แนวข้อสอบวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ออนไลน์

ง.หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติ ท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่ กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

ตอบ ก.

6.ผู้ยื่นคำขอหรือผู้คัดค้านคำขอ ผู้อยู่ในบังคับหรือจะอยู่ใน บังคับของคำสั่งทางปกครอง และผู้ซึ่งได้เข้ามาในกระบวนการพิจารณาทางปกครองเนื่องจากสิทธิของ ผู้นั้นจะถูกกระทบกระเทือนจากผลของคำสั่งทางปกครอง ความหมายตามข้อใด

ก.เจ้าหนี้

ข.กฎ

ค.คู่กรณี

ง.คำสั่งตามปกครอง

ตอบ ค.

7.ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ก.รัฐมนตรี

ข.นายกรัฐมนตรี

ค.ปลัดนายกรัฐมนตรี

ง.คณะรัฐมนตรี

ตอบ ข.

8.คำสั่งทางปกครองหมายถึงข้อใด

ก.หมายความว่า การเตรียมการและการดำเนินการ ของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครองหรือกฎ

ข.การเตรียมการและการดำเนินการของ เจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง

ค.การใช้อำนาจตามกฎหมายของเจ้าหน้าที่ที่มีผลเป็นการสร้างนิติสัมพันธ์ขึ้น

ง.หมายความว่า พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศกระทรวง ข้อบัญญัติ ท้องถิ่น ระเบียบ ข้อบังคับ หรือบทบัญญัติอื่นที่มีผลบังคับเป็นการทั่วไป โดยไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่ กรณีใดหรือบุคคลใดเป็นการเฉพาะ

ตอบ ค.

9.ข้อใดไม่ใช่ “คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง”

ก.ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

ข.ปลัดกระทรวงมหาดไทย

ค.ปลัดองค์บริหารส่วนจังหวัด

ง.เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน

ตอบ ค.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 7 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง” ประกอบด้วยประธานกรรมการคนหนึ่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง มหาดไทย เลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกาและผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่น้อยกว่าห้าคนแต่ไม่เกินเก้าคนเป็นกรรมการ

10.ใครเป็นคนแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

ก.รัฐมนตรี

ข.นายกรัฐมนตรี

ค.ปลัดนายกรัฐมนตรี

ง.คณะรัฐมนตรี

ตอบ ง.

11.กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละกี่ปี

ก.คราวละสองปี

ข.คราวละสามปี

ค.คราวละสี่ปี

ง.คราวละหกปี

ตอบ ข.

12.ข้อใดเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ

ก.เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือประกาศ ตามพระราชบัญญัตินี้

ข.จัดทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอคณะรัฐมนตรี

ค.มีหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงหรือแสดงความเห็น ประกอบการพิจารณาได้

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 11  คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองมีอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(1) สอดส่องดูแลและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ในการ ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้

(2) ให้คำปรึกษาแก่เจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ตามที่บุคคล ดังกล่าวร้องขอ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองกำหนด

(3) มีหนังสือเรียกให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลอื่นใดมาชี้แจงหรือแสดงความเห็น ประกอบการพิจารณาได้

(4) เสนอแนะในการตราพระราชกฤษฎีกาและการออกกฎกระทรวงหรือประกาศ ตามพระราชบัญญัตินี้

(5) จัดทำรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้เสนอคณะรัฐมนตรี เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมแต่อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการปฏิบัติราชการ ทางปกครองให้เป็นไปโดยมีความเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

(6) เรื่องอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีมอบหมาย

13.เจ้าหน้าที่ตามข้อใดจะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้

ก.เป็นคู่กรณีเอง

ข.เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี

ค.เป็นญาติของคู่กรณี

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 13เจ้าหน้าที่ดังต่อไปนี้จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้

(1) เป็นคู่กรณีเอง

(2) เป็นคู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี

(3) เป็นญาติของคู่กรณี คือ เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานไม่ว่าชั้นใด ๆ หรือเป็นพี่น้อง หรือลูกพี่ลูกน้องนับได้เพียงภายในสามชั้น หรือเป็นญาติเกี่ยวพันทางแต่งงานนับได้เพียงสองชั้น

(4) เป็นหรือเคยเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้พิทักษ์หรือผู้แทนหรือตัวแทนของคู่กรณี

