Show
มงคล คือ ทางก้าวหน้า ความสุข และความเจริญ ฉะนั้นคำว่า มงคลชีวิต หมายถึง เหตุแห่งความสุขความเจริญและความก้าวหน้าของชีวิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้เพื่อเป็นข้อควรประพฤติปฏิบัติ ซึ่งมีอยู่ ๓๘ ประการ พรหมวิหาร ๔พรหมวิหารธรรม เป็นหลักธรรมประจำใจของผู้ประเสริฐมี ๔ ประการ คือ๑. เมตตา ความรัก ความปรารถนาให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงมีความสุข๒. กรุณา ความสงสาร อยากช่วยให้คนและสัตว์ทั้งปวงพ้นทุกข์๓. มุทิตา ความยินดี เมื่อผู้อื่นได้ดีหรือประสบผลสำเร็จ๔. อุเบกขา การวางเฉย การวางใจเป็นกลางกตัญญูกตเวทีต่อประเทศชาติความกตัญญู หมายถึง การรู้จักบุญคุณต่อสิ่งที่มีคุณต่อเรา ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระสงฆ์ พ่อแม่ ครูอาจารย์ พระมหากษัตริย์ ญาติผู้ใหญ่ที่อุปการะ กตัญญูต่อสัตว์ที่มีคุณค่าต่อเรา ต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง คือ กตัญญูต่อสิ่งที่มีคุณต่อเรากตเวทิตา หมายถึง รู้ที่จะตอบสนองบุญคุณต่อสิ่งที่มีคุณต่อเราความกตัญญูกตเวทิตาต่อประเทศชาติ คือ การรู้จักบุญคุณของประเทศชาติที่ให้ความสงบสุขอยู่ในปัจจุบัน มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทยที่มี ๓ สถาบันเป็นหลัก คือ สถาบันชาติ สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยทุกคนเคารพเทิดทูนดังนั้นเราควรแสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อประเทศชาติ ดังนี้๑. ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีเป็นพลเมืองดีของชาติ เช่น ถ้าเป็นเด็กต้องเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน มีความรับผิดชอบ มี่กิริยามารยาทงดงาม มีความซื่อสัตย์ และมีความเมตตากรุณา เป็นต้น๒. ศรัทธาและยึดมั่นในพระรัตนตรัย๓. เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จะต้องประกอบอาชีพสุจริต รู้จักเลี้ยงชีพและแสวงหาทรัพย์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต๔. บำรุงรักษาชาติด้วยการเสียภาษี การใช้จ่ายสิ่งของของตนเอง และของสาธารณะ อย่างเห็นคุณค่า และประหยัดอดออมไม่ฟุ่มเฟือย๕. มีความสามัคคี รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว รักใคร่กลมเกลียวกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน๖. มีความขยันหมั่นเพียรไม่ท้อถอย เพียรพยายามที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองมีความเจริญก้าวหน้า๗. รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเพื่อจะได้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพสามารถทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้อย่างเต็มที่๘. รักษาและหวงแหนวัฒนธรรมประเพณีที่ดีงามของชาติ๙. จงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์๑๐. ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติอย่างเคร่งครัดมงคลชีวิต ๓๘มงคล คือ ทางก้าวหน้า ความสุข และความเจริญ ฉะนั้นคำว่า มงคลชีวิต หมายถึง เหตุแห่งความสุขความเจริญและความก้าวหน้าของชีวิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงไว้เพื่อเป็นข้อควรประพฤติปฏิบัติ ซึ่งมีอยู่ ๓๘ ประการในชั้นนี้จะศึกษามงคลชีวิต ๓ เรื่อง ได้แก่ความเคารพความเคารพ หมายถึง ความซาบซึ้งรู้ถึงคุณความดีที่มีอยู่จริงของบุคคลอื่น ยอมรับนับถือด้วยใจจริง แล้วแสดงความนับถือต่อผู้นั้นด้วยการแสดงความอ่อนน้อมอ่อนโยน อย่างเหมาะสมทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผู้ที่เห็นคุณค่าในคุณความดีของผู้อื่น จะถือได้ว่าเป็นผู้มีปัญญา