มัลลี คงประภัศร์ หรือ ครูหมัน เป็นศิลปินด้านนาฏศิลป์, โขน และละครรำ เป็นที่รู้จักจากความสามารถในแสดงโขนและละครชาตรีได้ทุกบทบาทแม้แต่ในบทบาทของผู้ชาย[1] ครูหมันเกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2426 นามเดิมว่า "ปุย" เป็นบุตรีของนายกุก และนางนวม ช้างแก้ว ท่านอาศัยอยู่ที่บ้านริมปากคลองวัดประยุรวงศาวาส จังหวัดธนบุรี หลังบิดาเสียชีวิตเมื่อครูอายุได้ 8 ขวบ มารดาของครูได้รับราชการเป็นข้าราชบริพารประจำห้องเสวยของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยวงศ์[โปรดขยายความ] ทำให้ครูหมันมีโอกาสได้ชมและสนใจในการแสดงละครรำที่มาแสดงในวังตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ท่านเคยแอบหนีมารดาเพื่อติดตามคณะละครไป และได้รับการฝึกสอนจาก "หม่อมแม่เป้า" ครูละครคนสำคัญของวังเจ้าขาว (ปัจจุบันคือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) เมื่อมารดาทราบมาขอรับตัวกลับ ท่านปฏิเสธและอ้อนวอนจนมารดายอมแพ้และได้เข้าเรียนละครรำอย่างจริงจัง จนสามารถไปแสดงในงานต่าง ๆ ด้วยวัยเพียง 10 ขวบเท่านั้น ชื่อ หมัน ของท่านได้มาจากเจ้านายฝ่ายในหลายพระองค์ทรงจำบทบาทการแสดงของท่านเมื่อยังเป็นเด็กในละครดาหลังซึ่งท่านรับบทเป็น สมันน้อย เจ้านายหลายพระองค์จึงทรงเรียกขานกันว่า เจ้าหมัน ซึ่งครูที่พอใจและใช้ชื่อนี้ตลอดมา ท่านแต่งงานกับนายสม คงประภัสร์ เมื่ออายุได้ 22 ปี ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2477 หม่อมครูด่วนและครูละม่อม วงทองเหลือ อาจารย์ใหญ่ประจำโรงเรียนาฏดุริยางคศาสตร์ (วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในปัจจุบัน) ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา ได้ชักชวนครูหมันเข้าเป็นครู โดยพล.ต.หลวงวิจิตรวาทการรับเข้าเป็นราชการศิลปินชั้นสาม ครูนาฏศิลป์ ครูหมันกับครูลมุล ยมะคุปต์ ได้ร่วมกันประดิษฐ์ท่ารำ แม่บทใหญ่ ครูหมันได้ถูกเลิกจ้างด้วยอาการหลงลืมในวัย 80 ปี ครูหมันได้ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2514 ด้วยวัย 88 ปี[2] และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 ณ พระเมรุวัดเทพศิรินทราวาส[3] ตลอดเวลาที่ท่านเข้ารับราชการ ท่านได้เดินทางไปแสดงในนามรัฐบาลไทยในประเทศญี่ปุ่น และได้รับการยกย่องในความสามารถของท่านที่สามารถแสดงบทบาทในละครได้ทุกบทบาท และในการแสดงโขน ท่านสามารถขึ้นแสดงแทนในบทบาทชายได้ อ้างอิง[แก้]
กระบวนการสืบทอดในสมัยโบราณ เป็นการสืบทอดจากครูตัวต่อตัว โดยวิธีการจำ ไม่มีการบันทึกไว้เป็นลายลักษณอักษร องค์ความรู้ทั้งหมดจะอยู่ในตัวครู ท่านผู้หญิงแผ้ว สนิทวงศ์เสนี
