ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างไร

1. เทคโนโลยีมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร

ปัจจุบันความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีได้พัฒนาอย่าง   รวดเร็ว เทคโนโลยีขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิต คือเทคโนโลยีสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ กำลังมีบทบาทอย่างกว้างขวางในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การบริการ สังคม สิ่งแวดล้อมไปจนถึงด้านการศึกษา และในขณะที่สังคมโลกกำลังก้าวเข้าสู่มิติใหม่ เทคโนโลยีสารสนเทศนับเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่นำสมัยมีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเพราะเทคโนโลยีสารสนเทศ คือ กุญแจสำคัญที่ไขไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพตามความต้องการของประเทศ และเนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิต การทำงาน การเรียน และเล่น ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อ          คุณสมบัติในการเป็นเทคโนโลยีที่สามารถสอดแทรก และเสริมสร้างสมรรถนะใน       กิจกรรมและการดำเนินการต่าง ๆ  ด้วยเหตุนี้สังคมไทยในปัจจุบันจึงกลายเป็นสังคม   สารสนเทศ (Infomation society) ไม่ว่าบุคคลจะอยู่ในอาชีพใด วัยใดก็ตาม จำเป็นต้องได้รับข้อมูลข่าวสารจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการพัฒนาตนเอง พัฒนาอาชีพรวมทั้งพัฒนาสังคมและประเทศชาติ

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ (Infomation Technology – IT) มีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติเพื่ออำนวยความสะดวกทั้งในชีวิตประจำวัน และการทำงานเป็นอย่างมากประกอบกับโลกได้วิวัฒนาการเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ที่ข้อมูลข่าวสารมีการเคลื่อนไหวอย่างเสรีทั่วโลก ซึ่งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติได้ให้คำจำกัดความของ คำว่าเทคโนโลยีสารสนเทศว่า หมายถึง เทคโนโลยีหลายกลุ่มรวมกัน เพื่อก่อให้เกิดการติดต่อเชื่อมโยง จัดหาวิเคราะห์ประมวล ผลการจัดเก็บและการจัดการ การเผยแพร่ (ครอบคลุมทั้งข่าวสารและข้อมูลดิบจนถึงความรู้ทางวิชาการ) ในรูปแบบของสื่อต่าง ๆ ทั้งเสียง ภาพ และตัวอักษรด้วยวิธีทางอิเล็คทรอนิกส์ นอกจากนั้นเทคโนโลยีสารสนเทศยังประกอบด้วย เทคโนโลยีหลายประเภท เช่น เทคโนคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และฐานข้อมูล เทคโนโลยี โทรคมนาคมระบบมีสายและไร้สายซึ่งรวมไปถึงระบบสื่อมวลชน (วิทยุโทรทัศน์) เทคโนโลยีสำนักงาน เป็นต้น

บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่

  1. ด้านเศรษฐกิจ ถ้าพิจารณาจากประเทศต่าง ๆ ที่พัฒนาแล้วจะพบว่าประเทศเหล่านี้มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของการขยายตัวของผลผลิต การส่งออกและรายได้จากการผลิตอุปกรณ์ด้านสารสนเทศสำหรับประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากภาคเกษตรมาสู่ภาคอุตสาหกรรมและในปี พ.ศ. 2537 จากข้อมูลของศูนย์สถิติการพาณิชย์ พบว่าปริมาณการส่งออกของประเทศสำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ประกอบเป็นอันดับสอง มีมูลค่าเท่ากับ 88,500 ล้านบาท ส่วนแผงวงจรไฟฟ้าเป็นอันดับสี่มีมูลค่าการส่งออกเท่ากับ 32,186 ล้านบาท แสดงว่าอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกลายเป็นสินค้าออกที่มีความสำคัญและมูลค่าสูงมากเป็นลำดับต้น ๆ ของสินค้าออกของประเทศแล้วในปัจจุบัน
  2. ด้านการศึกษา ระบบสารสนเทศทางการศึกษาเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนานโยบายการวางแผนและพัฒนาการศึกษา เพราะกระบวนการตัดสินใจในการบริหารย่อมมีระบบสารสนเทศเป็นหัวใจสำคัญในทุกขั้นตอน การพัฒนาการศึกษาของประเทศ จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับระบบข้อมูลข่าวสารและระบบสารสนเทศที่ดีเป็นประการสำคัญ การที่จะพัฒนา และกระจายการบริการด้านการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ และอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
  3. ด้านสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในส่วนของสุขภาพอนามัย เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ ของสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนในการให้บริการแก่ประชาชน โดยใช้เทคโนโลยีระบบเครือข่ายสาธารณสุข การปรึกษาผู้ป่วยผ่านดาวเทียม เป็นต้น
  4. ด้านการเกษตร เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของเกษตรกรไทยในเรื่องการรับรู้ข่าวสาร ข้อมูล การตลาด ผลิตผลทางการเกษตร เช่น ราคากลาง ความต้องการในตลาดโลก เป็นต้น ทำให้เกษตรกรสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการผลิตได้ดีขึ้น และสามารถผลิตได้ตรงกับความต้องการของตลาด
  5. ด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศ ช่วยในการส่งเสริมป้องกันและแก้ไขปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในระบบ      สารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อมเป็นระบบฐานข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติ สำหรับการวางแผนด้านสิ่งแวดล้อมในระดับนโยบาย หรือการนำดาวเทียมเข้ามาช่วยในการสำรวจและเก็บข้อมูลฐานทรัพยากรธรรมชาติ การนำคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการจัดระบบจราจร เป็นต้น
  6. ด้านอุตสาหกรรมและการบริการ ได้มีการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่ม              ประสิทธิภาพในการผลิตและการบริการ เพื่อให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือการใช้คอมพิวเตอร์เข้าควบคุมกระบวนการผลิต เป็นต้น
  7. ด้านการบริการของรัฐ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่ประชาชน เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ในการสำรองตั๋วโดยสารรถไฟ การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อช่วยตรวจจับคนร้าย การพัฒนาระบบฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรลงสู่คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
  8. ด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นส่วนประกอบหนึ่งในกระบวนการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการให้บริการข่าวสารข้อมูลแก่นักท่องเที่ยว และอำนวยความสะดวกในการสำรองที่นั่ง
  9. ด้านอื่น ๆ ได้แก่ การติดต่อสื่อสารการจัดสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมต่าง ๆ ทั้งเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศ เครือข่ายโทรศัพท์ระหว่างประเทศหรือเครือข่าย       สื่อสารข้อมูลด้วยดาวเทียมขนาดเล็กการบันเทิงต่าง ๆ เช่น การแพร่ภาพรายการโทรทัศน์ เคเบิลทีวี เป็นต้น

คอมพิวเตอร์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในกิจการสารสนเทศ เนื่องจากสามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและสามารถเก็บข่าวสารข้อมูลต่าง  ๆ ได้ประกอบกับในปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีราคาถูกลง และมีการพัฒนาการใช้งานให้ง่ายขึ้นอีกทั้งมีขนาดเล็กลง สะดวกในการเคลื่อนย้าย ทำให้คนตื่นตัวที่จะใช้คอมพิวเตอร์ในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในทุกสถานที่ ปัจจุบันมีการใช้คอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวันทั้งที่บ้าน และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชน ด้วยเหตุนี้การศึกษาหาความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อการใช้ในชีวิตประจำวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการใช้คอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เครื่องพิมพ์ จานคอมแพกต์ โทรศัพท์ โทรสาร อุปกรณ์สลับสาย อินเตอร์เน็ต ดาวเทียม ใยแก้วนำแสง วิทยุติดตามตัว (pager) โมเด็มโทรทัศน์ เครื่องเล่นวิทยุ เครื่องเล่นอีเล็คทรอนิกส์ เกมคอมพิวเตอร์ เครื่องอ่านบาร์โค้ด รวมถึงซอฟต์แวร์ระบบ และซอฟต์แวร์ประยุกต์เฉพาะด้านและเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ฯลฯ

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศมีให้เลือกมากมายตามความต้องการของผู้ใช้ แต่การเลือกใช้ก็ควรจะให้เหมาะสมและมีประโยชน์ โดยฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคตก็ยังต้องเกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เด็กควรปรับตัวและเรียนรู้เพื่อใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันและอนาคตสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือเด็กและเยาวชนจะเลือกใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างไรจึงจะไม่ก่อให้เกิดปัญหากับครอบครัวและสังคม

