20 กุมภาพันธ์ 2015 เวลา 08:53 น. | หมวดหมู่ FART & Furious | โดย Pan Paitoonpong | อ่านไปแล้ว: 41603 ครั้ง Show สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รัก ที่จริงผมอยากเขียนบทความลักษณะนี้มาสักพักแล้ว แต่ก็กลัวแฟนๆประจำ Headlightmag ถ้าเป็นผมในโหมดปกติอาจจะตอบไปว่า
“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อหนึ่ง” พลางแอบคิดว่าเห้ย แต่แทนที่จะมานั่งโทษเด็กว่าทำไมไม่รู้จักหาความรู้ ผมมองว่าถ้างั้นเราก็มานั่งจับไข่คุยกัน โชคดีอีกอย่าง ในจังหวะเดียวกันนี้ทาง Chevrolet ประเทศไทยก็ส่งเอกสารทาง e-Mail อ้อ แล้วก็คุณผู้หญิงที่มีแฟนบ้ารถ ฟังเขาพูดแล้วไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่อง พอให้อธิบายก็ไม่ว่าง – – – – – – เมื่อพูดถึงคำว่า “รูปแบบของรถ” หลายท่านอาจจะนึกถึงคำว่า 4 ประตู, 5 ประตู, SUV, PPV, ซึ่งเราจะมาดูทีละหัวข้อดังนี้ 1. ตำแหน่งและลักษณะการวางเครื่อง 1.1 วางเครื่องไว้ข้างหน้า (Front-Engine) เป็นรูปแบบสามัญประจำโลกที่สุดมาหลายทศวรรษแล้ว การวางเครื่องข้างหน้านั้น มีความง่ายในการออกแบบ เหมาะสมกับรถใช้งานทั่วไปเพราะส่งผลให้มีเนื้อที่ข้างในรถ เหลือเฟือ สามารถออกแบบให้มี 4-5 ที่นั่งแบบรถทั่วไปหรือยิงยาวไปจนสุดท้ายรถแบบพวก สเตชั่นแวก้อนเลยก็ได้ เครื่องวางหน้าในปัจจุบันจะมี 3 ลักษณะคือ A) ตามแนวขวาง – แบบเดียวกับรถ EcoCar และรถญี่ปุ่นทั่วไปตามท้องถนน B) วางตามยาว – มักพบได้ในซาลูนยุโรปหลายรุ่นเช่น BMW และ Mercedes-Benz 1.2 วางเครื่องไว้ด้านหน้า แต่อยู่หลังแนว Track ล้อหน้า (Front-Midship) เรามักไม่พบการวางเครื่องลักษณะนี้ในรถทั่วไปเพราะการจะวางเครื่องทั้งตัวให้อยู่หลัง แนวแกนล้อหน้าได้นั้น ตัวเครื่องจะต้องสั้นมาก ถ้าไม่สั้นมาก หน้ารถก็จะต้องยาวมากจน อาจทำให้เสียความคล่องตัวในการขับ หรืออาจทำให้ผู้ขับทั่วไปขับแล้วรู้สึกไม่ถนัด แต่การวาง เครื่องในลักษณะนี้ ช่วยให้ตัวรถมีการกระจายน้ำหนักที่ดี เวลาซัดแบบโหดๆก็จะมีการแสดง อาการตัวรถอย่างเป็นธรรมชาติ รถอย่าง AMG GT, GT-R R35, Ferrari F12 Berlinetta และ Mazda RX-8 ล้วนแต่เป็นรถวางเครื่องแบบ Front-Midship ไม่ต้องถามหารถ Front-Midship เครื่องวางตามขวางนะครับ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่ารถอะไร 1.3 วางเครื่องไว้กลางลำ (Mid-Engine, หรือ Midship) รูปแบบดังกล่าวนั้นเริ่มฮิตกันจริงๆตั้งแต่การปรากฏตัวของเจ้า Lamborghini Miura เมื่อราว 50 ปีก่อน โดยในเชิงวิศวกรรมนั้นเขาว่าถ้าคุณเอาของที่หนัก (เครื่องนั่นแหละ) ไปไว้ตรงกลางรถ มันจะเป็นจุดที่ให้บาลานซ์ดีที่สุดเพราะน้ำหนักอยู่ที่จุดหมุนของตัวรถ แต่พอเอาเข้าจริง มันก็ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปหรอกครับ รถเครื่องวางกลางลำหลายรุ่นขับไม่ง่ายเพราะที่ความเร็วต่ำ มันเลี้ยวตามสั่งได้ดี เวลาเบรกหัวทิ่มน้ำหนักตกหน้าก็ไม่เยอะเท่าพวกเครื่องวางหน้า แต่ก็ ต้องระวังการกดคันเร่ง โดยเฉพาะบนพื้นเปียกหรือฝุ่น เพราะเวลามันหลุดทีนึง มันไปทั้งคันนะครับ ผมนี่แหละทำ MR2 SW20 หมุนมาแล้ว รถ 2 คัน หมุน 2 ครั้ง รถเครื่องวางกลางลำนั้นก็มีทั้งแบบวางตามขวาง (MR2 ทั้ง 2 รุ่นและ MR-S รวมถึง NSX โฉมแรก) 1.4 วางเครื่องไว้ท้ายรถ (Rear-Engine) 2. ระบบขับเคลื่อน 2.1 ขับเคลื่อนล้อหน้า (Front-Wheel Drive หรือ FWD) 2.2 ขับเคลื่อนล้อหลัง (Rear-Wheel Drive หรือ RWD) 2.3
ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา (Full-time 4WD หรือ All-Wheel Drive: AWD) รถขับสี่แบบตลอดเวลานั้นจะต้องมีเฟืองช่วยทดความต่างระหว่างการหมุนของล้อหน้า 2.4 ขับเคลื่อนสี่ล้อแบบเฉพาะบางเวลา (Part-time 4WD, Real-time 4WD) รถสมัยก่อนที่เป็น 4WD แบบ Part-time เกียร์ธรรมดา จะมีคันเกียร์แยก 2 ชุด คันเกียร์หนึ่ง ส่วนรถ Crossover และ SUV พื้นฐานรถเก๋งสมัยใหม่นั้น จะเอาแนวคิดพื้นฐานมาจาก ผมเห็นหลายคนเข้าใจไปเองว่า
รถ Crossover และ SUV บางรุ่นที่ติดตั้งระบบขับสี่ประเภท รถ 4WD Part-time หลายรุ่น จะไม่มี Center Differential แบบพวกรถ AWD ที่มาคอยช่วยทด สรุปความ จากที่อ่านกันมาเรื่อง 1) ตำแหน่งและลักษณะการวางเครื่อง ซึ่งมีตัวย่อเป็น วางหน้า =F มันจึงนำมาผสมกันเป็นตัวอักษร 2-3 ตัว ที่สามารถแทนที่การพูดลักษณะทางกายภาพ FF – Front Engine และ Front-Wheel Drive FR- Front Engine และ Rear-Wheel Drive ส่วนพวกที่เป็น Front Midship แล้วขับเคลื่อนล้อหลัง บางทีแทนที่จะเรียกว่า FR เขาก็เรียกว่า MR- Mid Engine และ Rear-Wheel Drive RR-Rear Engine และ Rear-Wheel Drive ถ้าเป็นสมัยนี้ มันก็คือ Porsche 911 แหละครับ แต่เฉพาะรุ่น Carrera, Carrera S, GTS และ GT3 เท่านั้น อย่าลืมว่า 911 ก็มีรุ่นขับสี่ ซึ่งถ้าเป็นรถเครื่องวางหลังแล้วขับสี่ก็จะเรียก ว่า R4 (Rear Engine Four-Wheel Drive) F4 – Front Engine และ Four Wheel
Drive ส่วน GT-R R35 ที่ตัวเครื่องเป็น V6 วางไว้หลังแนวแทร็คล้อหน้านั้น ก็จะเรียกว่า FM4 M4 – Mid Engine และ Four Wheel Drive R4- Rear Engine และ Four Wheel Drive ทีนี้ คงหายสงสัยกันแล้วในเรื่องตัวย่อต่างๆกับสารพัดการวางระบบขับเคลื่อนและเครื่องยนต์ แต่ถ้ารู้สึกไม่มั่นใจเวลาใช้ตัวย่อ หรือใช้ภาษาอังกฤษต่างๆ ก็ขอแนะนำว่า ไม่ต้องคิดมากครับ ผมเริ่มต้นด้วยเรื่องรถ ลงท้ายด้วยเรื่องความเข้าใจ จบง่ายๆดื้อๆแบบนี้ล่ะครับ ขอขอบคุณ เนื้อหาบางส่วนจาก General Motors Thailand ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มี กี่ประเภทซึ่งในปัจจุบันกระบะขับ 4 ล้อนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ระบบ 4WD และระบบ AWD.
การขับเคลื่อนรถยนต์มีกี่ชนิด *รถยนต์โดยทั่วไปส่วนใหญ่ใช้ระบบการขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหลัง (รถเพื่อการพาณิชย์) หรือ 2 ล้อหน้า (รถเก๋งทั่วไป) ซึ่งทั้ง 2 แบบก็จะมีคาแร็คเตอร์ในการขับขี่ที่แตกต่างกัน หากเปรียบเทียบก็เหมือนว่ารถที่ขับเคลื่อนล้อหลังนั้น ล้อคู่หลังจะเป็นตัวดันส่งกำลังให้รถเคลื่อนที่ไปได้ ส่วนรถที่ขับเคลื่อนล้อหน้าก็จะลากหรือดึงให้รถ ...
การขับเคลื่อนรถยนต์ชนิดใดเป็นที่นิยมมากที่สุดระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหน้า (Front-engine Front-wheel drive : FF) นับว่าได้รับความนิยมในผู้ผลิตรถยนต์เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากมีระบบและชิ้นส่วนน้อยกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อหลัง มีเพียงชุดเกียร์ที่รวมเอาชุดเฟืองท้ายไว้ด้วยกัน และเพลาส่งกำลังไปล้อคู่หน้าจบ!
ระบบของรถยนมีกี่ระบบแบ่งออกเป็น 5 เรื่องใหญ่ๆ คือ 1.ระบบเครื่องยนต์ 2. ระบบส่งกำลัง 3. ช่วงล่าง 4. ไฟฟ้าเครื่องยนต์ และ 5. ไฟฟ้าตัวถัง เรามาดูรายละเอียดปลีกย่อยในแต่ละหัวข้อกัน
|