วิตามินซีแบบเม็ดฟู่วิตามินซีเม็ดฟู่ คือ วิตามินซีอยู่ในรูปแบบของยาเม็ดฟองฟู่ (Effervescent) ซึ่งเป็นรูปแบบเภสัชภัณฑ์ที่ออกแบบมาให้ตัวยาหรือวิตามินแตกตัวและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในทันทีที่สัมผัสกับน้ำ แล้วกลายเป็นสารละลาย (ซึ่งในที่นี้ก็คือวิตามินซี) โดยจะมีความแตกต่างจากรูปแบบยาเม็ดทั่วไป (Tablets) คือ ต้องนำเม็ดยามาละลายน้ำก่อน เมื่อเม็ดยาสัมผัสกับน้ำก็จะเกิดเป็นฟองฟู่ และก่อนรับประทานทานต้องรอให้ตัวยาละลายหมดก่อน ส่วนในบางคนอาจจะท้องอืดแน่นท้องได้เนื่องจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แนะนำให้ทานหลังอาหารทันที ก็จะช่วยลดอาการดังกล่าวได้ Show ส่วนสาเหตุที่นิยมนำวิตามินซีมาผลิตให้อยู่ในรูปแบบของยาเม็ดฟองฟู่ ก็เพราะยารูปแบบนี้มีข้อดีหลายอย่างและเป็นรูปแบบที่เหมาะกับตัวยาหรือวิตามินที่มีปัญหาในด้านต่าง ๆ ได้แก่
อย่างไรก็ตาม การผลิตยาเม็ดฟองฟู่จะมีความซับซ้อนและต้องมีการตรวจสอบควบคุมคุณภาพมากกว่าการผลิตยาเม็ดทั่วไป โดยเฉพาะการควบคุมความชื้นที่ต้องควบคุมทุกขั้นตอนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ต้องป้องกันแสงและความชื้นได้ดี รวมถึงยังจำเป็นต้องมีการแต่งกลิ่นรสให้ออกมาดีด้วย เพราะหากตัวยามีรสชาติไม่ดีจะส่งผลต่อการให้ความร่วมมือในการใช้ยาได้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ยาหรือวิตามินในรูปแบบเม็ดฟู่มักจะมีราคาสูงกว่ายารูปแบบเม็ดทั่วไป ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อยาหรือวิตามินซีเม็ดฟู่ทุกครั้งก็ควรเลือกซื้อจากบริษัทที่ไว้ใจได้ มีความน่าเชื่อถือ ผ่าน อย. และมีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดูดีได้มาตรฐานด้วย วิตามินซีเม็ดฟู่เหมาะกับใครบ้าง ?
วิตามินซีเม็ดฟู่ให้ประโยชน์ต่างจากแบบเม็ดหรือไม่ ?จากการศึกษาวิจัยพบว่า ทั้งวิตามินซีรูปแบบเม็ด แคปซูล เยลลี่ แบบน้ำ แบบผงละลายน้ำ หรือแบบเม็ดฟองฟู่ละลายน้ำ พบว่าให้ประโยชน์ได้ไม่ต่างกัน ร่างกายสามารถได้รับวิตามินซีพอ ๆ กัน ดังนั้น การเลือกรับประทานในรูปแบบไหนจึงขึ้นอยู่กับความสะดวกและความเหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลมากกว่า เช่น หากเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมหรือมีปัญหาการกลืนเม็ดยาก็ควรเลือกเป็นแบบผงละลายน้ำหรือเม็ดฟองฟู่ละลายน้ำ ประโยชน์ของวิตามินซีมีอะไรบ้าง ?วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารที่พบได้มากในผักและผลไม้ เช่น ส้ม กีวี่ เลม่อน พลัม มะเขือเทศ สตรอว์เบอร์รี่ สับปะรด มะละกอ บร็อคโคลี่ พริกไทย พริกหวาน กะหล่ำดอก มันฝรั่ง ฯลฯ รวมถึงในเนื้อสัตว์ ตับสัตว์ โดยหลัก ๆ แล้ววิตามินซีจะมีประโยชน์ดังนี้
