Show
พื้นที่ โฆษณาติดต่อ: รู้หรือไม่ ... เสียงแค่ไหนที่เรียกว่า “ดัง” ?ระดับเสียงเกิน 70–75 เดซิเบล เอ (dBA) ขึ้นไป หากฟังอยู่นานๆ ความรู้สึกต่อการได้ยินจะลดความไวลง องค์การอนามัยโลก กำหนดไว้ว่า เสียงที่เป็นอันตราย หมายถึง เสียงที่ดังเกิน 85 เดซิเบล เอ (dBA) ที่ทุกความถี่ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเสียงแค่ไหน เสียงอะไร ที่เรียกว่า “ดังเกินไป” บ้าง และ....รู้หรือไม่ว่า เสียงที่ดังเกินไป มีต่อสภาพร่างกายและจิตใจอย่างไร ?การได้ยินเสียงที่ดังมากเกินไป จะทำให้เราเกิดความรำคาญ รู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจ เกิดความเครียดทางประสาท ขาดสมาธิ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และหากเสียงนั้นดังช่วงกลางคืนจะไปรบกวนการนอนหลับ อาการเหล่านี้นานไปจะส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง อาจก่อให้เกิดอาการป่วยทางกาย เช่น โรคกระเพาะ โรคความดันสูง และหากได้ยินเสียงดังเกินกว่ากำหนดนานเกินไป อาจทำให้สูญเสียการได้ยิน (ชั่วคราวหรือถาวร) หูของคนเรามีหน้าที่ในการรับฟังเสียง และควบคุมการทรงตัว ประกอบด้วย 3 ส่วนใหญ่คือ หูชั้นนอก ที่นับตั้งแต่ใบหู ช่องหู ไปจนถึงแก้วหูหรือเยื่อบุแก้วหู ส่วนที่สองคือ หูชั้นกลางประกอบด้วยแก้วหู ช่องหูชั้นกลาง ที่มีกระดูกหูเล็กๆ 3 ชิ้นได้แก่ กระดูกรูปค้อน ทั่งและโกลน ช่วยในการส่งและขยายเสียง ส่วนสุดท้ายคือ หูชั้นใน ที่เป็นอวัยวะรูปก้อนหอย และอวัยวะรับรู้การทรงตัว ลักษณะของเสียงแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ ความดัง ความถี่ และคุณภาพของเสียง ในเรื่องของความดังได้แก่ เสียงดัง เสียงเบา เสียงกระซิบ เป็นต้น ในเรื่องของความถี่คือ เสียงสูงเสียงต่ำ เสียงทุ้มเสียงแหลม และในเรื่องของคุณภาพเสียง คือเสียงเพราะ เสียงแก้ว เสียงเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เป็นต้น การได้ยินเสียงเป็นสุนทรีภาพอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ การได้รับฟังเสียงดนตรีที่มีห้วงทำนองเสียงสูงเสียงต่ำพอเหมาะ เสียงนักร้องที่ร้องเพลงได้ไพเราะ ความดังของเสียงที่พอดี ในทางตรงข้ามเสียงที่ดังหนวกหู น่ารำคาญก็ก่อให้เกิดความหงุดหงิด เป็นทุกข์ได้เช่นกัน และนอกจากเสียงดังเกินไำปก็ก่อให้เกิดโทษ และเป็นอันตรายต่อหูด้วย ในการวัดระดับความดังของเสียง มีหน่วยที่เรียกว่า “เดซิเบล (DECIBEL)” ตามปกติคนเราจะเริ่มได้ยินเสียงที่ระดับความดัง 10-20
dB องค์การอนามัยโลก ได้กำหนดไว้ว่าเสียงที่เริ่มมีอันตรายต่อหู คือเสียงที่มีความดังระดับ 80-90 dB ขึ้นไปส่วนช่วงเวลาก็มีความสำคัญเช่นกันเพราะพบว่า ถ้าต้องทำงานในที่มีเสียงดังระดับ 80-90 dB จะต้องทำงานนั้นไม่เกิน วันละ 7-8 ชม. เพราะถ้าเกินกว่านี้จะเกิดอาการหูอื้อ นานไปจะทำให้ประสาทหูถูกทำลายจากเสียงดังได้ การใช้อุปกรณ์ป้องกันต่อหู เพื่อลดความดังของเสียงมี 2 แบบ – ที่ครอบหู จะปิดหูและกระดูกรอบ ๆ ใบหูไว้ทั้งหมด สามารถลดระดับความดังของเสียงได้ 20-40 เดซิเบลเอ – ปลั๊กอุดหู ทำด้วยยาง หรือพลาสติก ใช้สอดเข้าไปในช่องหูสามารถลดระดับความดังของเสียงได้ 10-20 เดซิเบลเอ การลดระยะเวลาในการรับเสียงของผู้ที่อยู่ในบริเวณที่มีเสียงดังเกินมาตรฐาน โดยจำกัดให้น้อยลง เกณฑ์กำหนดของระดับเสียงที่เป็นอันตรายก.กรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดมาตรฐานของระดับเสียงในสถานประกอบการต่าง ๆ ไว้ดังนี้คือ ข. องค์การอนามัยโลกได้กำหนดว่าระดับเสียงที่ดังเกินกว่า 85 เดซิเบล(เอ) ถือว่าเป็นอันตรายต่อมนุษย์ บทความและหลักสูตรที่น่าสนใจ
เครื่องบินไอพ่นเสียงดังกี่เดซิเบลเครื่องบินไอพ่นขึ้นจากทางวิ่ง (อาจยืนฟังใกล้ทางวิ่ง) ถ้ามีระดับเสียงสูงตั้งแต่85 เดซิเบล ขึ้นไป เป็นเสียงที่ดังมาก ถ้ารับฟังติดต่อกันนาน ๆ เกินวันละ 8 ชั่วโมง จะทาให้เยื่อแก้วหูฉีกขาด พิการอย่างถาวรได้
เสียงดังเกินกี่เดซิเบลปกติจะสามารถรับเสียงที่มีความดังของเสียงต่ำสุด 0 เดซิเบล (decibel:dB) และสูงสุด 120.
70 เดซิเบล ดังแค่ไหนระดับปานกลาง (50-60 dB) เช่น เสียงฝนตกเบาๆ เสียงพูดคุยทั่วไป ระดับดัง (70-80 dB) เช่น เสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงนกหวีด และไม่ควรฟังเสียงที่ดังตั้งแต่ 85 dB ขึ้นไปเป็นเวลานานๆ เพราะอาจสูญเสียการได้ยิน ระดับดังมาก (90-100 dB) เช่น เสียงเครื่องตัดหญ้า เสียงโรงงาน
เครื่องตัดหญ้าดังกี่เดซิเบลความดังของเสียงนั้นวัดกันเป็นเดซิเบลส์ โดยเสียงพูดคุยตามปกติจะดังราว 60 เดซิเบลส์ เสียงเครื่องตัดหญ้าดังราว 90 เดซิเบลส์ และคอนเสิร์ตเพลงร็อคจะดังราว 100-120 เดซิเบลส์ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เสียงที่ดังราว 85 เดซิเบลส์ถือว่าอันตรายสำหรับสุขภาพหู แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเจอกับเสียงดังมาๆ นานแค่ไหนและบ่อยแค่ไหน และคุณใส่เครื่อง ...
|