http://www.thaigov.go.th วันนี้ (5 ตุลาคม 2565) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้ 1. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกรเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. ....2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงการควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากร พ.ศ. .... 3. เรื่อง ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) 4. เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ พ.ศ. 2550 พ.ศ. .... 5. เรื่อง ร่างประกาศคณะกรรมการพิจารณาคัดกรองผู้ได้รับการคุ้มครอง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาคัดกรองคำขอเป็นผู้ได้รับการคุ้มครอง 6. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือ สำหรับเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. .... 7. เรื่อง รายงานสรุปผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) และการดำเนินการในระยะต่อไป 8. เรื่อง รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 9. เรื่อง รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2/2565 และแนวโน้มไตรมาสที่ 3/2565 และรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนกรกฎาคม 2565 10. เรื่อง การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 11. เรื่อง การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง 12. เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) วงเงิน 15,200 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 1,500 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 13. เรื่อง การยุบเลิกกิจการบริษัท เอ ซี ที โมบาย จำกัด 14. เรื่อง ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนสิงหาคม 2565 15. เรื่อง รายงานผลการทบทวนและปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตของหน่วยงานของรัฐ 16. เรื่อง ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2535 เกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าภาคเอกชน 17. เรื่อง (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566 – 2570) 18. เรื่อง รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนสิงหาคม และ 8 เดือนแรกของปี 2565 19. เรื่อง แนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการ แห่งรัฐ ปี 2565 ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ 20. เรื่อง ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” 21. เรื่อง ขอความเห็นชอบการจัดทำและลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศที่ครอบคลุมระหว่างรัฐสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกและร่างเอกสารบันทึกการหารือ 22. เรื่อง ขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเชื่อมโยงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน 23. เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย 24. เรื่อง การรับรองร่างเอกสารวาระบาหลี 2022: แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali Agenda 2022: A Global Roadmap for Creative Economy) 25. เรื่อง การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฝ่ายการเมือง) และโฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฝ่ายข้าราชการประจำ) 26. เรื่อง การอนุมัติให้ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ไปรักษาราชการแทนหรือไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 27. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี) 28. เรื่อง การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) 29. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) 30. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) 31. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 32. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม 33. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ 1. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกรเป็นมาตรฐานบังคับ พ.