เด็กและเยาวชนเป็นวัยแห่งการเรียนรู้และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต วัยเด็กเป็นวัยที่ซึมซับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายและยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะแยกแยะเหตุผลได้อย่างละเอียดรอบคอบเด็กจึงจะอยู่ใต้อิทธิพลของสื่อต่าง ๆ ที่ผู้ผลิตหรือผู้เผยแพร่สิ่งเหล่านั้นพยายามชักจูงโน้มน้าวให้เด็กบริโภคสื่อของตน เพื่อหวังผลทางการค้า

นอกจากนั้นเด็กส่วนใหญ่เมื่อมีเวลาว่างมักจะเข้าไปสืบค้นข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต (ท่องอินเตอร์เน็ต) ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครองเพราะเห็นว่าจะช่วยให้เด็กได้รับความรู้เพิ่มมากขึ้นโดยไม่คาดคิดว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตนั้นจะมีทั้งดีและไม่ดีถ้าเด็กได้รับข้อมูลจากผู้ที่ไม่หวังดีใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือประกอบอาชีพไม่สุจริตเด็กเหล่านั้นก็จะถูกชักนำไปในทางที่เลวร้ายได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นก็ปรากฏให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ นอกจากนั้นปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนไทยส่วนหนึ่งมาจากเกม ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นสิ่งบันเทิงสิ่งหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล เกมจึงเป็นสิ่งที่น่าหลงใหลสำหรับเด็กและ เยาวชนอย่างชนิดถอนตัวไม่ขึ้น ความรุนแรงและสิ่งยั่วยุต่าง ๆ ในเกมมีผลต่อพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ในเด็กและเยาวชนเรื่องนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องดูแลควบคุมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศของเด็กอย่างใกล้ชิด ต้องดูว่าเขาซื้อเกมอะไรมาเล่นบ้าง ร่วมเล่นกับเขาให้คำแนะนำให้ความดูแลเอาใจใส่โดยเฉพาะการสอนให้เด็กรู้จักควบคุมตนเองไปทีละน้อยเป็นขั้นเป็นตอนไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะควบคุมยับยั้งตนเองได้เมื่อโตขึ้น แต่เนื่องจากสังคมและเศรษฐกิจที่บีบรัดทำให้พ่อแม่ต้องรับภาระหนักในการทำงานและใช้เวลาส่วนใหญ่ไปอยู่นอกบ้าน เวลาที่จะใกล้ชิดดูแลเอาใจใส่เด็กน้อยลงแต่พ่อแม่ก็สามารถที่จะให้การดูแลเอาใจใส่และสังเกตพฤติกรรมรวมทั้งความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ ที่เด็กทำ ส่งเสริมให้เด็กทำกิจกรรมที่เขาชอบตามความถนัดเพื่อให้เด็กเกิดความเพลิดเพลินและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ด้วยการใช้เวลาที่พ่อแม่สามารถให้กับเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง สิ่งสำคัญคือพ่อแม่จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กในเรื่องการปลูกฝังพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นแบบอย่างที่ถูกต้องและมีคุณค่าเพื่อให้เด็กได้เรียนรู้และได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศมากที่สุด

สรุป เทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก โดยอยู่ในรูปแบบของสื่อต่าง ๆ ทั้งเสียงภาพและตัวอักษรด้วยวิธีทางอีเลคโทรนิกส์ประกอบด้วยเทคโนคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีโทรคมนาคมระบบมีสายและไร้สาย รวมทั้งระบบสื่อมวลชน บทบาทที่สำคัญของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านการเกษตร ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรมและบริการ ด้านการบริการของรัฐ ด้านการท่องเที่ยว อื่น ๆ คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในกิจการสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์กับตนเองสังคมและประเทศชาตินั้นจะต้องเลือกให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์ โดยเฉพาะเด็กและ   เยาวชน ควรจะได้รับการดูแลเอาใจใส่และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีอย่างถูกต้องจากพ่อแม่ ซึ่งจะต้องให้ข้อมูลและการปลูกฝังพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีสารเทศอย่างถูกต้องมีคุณค่าและเกิดประโยชน์เพื่อให้เด็กและเยาวชนสามารถควบคุมดูแลตนเองได้และไม่ตกเป็นเครื่องมือของผู้ที่ไม่หวังดีที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาบิดเบือนทำให้เด็กและเยาวชนให้หลงผิดและเสียอนาคต