เลือกวิตามินซีเม็ดฟู่แบบไหนดี ?การเลือกซื้อวิตามินซีเม็ดฟู่ควรเลือกซื้อยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือเป็นหลัก บรรจุภัณฑ์ดูดีได้มาตรฐาน และที่สำคัญควรมีข้อมูลสำคัญที่ชัดเจน อย่างเช่น เลขที่จดแจ้ง อย., วันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ, มีระบุสถานที่ผลิต และระบุชนิดของวิตามินซีให้แน่ชัดว่าเป็นชนิดไหน หากไม่ระบุชนิดส่วนตัวหมอเองจะไม่เลือก เพราะไม่มีอะไรการันตีว่าจะได้รับวิตามินซีนั้นจริงหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและให้มั่นใจได้ว่าร่างกายจะได้รับประโยชน์จากวิตามินซีเต็ม ๆ ถ้าจะให้ดีมากยิ่งขึ้นวิตามินซีเม็ดฟู่ที่เลือกซื้อควรมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่จำเป็นกับสภาวะแวดล้อมทั้งเชื้อโรค ฝุ่นควัน และอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในปัจจุบันด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือซิงค์หรือแร่ธาตุสังกะสี (Zinc) ครับ โดยเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยแต่ไม่สามารถขาดได้เลย เพราะเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งรวมถึงการช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายด้วย ส่วนข้อมูลตามงานวิจัยเกี่ยวกับซิงค์พบว่า
โดยทั่วไปเราจะได้รับซิงค์จากอาหารเป็นปกติอยู่แล้วจากอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ตับ ไข่และผลิตภัณฑ์จากนม เห็ด ช็อกโกแลต ผักคะน้า ผักกาด ถั่วและเมล็ดพืชต่าง ๆ อาหารทะเล ฯลฯ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นร่างกายก็ไม่ควรได้รับซิงค์เกินวันละ 40 มิลลิกรัม (คำแนะนำต่อวันสำหรับผู้ใหญ่เพศชาย ควรได้รับวันละ 15 มิลลิกรัม และ 12 มิลลิกรัมสำหรับเพศหญิง) เพราะหากได้รับมากเกินไปอาจไปรบกวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายหรือทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย ฯลฯ ได้ และด้วยปกติเราจะได้รับซิงค์จากอาหารที่ทานบ้างอยู่แล้วในแต่ละวัน เพราะฉะนั้น การเลือกซื้อวิตามินซีแบบเม็ดฟู่ที่เป็นสูตรผสมซิงค์ จึงไม่ควรมีซิงค์ผสมอยู่เกิน 10 มิลลิกรัม/เม็ดครับ IMAGE SOURCE : 123RFคำแนะนำในการทานวิตามินซีแบบเม็ดฟู่โดยปกติแล้วถ้าคุณไม่มีโรคประจำตัวอะไรและอยากทานวิตามินซีเพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน หมอก็แนะนำให้ทานวันละ 1,000 มิลลิกรัมครับ เพราะขนาดวันละ 500 มิลลิกรัมอาจไม่เพียงพอกับสภาวะในปัจจุบันที่เกือบทั้งปีจะปัญหาเรื่องของฝุ่นควัน PM2.5 บ้านเมืองที่มีความสะอาดน้อย มีเชื้อโรคมาก มีอัตราการเป็นโรคติดต่อทางลมหายใจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน รวมถึงอากาศที่ค่อนข้างจะเปลี่ยนแปลงบ่อยเกือบตลอดทั้งปี หมอจึงแนะนำให้เพิ่มขนาดการทานวิตามินซีเป็นวันละ 1,000 มิลลิกรัมครับ
เอกสารอ้างอิง
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) |