ศ. .... นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา2. เลี้ยงสุกรแม่พันธุ์ ตั้งแต่ 95-119 ตัว - ฟาร์มขนาดกลาง3. เลี้ยงสุกรขุน จำนวนตั้งแต่ 1,500 ตัว ขึ้นไป - ฟาร์มขนาดใหญ่ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา4. เลี้ยงสุกรแม่พันธุ์ ตั้งแต่ 120 ตัว ขึ้นไป - ฟาร์มขนาดใหญ่กฎกระทรวงนี้ไม่ใช่บังคับแก่ฟาร์มสุกรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการเลี้ยงระบบปศุสัตว์อินทรีย์และหมูหลุมที่รับรองโดยกรมปศุสัตว์ 2. กำหนดให้ผู้ประกอบการที่เลี้ยงสุกรขุน จำนวนตั้งแต่ 1 – 499 ตัว และเลี้ยงสุกรแม่พันธุ์ ตั้งแต่ 1 – 94 ตัว (ฟาร์มขนาดเล็ก) สามารถขอรับการตรวจสอบและขอใบรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร เลขที่ มกษ. 6403 – 2565 จากผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานได้ (ร่างข้อ 3) 3. กำหนดให้ใบรับรองที่ผู้ประกอบการตรวจสอบมาตรฐานได้ออกไว้ ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร : การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกร ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าเกษตร พ.ศ. 2551 ลงวันที่ 16 มิถุนายน 2558 ก่อนวันที่ร่างกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตรสำหรับการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกรเป็นมาตรฐานบังคับฯ ดังกล่าวนี้ใช้บังคับ ให้ยังคงใช้ต่อไปจนกว่าใบรับรองนั้นจะสิ้นอายุ หรือถูกเพิกถอนหรือมีการขอยกเลิก (ร่างข้อ 4) 2. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงการควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากร พ.ศ. .... - “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า “ผู้ใช้บริการที่เลือกใช้การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะหรือระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ ผู้นำของเข้า ผู้ส่งของออก ผู้ขนส่ง ผู้ขอผ่านแดน หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งของ รวมถึงตัวแทนของบุคคลดังกล่าว” - “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า “ผู้ให้บริการระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่ได้ทำสัญญากับกรมศุลกากร”2. บททั่วไป (ร่างข้อ 4 - ข้อ 6) (เดิม มีแต่การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะ)- กำหนดให้การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากร มี 2 วิธี ได้แก่ (1) การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะ และ (2) ระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล - กำหนดให้ผู้ใช้บริการด้วยวิธีดังกล่าวต้องแสดงความจำนงและชำระค่าบริการก่อนปฏิบัติพิธีการศุลกากรในการขนส่งของตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด - กำหนดให้การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรใช้กับการขนส่งของในรูปแบบ ดังนี้ (1) การขนส่งสินค้าผ่านแดนหรือการขนส่งที่ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร ตลอดจนการขนส่งสินค้าระหว่างท่าหรือที่ กับโรงพักสินค้า (2) การเคลื่อนย้ายของในลักษณะมัดลวดจากสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบังไปยังสำนักงานตรวจสินค้าลาดกระบังก่อนชำระอากรขาเข้าสำเร็จ หรือไปยังหน่วยศุลกากรอื่น (3) การขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และ (4) การขนส่งของรูปแบบอื่น ๆ ตามที่อธิบดีประกาศกำหนด3. การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะ (ร่างข้อ 7 - ข้อ 8)- กำหนดให้การควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะเป็นอุปกรณ์สำหรับกำกับไว้ที่หีบห่อสินค้าหรือที่ประตูตู้สินค้า ทั้งนี้ การมัด รัด ร้อย คล้อง ประทับตรา ปิดผนึก หรือกระทำการอย่างใด ขึ้นอยู่กับภาชนะบรรจุของและยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่ง ได้แก่ (1) การขนส่งของด้วยระบบตู้คอนเทนเนอร์หรือรถบรรทุกชนิดตู้ทึบ (Closed Van) หรือรถบรรทุกหรือรถพ่วง และ (2) ของเป็นรถยนต์ที่ขนส่ง โดยรถบรรทุกรถยนต์หรือยานพาหนะที่สามารถใช้ขนส่งรถยนต์ได้หรือเป็นรถยนต์ขนาดใหญ่ไม่สามารถบรรทุกขึ้นยานพาหนะที่ใช้ขนส่งได้ หรือมีลักษณะเป็นหีบห่อและไม่สามารถบรรทุกหีบห่อทั้งหมดไว้ในรถบรรทุกชนิดตู้ทึบ (Closed Van) ในคราวเดียวกัน4. ระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล (ร่างข้อ 9 - ข้อ 11)- กำหนดให้ผู้ใช้บริการหรือบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากผู้ใช้บริการมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งของตน เพื่อตรวจสอบติดตามสถานะการขนส่งของได้อย่างทันต่อเหตุการณ์ผ่านช่องทางที่กำหนด - กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ ตรวจสอบข้อมูลของผู้ใช้บริการ และปลดอุปกรณ์ระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลภายใต้การกำกับดูแลของกรมศุลกากร5. ผู้ให้บริการ (ร่างข้อ 12 - ข้อ 16)- กำหนดให้ผู้บริการต้องจัดหาระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในการควบคุมทางศุลกากร อุปกรณ์ และบุคลากร เพื่อดำเนินการให้บริการอย่างเพียงพอ เหมาะสม และต่อเนื่อง ตามเงื่อนไขที่กรมศุลกากรกำหนด - กำหนดวิธีการยื่นคำขอเข้าดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตลอดจนคุณสมบัติ และขอบเขตการดำเนินงานของผู้ให้บริการให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด - กำหนดให้ผู้ให้บริการต้องจัดเก็บและรักษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของระบบ โดยข้อมูลทั้งหมดถือเป็นสิทธิของกรมศุลกากร และห้ามมิให้ผู้ให้บริการนำข้อมูลไปใช้และ/หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต6. คณะกรรมการ (ร่างข้อ 17 - ข้อ 18)- กำหนดให้อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจแต่งตั้ง “คณะกรรมการสรรหา” เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาสรรหาเอกชนเข้าดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณาคำขอเข้าดำเนินงานเป็นผู้ให้บริการและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น - กำหนดให้อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจแต่งตั้ง “คณะกรรมการกำกับดูแล” เพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานของระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีอำนาจหน้าที่กำกับ ดูแล ติดตามผลการดำเนินงานที่เกี่ยวกับการดำเนินงานดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น7. ค่าบริการ (ร่างข้อ 19 - ข้อ 20)- กำหนดค่าบริการควบคุมการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาศุลกากรด้วยอุปกรณ์เฉพาะและระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล จำนวนไม่เกิน 200 บาท ต่อคันหรือตู้ หรือหน่วยการขนส่งอื่น แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ การยกเว้น งด หรือลดค่าบริการให้เป็นอำนาจของอธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด8. บทเฉพาะกาล (ร่างข้อ 21)- กำหนดให้ยกเว้นค่าบริการระบบติดตามการขนส่งของที่อยู่ในอารักขาของศุลกากรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะต้องเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการตามกฎกระทรวงนี้เป็นระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้มีผลบังคับใช้ 3. เรื่อง ร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติเครื่องแบบข้าราชการฝ่ายพลเรือน พุทธศักราช 2478 (แก้ไขเพิ่มเติมเครื่องแบบของข้าราชการกรมราชทัณฑ์) และที่แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีหมายเหตุ1. เครื่องแบบพิธีการ 2. เครื่องแบบปฏิบัติการสีกรมท่า 3. เครื่องแบบปฏิบัติการพิเศษ 4. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายในเรือนจำ 5. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายนอกเรือนจำ 6. เครื่องแบบกองเกียรติยศกรมราชทัณฑ์1. เครื่องแบบปฏิบัติงาน 2. เครื่องแบบปฏิบัติการสีกรมท่า 3. เครื่องแบบปฏิบัติการพิเศษ 4. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายในเรือนจำ 5. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายนอกเรือนจำ 6. เครื่องแบบกองเกียรติยศกรมราชทัณฑ์ 7. เครื่องแบบพิธีการ- แก้ไขชื่อและปรับเป็นเครื่องแบบปฏิบัติงาน คงเดิม คงเดิม คงเดิม คงเดิม คงเดิม - แก้ไขลักษณะเครื่องแบบพิธีการ (1) หมวกทรงหม้อตาลสีกากี (2) เสื้อชั้นนอกคอแบะสีกากี (3) เสื้อชั้นในเป็นเสื้อคอพับสีขาวแขนยาวผูกผ้าผูกคอสีดำเงื่อนกะลาสี (4) กางเกงขายาวสีกากี (5) รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดำ 2. กำหนดชนิดเครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมราชทัณฑ์หญิงเพิ่มเติม จาก 6 ชนิด เป็น 7 ชนิด โดยเพิ่ม “เครื่องแบบปฏิบัติงาน” และแก้ไขลักษณะเครื่องแบบพิธีการ ดังนี้ 2.1. กำหนดให้เครื่องแบบพิเศษข้าราชการกรมราชทัณฑ์หญิงมี 7 ชนิด ดังนี้กฎสำนักนายกรัฐมนตรี ฉบับที่ 83ฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎสำนักนายกรัฐมนตรีหมายเหตุ1. เครื่องแบบพิธีการ 2. เครื่องแบบปฏิบัติการสีกรมท่า 3. เครื่องแบบปฏิบัติการพิเศษ 4. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายในเรือนจำ 5. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายนอกเรือนจำ 6. เครื่องแบบกองเกียรติยศกรมราชทัณฑ์1. เครื่องแบบปฏิบัติงาน 2. เครื่องแบบปฏิบัติการสีกรมท่า 3. เครื่องแบบปฏิบัติการพิเศษ 4. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายในเรือนจำ 5. เครื่องแบบปฏิบัติงานภายนอกเรือนจำ 6. เครื่องแบบกองเกียรติยศกรมราชทัณฑ์ 7. เครื่องแบบพิธีการ- แก้ไขชื่อและปรับเป็นเครื่องแบบปฏิบัติงาน คงเดิม คงเดิม คงเดิม คงเดิม คงเดิม - แก้ไขลักษณะเครื่องแบบพิธีการ 2.2 แก้ไขลักษณะเครื่องแบบพิธีการของข้าราชการกรมราชทัณฑ์หญิง โดยให้ประกอบด้วย(1) หมวกพับปีกสีกากี (2) เสื้อชั้นนอกคอแบะสีกากี (3) เสื้อชั้นในเป็นเสื้อคอพับสีขาวแขนยาวผูกผ้าผูกคอสีดำเงื่อนกะลาสี (4) กระโปรงสีกากี (5) รองเท้าหุ้มส้นหนังหรือวัตถุเทียมหนังสีดำ 4. เรื่อง ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเสริมสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ พ.ศ. 2550 พ.ศ. .... สาระสำคัญของร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี 5. เรื่อง ร่างประกาศคณะกรรมการพิจารณาคัดกรองผู้ได้รับการคุ้มครอง เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการพิจารณาคัดกรองคำขอเป็นผู้ได้รับการคุ้มครอง 6. เรื่อง ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือและยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือ สำหรับเรือขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า พ.ศ. .... (ตันกรอส)อัตราค่าธรรมเนียม ฉบับ/บาทไม่เกิน 10 เกิน 10 แต่ไม่เกิน 20 เกิน 20 แต่ไม่เกิน 30 เกิน 30 แต่ไม่เกิน 40 เกิน 40 แต่ไม่เกิน 60 เกิน 60 แต่ไม่เกิน 90 เกิน 80 แต่ไม่เกิน 100 เกิน 100 แต่ไม่เกิน 200 เกิน 200 แต่ไม่เกิน 400 เกิน 400 แต่ไม่เกิน 600 เกิน 600 แต่ไม่เกิน 800 เกิน 800 แต่ไม่เกิน 1,000 เกิน 1,000 แต่ไม่เกิน 2,000 เกิน 2,000 แต่ไม่เกิน 3,000 เกิน 3,000 แต่ไม่เกิน 4,000 เกิน 4,000 แต่ไม่เกิน 5,000 เกิน 5,000 ขึ้นไป100 150 200 300 400 500 600 700 800 900 1,000 1,100 1,200 1,300 1,400 1,500 1,600 2. กำหนดยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือ สำหรับขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นระยะเวลา 5 ปีนับแต่วันที่เจ้าของเรือแจ้งเปลี่ยนแปลงชนิดของเครื่องยนต์เรือหรือปรับปรุงเครื่องยนต์เรือ แล้วแต่กรณี กรณีครบกำหนดระยะเวลาตามข้อ 2 ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้เรือในอัตรากึ่งหนึ่งตามข้อ 1 เป็นระยะเวลา 10 ปี 7. เรื่อง รายงานสรุปผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) และการดำเนินการในระยะต่อไป คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอรายงานสรุปผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) และร่างหลักการการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (ปี 2565-2570) [เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (12 กันยายน 2560) ที่ให้คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยรายงานผลการดำเนินการตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) ให้คณะรัฐมนตรีทราบทุกปี และประเมินผลสัมฤทธิ์ของร่างแผนพัฒนาตลาดทุนดังกล่าวในระยะครึ่งแผนเพื่อให้สามารถพิจารณาปรับปรุงแผนงานและตัวชี้วัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์] สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ 1. ผลการดำเนินการภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนฯ สรุปได้ ดังนี้มาตรการผลการดำเนินการ(1) การเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises: SMEs) วิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) และนวัตกรรมส่งเสริมให้ SMEs และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยการสนับสนุนนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 4 แผนงานโดยเป็นแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 2 แผนงาน ได้แก่ (1) การออกหลักเกณฑ์เพื่อพัฒนาเครื่องมือการระดมทุนของกิจการจากบุคคลจำนวนมากสำหรับตราสารหนี้และการให้กู้ยืมโดยใช้สัญญาเงินกู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และธุรกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างบุคคลทั่วไปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Platform