ที่นอนยางพาราควรใช้ความหนากี่นิ้ว

วิธีเลือกซื้อที่นอนยางพาราของแท้

ข้อแนะนำในการเลือกซื้อที่นอนยางพาราของแท้

ที่นอนยางพารา 100% มีคุณสมบัติที่ดีมากในการทำที่นอนด้วยความเหมาะสมในคุณสมบัติหลายๆด้านของที่นอนยางพาราแท้ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบของที่นอนยางพาราแท้ราคาค่อนข้างแพง ทำให้ผู้ขายมักนำวัสดุอื่นที่คุณสมบัติใกล้เคียงและราคาถูกกว่านำมาใช้แทน บอกว่าเป็นที่นอนยางพาราซึ่งทำให้เสียเงินซื้อของคุณภาพต่ำในราคาที่สูงเกินจริง การใช้งานความสบายและอายุการใช้งานสั้นกว่ามาก ขอแนะนำข้อสังเกตุเบื้องต้นในการเลือกซื้อที่นอนยางพาราดังนี้

ที่นอนยางพาราควรใช้ความหนากี่นิ้ว

.

ความนุ่ม

ที่นอนยางพาราของแท้จะมีความนุ่มหลายระดับ ตั้งแต่นุ่มมากจนถึงแข็งแน่นแต่อย่างไรก็ตามจะไม่แข็งกระด้างจะมีความนุ่มขณะสัมผัส ส่วนใหญ่ของแท้จะมีซิบเปิดให้ดูวัสดุข้างในได้ ความนุ่มจะปรับเข้ากับหลังได้ดีโดยไม่ยุบตัวทดลองใช้มือถือหรือพวงกุญแจหนาๆวางแล้วนอนทับจะไม่รู้สึกว่านอนทับอยู่ ยางสังเคราะห์หรือโฟลียูรีเทนจะแข็งกระด้างกว่ามาก

น้ำหนัก น้ำหนักของที่นอนยางพาราแท้จะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก(ยางอัดจะมีน้ำหนักที่มากกว่า 2-3 เท่าของยางพาราแท้ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของยาง) ที่นอนที่เบาทำจากฟองน้ำหรือโพลียูรีเทนทดลองโดยการยกเพียงมือเดียว(ที่นอนหนา 6 นิ้ว)ถ้ายกตั้งได้เป็นฟองน้ำหรือโฟลียูรีเทน แต่ถ้ายกได้แต่เฉพาะมุมเป็นที่นอนยางพาราแท้ ถ้ายกไม่ได้เลยเพราะหนักมากเป็นยางอัดครับ
ความยืดหยุ่น ที่นอนยางพาราจะยืดหยุ่นมากสามารถพับได้แล้วใช้เชือกมัด และจะดีดกลับทันทีที่คลายเชือกถ้าไม่ได้เป็นที่นอนยางสังเคราะห์หรือยางอัดครับ
ลักษณะของผิว

ที่นอนยางพาราแท้จะมีรูทั่วทั้งผืนทั้งด้านบนและด้านล่าง ที่นอนแบบอื่นๆจะไม่มีครับ

สาเหตุที่ที่นอนยางพาราของแท้มีรูเพราะขั้นตอนในการผลิตครับ ที่นอนยางพาราต้องใช้ความร้อนในการอบยางความหนาของยางที่หนามากจะทำให้ยางสุกไม่สม่ำเสมอทั่วทั้งผืน ดังนั้นจึงต้องมีการส่งผ่านความร้อนโดยใช้แท่งเหล็กนำความร้อนลงไปให้กระจายทั่วทั้งผืนครับ

ที่นอนยางพาราที่ไม่มีรูของแม่พิมพ์ก็มีครับแต่จะเป็นความหนาบางๆประมาณ 1-1.5 เซ็นติเมตร แต่จะเคลือบอยู่บนผ้าเพื่อป้องกันการฉีกขาดของยางเนื่องจากความบางครับ ผู้ผลิตบางรายใช้ยางบางๆชนิดนี้ปิดทับวัสดุข้างในครับทำให้ดูเป็นที่นอนยางพาราได้สำหรับผู้ที่ไม่มีประสพการ์ณก็อาจจะถูกหลอกได้ครับ

กลิ่น ที่นอนยางพาราแท้จะมีกลิ่นยางอ่อนๆในช่วงสัปดาห์แรกที่เปิดห่อพลาสติกหุ้มที่นอนออก ถ้าที่นอนยางสังเคราะห์หรือฟองน้ำจะไม่มีกลิ่นครับ
ความหนาแน่น

ที่นอนยางพาราหนักมากเป็นความเชื่อที่ผิดนะครับ ถ้าเป็นที่นอนยางพาราแท้ 100% น้ำหนักที่นอนหนักกว่าฟองน้ำอัดครับแต่ยังเบากว่าที่นอนที่ทำจากยางอัดมาก

