือหากต้องการจะคุยเรื่องสำคัญหรือจะใช้โอกาสนี้ขอเป็นแฟนก็เหมาะเลย
15. ถามตรง ๆ ว่าเราเป็นอะไรกัน สำหรับสาว ๆ ที่จีบผู้ชายปากหนัก ผู้ชายที่แสดงออกไม่เก่งเลย ไม่รู้ว่าที่เขาทำอะไรพิเศษ ๆ ให้เราเนี่ย สรุปเขาแค่ใจดี หรือมีใจให้จริง ๆ ก็ถามไปตรง ๆ เลยค่ะ ว่าความสัมพันธ์เราเป็นแบบไหน เพื่อน? แฟน? หรือเฟื่อน? จะได้ไม่ต้องมานั่งระแวง กลุ้มใจ เสียใจ หรือเกลียดกันทีหลัง ว่าทำดีให้แทบตาย แต่สุดท้ายไม่มีใจ จะทำไปเพื่ออะไร แต่จังหวะที่ถาม ควรจะถามตอนที่อารมณ์ดี ๆ ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน และวันที่ว่าง ๆ ค่ะ จะได้ไม่รู้สึกกดดันมาก ถ้าเขาไม่ตอบอะไร ก็อาจจะลองให้โอกาสเขาไปคิดอีกซักที ว่าตกลงแล้วเขารู้สึกกับเรายังไงกันแน่ 

Reference :

Vanessa Marin. 2014. "How To Have "The Talk" With Someone New" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.bustle.com/articles/55983-how-to-talk-about-commitment-with-someone-you-just-started-dating-before-you-even-have-sex สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564

Amanda Chatel. 2016. "What To Discuss Before You Get Into A Relationship" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.bustle.com/articles/161109-11-things-you-should-tell-someone-before-you-get-into-a-relationship-with-them สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564

HowAboutWe. 2011. "7 Conversations You Have To Have Before You Commit" [Online] เข้าถึงได้จาก : //www.glamour.com/story/7-conversations-you-have-to-ha สืบค้นเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2564