บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี

บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี

บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี

สวัสดิการด้านบริการสังคมทั่วไป ปี 54

  1. หน้าหลัก
  2. สวัสดิการสังคมไทย
  3. สถานการณ์และเหตุการณ์ด้านสวัสดิการสังคม
  4. สวัสดิการด้านบริการสังคมทั่วไป
  5. สวัสดิการด้านบริการสังคมทั่วไป ปี 54

"บัตรประชาชนเด็ก" มิติใหม่ มากมายสิทธิประโยชน์

Admin / 07/07/2554 / 29830 / พิมพ์หน้านี้ / 0


"บัตรประชาชนเด็ก" มิติใหม่ มากมายสิทธิประโยชน์!?

          กลายเป็นประเด็นฮอตที่กำลังฮือฮาอยู่ในขณะนี้ เมื่อเด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปจะต้องมีบัตรประชาชน! จากพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 ที่มีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปี และมีชื่อในทะเบียนบ้าน ต้องมีบัตรประชาชน โดยร่างพระราชบัญญัติประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมา และมีผลบังคับใช้ 60 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ดังนั้นจึงมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่จะถึงนี้

         "ทำไมเด็ก 7 ปี ต้องมีบัตรประชาชนด้วย" จึงเป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน รวมทั้ง ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอยู่ในวัยนี้ จักรี ชื่นอุระ ผู้อำนวยการสำนักทะเบียน กรมการปกครอง ไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ว่า จริงๆ แล้วประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่มีการพูดคุยหารือกันมานานแล้ว โดยเป็นความต้องการของสังคมมากกว่าที่ต้องการให้คนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี มีบัตรประชาชนเหมือนกับผู้ใหญ่เพื่อแสดงตน โดยเฉพาะในการเข้ารับบริการสาธารณะของรัฐ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการออกบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่รัฐจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชนในด้านต่างๆ ผ่านทางบัตรประจำตัวประชาชน

         "แต่เดิมมีสวัสดิการต่างๆ ที่ได้จากรัฐ เช่น โครงการประกันด้านสุขภาพ ซึ่งจะใช้บัตรทองในการเข้ารับบริการ โดยคนที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ก็มีบัตรทองใช้ เมื่อโครงการดังกล่าวยกเลิกไป เปลี่ยนมาใช้บัตรประชาชนแทน ตรงนี้จะทำให้เกิดปัญหากับกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี เพราะไม่มีหลักฐานแสดงตัว

          โดยปัจจุบันที่ใช้อยู่ คือ สูติบัตรและทะเบียนบ้าน ซึ่งมีปัญหาอีกที่ว่ามีแต่เฉพาะข้อความ ชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปี เกิด แต่ไม่มีรูปถ่าย จึงทำให้มีปัญหาตามมาว่า เอกสารที่นำมายืนยันกับตัวเด็กเป็นของคนเดียวกันหรือไม่ เพราะบางครั้งเกิดเหตุการณ์ เด็กชาย ก.มายื่นเอกสารเข้ารับบริการทุกวัน แต่หน้าตาของเด็กชาย ก. ไม่เหมือนกันสักวันเลย ซึ่งตรงนี้รัฐเองก็ต้องการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าผู้ที่เข้ารับบริการเป็นใคร เป็นคนไทยหรือไม่ มีสิทธิในสวัสดิการนั้นจริงหรือเปล่า เพื่อให้เกิดความชัดเจน จึงควรขยายการทำบัตรประชาชนมายังกลุ่มที่มีปัญหาในเรื่องการแสดงตน"

          ส่วนเรื่องที่กำหนดให้เด็กอายุ 7 ปีขึ้นไปนั้น เป็นเรื่องที่มีการพูดคุยกันในรัฐสภาแล้ว ซึ่งมีบางคนเสนอให้มีการทำบัตรตั้งแต่อายุ 1 ปี แต่ก็มาสรุปที่ 7 ปี เพราะเป็นช่วงที่เด็กเริ่มเข้าระบบการศึกษาแล้ว มีโอกาสที่จะได้ใช้เพื่อรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่พึงมีพึงได้ เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล ซึ่งเด็กจะสามารถแสดงตัวได้ง่ายขึ้นอีกทั้ง การลักลอบสวมสิทธิก็ทำได้ยากขึ้น

          นอกจากนั้น ยังเกิดความสะดวกในการใช้งาน แทนที่จะต้องพกทะเบียนบ้าน สูติบัตร ก็พกบัตรประชาชนเพียงใบเดียวก็สามารถแสดงตนในเจ้าของสิทธินั้นได้ทันที รวมทั้ง หน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานต่างๆ ก็จะสามารถแยกแยะกลุ่มคนได้ชัดเจน เพราะกลุ่มการบริการมีหลายหน่วยงานด้วยกัน ทั้งประกันสังคม ประกันสุขภาพ สวัสดิการจากราชการ ฯลฯ