(5) เป็นเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ หรือเป็นนายจ้างของคู่กรณี

(6) กรณีอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

14.ผู้มีความสามารถกระทำการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้ จะต้องเป็นบุคคลตามข้อใด

ก.ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ

ข.ผู้ซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ผู้นั้นจะยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ค.ผู้ซึ่งมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 22 ผู้มีความสามารถกระทำการในกระบวนการพิจารณาทางปกครองได้จะต้องเป็นดังนี้

(1) ผู้ซึ่งบรรลุนิติภาวะ

(2) ผู้ซึ่งมีบทกฎหมายเฉพาะกำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ผู้นั้นจะยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือความสามารถถูกจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(3) นิติบุคคลหรือคณะบุคคลตามมาตรา ๒๑ โดยผู้แทนหรือตัวแทน แล้วแต่กรณี

(4) ผู้ซึ่งมีประกาศของนายกรัฐมนตรีหรือผู้ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายในราชกิจจานุเบกษากำหนดให้มีความสามารถกระทำการในเรื่องที่กำหนดได้ แม้ผู้นั้นจะยังไม่บรรลุนิติภาวะหรือ ความสามารถถูกจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

15.ตัวแทนร่วมจะบอกเลิกการเป็นตัวแทนเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องมีอะไรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ทราบกับต้องแจ้งให้คู่กรณีทุกรายทราบด้วย

ก.ต้องมีหลักฐาน

ข.ต้องมีหนังสือแจ้ง

ค.แจ้งด้วยวาจา

ง.บอกเลิกโดยไม่ต้องแจ้งก็ได้

ตอบ ข.

16.การรับรองความถูกต้องของคำแปลเป็นภาษาไทยหรือการยอมรับเอกสารที่ทำขึ้น เป็นภาษาต่างประเทศ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดตามข้อใด

ก.กฎกระทรวง

ข.ตามที่เจ้าหน้าที่แจ้ง

ค.ตามที่ตกลงกับเจ้าหน้าที่

ง.ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ ก.

17.เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่ตนเห็นว่าจำเป็นแก่การพิสูจน์ ข้อเท็จจริง ในการนี้ ให้รวมถึงการดำเนินการตามข้อใด

ก.แสวงหาพยานหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง

ข. ขอข้อเท็จจริงหรือความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญ

ค.ขอให้ผู้ครอบครองเอกสารส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม  มาตรา 29 เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาพยานหลักฐานที่ตนเห็นว่าจำเป็นแก่การพิสูจน์ข้อเท็จจริง ในการนี้ ให้รวมถึงการดำเนินการดังต่อไปนี้

(1) แสวงหาพยานหลักฐานทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง

(2) รับฟังพยานหลักฐาน คำชี้แจง หรือความเห็นของคู่กรณีหรือของพยานบุคคลหรือพยานผู้เชี่ยวชาญที่คู่กรณีกล่าวอ้าง เว้นแต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่จำเป็นฟุ่มเฟือยหรือเพื่อประวิงเวลา

(3) ขอข้อเท็จจริงหรือความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล หรือพยานผู้เชี่ยวชาญ

(4) ขอให้ผู้ครอบครองเอกสารส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง

(5) ออกไปตรวจสถานที่

18.ในกรณีที่การดำเนินงานในเรื่องใดจะต้องผ่านการพิจารณาของเจ้าหน้าที่มากกว่ากี่คน

ก.หนึ่งคน

ข.สองคน

ค.สามคน

ง.สี่คน

ตอบ ก.

19.ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองเป็นคำสั่งด้วยวาจา ถ้าผู้รับคำสั่งนั้นร้องขอ และการร้องขอได้กระทำโดยมีเหตุอันสมควรภายในกี่วันนับแต่วันที่มีคำสั่ง

ก.สามวัน

ข.ห้าวัน

ค.เจ็ดวัน

ง.สิบสองวัน

ตอบ ค.