ที่มาSOMSRI PETCHOTE 

www.ru.ac.th/hu812/a21.doc

สื่อบันเทิงกับการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

ในปัจจุบันนี้หากจะกล่าวถึงการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันนั้น แทบจะกล่าวได้ว่ามนุษย์ทุกคนและทุกวัยต่างจะต้องมีความเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการใช้เทคโนโลยีอยู่ตลอดเวลา ดังจะเห็นได้จากการมีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้แก่ เครื่องดูดฝุ่น ไมรโครเวฟ เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเทคโนโลยีอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินหรือความบันเทิงให้แก่มนุษย์ หรืออาจเปรียบได้กับเป็นเครื่องที่ช่วยให้มนุษย์สามารถพักผ่อนหย่อนใจ หรือลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ได้แก่ การชมโทรทัศน์ ฟังเพลงจากเครื่องเล่น ฟังวิทยุ เล่นเกมส์ เล่นอินเตอร์เน็ท เป็นต้น ดังนั้น จากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ เราจึงเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงต่างๆ ก็ยังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ จึงกล่าวได้ว่าการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเพื่อความเพลิดเพลินนั้น ก็เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์อีกประการหนึ่งด้วย

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างไร

สื่อบันเทิงที่ส่วนใหญ่จะมีความเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น ได้แก่ โทรทัศน์ ซึ่งเราสามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีบ้านไหนหรือผู้ใดที่จะไม่รู้จักโทรทัศน์ เนื่องจากว่าโทรทัศน์เป็นเครื่องที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์ได้ เช่น การชมละคร หรือรายการต่างๆ ผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายจากการทำงานหนักหรือผ่อนคลายความเครียดได้ นอกจากนี้โทรทัศน์ก็ยังช่วยให้ความรู้หรือให้ข่าวสารใหม่ๆ ที่ทันต่อสถานการณ์ของโลกแก่ผู้รับชมด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ประโยชน์ของโทรทัศน์ซึ่งถือเป็นการใช้เทคโนโลยีอย่างหนึ่ง ก็ยังมีความสัมพันธ์กับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้แก่มนุษย์นั้น นอกจากจะมีโทรทัศน์แล้ว ก็ยังมีสิ่งบันเทิงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งคนที่มีฐานะยากจนก็สามารถมีไว้ครอบครองได้ หรือกล่าวได้ว่าจะเป็นที่ต้องการของกลุ่มที่ชอบฟังเพลงเป็นส่วนใหญ่ นั่นก็คือ วิทยุและเครื่องเล่นเพลง เป็นต้น และจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ จึงส่งผลให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเพลงให้มีความทันสมัยมากขึ้น จากที่แต่เดิมสามารถเล่นได้เฉพาะเทป ก็ได้มีการพัฒนาจนสามารถเล่นกับแผ่นซีดีได้ และจากความเจริญก้าวหน้าของโลกในปัจจุบันนี้ที่มีมากขึ้น จึงทำให้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าทันต่อสถานการณ์ของโลกมากขึ้น ดังนั้น เราจึงจะเห็นได้ว่า เครื่องเล่นเพลงในปัจจุบันนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด สามารถพกพาไปในที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกมากขึ้น ได้แก่ เครื่องเล่น mp3, I-POD เป็นต้น ส่วนวิทยุนั้น จากที่แต่เดิมสามารถรับฟังเพลงหรือรับฟังวิทยุจากคลื่นต่างๆ ได้เท่านั้น ปัจจุบันนี้วิทยุก็ได้มีการพัฒนาความสามารถในการใช้งานเพิ่มมากขึ้น เช่น มีนาฬิกาปลุกภายในตัวเครื่องวิทยุด้วย หรือจะสามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่น mp3 ได้อีกด้วย ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้แก่มนุษย์เพิ่มมากขึ้น

นอกจากนั้น เทคโนโลยีก็ไม่ได้มีความสำคัญหรือเกี่ยวข้องกับเฉพาะในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับวัยเด็กและวัยรุ่นด้วย นั่นก็คือ การเล่นเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นจากเครื่อง Play Station หรือจะเป็นการเล่นเกมส์ออนไลน์ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ท ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ก็ล้วนเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทั้งสิ้น และจากการพัฒนาของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้มีการพัฒนาเครื่องเล่นเกมส์ที่มีความทันสมัยเพิ่มมากขึ้น มีขนาดกะทัดรัด สามารถพกพานำติดตัวไปได้ เช่น Game-Boy หรือ PSP เป็นต้น แต่จากการพัฒนาของเทคโนโลยีดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ โดยเฉพาะในวัยเด็กและวัยรุ่นที่ในปัจจุบันนี้ต่างพากันติดเกมส์จนส่งผลกระทบต่อการเรียน รวมทั้งเกิดปัญหาสังคมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเด็กได้เลียนแบบพฤติกรรมในเกมส์ที่ตนเล่น เช่น ลักทรัพย์ การทำอนาจาร เป็นต้น นอกจากนี้ เครื่องเล่น mp3 หรือ I-POD นั้นก็ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ด้วย นั่นก็คือ ส่งผลต่อการรับฟังของมนุษย์ เนื่องจากว่าการฟังเพลงจากเครื่องเล่นเหล่านั้น จะส่งผลให้หูของมนุษย์ได้รับความกระทบกระเทือนจนอาจก่อให้เกิดโรคหูหนวกได้ ด้วยเหตุนี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่าการพัฒนาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีนั้น ก็ได้ส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์ด้วย

