วิธีการดูแลรักษาระบบประสาท

สมองเป็นอวัยวะหนึ่งในร่างกายของคนเราที่มีความสำคัญมาก เปรียบเหมือนกองบัญชาการควบคุมระบบต่างๆ ในร่างกายมากมายหลายระบบ ทั้งระบบความคิด ความจำ อารมณ์ พฤติกรรม และรักษาความสมดุลของระบบภายในร่างกาย เช่น ความดันโลหิต การเต้นของหัวใจ ตลอดจนการเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย

สมองของคนเรามีการพัฒนาตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา งานวิจัยทางการแพทย์ระบุว่า เซลล์ของระบบประสาทสมองจะเพิ่มขึ้นถึง 200,000-300,000 เซลล์ในทุกๆ นาที จนถึงเวลาที่เด็กคลอดออกมาจากครรภ์มารดาเด็กก็จะมีเซลล์สมองเกือบจะสมบูรณ์เหมือนกับวัยผู้ใหญ่เลยทีเดียว ซึ่งได้ประมาณไว้ว่าเมื่อเด็กอายุได้ 2 - 3 ขวบ สมองของเขาจะมีขนาดประมาณ 80% ของผู้ใหญ่ แต่เป็นธรรมดาที่เมื่อสมองมีการเจริญเติบโตแล้วก็ต้องมีเวลาที่สมองนั้นจะเข้าสู่ภาวะที่เสื่อมถอย

จากงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ทิโมธี ซอล์ตเฮาส์ จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่าสมองมนุษย์จะเริ่มเสื่อมเมื่ออายุ 27 ปี หลังจากพัฒนาถึงจุดสูงสุดเมื่ออายุ 22 ปี ดังนั้น คนเราจึงเกิดความวิตก และพยายามหาวิธีการต่างๆ นานามาช่วยชะลอความเสื่อมของสมอง วันนี้ผู้เขียนจึงขอหยิบยกวิธีป้องกันสมองไม่ให้เสื่อมก่อนวัยอันควรมานำเสนอ ดังนี้

1. อาหารบำรุงสมอง

ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแพทย์ทางเลือกหลายคนให้แนะนำเกี่ยวกับเรื่องอาหารบำรุงสมองไว้หลายอย่าง เช่น ผัก ผลไม้ น้ำมันปลา เนื้อปลา และควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 - 5 ลิตร เพราะการดื่มน้ำน้อยจะทำให้ร่างกายขาดน้ำซึ่งจะส่งผลต่อสมองโดยทำให้สมองทำงานเฉื่อยช้าลง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงเหล้า บุหรี่และสารเสพติดต่างๆ เพราะสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นตัวการสำคัญในการทำลายสมองให้เสื่อมเร็วมากขึ้น

2. ออกกำลังกายช่วยให้สมองแข็งแรง

การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อของร่างกายแข็งแรงแล้วยังเปรียบเหมือนยาขนานเอกในการบำรุงสมองอีกด้วย การส่งเสริมให้เด็กออกกำลังกาย เช่น เดิน วิ่ง กระโดด ว่ายน้ำ จะมีผลดีต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก

ชาร์ล ฮิลแมน และคณะแห่งมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ ได้ทำการทดลองโดยให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาจำนวน 259 คน ออกกำลังกายแล้วตรวจสอบว่าความแข็งแรงของร่างกายมีความสัมพันธ์กับผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์และวิชาอ่านอังกฤษหรือไม่ ปรากฏว่า เด็กนักเรียนที่มีร่างกายแข็งแรงมีคะแนนดี ดังนั้น ความแข็งแรงของร่างกายจึงสัมพันธ์กับสมองที่ฉลาดขึ้น

นอกจากนี้มีการทดลองกับผู้สูงอายุวัย 60-70 ปีโดยการสแกนสมองพบว่าการออกกำลังกาย เช่นเดินเร็วหรือแอโรบิคสามารถเสริมสร้างสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ให้มีปริมาตรมากขึ้น จึงทำให้การทำงานของสมองดีขึ้น จึงส่งผลดีในเรื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจ การบริหารจัดการ การวางแผน การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน รวมถึงสามารถตอบคำถามถูกต้องมากขึ้นและเร็วขึ้นด้วย