20.คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุ

ก.วัน  เดือน ปี

ข.ชื่อและเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง

ค.ลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม  มาตรา 36 คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสืออย่างน้อยต้องระบุ วัน เดือน และปี ที่ทำคำสั่ง ชื่อและตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่ง พร้อมทั้งมีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งนั้น

21.คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครอง เป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง

ก. ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ

ข.ข้อกฎหมายที่อ้างอิง

ค.ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 37 คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือและการยืนยันคำสั่งทางปกครอง เป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย และเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย

(1) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ

(2) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง

(3) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ

22.การออกคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือในเรื่องใด หากมิได้มี กฎหมายหรือกฎกำหนดระยะเวลาในการออกคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้นไว้เป็นประการอื่น ให้เจ้าหน้าที่ออกคำสั่งทางปกครองนั้นให้แล้วเสร็จภายในกี่วันนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ได้รับคำขอและ เอกสารถูกต้องครบถ้วน

ก.สามสิบวัน

ข.หกสิบวัน

ค.เก้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ ก.

23.คำสั่งทางปกครองข้อใด ไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์

ก.คำสั่งทางปกครองที่ต้องจัดให้มีเหตุผลตามมาตรา ๓๗ วรรคหนึ่ง ถ้าได้มีการจัด ให้มีเหตุผลดังกล่าวในภายหลัง

ข.คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่นั้น ได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง

ค.การออกคำสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีผู้ยื่นคำขอในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะ ดำเนินการเองไม่ได้นอกจากจะมีผู้ยื่นคำขอ ถ้าต่อมาในภายหลังได้มีการยื่นคำขอเช่นนั้นแล้ว

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม มาตรา 41 คำสั่งทางปกครองที่ออกโดยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ ไม่เป็นเหตุให้คำสั่งทางปกครองนั้นไม่สมบูรณ์

(1) การออกคำสั่งทางปกครองโดยยังไม่มีผู้ยื่นคำขอในกรณีที่เจ้าหน้าที่จะดำเนินการเองไม่ได้นอกจากจะมีผู้ยื่นคำขอ ถ้าต่อมาในภายหลังได้มีการยื่นคำขอเช่นนั้นแล้ว

(2) คำสั่งทางปกครองที่ต้องจัดให้มีเหตุผลตามมาตรา 37 วรรคหนึ่ง ถ้าได้มีการจัดให้มีเหตุผลดังกล่าวในภายหลัง

(3) การรับฟังคู่กรณีที่จำเป็นต้องกระทำได้ดำเนินการมาโดยไม่สมบูรณ์ ถ้าได้มีการรับฟังให้สมบูรณ์ในภายหลัง

(4) คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน ถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้ให้ความเห็นชอบในภายหลัง

24.ในกรณีที่คำสั่งทางปกครองใดไม่ได้ออกโดย รัฐมนตรี และไม่มีกฎหมายกำหนดขั้นตอนอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองไว้เป็นการเฉพาะ ให้คู่กรณี อุทธรณ์คำสั่งทางปกครองนั้นโดยยื่นต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายในกี่วันนับแต่วันที่ ตนได้รับแจ้งคำสั่ง

ก.ภายในเจ็ดวัน

ข.ภายในสิบห้าวัน

ค.ภายในสามสิบวัน

ง.ภายในสี่สิบห้าวัน

ตอบ ข.

25.การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มีลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำภายในกี่วันนับแต่ได้รู้ถึงเหตุที่จะให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองนั้น

ก.สามสิบวัน

ข.หกสิบวัน

ค.เก้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ ค.

26.การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นการให้เงิน หรือให้ทรัพย์สินหรือให้ประโยชน์ที่อาจแบ่งแยกได้ให้คำนึงถึงข้อใด

ก.ความเชื่อโดยสุจริต

ข.ผู้รับผลประโยชน์

ค.ประโยชน์สาธารณะ

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

27.ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ “ผู้รับคำสั่งทางปกครองจะอ้างความเชื่อโดยสุจริตไม่ได้”

ก.ผู้นั้นได้ให้ข้อความซึ่งไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนในสาระสำคัญ

ข.ผู้นั้นได้แสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งหรือข่มขู่

ค.ผู้นั้นได้รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครองในขณะได้รับคำสั่งทางปกครอง

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

28.ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ “การขอให้พิจารณาใหม่”

ก.มีพยานหลักฐานใหม่ อันอาจทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติแล้วนั้นเปลี่ยนแปลง ไปในสาระสำคัญ

ข.เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจที่จะทำคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น

ค.ถ้าคำสั่งทางปกครองได้ออกโดยอาศัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายใดและต่อมาข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่คู่กรณี

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

29.การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ต้องกระทำภายในกี่วันนับแต่ผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้

ก.สามสิบวัน

ข.หกสิบวัน

ค.เก้าสิบวัน

ง.หนึ่งร้อยยี่สิบวัน

ตอบ ค.