เพราะว่าจิตใจได้ยกสูงขึ้น ไม่มีความถือตน และจิตใจพร้อมที่จะรับความดีจากผู้อื่นสู่ตน คนประเภทนี้ คือ คนที่มีความเคารพบุคคลที่ควรเคารพ ได้แก่๑. พระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของพสกนิการ และเป็นผู้นำในการสร้างความดี๒. พระสงฆ์ ท่านเป็นผู้มีศีล ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ดีงาม ซึ่งชาวพุทธควรเคารพอย่างยิ่ง๓. บิดามารดา ท่านเป็นผู้มีพระคุณสูงสุดที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่๔. ครูอาจารย์ ท่านเป็นผู้ให้วิชาความรู้และอบรมสั่งสอนคุณธรรมจริยธรรมแก่เรา๕. ผู้ใหญ่ที่ควรเคารพ ท่านเหล่านี้เป็นญาติผู้ใหญ่ หรือเป็นผู้ที่เคยเอื้อเฟื้อเกื้อหนุนช่วยเหลือเรามาก่อนเราสามารถแสดงออกถึงความเคารพให้ปรากฏชัดแก่บุคคลทั่วไปได้หลายวิธี ได้แก่การแสดงออกทางกาย เช่น การกราบ การไหว้ การลุกขึ้นยืนรับ การให้ที่นั่งแก่ผู้ที่เคารพ การหลีกทางให้ และการขออนุญาตก่อนทำกิจกรรมต่าง ๆการแสดงออกทางวาจา เช่น การพูดด้วยถ้อยคำที่ไพเราะอ่อนหวานการแสดงออกทางใจ เช่น การระลึกถึงพระคุณของท่านอยู่เสมอประโยชน์ของการมีความเคารพ๑. ทำให้เป็นคนน่ารัก น่าเกรงใจ๒. ทำให้สุขกายสบายใจ๓. ทำให้สามารถถ่ายทอดความดีจากผู้อื่นได้ง่าย๔. ทำให้ผู้อื่นเมตตาช่วยเหลือเพิ่มเติมคุณความดีให้ความถ่อมตนความถ่อมตน คือ การพิจารณาข้อบกพร่องของตนเอง รู้จักตนเองว่าเป็นอย่างไร ไม่อวดตัวดื้อรั้นถือดี และยอมรับคุณงามความดีของผู้อื่นเข้าสู่ตนเองได้อย่างเต็มที่ลักษณะของผู้มีความถ่อมตนผู้ที่มีความถ่อมตน จะเป็นผู้ที่รู้คุณค่าของตนเองตามความเป็นจริง เป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในปัญญา รู้จักตัวเองดีว่าตัวเรามีอะไร ไม่มีอะไร ดังนั้นผู้ที่มีความถ่อมตนจะมีลักษณะการแสดงออกที่ดีเด่นกว่าคนทั้งหลาย ดังนี้๑. มีกิริยาอ่อนน้อม คือ การแสดงกิริยาท่าทางที่นุ่นนวลอ่อนหวานต่อคนทั่วไป รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่ตีตนเสมอท่าน สงบเสงี่ยม แต่มีความมั่นคงทางอารมณ์ มีลักษณะท่าทางที่องอาจ ผึ่งผาย รวมทั้งการไม่ถือตัวและการไม่ลดตัวลงจนเกินควร๒. มีวาจาอ่อนหวาน คือ การพูดจาสุภาพอ่อนโยน ซึ่งออกมาจากจิตใจที่สะอาดนุ่มนวล ไม่ก้าวร้าวแข็งกระด้างในการพูดกับคนทั่วไป ไม่ควรพูดโอ้อวดยกตัว ไม่พูดกล่าวโทษลบหลู่ทับถมคนอื่น ไม่นินทาว่าร้ายไม่พูดเยาะเย้ยถากถางผู้ทำผิดพลาด ไม่ใช้วาจาข่มขู่ผู้อื่นและเห็นใครทำดีก็แสดงใจจริง เมื่อตนทำสิ่งที่ผิดพลาดก็ควรกล่าวคำว่า ขอโทษ และเมื่อผู้ใดกระทำคุณแก่ตนก็ควรกล่าวคำว่า ขอบคุณ๓. มีจิตใจอ่อนโยน คือ การนอบน้อมละมุนละม่อม ถ่อมตัว แต่ไม่ใช่ความอ่อนแอมีจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ไม่ใช่ความแข็งกระด้าง นอกจากนี้ควรพยายามฝึกฝนตนเองให้มีใจที่เปิดกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่ควรยึดถือเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เมื่อผู้ใดไม่เห็นด้วยก็โกรธ โดยค่อย ๆ ปรับความคิดเห็นเข้าหากัน ย่อมเป็นการพัฒนาตัวเองให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นประโยชน์ของการมีความถ่อมตน๑. ทำให้อยู่เป็นสุข ไม่มีศรัตรู๒. ทำให้น่านับถือ น่าเคารพกราบไหว้๓. ทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ๔. ทำให้เป็นที่รักของบุคคลทั่วไปการทำความดีให้พร้อมไว้ก่อนความดี คือ สิ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจแล้วทำให้จิตใจใสสะอาด ปราศจากความเศร้าหมองขุ่นมัว เกิดขึ้นจากการที่ใจสงบ ทำให้เลือกคิดเฉพาะสิ่งที่ดีที่ถูกที่ควรที่เป็นประโยชน์ แล้วพูดดีทำดีตามที่ได้คิดนั้นการทำความดีให้พร้อมไว้ก่อน มี ๒ ประเภท คือ๑. ความดีที่ทำจากชาติก่อน การสั่งสมความดีมาแต่ชาติก่อน ส่งผลให้เห็นในปัจจุบัน ถ้าในอดีตชาติสะสมความดีมามากพอ เกิดมาชาตินี้ก็เป็นคนใจในสะอาดบริสุทธิ์มาตั้งแต่เด็ก มีสติปัญญาดีมาแก่กำเนิด ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ มีโอกาสสร้างความดีได้มากกว่าคนทั้งหลาย และถ้าหมั่นสะสมความดีในปัจจุบันเพิ่มขึ้นอีกก็จะเจริญก้าวหน้าได้รวดเร็ว๒. ความดีที่ทำให้ชาติปัจจุบัน คนที่ทำความดีตั้งแต่วัยเด็กเรื่อยมา เช่น ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ขยันหมั่นเพียร เคารพเชื่อฟังพ่อแม่ คบคนดีเป็นมิตร หรือฝึกจิตใจให้ผ่องใสมาตั้งแต่เด็ก ความคิด คำพูด การทำงาน ย่อมดีกว่าบุคคลอื่นในวัยเดียวกัน เมื่อเติบโตขึ้น ย่อมมีความเจริญก้าวหน้ามากกว่าผู้อื่นการทำความดีทุกอย่างที่กล่าวมา สรุปได้เป็น บุญกิริยาวัตถุ ๓ คือ๑. ทาน คือ การบริจาคทรัพย์สิ่งของแก่ผู้ที่ควรให้ ให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่เหมาะสมตามความสามารถของตน ซึ่งเป็นการขจัดความเห็นแก่ตัว และความตระหนี่ออกจากใจและกาย๒. ศีล คือ การป้องกันตนเองไม่ให้ทำชั่ว โดยการสำรวมกาย วาจา ให้สงบเรียบร้อย ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น๓. ภาวนา คือ การสวดมนต์ทำสมาธิ เคารพอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม อ่านหนังสือธรรมะ หมั่นฟังธรรม สนทนาธรรมกับผู้รู้ ตักเตือนแนะนำให้ผู้อื่นได้รู้ธรรม ซึ่งถือเป็นการฝึกฝนตนเองให้มีสติปัญญาดีดังนั้นเราควรหมั่นสั่งสมบุญและทำความดีตั้งแต่บัดนี้ โดยตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ฝึกฝนตนเองให้มีความขยันขันแข็ง และต้องฝึกจิตใจให้ผ่องใสด้วยการทำงาน รักษาศีล สวดมนต์ไหว้พระภาวนาอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการทำความดีให้พร้อมไว้ก่อนจะได้เป็นบุญติดตัวไปในวันหน้าตัวอย่างผลของการทำความดีให้ถึงพร้อมเป็นผู้ที่มีอายุยืน เพราะในอดีตไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตผู้ที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เพราะในอดีตไม่รังแกหรือทรมานสัตว์ผู้ที่มีพลานามัยสมบูรณ์ เพราะในอดีตให้ทานด้วยข้าวปลาอาหารมากผู้ที่มีความสวยผิวพรรณงาม เพราะในอดีตรักษาศีล และให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มผู้ที่มีอำนาจมีคนเกรงใจ เพราะในอดีตมีความยินดีเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีไม่อิจฉาริษยาใครผู้ที่ร่ำรวยมีโภคทรัพย์มาก เพราะในอดีตให้ทานและทำบุญกุศลมากผู้ที่เกิดในตระกูลสูง เพราะในอดีตบูชาบุคคลที่ควรบูชาผู้ที่ฉลาดมีสติปัญญาดี เพราะในอดีตคบบัณฑิต ฝึกสมาธิ เจริญภาวนาและไม่ดื่มสุรายาเมาประโยชน์ของการทำความดี๑. นำความสุขความเจริญก้าวหน้ามาให้ เพราะผู้ที่ทำความดีย่อมเป็นที่รักใคร่ของบุคคลทั่วไป ทำสิ่งใดก็มักจะประสบความสำเร็จก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ตน๒. ความดีติดตามตนไปทุกที่ เพราะความดีเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่มีรูปร่าง ผู้ใดทำผู้นั้นได้ ความดีเป็นของเฉพาะตน ไม่มีใครลักขโมยไปได้๓. เป็นเกราะป้องกันภัย เพราะผู้ที่ทำความดีย่อมเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น มีแต่คนรักสงสารและเมตตา ไม่มีใครทำร้าย เพราะความดีที่เรามีอยู่๔. สามารถทำความดีในครั้งต่อ ๆ ไปได้ง่าย เพราะมีพื้นฐานในการทำความดีอยู่แล้ว ถึงจะตกไปอยู่ในสถานที่ที่ทำความดีได้ยาก แต่ก็มักจะมีวิธีในการทำความดีได้ตลอดขอบคุณภาพจากอินเตอร์เนต |