          ตลอดจนในอนาคตสามารถที่จะตรวจสอบประวัติได้ด้วย เพราะเมื่อเข้าสู่ระบบการทำบัตรประชาชนแล้ว จะมีการจัดเก็บข้อมูลของประชาชนเพิ่มขึ้น คือ นอกเหนือจาก ชื่อ ที่อยู่ วัน เดือน ปี เกิด บิดา มารดาแล้ว จะมีการเก็บรูปถ่ายของเด็ก ลายนิ้วมือของเด็กเพิ่มเข้าไป อีกทั้ง เมื่อเด็กได้ทำบัตรครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อไปก็จะไม่มีใครมาสวมสิทธิของเด็กได้ เพราะมีการตรวจสอบเกิดขึ้นโดยเริ่มตั้งแต่คนที่มีอายุ 7 ปี ขึ้นไป 

          ผลจากกฎหมายดังกล่าว จะทำให้เด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 7-14 ปี ต้องทำบัตรประชาชน ซึ่งในขณะนี้ทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 8 ล้านคนในกลุ่มของคนไทยที่สามารถทำบัตรประชาชนได้ โดยในช่วง 60 วันนี้จึงต้องมีการออกระเบียบ ออกกฎกระทรวงเพื่อรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพราะกฎหมายเดิมไม่ได้เขียนวิธีการทำบัตรเด็กอายุ 7 ปีเอาไว้

          ผู้อำนวยการสำนักทะเบียน กล่าวถึงการดำเนินงานในเรื่องนี้ว่า สำหรับขั้นตอนในการทำบัตรประชาชนให้กับเด็กที่มีอายุ 7-14 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ แม้กฎหมายจะไม่ได้บังคับให้เด็กกลุ่มนี้ต้องทำบัตรพร้อมกัน เพราะระบุไว้ว่า ให้เด็กมาทำได้ในช่วง 1 ปี และสามารถขยายเวลาออกไปได้ตามความเหมาะสม แต่กรมการปกครองก็ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อดำเนินการให้บริการกับเด็กๆ โดยในช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาของการกำหนดวิธีการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เด็กมาเข้ารับบริการในส่วนของการยื่นเอกสารต่างๆ โดยที่ไม่ต้องยุ่งยากกับตัวเด็กและผู้ปกครองมากนัก

          "สำหรับขั้นตอนในการทำบัตรจะเน้นให้บริการเป็นกลุ่ม เพราะเด็กที่มีอายุ 7- 14 ปี จะเป็นกลุ่มเด็กที่อยู่ในโรงเรียนเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ มีหลักฐานในการเข้าโรงเรียนซึ่งเป็นการตรวจสอบในระดับหนึ่งอยู่แล้ว จึงอาจจะต้องจัดให้มีบริการในวันธรรมดาและวันหยุด เพื่อจะให้มีแผนในการนัดหมายกัน อาทิ ในวันธรรมดาวันที่นี้ สำหรับโรงเรียนนี้ เด็กชั้นนี้ หรือในวันหยุด ช่วงเช้า ตั้งแต่กี่โมงถึงกี่โมงสำหรับโรงเรียนนี้ ชั้นนี้มาทำบัตร โดยมีคุณครูพานักเรียนมาที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ ตรงนี้คงต้องประสานขอความร่วมมือกับโรงเรียนต่างๆ เพื่อจะได้ให้ครูช่วยดูแลเด็กด้วย ก็จะมากันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งตรงนี้ก็จะเกิดความสะดวกและรวดเร็วทั้ง 2 ฝ่าย คือ ทั้งในการให้บริการและเข้ารับบริการ ผู้ปกครองก็จะได้เกิดความสะดวกไม่ต้องมาดูแลหรือเสียเวลาพาเด็กมาทำบัตรด้วยตนเอง"

          กรณีที่ 2 จะเป็นการจัดชุดเจ้าหน้าที่พร้อมอุปกรณ์เข้าไปทำบัตรประชาชนให้กับเด็กที่โรงเรียน ที่เรียกว่า ชุดเคลื่อนที่ หรือชุดโมบายก็จะมีส่วนหนึ่ง ซึ่งจะดำเนิน