30.การบังคับทางปกครองไม่ใช้บังคับกับหน่วยงานใด

ก.หน่วยงานของรัฐด้วยกัน (เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้อย่างอื่น)

ข.นอกหน่วยงาน (เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดไว้อย่างอื่น)

ค.หน่วยงานเดียวกัน

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ก.

31.ในกรณีที่เจ้าหน้าที่มีคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน ถ้าถึงกำหนดแล้วไม่มีการชำระโดยถูกต้องครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองมีหนังสือเตือน ให้ผู้นั้นชำระภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่ากี่วัน

ก.ไม่น้อยกว่า เจ็ดวัน

ข.ไม่น้อยกว่า  สิบห้าวัน

ค.ไม่น้อยกว่า สามสิบวัน

ง.ไม่น้อยกว่า  สี่สิบห้าวัน

ตอบ ก.

32.จากข้อ 31 ถ้าไม่มีการปฏิบัติตามคำเตือน เจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยกระทำตามข้อใด

ก.ยึดหรืออายัดทรัพย์สินของผู้นั้น

ข.ขายทอดเพื่อชำระเงินให้ครบถ้วน

ค.ประกาศขายทรัพย์สิน

ง.ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข.

ตอบ ง.

33.หน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินต้องดำเนินการยึดหรือ อายัดทรัพย์สินภายในกี่ปีนับแต่วันที่คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุด

ก.ภายใน ห้าปี

ข.ภายใน เจ็ดปี

ค.ภายใน สิบปี

ง.ภายใน สิบห้าปี

ตอบ  ค.

34.ข้อใดเป็น “คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุด”

ก.ไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองภายในระยะเวลาอุทธรณ์

ข.เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ และไม่มีการฟ้องคดีต่อศาลภายในระยะเวลาการฟ้องคดี

ค.ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษายกฟ้อง หรือเพิกถอนคำสั่งบางส่วน และคดีถึงที่สุดแล้ว

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

อธิบายเพิ่มเติม ข้อ 33 และ ข้อ 34 มาตรา 63/8  หน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินต้องดำเนินการยึดหรือ อายัดทรัพย์สินภายในสิบปีนับแต่วันที่คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุด คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุดในกรณีดังต่อไปนี้

(1) ไม่มีการอุทธรณ์คำสั่งต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองภายในระยะเวลาอุทธรณ์

(2) เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยยกอุทธรณ์ และไม่มีการฟ้องคดี ต่อศาลภายในระยะเวลาการฟ้องคดี

(3) ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษายกฟ้อง หรือเพิกถอนคำสั่งบางส่วน และคดีถึงที่สุดแล้ว

35.ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินไม่มีเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการ สืบหาทรัพย์สิน และหากจำนวนเงินที่ต้องชำระตามมาตรการบังคับทางปกครองนั้นมีมูลค่าตั้งแต่ สองล้านบาทขึ้นไปหรือตามมูลค่าที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยกฎกระทรวง หน่วยงานของรัฐอาจมอบหมาย ให้ใครเป็นผู้สืบหาทรัพย์สินแทนได้

ก.บริษัทมหาชน

ข.หน่วยงานเอกชน

ค.หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ

ง.ไม่มีข้อใดถูก

ตอบ ข.

36.ให้เอกชนที่สืบพบทรัพย์สินได้รับค่าตอบแทนไม่เกินร้อยละเท่าใดของครึ่งจากเงินหรือ ทรัพย์สินที่ได้มาจากการยึด อายัด หรือขายทอดตลาดทรัพย์สินที่สืบพบได้

ก.ไม่เกินร้อยละสอง

ข.ไม่เกินร้อยละห้า

ค.ไม่เกินรอยละเจ็ด

ง.ไม่เกินร้อยละสิบ

ตอบ ก.

37.จากข้อ 36 จำนวนเงิน ค่าตอบแทนสูงสุดต้องไม่เกินกี่บาทต่อจำนวนเงินที่ต้องชำระตามคำสั่งทางปกครองในเรื่องนั้น หรือตามจำนวนที่กำหนดเพิ่มขึ้นโดยกฎกระทรวง

ก.ไม่เกินหนึ่งล้านบาท

ข.ไม่เกินสองล้านบาท

ค.ไม่เกินสามล้านบาท

ง.ไม่เกินห้าล้านบาท

ตอบ ก.

38. ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ “เจ้าพนักงานบังคับคดี

ก.หน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงิน

ข.ผู้อยู่ในบังคับของมาตรการบังคับทางปกครอง

ค.เจ้าพนักงานบังคับทางปกครอง

ง.เป็นอำนาจของหัวหน้าหน่วยงาน ของรัฐ ทั้งนี้ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ตอบ ค.

39.ในกรณีที่มีการบังคับให้ชำระเงินและคำสั่งทางปกครองที่ กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุดแล้ว หากหน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินประสงค์ให้เจ้าพนักงาน บังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดีดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครอง ให้ยื่นคำขอ ฝ่ายเดียวต่อศาลภายในกี่ปี นับแต่วันที่คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงินเป็นที่สุด

ก.ภายในห้าปี

ข.ภายในสิบปี

ค.ภายในสิบห้าปี

ง.ภายในยี่สิบห้าปี

ตอบ ข.

40.หน่วยงานของรัฐที่ออกคำสั่งให้ชำระเงินต้องดำเนินการสืบทรัพย์ แล้วแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบพร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดี ดำเนินการเพื่อให้มีการยึดหรืออายัดทรัพย์สินภายในกี่ปี นับแต่วันที่คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ ชำระเงินเป็นที่สุด

ก.ภายในห้าปี

ข.ภายในสิบปี

ค.ภายในสิบห้าปี

ง.ภายในยี่สิบห้าปี

ตอบ ข.

41.ก่อนใช้มาตรการบังคับทางปกครองเจ้าหน้าที่จะต้องมีคำเตือนเป็นหนังสือให้มีการกระทำหรือละเว้นกระทำตามคำสั่งทางปกครองภายใน ระยะเวลาที่กำหนดตามสมควรแก่กรณี คำเตือนดังกล่าวจะกำหนดไปพร้อมกับคำสั่งทางปกครองก็ได้ คำเตือนนั้นจะต้องระบุอะไรลงไป

ก. มาตรการบังคับทางปกครองที่จะใช้ให้ชัดแจ้ง แต่จะกำหนดมากกว่าหนึ่งมาตรการ

ข. ค่าใช้จ่ายและเงินเพิ่มรายวันในการที่เจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการด้วยตนเองหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นกระทำการแทน

ค.กำหนดค่าใช้จ่ายในคำเตือน

ง.ถูกทั้งข้อ ก. และ ข้อ ข.

ตอบ ง.

42.ในกรณีที่ผู้ใดไม่อาจกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดภายในระยะเวลา ที่กำหนดไว้ในกฎหมายได้เพราะมีพฤติการณ์ที่จำเป็นอันมิได้เกิดขึ้นจากความผิดของผู้นั้น ถ้าผู้นั้น มีคำขอเจ้าหน้าที่อาจขยายระยะเวลาและดำเนินการส่วนหนึ่งส่วนใดที่ล่วงมาแล้วเสียใหม่ก็ได้ ทั้งนี้ ต้องยื่นคำขอภายในกี่วันนับแต่พฤติการณ์เช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง

ก.ภายในห้าวัน

ข.ภายในสิบวัน

ค.ภายในสิบห้าวัน

ง.ภายในยี่สิบห้าวัน

ตอบ ค.

43.ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ “ ระยะเวลาและอายุความ ”

ก.กำหนดเวลาเป็นวัน สัปดาห์ เดือน หรือปีนั้น มิให้นับวันแรกแห่ง ระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วย

ข.ระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำสั่งของเจ้าหน้าที่อาจมีการขยายอีกได้ และ ถ้าระยะเวลานั้นได้สิ้นสุดลงแล้วเจ้าหน้าที่อาจขยายโดยกำหนดให้มีผลย้อนหลังได้เช่นกันถ้าการสิ้นสุด ตามระยะเวลาเดิมจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมที่จะให้สิ้นสุดลงตามนั้น

ค.เมื่อมีการอุทธรณ์ตามบทบัญญัติหรือ พระราชบัญญัตินี้ หรือการยื่นคำขอต่อคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทหรือคณะกรรมการวินิจฉัย ร้องทุกข์ตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วให้อายุความสะดุดหยุดอยู่ ไม่นับในระหว่างนั้นจนกว่าการพิจารณาจะถึงที่สุดหรือเสร็จไปโดยประการอื่น

