เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2560 ราชกิจจานุเบกษา ได้มีการเผยแพร่ประกาศคำสั่งจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติให้มีผลบังคับใช้ตามกฏหมายโดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 25(10) แห่งพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ประกอบกับมติที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 5/2559 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2559 เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ของผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ พ.ศ. 2559 โดยพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้ลงนามเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ประกาศฉบับนี้จึงมีผลใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป Show
โดยให้ผู้ปฏิบัติงานด้านสุขภาพใช้สื่อสังคมออนไลน์ตามหลักการที่มีการกำหนดไว้ในแนวทางฉบับนี้ อาทิ หลักการเคารพกฎหมาย หลักการเคารพในจริยธรรมแห่งวิชาชีพ หลักการเคารพในกฎระเบียบและนโยบายขององค์กร หลักการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และการหลีกเลี่ยงการทำให้ผู้อื่นเสียหาย หลักการรายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในการใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ และหลักเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งในพรบ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 กำหนดโทษผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรา 7 ไว้ว่าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยความผิดนี้เป็นความผิดฐานยอมความได้ การใช้งานที่ดูเหมือนว่าเข้าถึงได้ง่ายทุกเพศทุกวัย จึงทำให้หลายคนละเลยในความปลอดภัยที่อยู่ในอินเทอร์เน็ต เมื่อเราเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ได้ง่ายขึ้น กลุ่มมิจฉาชีพอาจอาศัยความละเลยของผู้ใช้งาน เกี่ยวกับความปลอดภัยในส่วนของข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ทำให้เกิดภัยเข้าถึงเราได้แบบไม่รู้ตัว ดังนั้นควรมีข้อจำกัดในการเล่นให้ตนเอง เพื่อความปลอดภัยและไม่มีภัยร้ายแปลกปลอมเข้ามาในชีวิตที่อาจทำให้เราเสียเงินทอง ทรัพย์สิน ความรู้สึกต่างๆ ไปแบบไม่รู้ตัว Facebook เป็นตัวเลือกที่คนในสังคมใช้มากที่สุดและทรงอิทธิพลต่อสังคมและคนในสังคมมากเช่นกัน ข้อควรระวังที่อยากมาแนะนำให้กับทุกคนต่อไปนี้ คือการใช้ Facebook อย่างมีสติและระมัดระวัง เพราะหลายอย่างที่เราแสดงต่อสังคมสาธารณะนั้นสะท้อนถึงความเป็นตัวตนและความคิดอ่านของคนนั้นๆ ด้วย ดังนั้นการเสพข่าวสารหรือแชร์ข่าวสารต่างๆ ควรคิด วิเคราะห์ ไตร่ตรอง ให้ดี ไม่คล้อยตามแนวความคิดที่ทำให้เราเสียหายในภายหน้าได้ 1.เลือกตอบรับคำขอเป็นเพื่อนเฉพาะคนรู้จัก 2.ก่อนโพสต์ควรนึกถึงผลกระทบและควรตั้งค่าไว้ให้เห็นเฉพาะเพื่อนเท่านั้น 3.อย่าโพสต์ภาพลับ 4.อย่าเช็คอินสถานที่ที่ชอบไปบ่อยๆ 5.แสดงความคิดเห็นอย่างมีสติ 6.กด Like สิ่งที่สร้างสรรค์ 7.เช็คก่อนแชร์ 8.ระวังการถูกถามข้อมูลส่วนตัว 9.อย่าลืม Log out ออกจากระบบ โดยเฉพาะ Computer สาธารณะ อย่ากด Remember me การใช้โซเชียลอย่างมีสติจะช่วยให้เราปลอดภัยจากการโจรกรรมทางทรัพย์สิน และการถูกโจรกรรมทางความคิดได้ ภัยอันตรายและกลุ่มมิจฉาชีพนั้นแฝงตัวอยู่ทุกซอกมุม เราจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กน้อย เพื่อไม่ให้เกิดภัยต่อเราและคนใกล้ตัว ควรปฏิบัติตนอย่างไรบ้างในการเป็นสมาชิกที่ดีของเครือข่ายสังคมออนไลน์- ไม่ควร post หรือเผยแพร่ข้อความ รูปภาพ วีดีโอที่ทำให้ผุ้อื่นเสียหาย เช่น ภาพหลุด คลิปหลุด หรือโพสรูปภาพที่สื่อถึงสิ่งอบายมุขต่างๆ ไม่ควรใช้ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด เสียดสี ให้ร้ายผู้อื่นในทางเสียหาย หรือสร้างความแตกแยกในสังคม รวมทั้งไม่ควรโพสต์รูปภาพ ภาพถ่าย วิดีโอคลิป หรือถ้อยคำลามก อนาจาร ลงใน Social Network.
นักเรียนคิดว่าสื่อสังคมออนไลน์มีข้อดีอะไรบ้าง1. สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ในสิ่งที่สนใจร่วมกันได้ 2. เป็นคลังข้อมูลความรู้ขนาดย่อมเพราะเราสามารถเสนอและแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ หรือตั้งคาถามในเรื่องต่างๆ เพื่อให้บุคคลอื่นที่สนใจหรือมีคาตอบได้ช่วยกันตอบ 3. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่น สะดวกและรวดเร็ว
การใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างสร้างสรรค์เป็นอย่างไร1) ควรส่งข้อมูลข่าวสารเฉพาะบุคคลที่รู้จัก แสดงตัวตน ตำแหน่ง หน้าที่การงาน สถานะที่ชัดเจนเท่านั้น 2) ละเว้นการส่งข้อมูลที่เป็นข่าวลือ ข่าวไม่ปรากฎที่มา หรือเป็นเพียงการคาดเดา 3) งดเว้นการส่งต่อข้อความเกี่ยวข้องกับสถาบันทุกกรณี ยกเว้น ข้อความนั้น ๆ เป็นที่เผยแพร่ ต่อสาธารณะแล้ว
กฎหมายเกี่ยวกับการใช้สื่อสังคมออนไลน์มีอะไรบ้างระวัง! เรื่องต้องห้าม เสี่ยงผิดกฎหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท. ส่ง Email ขายของ ถือเป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท. |