มีนามเดิมว่า แผ้ว สุทธิบูรณ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๔๔๖ เมื่ออายุ ๘ ขวบ ได้ถวายตัวในสมเด็จพระบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา และได้รับการฝึกหัดนาฏศิลป์ กับครูอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในราชสำนักเช่น เจ้าจอมมารดาวาดและเจ้าจอมมารดาเขียน ในรัชกาลที่ ๔ เจ้าจอมมารดาทับทิม ในรัชกาลที่ ๕ หม่อมแย้ม ในนามสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ หม่อมอึ่งในสมเด็จพระบัณฑูรฯ จนมีความรู้ความสามารถออกแสดงละครเป็นตัวเอกในโอกาสที่แสดงถวายทอดพระเนตรหน้าพระที่นั่ง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว หลายครั้ง ท่านแสดงเป็นอิเหนาและนาดรสาในเรืองอิเหนา เป็นพระพิราพและทศกัณฐ์ในเรื่องรามเกียรติ์ทางด้านการศึกษาวิชาสามัญท่านจบหลักสูตรจากโรงเรียนในวังสวนกุหลาบในรัชสมัยพระมหาธีรราชเจ้า ผลงานเกี่ยวกับการแสดงศิลปะนาฏกรรม เช่น ท่ารำของตัวพระ นาง ยักษ์ ลิง และตัวประกอบ การแสดงโขน ละครชาตรี ละครนอก ละครใน ละครพันทาง และระบำฟ้อนต่างๆ เป็นผู้คัดเลือกการแสดง จัดทำบทและเป็นผู้ฝึกสอน ฝึกซ้อม อำนวยการแสดงถวายทอดพระเนตรหน้าพระที่นั่ง ในวโรกาสต้อนรับพระราชอาคันตุกะ อาคันตุกร และงานของรัฐบาล หน่วยงานองค์กรต่างๆ จัดต้อนรับเป็นเกียรติแก่แขกผู้มาเยือนประเทศไทย เป็นผู้คัดเลือกตัวละครให้เหมาะสมตามบทบาทในการแสดงต่างๆ เป็นผู้คัดเลือกการแสดงวางตัวศิลปินผู้แสดงต่างประเทศเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรี และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยเป็นผู้ฝึกสอนและอำนวยการฝึกซ้อมในการแสดงโขน ละคร การละเล่นพื้นเมิง ระบำรำฟ้อนต่างๆ ที่กรมศิลปากรจัดแสดงแก่ประชาชน ณ โรงละครแห่งชาติ สังคีตศาลา ในต่างจังหวัดและทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ตลอดทั้งร่วมในงานของหน่วยราชการ องค์กร สถาบันการศึกษา และเอกชน เป็นวิทยากรบรรยายและตอบข้อซักถามในการอบรมวิชานาฏศิลป์และวรรณกรรม และเป็นที่ปรึกษาในการสร้างนาฏกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นด้วยครูรงภักดี (เจียร จารุจรณ)
เกิดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2442 ที่จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรของจางวางจอนและนางพริ้ง ครูอาคม สายาคม
ครูอาคม สายาคม เดิมชื่อ บุญสม
เกิดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 ณ บ้านสี่แยกหลานหลวง จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายเจือ ศรียาภัยและนางผาด ศรียาภัย สกุลเดิม อิศรางกูร ณ อยุธยา (นามสกุลสายาคมเป็นนามสกุลที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 6) ผลงานด้านการแสดง ครูอาคมแสดงเป็นตัวเอก เช่น พระราม อิเหนา พระร่วง พระอภัยมณี ขุนแผน พระไวย ไกรทอง ฮเนา (เรื่องเงาะป่า) พระลอ อุณรุท พระสังข์ เป็นต้น ผลงานด้านประดิษฐ์ท่ารำ ได้แก่ เพลงหน้าพาทย์ตระนาฏราช เพลงหน้าพาทย์โปรยข้าวตอก เพลงเชิดจีน ลีลาประกอบท่าเชื่อม ตำราท่ารำ ครูลมุล ยมะคุปต์