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

44.ถ้าผู้รับไม่ยอมรับหรือถ้า ขณะนำไปส่งไม่พบผู้รับ และหากได้ส่งให้กับบุคคลใดซึ่งบรรลุนิติภาวะที่อยู่หรือทำงานในสถานที่นั้น หรือในกรณีที่ผู้นั้นไม่ยอมรับ หากได้วางหนังสือนั้นหรือปิดหนังสือนั้นไว้ในที่ซึ่งเห็นได้ง่าย ณ. สถานที่นั้น ต่อหน้าเจ้าพนักงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ไปเป็นพยานก็ให้ถือว่าได้รับแจ้งแล้ว ข้อความขั้นต้นเป็นการแจ้งแบบใด

ก.การแจ้งไปยังที่อยู่ตามภูมิลำเนา

ข.การแจ้งเป็นหนังสือโดยวิธีให้บุคคลนำไปส่ง

ค.การแจ้งโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์

ง.การแจ้งผ่านเครื่องโทรสาร

ตอบ ข.

45.การพ้นจากตำแหน่งของ “คณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครอง” นอกจากหมดวาระแล้วจะพ้นจากตำแหน่งตามข้อใด

ก.มีเหตุต้องพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น

ข.เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ

ค.เป็นบุคคลล้มละลาย

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

46.การนัดประชุมต้องทำเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการทุกคนทราบล่วงหน้าไม่น้อย กว่ากี่วัน

ก.สามวัน

ข.ห้าวัน

ค.เจ็ดวัน

ง.สิบห้าวัน

ตอบ ก.

47.ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ให้ใครทำหน้าที่แทน

ก.รองประธานกรรมการ

ข.คณะกรรมการประธาน

ค.เลขาประธานการรมการ

ง.กรรมการที่มาประชุมคนหนึ่ง

ตอบ ก.

48.ข้อใดกล่าวผิดเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของประธานกรรมากร

ก.ดำเนินการประชุม

ข.รักษาความเรียบร้อยในที่ประชุม

ค.บันทึกการประชุม

ง.ออกคำสั่งตามความจำเป็น

ตอบ ค.

49.พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อใด

ก.วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป

ข.วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เก้าสิบวัน

ค.วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาหนึ่งร้อยยี่สิบ

ง.วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หนึ่งร้อยแปดสิบวัน

ตอบ ก.

50.ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับ “คณะกรรมการที่มีอำนาจดำเนินการพิจารณาทางปกครอง”

ก.ในกรณีที่กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ ผู้มีอำนาจแต่งตั้งอาจ แต่งตั้งผู้อื่นเป็นกรรมการแทนได้ และให้ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับ วาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน

ข.การให้กรรมการในคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาทพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระจะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีมีเหตุบกพร่องอย่างยิ่งต่อหน้าที่หรือมีความประพฤติเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง

ค.การประชุมให้เป็นไปตามระเบียบการที่คณะกรรมการกำหนด

ง.ถูกทุกข้อ

ตอบ ง.

บทสรุป

แนวข้อสอบ “พระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539” ทางผู้เขียนได้เน้นสาระสำคัญของเนื้อหาและความยาก ที่เคยออกสอบบ่อย“พระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539”  เช่น ความหมายต่างๆ การจัดระเบียบบริหารราชากรกลาง การจัดระเบียบราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี การจัดระเบียบราชการในกระทรวงหรือทบวง คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง  คำสั่งทางปกครอง  เจ้าหน้าที่  คู่กรณี  การพิจารณา  รูปแบบและผลของคำสั่งทางปกครอง  การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง  การเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง  การขอให้พิจารณาใหม่  การบังคับทางปกครอง  การบังคับตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ชำระเงิน  การบังคับโดยเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐ  การบังคับโดยเจ้าพนักงานบังคับคดี  การบังคับตามคำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำหรือละเว้นกระทำ  ระยะเวลาและอายุความ  การแจ้ง   ได้ลงไว้ในแนวข้อสอบนี้ไว้ หวังว่าผู้อ่านหรือผู้ที่สนใจมีแรงบันดาลใจจากแนวข้อสอบให้