3. พักผ่อนช่วยให้สมองผ่อนคลาย

เวลาที่เราเกิดความเครียดจะทำให้เกิดฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในร่างกายคนเราคือฮอร์โมนเครียดชื่อคอร์ติซอล ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยเฉพาะสมอง มีผลทำให้ระบบความคิดของสมองตีบตัน และความจำเสื่อมได้ ดังนั้นถ้าเราต้องพบกับเรื่องที่ทำให้เกิดความเครียดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน เรื่องการงาน ปัญหาครอบครัวหรือปัญหาใดก็ตามแต่ สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือ เราต้องหาเวลาส่วนตัวในการพักผ่อนเพื่อให้สมองได้รับการผ่อนคลาย เช่น การนอนอยู่กับบ้าน การไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ การได้อยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นทะเล ป่าเขาลำเนาไพร หรือการไปดูหนังฟังเพลง จะทำให้สมองมีความสุขได้รับการผ่อนคลาย เมื่อสมองผ่อนคลาย ร่างกายก็จะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้มีอารมณ์เบิกบาน มีความสุขและส่งผลให้สมองแจ่มใส พร้อมเปิดรับการเรียนรู้ใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

4. ให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ

การทำสิ่งที่จำเจซ้ำซากอยู่ทุกวันทุกคืน มีผลทำให้สมองฝ่อเร็ว แต่การเปิดโอกาสให้สมองได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จะเป็นการช่วยฝึกให้สมองได้ออกกำลัง เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขับรถใหม่ การอ่านหนังสือเล่มใหม่ การไปยังสถานที่แปลกใหม่ การทำกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อน เช่น ไปเรียนดนตรี ไปเรียนจัดดอกไม้ ไปเรียนทำขนม เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สมองจะหลั่งสารโดปามีน และสารเอ็นโดฟิน ซึ่งทำให้สมองเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทำให้สมองแข็งแรงและเสื่อมช้าลง

5. เซ็กซ์สร้างความสดชื่นให้สมอง

เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเซ็กซ์เป็นกิจกรรมที่สร้างความตื่นเต้นและความสุขให้แก่คู่รัก มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าเซ็กซ์ในผู้สูงอายุช่วยกระตุ้นให้สมองเสื่อมช้าลง ดังนั้น การมีเซ็กซ์ที่ดีกับคู่รักหรือคู่สมรสนับเป็นกิจกรรมที่เป็นการออกกำลังสมองได้ดีมาก เพราะเป็นกิจกรรมที่สร้างสุข ท้าทาย ตื่นเต้น ใช้จินตนาการและมีการเคลื่อนไหวของทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งทำให้วงจรของสมองทุกระบบมีการกระตุ้นให้เกิดการรับรู้และเรียนรู้ได้ดี นอกจากนี้การที่คู่รักปรับเปลี่ยนกิจกรรมทางเพศให้มีความแปลกใหม่น่าตื่นเต้นอยู่เสมอ เช่น สร้างบรรยากาศด้วยการเปิดเพลง การนวดสัมผัสกันด้วยน้ำหอม การเปลี่ยนสถานที่มีเซ็กซ์ ก็จะสร้างความสุขได้มากขึ้นด้วย

ทุกข้อทุกประการที่กล่าวมาข้างต้น เป็นวิธีง่ายๆ ที่เชื่อว่าสามารถช่วยป้องกันไม่ให้สมองของเราเสื่อมก่อนวัยอันควร ดูแลสมองของเราวันละนิดรับรองว่าจะช่วยยืดเวลาแห่งความสุขของเราไปได้อีกยาวนาน

ระบบประสาท เป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยเส้นประสาทและเซลล์จำนวนมาก ทำงานร่วมกับสมองและไขสันหลัง เพื่อช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System : CNS)