Nintendo DS

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสื่อบันเทิงกับการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับมนุษย์เสมอมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวก็ได้มีการพัฒนาให้มีความเจริญก้าวหน้า ทันสมัยกับความต้องการของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ ปัญหาของการใช้เทคโนโลยีไปในทางที่ผิดจึงส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เป็นส่วนใหญ่ด้วย ดังนั้น ผู้ปกครองหรือสังคมก็ควรที่จะให้ความสำคัญต่อการใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันของมนุษย์ให้มากขึ้นด้วย เพื่อเป็นการป้องกันผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาในภายหลังได้

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างไร

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างไร

ที่มาhttp://mattanavadee1.spaces.live.com/blog/cns!5151963FEA088F73!197.entry

2. ผลกระทบด้านบวกของเทคโนโลยีมีอะไรบ้าง

                1. การสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  สภาพความเป็นอยู่ของสังคมเมือง มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน เช่น ใช้ควบคุมเครื่องปรับอากาศ ใช้ควมคุมระบบไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นต้น
     2. เสริมสร้างความเท่าเทียมในสังคมและการกระจายโอกาส   เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดการกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง แม้แต่ถิ่นทุรกันดาร ทำให้มีการกระจายโอกาสการเรียนรู้ มีการใช้ระบบการเรียนการสอนทางไกล การกระจายการเรียนรู้ไปยังถิ่นห่างไกล นอกจากนี้ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะใช้ระบบการรักษาพยาบาลผ่านเครือข่ายสื่อสาร
     3. สารสนเทศกับการเรียนการสอนในโรงเรียน
   การเรียนการสอนในโรงเรียนมีการนำคอมพิวเตอร์และเครื่องมือประกอบช่วยในการเรียนรู้ เช่น วีดิทัศน์ เครื่องฉายภาพ คอมพิวเตอร์ช่วยสอน คอมพิวเตอร์ช่วยจัดการศึกษา จัดตารางสอน คำนวณระดับคะแนน จัดชั้นเรียน ทำรายงานเพื่อให้ผู้บริหารได้ทราบถึงปัญหาและการแก้ปัญหาในโรงเรียน ปัจจุบันมีการเรียนการสอนทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศใน โรงเรียนมากขึ้น
   4. เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม   การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อม เพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่า โทรมาตร เป็นต้น
    5. เทคโนโลยีสารสนเทศกับการป้องกันประเทศ   กิจการทางด้านการทหารมีการใช้เทคโนโลยี อาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์และระบบควบคุม มีการใช้ระบบป้องกันภัย ระบบเฝ้าระวังที่มีคอมพิวเตอร์ ควบคุมการทำงาน
    6.การผลิตในอุตสาหกรรม และการพาณิชยกรรม   การแข่งขันทางด้านการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจำเป็น 
ต้องหาวิธีการ ในการผลิตให้ได้มาก ราคาถูกลง เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทมาก มีการใช้ข้อมูลข่าวสารเพื่อการบริหารและการจัดการ การดำเนินการและยังรวมไปถึงการให้บริการกับลูกค้า เพื่อให้ซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น
    7. เทคโนโลยีสารสนเทศมีผลเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน   บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้าและเกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป

อ้างอิงจาก>>http://neung.kaengkhoi.ac.th/information1/techno_3_2.html<<

3. ผลระทบด้านลบของเทคโนโลยีมีอะไรบ้าง

                 1. ก่อให้เกิดความเครียดในสังคมมากขึ้น  เนื่องจากมนุษย์ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง เคยทำอะไรแบบใด มักจะชอบทำแบบนั้น ไม่ชอบการ เปลี่ยนแปลง แต่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้าไปเปลี่ยนแปลง บุคคลที่รับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ จึงเกิดความวิตกกังวล จนกลาย เป็นความเครียด กลัวว่าคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศจะทำให้คนตกงาน เพราะสิ่งเหล่านี้จะเข้ามาทดแทนมนุษย์
    2. ก่อให้เกิดการรับวัฒนธรรม  หรือการแลกเปลี่ยนวัฒนรรมของคนในสังคมโลก ทำให้พฤติกรรมที่แสดงออก
ด้านการแต่งกาย และการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป การมอมเมาเยาวชนในรูปของเกมส์อิเล็คทรอนิคส์ ส่งผลกระทบ ต่อการพัฒนาอารมณ์และจิตใจของเยาวชน เกิดการกลืนวัฒนธรรมดั้งเดิมซึ่งแสดงถึงเอกลักษณ์ของสังคมนั้น
    3. ก่อให้เกิดผลด้านศีลธรรม   บทบาทเหล่านี้มีแนวโน้มที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้เยาวชนคนรุ่นใหม่จึงควรเรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจะได้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศให้ก้าวหน้า และเกิดประโยชน์ต่อประเทศต่อไป
    4. การมีส่วนร่วมของคนในสังคมลดน้อยลง   การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศทำให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว ในการสื่อสารและการทำงาน แต่ในอีกด้านหนึ่งการมีส่วนร่วมของกิจกรรมทางสังคมที่มีการพบปะสังสรรค์กันจะน้อยลง ผู้คนมักอยู่แต่ที่บ้านหรือที่ทำงานของตนเองมากขึ้น

    5. การละเมิดสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลโดยการเพยแพร่ข้อมูลหรือรูปภาพต่อสาธารณชน
ซึ่งข้อมูลบางอย่างอาจไม่เป็นความจริงหรือยังไม่ได้พิสูจน์ความถูกต้องออกสู่สาธารณะชน ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคลโดยไม่สามารถป้องกันตนเองได้ การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเช่นนี้ ต้องมีกฎหมายออกมาคุ้มครองเพื่อให้นำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้ในทางที่ถูกต้อง
    6. เกิดช่องว่างทางสังคม  การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะเกี่ยวข้องกับการลงทุน ผู้ใช้จึงเป็นชนชั้นในอีกระดับหนึ่งของสังคม ในขณะที่ชนชั้นระดับรองลงมามีจำนวนมากกลับไม่มีโอกาสใช้และผู้ยากจนก็ไม่มีโอกาสรู้จักกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
     7. อาชญากรรมบนเครือข่าย   ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดปัญหาใหม่ขึ้น เช่น ปัญหาอาชญากรรม ตัวอย่างเช่น อาชญากรรมในรูปของการขโมยความลับ การขโมยข้อมูลสารสนเทศ การให้บริการสารสนเทศที่มีการหลอกลวง รวมถึงการบ่อนทำลายข้อมูลและไวรัส
    8. ก่อให้เกิดปัญหาด้านสุขภาพ   นับตั้งแต่คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทในการทำงาน การศึกษา บันเทิง ฯลฯ การจ้องมอง คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน มีผลเสียต่อสายตา ซึ่งทำให้สายตาผิดปกติ มีอาการแสบตา เวียนศรีษะ นอกจากนั้นยังมีผลต่อสุขภาพจิต เกิดโรคทางจิตประสาท  

อ้างอิงจาก>>http://neung.kaengkhoi.ac.th/information1/techno_3_2.html<<

4. ให้ยกตัวอย่างเทคโนโลยีที่นักเรียนสนใจมา 1อย่าง

วิธีการเลือกซื้อนาฬิกา polar อย่างง่ายๆด้วยตัวคุณเอง

เนื่องจากนาฬิกา Polar มีหลายรุ่นมาก โดย Polar พยายามออกแบบนาฬิกาแต่ละรุ่น ให้เหมาะกับการใช้งานที่ต่างกัน ตั้งแต่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ลดน้ำหนัก จนถึงนักกีฬาที่เตรียมร่างกายเพื่อแข่งขัน โดยทางร้านขอสรุปการเลือกใช้งานดังนี้