ความหนาแน่นของวัสดุทำที่นอนชนิดต่างๆอธิบายจากความหนาแน่นของวัสดุได้ครับ

ฟองน้ำ เบาสุดความหนาแน่น 20-30 กิโลกรัม/ลบ.เมตร

ฟองน้ำอัด หนักขึ้นหน่อย ความหนาแน่น 40-60 กิโลกรัม/ลบ.เมตร

โฟมยางพารา 100% หนัก ความหนาแน่น 80-110 กิโลกรัม/ลบ.เมตร

ยางอัด หนักมาก ความหนาแน่น 200-250 กิโลกรัม/ลบ.เมตร

ที่นอนยางพาราในท้องตลาดทั่วไปที่บอกว่ายกกัน 3-4 คนเป็นยางอัดแน่นอนครับแต่อาจจะหุ้มโฟมยางพาราบางๆโดยรอบที่นอนครับ คนทั่วไปซื้อแบบนี้ครับเลยคิดว่ายางพาราเป็นแบบนี้ สาเหตุที่ส่วนใหญ่ใช้ยางอัดเป็นวัสดุทำที่นอนเพราะถูกกว่าโฟมยางพารามากครับ

โฟมยางพาราเป็นวัสดุทำที่นอนระดับพรีเมี่ยมครับราคาจะแพงกว่าวัสดุทั่วไปมากที่นอนยี่ห้อดังๆก็นิยมใช้ครับแต่ใช้แบบบาง 1 นิ้ว ที่นอนยางพาราที่เป็นชิ้นเดียวส่วนใหญ่ส่งออกมากกว่าขายในประเทศทำให้คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ครับ

 มีคนจำนวนไม่น้อยคิดว่าการซื้อที่นอนแพงๆเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเพราะใช้แค่นอนอย่างเดียว จึงหันไปซื้อเตียงนอนหน้าตาสวยๆ ราคาแพงๆ แทน จริงๆ แล้วเรานอนบนที่นอน ไม่ได้นอนบนเตียงนอนเสียหน่อย ยิ่งหากเรานำราคาที่นอนไปหารกับจำนวนวันที่ใช้นอน ก็ถือว่าคุ้มค่าพอที่จะลงทุนกับที่นอนดีๆ สักผืนประเทศไทยมีอัตราการส่งออกผลผลิตยางพาราทั้งน้ำยางข้น น้ำยางแผ่นและยางแปรรูปอื่นๆ มูลค่านับแสนล้านบาทต่อปี เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในประเทศกลุ่มเอเชียแปซิฟิก แน่นอน เรามีวัตถุดิบชั้นดีอยู่แล้ว จึงค่อนข้างแน่ชัดว่าที่นอนยางพาราในบ้านเราย่อมมีคุณภาพไม่แพ้ใคร แต่ประเด็นสำคัญคือ เลือกอย่างไรให้ได้ของดี เพราะที่นอนยางพาราหรือ Latex Foam มีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบฟองน้ำสังเคราะห์ผสมโฟมยางพารา แบบท่นี อนใยมะพร้าวผสมยางพารา และแบบที่นอนยางพาราร้อยเปอร์เซ็นต์ ข้อดีของที่นอนประเภทนี้คือ อายุการใช้งานยาวนานตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ช่วยลดการกดทับและโอบอุ้มสรีระได้ดี ไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรียและไรฝุ่น วันนี้เราจึงมีวิธีเลือกที่นอนยางพาราคุณภาพดีมาฝาก ดังนี้ค่ะ

น้ำหนัก

ที่นอนยางพาราที่ดีต้องไม่หนักจนเกินไป อย่างน้อยต้องยกมุมด้านใดด้านหนึ่งได้สบาย หากที่นอนเบาเกินเหตุ อาจตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นโฟมหรือพอลิยูรีเทน แต่หากหนักเกินไป อาจเป็นโฟมยางอัดเหลือใช้ขึ้นรูปใหม่ด้วยการอัดกาว สำหรับวิธีเทียบน้ำหนักยางพารามีสูตรง่ายๆ คือ ใช้ขนาดกว้างยาว และหนา (หน่วยเป็นเซนติเมตร) มาคูณกัน แล้วหารด้วย 1,000,000 จากนั้นคูณด้วยค่า Density หรือหน่วยแทนค่าความหนาแน่นของยางพาราแท้ซึ่งโรงงานบอกมา จะได้น้ำหนักจริงๆ ของยางพารา

ความหนาแน่นและความนุ่ม

สอบถามค่า Density จากผู้ขาย เพราะสามารถบอกได้ว่าที่นอนนั้นมีค่าความหนาแน่นมากหรือน้อย โดยค่าปานกลางอยู่ที่ Density 85