ระบบประสาทส่วนกลางประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง ทำหน้าที่ในการรับรู้ ประมวลผล และสั่งการ อวัยวะ 2 ส่วนนี้จะทำงานร่วมกัน โดยไขสันหลังเป็นทางผ่านที่ช่วยถ่ายทอดกระแสประสาทหรือข้อมูลจากสมองไปร่างกายและจากร่างกายกลับมายังสมอง

สมอง

แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

เป็นสมองส่วนที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุด ประกอบด้วยซีรีบรัม (Cerebrum) หรือที่เรียกว่าสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาที่เชื่อมต่อกัน โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าซีรีบรัมแต่ละซีกมีหน้าที่แตกต่างกัน ซีรีบรัมด้านซ้ายควมคุมการคิด การวิเคราะห์ ตรรกะ เป็นต้น ส่วนซีรีบรัมด้านขวาควบคุมความคิดสร้างสรรค์ สัญชาตญาณ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สมองทั้ง 2 ซีกต้องทำงานร่วมกัน ไม่ได้แยกกันทำงานโดยสิ้นเชิง

ซีรีบรัมถูกห่อหุ้มด้วยคอร์เทกซ์ (Cortex) ที่มีบทบาทในการควบคุมการเคลื่อนไหวและความรู้สึก เมื่อได้รับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น มือ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกส่งต่อไปยังคอร์เทกซ์ จากนั้นจึงถูกกระจายไปสู่ระบบประสาทส่วนอื่น ๆ เพื่อประมวลผล เช่น หากแตะเตาที่ร้อนจัด สมองจะรวบรวมข้อมูลและสั่งการให้นำมือออก และจดจำว่าไม่ควรนำมือไปแตะเตาร้อน ๆ อีก

จะมีวิธีการดูแลรักษาระบบประสาทของตนเองอย่างไรบ้างเพื่อป้องกันการเสื่อมถอยของระบบประสาทก่อนวัยอันควร

5 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร หมวดหมู่: สาระน่ารู้ ... .
5 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัยอันควร.
1. อาหารบำรุงสมอง ... .
2. ออกกำลังกายช่วยให้สมองแข็งแรง ... .
3. พักผ่อนช่วยให้สมองผ่อนคลาย ... .
4. ให้สมองเปิดรับสิ่งใหม่ๆ ... .
5. เซ็กซ์สร้างความสดชื่นให้สมอง.

พฤติกรรมในข้อใดเป็นวิธีการสร้างเสริมและดูแลรักษาระบบประสาท

วิธีดูแลรักษา 1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 2. พักผ่อนให้เพียงพอ 3. ออกก้าลังกายอย่างสม่้าเสมอ 4. ไม่สูบบุหรี่ 5. ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 6. รับประทานวิตามินเสริม 7. หลีกเลี่ยงการถูกสารพิษ 8. หลีกเลี่ยงท่าทางที่จะเพิ่มแรงกดต่อเส้นประสาท เช่นนั่งขัดสมาธิ 9. กระตุ้นการท้างานของเส้นประสาทและเพิ่มการไหลเวียนเลือดโดย ...

อาหารหรือกิจกรรมที่ช่วยในการบำรุงรักษาระบบประสาทมีอะไรบ้าง

อาหารบำรุงสมอง.
ปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาแฮริ่ง เป็นต้น.
ไข่ไก่ สาร “โคลิน” ในไข่ไก่มีหน้าที่สำคัญต่อการทำงานของสมองและความจำ.
ผักโขม ช่วยลดอาการความจำเสื่อมโดยเฉพาะในผู้หญิง มีเอนไซม์ที่ดีต่อความแข็งแกร่งของปลายเซลล์ประสาท.

ระบบประสาทมีความสําคัญอย่างไรต่อสุขภาพ

หน้าที่ของระบบประสาท คือ ตอบสนองสิ่งเร้าที่มากระตุ้น, ควบคุมการทำงาน และควบคุมการทำ งานของอวัยวะต่าง ๆ เซลล์ประสาทของสัตว์มีกระดูกสันหลัง ประกอบด้วย ตัวเซลล์ (Body) และใยประสาท (Fiber) ซึ่งแบ่งเป็ฯ Dendrite และ Axon.