ข้อมูลพื้นฐานที่ท่านจะได้รับจาก Polar ทุกรุ่น ได้แก่

  1. อัตราการเต้นของหัวใจที่อยู่ในช่วง In zone ทำให้ออกกำลังใช้แรงได้เหมาะสม
  2. จำนวนแคลอรี่ที่ใช้ไปในการออกกำลัง
  3. อัตราเต้นของหัวใจเฉลี่ย และสูงสุด
  4. ระยะเวลาการออกกำลังกายในช่วง In zone

ดังนั้นถ้าท่านออกกำลังกายปกติ ท่านจะได้ข้อมูลเหล่านี้ครบถ้วนจากนาฬิกา Polar
คราวนี้มาดูความหลากหลายที่ Polar สามารถให้ท่านได้เพิ่มเติมเหนือนาฬิกาวัดชีพจรทั่วไป

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบอย่างไร

ถ้าท่านอยาก focus เรื่องน้ำหนักตัว ลดพุง Burn fat
เราแนะนำ แนะนำรุ่นที่มี Polar energy pointer ทำให้สามารถบอกได้ว่าระดับไหนของการออกกำลังเป็นการออกเพื่อ burn fat ระดับไหนของเป็นการออกเพื่อเพิ่มความ fit ( cardio)
ซึ่งจะมีใน polar FT7 และ FT 40 โดย polar FT40 จะบอกจำนวนแคลอรี่ทั้งหมดที่มาจากการ burn fat ด้วย

สำหรับนักกีฬาหรือท่านที่ออกกำลังอย่างจริงจัง

หรือเตรียมแข่งกีฬา การแบ่ง Zone ที่ละเอียดยิ่งขึ้น. Polar ownzone จะทำให้การ Training ร่างกายทำได้ดียิ่งขึ้น ต้องใช้ Polar รุ่นสูงขึ้น ได้แก่ FT60 FT80 Rc3GPS เป็นต้น

สำหรับท่านที่ต้องการนาฬิกาที่ Support การเล่น Weight

 แนะนำ FT80 มี function เล่น Weight โดยเฉพาะ ช่วงควบคุมการพักระหว่าง set ให้เหมาะสมโดยคำนวนจากอัตราการเต้นของหัวใจ

สำหรับท่านที่ออกกำลังกายแบบ outdoor

วิ่ง ปั่นจักรยาน ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นมาที่จะได้ประโยชน์คือ ความเร็ว ในการเคลื่อนที่ ระยะทางในการเคลื่อนที ซึ่งอุปกรณ์เสริมที่บอกข้อมูลนี้สำหรับวิ่ง มี 2 อย่างคือ GPS และ Footpod ส่วนสำหรับจักรยาน มี GPS และ cadence sensor ท่านสามารถเลือกนาฬิกาที่สามารถเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์เสริมที่ท่านต้องการได้ อีกตัวเลือกคือการใช้ นาฬิการุ่นที่มี GPS ในตัว ได้แก่ RC3 GPS

Function อื่นๆที่น่าสนใจ

Polar fit test
ป็น function ที่ใช้วัดผล ความฟิตของร่างกายโดยการใช้ลักษณะการเต้นหัวใจและ heart rate variability มาวิเคราะห์เชิงลึกวัดความฟิตของร่างกาย เปรียบได้กับการใช้เครื่องมือ เพื่อวัด Vo2 max เพื่อดูตความฟิตของนักกีฬา ใช้ติดตามดูความฟิตของร่างกายหลังออกกำลังกาย
จะมีใน Polar FT40 ขึ้นไป RC series และ RS300

Polar running index
Function สำหรับนักวิ่งโดยเฉพาะที่เตรียมลงแข่งวิ่งทางไกล
โดยนาฬิกาจะใช้ข้อมูลความเร็ว ระยะทาง และอัตราการเต้นหัวใจ มาวัดความสามารถในการวิ่ง
เพื่อช่วยให้การ train ทำได้ดียิ่งขึ้นและพร้อมลงแข่ง

การเก็บข้อมูล
Polar สามารถเก็บและโอนถ่่ายข้อมูลจากนาฬิกา สู่ computer ได้ โดยใช้ polar flowlink
โดยเก็บข้อมูลที่ polarpersonaltrainer.com โดยท่านสามารถลงทะเบียนใช้ได้
รุ่นที่ใช้กับ flowlink ไม่ได้คือรุ่น ft4 และ rs100

ที่กล่าวมาเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเลือกนาฬิกา Polar ได้เหมาะกับความต้องการของคุณที่สุด

อ้างอิงจาก >>http://www.avarinshop.com/choose-polar-watch/<<