ลักษณะของผิวยางและความยืดหยุ่น

สามารถพับทบได้ เมื่อดึงกลับก็จะคืนรูปอย่างรวดเร็ว

กลิ่น

หากลองดมดูจะได้กลิ่นอ่อนๆ แบบธรรมชาติของยาง กลิ่นคล้ายวานิลลานิดๆ

รู้ไว้สักนิดก่อนควักกระเป๋าสตางค์

  • มีคนเคยบอกว่า ต้องหมั่นกลับที่นอนทุกเดือนเพื่อการใช้งานที่ยาวนานแต่ที่นอนยางพาราอาจไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะนอกจากน้ำหนักที่มากแล้ว ที่นอนชนิดนี้ยังออกแบบมาเพื่อระบายอากาศได้เอง และยางพาราก็มีคุณสมบัติไม่เก็บความชื้นและไม่สะสมแบคทีเรีย จึงไม่จำเป็นต้องกลับด้านบ่อยๆ ที่สำคัญ อย่านำไปตากแดดจัดเด็ดขาด เพราะอาจได้ก้อนยางแข็งๆ กลับมาแทน
  • ที่นอนยางพาราแบบผสมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้ราคาที่นอนยางพาราถูกลงและมีน้ำหนักเบากว่า แต่ข้อเสียคือ การใช้งานจะไม่ยาวนานเท่ายางพาราแท้ และบางครั้งอาจยุบตัวได้เร็วกว่าด้วย
  • ข้อควรสังเกต เนื่องจากที่นอนยางพารามีราคาสูง ทำให้ผู้ผลิตบางรายใช้กลโกงโดยอาจใช้โฟมยางสังเคราะห์หรือโฟมอัดมาแทรกไปกับยางพารา หรือใช้เป็นไส้อยู่ด้านใน แล้วปิดล้อมรอบด้วยยางพาราจริงๆ แนะนำให้ซื้อที่นอนจากผู้ผลิตที่ไว้ใจได้ สำหรับกระบวนการผลิตในไทยส่วนใหญ่จะเป็นแบบ DunlopProcess นำสารเคมีมาผสมกับโฟมยางพาราจนกลายเป็นครีมเหลว จากนั้นนำมาเทลงแบบหล่อ แล้วอบด้วยความร้อนจนยางสุก จึงนำไปผ่านกระบวนการทำความสะอาดจนสารเคมีหมดไป ส่วนใครชอบเทคโนโลยีทันสมัย จะเลือกใช้ของนำเข้าก็ไม่ว่ากัน เป็นกระบวนการผลิตแบบ Tatalay Process จะใส่น้ำยางที่ผสมแล้วเทเข้าแม่พิมพ์ แล้วดูดอากาศในแม่พิมพ์ออก น้ำยางจะพองตัวขึ้นจนเต็มแม่พิมพ์ แล้วจึงนำไปแช่แข็ง จากนั้นอบด้วยความร้อนอีกครั้ง ทั้งสองวิธีนี้จะได้โฟมยางพาราเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความชอบและความสบายส่วนตัว
  • ที่นอนบางยี่ห้อจะบอกข้อมูลเรื่องการรองรับสรีระว่าสามารถรองรับได้ 7 จุด ข้อดีคือ ทำให้เห็นความแตกต่างจากที่นอนสปริงและที่นอนประเภทอื่นๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของผู้นอนด้วย ปัญหาเรื่องสรีระ เช่น ปวดหลัง หากน้ำหนักตัวมาก ควรเลือกที่นอนที่มีความนุ่มให้พอดีกัน เพราะที่นอนที่มีความนุ่มและยืดหยุ่นก็ทำให้ความสบายในการนอนแตกต่างกันไป
  • ยางพารามีความพรุนจึงช่วยระบายอากาศได้ดี แถมยังไม่เก็บกักฝุ่น แต่หากใครกลัวเรื่องไรฝุ่น แนะนำให้ซื้อผ้าปูที่นอนชนิดป้องกันไรฝุ่นมาใช้ควบคู่กัน พร้อมกับหมั่นนำผ้าปูที่นอนไปซักหรือผึ่งแดดบ่อยๆ
  • เลือกที่นอนยางพาราชนิดที่สามารถถอดผ้าหุ้มออกไปซักได้ที่สำคัญ ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่า ที่นอนนั้นเป็นยางพาราแท้ทั้งชิ้นหรือไม่
  • ราคาที่นอนยางพาราไม่ใช่ถูกๆ ก่อนตัดสินใจเลือกซื้อควรทดลองนอนดูสักประมาณ 20 นาที หรือนานกว่านั้นก็จะดีมาก เพราะจะทำให้สรีระของเราเริ่มเข้ารูปกับที่นอน จากนั้นก็จะทราบเองว่าที่นอนแบบนี้เหมาะกับเราหรือไม่

ในการเลือกที่นอนยางพาราที่มีคุณภาพ ดังนี้

1. ให้สังเกตค่า Density ที่เหมาะสม เช่น Density 110มีความแน่นสูง เหมาะกับผู้สูงอายุ Density 85 เหมาะกับสรีระคนทั่วไป รวมถึงไซส์คนเอเชียและคนไทยDensity 65 เหมาะกับผู้มีน้ำหนักตัวมาก

2. ราคาของที่นอนเป็นข้อสังเกตอีกอย่างว่าเป็นยางแท้ หากความหนา 8 นิ้วขึ้นไป ราคาไม่ควรถูกกว่า 20,000 บาท

3. หากมีปัญหาเรื่องการนอน เช่น ปวดหลังหรือเป็นแผลกดทับควรเลือกรุ่นให้เหมาะตามค่า Density ของยาง