ครูลมุล ยมะคุปต์ เกิดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2448 เป็นชาวจังหวัดน่าน เป็นธิดาของร้อยโทนายแพทย์จีน อัญชัญภาติกับนางคำมอย บิดาพาไปถวายตัวเป็นนางละคร ณ วังสวนกุหลาบ เริ่มฝึกหัดนาฏศิลป์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบและย้ายไปศึกษาด้านละครใน ณ วังเพชรบูรณ์
ผลงานด้านการแสดง ท่านแสดงเป็นตัวเอกเกือบทุกเรื่อง เพราะมีฝีมือเป็นเยี่ยม บทบาทที่ท่านเคยแสดง เช่น พระสังข์ เขยเล็ก เจ้าเงาะ ฮเนา ซมพลา พระวิษณุกรรม พระอภัยมณี ศรีสุวรรณ สุดสาคร อุศเรน อิเหนา สียะตรา วิหยาสะกำ อุณรุท พระราม พระลอ พระมงกุฎ อินทรชิต พระนารายณ์ พระคเณศ สมิงพระราม พระไวย พลายบัว พระพันวษา เป็นต้น นอกจากนี้ ท่านยังเป็นผู้ร่างหลักสูตรให้แก่วิทยาลัยนาฏศิลป ซึ่งนับว่าท่านเป็นครูนาฏศิลป์คนแรกในการวางหลักสูตรการเรียนการสอนนาฏศิลป์ไทย ทำให้การเรียนนาฏศิลป์มีระบบ มีขั้นตอนในการฝึกหัด นับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่ท่านฝากไว้แก่แผ่นดิน ครูเฉลย ศุขะวณิช
บุคคลสําคัญด้านนาฏศิลป์และละครท่านใดมีบทบาทในการเป็นผู้กํากับการแสดงละครพันทาง เรื่องผู้ชนะสิบทิศในปีพ.ศ. 2529 ศุภชัยได้รับบทเป็นราชบุตรมังตราแห่งเมืองตองอูใน ละครพันทาง เรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ของยาขอบ กำกับและเขียนบทโดยอาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ คู่กับ ปกรณ์ พรพิสุทธิ์ ผู้ได้รับบทจะเด็ด ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองมีชื่อเสียงโด่งดัง กลายเป็นพระเอกละครยอดนิยมมาจนตราบทุกวันนี้
ในสมัยใดถือเป็นรากฐานสําคัญของนาฏศิลป์และการละครไทยการละครในรัชกาลที่ ๖ เป็นยุคทองของการละครวรรณคดี อีกทั้งทรงพระราชนิพนธ์ บทละครทุกชนิด ทั้งละครร้อง ละครร า ละครดึกด าบรรพ์ เช่น พระร่วง ศกุนตลา ท้าวแสนปม และหัวใจนักรบ ในสมัยนี้ประชาชนให้ความส าคัญกับละครแบบตะวันตกมากกว่า เนื่องจากมีนักแสดงจาก ต่างประเทศหลายคนมาแสดงให้ชม ในสมัยนี้มีการตั้งกรมมหรสพขึ้นมาใหม่ เพื่อ ...
นางเฉลย ศุขะวณิช มีความสําคัญต่อวงการละครไทยอย่างไรท่านมาเป็นครูสอนละครนาง ณ โรงเรียนนาฏดุริยางคศาสตร์ (วิทยาลัยนาฏศิลปในปัจจุบัน) เพื่อสอนแทนหม่อมครูต่วน (ศุภลักษณ์ ภัทรนาวิก) ซึ่งถึงแก่กรรม ๒.) คุณครูเฉลย ได้สร้างคุณูปการมากมายให้แก่วิทยาลัยนาฏศิลป กรมศิลปากร และวงการนาฏศิลป์ไทย จนได้รับการยกย่องเป็น “ศิลปินแห่งชาติ” สาขาศิลปะการแสดง ประจำปี
นางลมุล ยมะคุปต์ ได้ปรับปรุงการรำฉุยฉายใดการรำฉุยฉายพราหมณ์มีกำเนิดขึ้นในครั้งนั้น และเชื่อกันว่าเป็นศิลปะการร่ายรำที่งดงาม เป็นที่รู้จักแพร่หลายทั่วไป ลีลาท่ารำนั้นเชื่อกันว่าเป็นผลงานของพระยานัฏกานุรักษ์ (ทองดี สุวรรณภารต) สืบทอดผ่านมา แต่รูปแบบท่าร่ายรำในปัจจุบันของกรมศิลปากร เป็นผลงานการปรับปรุงของนางลมุล ยมะคุปต์ อดีตผู้เชี่ยวชาญการสอนนาฏศิลป์ วิทยาลัย ...
|