          การทั้งในวันธรรมดาและวันหยุดเช่นกัน แต่ชุดนี้จะมีไม่มากนักถ้าเทียบกับจำนวนโรงเรียน และจำนวนอำเภอในท้องที่ต่างๆ ในอนาคตอาจจะมีการขยายจำนวนให้มากขึ้นหากมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยประสานกับทางโรงเรียนในการจัดเรียงตามความเหมาะสมในแต่ละชั้นปีของเด็กที่จะเข้ารับบริการ ซึ่งทางโรงเรียนก็จะมีข้อมูลเหมือนกับที่ทางหน่วยงานมีข้อมูล ตรงนี้จะเป็นการตรวจสอบไปในตัวว่าตรงกันหรือไม่ ก็จะเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะดวกในการดำเนินการรวมทั้ง ในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ก็จะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปทำบัตรประชาชนให้ด้วยเช่นกัน ซึ่งตรงนี้คงต้องดูความพร้อมและความเหมาะสมด้วย

          สุดท้าย บริการทั่วไปจะเหมือนกับที่บุคคลอื่นๆ มาทำบัตรประชาชนกัน คือ ถ้าผู้ปกครองสะดวกที่จะพาบุตรหลานมาทำบัตรประชาชนก็สามารถมาทำได้ที่สำนักงานเขตและที่ว่าการอำเภอทั่วประเทศ ซึ่งก็จะมีขั้นตอนตามปกติทั่วไปของการทำบัตรประชาชน โดยขั้นตอนทั้งหมดหลังจากวันที่ 9 ก.ค. ระเบียบเหล่านี้จะชัดเจน เพราะจะต้องพร้อมที่จะดำเนินการโดยลักษณะบัตรประชาชนของเด็กจะเหมือนกับของผู้ใหญ่ทุกประการ และมีอายุ 8 ปี นับแต่วันเกิดของผู้ถือบัตรที่ถึงกำหนดภายหลังจากวันออกบัตร

ที่มา : http://www.vcharkarn.com/varticle/42843
วันที่ค้นหาข่าว : 7 ก.ค.54


เอกสารที่เกี่ยวข้อง
  • บัตรประชาชนเด็ก มิติใหม่ มากมายสิทธิประโยชน์


หมวดอื่นๆที่น่าสนใจ

    สถิติผู้เข้าชมวันนี้ : 13 ครั้ง | สถิติผู้เข้าชมเมื่อวานนี้ : 6,746 ครั้ง | สถิติผู้เข้าชมเดือนนี้ : 34,579 ครั้ง | สถิติผู้เข้าชมปีนี้ : 643,831 ครั้ง | สถิติผู้เข้าชมทั้งหมด : 3,714,374 ครั้ง

    บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี
    บัตรประชาชนมีอายุการใช้งานกี่ปี

    ทำไมบัตรประชาชนมีอายุ8ปี

    การที่ต้องทำบัตรประชาชน ( ID Card ) ใหม่ทุกๆ 8 ปีเพราะว่า เป็นการเก็บข้อมูลใบหน้าของบุคคลนั้นๆ เพราะใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลง เช่น ผอมขึ้น อ้วนขึ้น อัพเดรทข้อมูลทุกๆ 8 ปี จน กระทั่ง อายุ ครับ 70 ปี ไม่ต้องทำบัตรใหม่สามารถใช้บัตรเก่าแทนได้ หรือ อาจขอมีบัตรใหม่ก็ได้ ในช่องวันบัตรหมดอายุจะเป็น ตลอดชีพ

    บัตรประชาชนหมดอายุ ใช้งานได้ไหม

    - บัตรประจำตัวประชาชน (บัตรที่หมดอายุก็ใช้ได้) - บัตรหรือหลักฐานอื่นใดของทางราชการหรือหน่วยงานของรัฐออกให้ที่มีรูปถ่ายและมีเลขประจำตัวประชาชน เช่น บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใบขับขี่ - หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ฯลฯ

    บัตรประชาชนหมดอายุไปต่อที่ไหน

    1. สำนักงานเขต 2. สำนักงานเทศบาล 3. สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง 4. ที่ว่าการอำเภอในจังหวัดที่อาศัยอยู่

    ประชาชนคนไทย ที่ไม่ต้องไปทำบัตรประชาชนเมื่อบัตรหมดอายุต้องมีอายุกี่ปีขึ้นไป

    2. กรณีบัตรเดิมหมดอายุ (เสียงบรรยายประกอบ) บัตรมีอายุใช้ได้หกปี เมื่อบัตรเดิมหมดอายุต้องมีบัตรใหม่ โดยยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดหกสิบวัน นับแต่วันที่ บัตรเดิมหมดอายุ หากพ้นกำหนดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการทำ บัตรแต่อย่างใด