P2P Lending) และ (2) การเตรียมการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการซื้อขายสำหรับนักลงทุนประเภทพิเศษครอบคลุมผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และมีแผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 แผนงาน ได้แก่ (1) การจัดทำกลไกคะแนนเครดิตที่สถาบันการเงินใช้ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ให้แก่ SMEs และ (2) การสนับสนุนให้ SMEs และ Startup เข้าถึงแหล่งเงินทุน(2) การเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศส่งเสริมให้การลงทุนในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสามารถเติบโตรองรับการลงทุนในระดับภูมิภาค ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 3 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 1 แผนงาน คือ การแก้เกณฑ์เพื่อรองรับการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund: TFFIF) และมีแผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 แผนงาน ได้แก่ (1) การแก้ไขกฎหมายให้หน่วยงานที่ยังไม่สามารถนำส่วนแบ่งรายได้จากทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานของตนมาเข้ากองทุนสามารถทำได้ และ (2) การปรับปรุงเกณฑ์ภาษีกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund)(3) การเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยส่งเสริมศักยภาพตลาดทุนไทย ปรับปรุงกฎระเบียบและส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม ยกระดับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือและสร้างบุคลากรในตลาดทุน ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 33 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 25 แผนงาน เช่น (1) การแก้ไขพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อปรับปรุงกฎหมาย ระเบียบ แนวทางปฏิบัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายของการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าว พร้อมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการให้แก่สมาชิกและนักลงทุน (2) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน (3) การพัฒนาระบบการชำระเงินสำหรับตลาดทุน (4) การพัฒนาระบบงานกลางสำหรับการซื้อขายกองทุนรวม (5) การส่งเสริมการแข่งขันและการเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยเทคโนโลยี และ (6) การพัฒนาทักษะและความรู้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านตลาดทุนของไทย และมีแผนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 7 แผนงาน เช่น การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎเกณฑ์เพื่อรองรับธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชน นอกจากนี้ มีแผนงานที่ยกเลิก 1 แผนงาน คือ การเปิดให้บุคคลที่ไม่ใช่ผู้ออกหลักทรัพย์สามารถนำหลักทรัพย์มายื่นขอจดทะเบียนเพื่อทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเนื่องจากผู้ลงทุนสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้โดยตรง หรือลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่านการลงทุนตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้อยู่แล้ว(4) การพัฒนาให้ตลาดทุนไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาคส่งเสริมให้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงของภูมิภาคเพื่อเป็นแหล่งระดมทุนและการลงทุนจากต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงการให้บริการด้านการเงินของภูมิภาคซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 7 แผนงาน ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2564 แผนงานทั้งหมดได้ดำเนินการเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เช่น (1) การอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติที่ต้องการนำเงินไปลงทุนในราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (กลุ่มประเทศ CLMV) (2) การสร้างแพลตฟอร์มผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ตลาดทุนในภูมิภาค (3) การเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้ไทยเป็นจุดเชื่อมโยงการให้บริการด้านการเงินของภูมิภาค และ (4) การขจัดอุปสรรคและส่งเสริมให้ผู้ให้บริการทางการเงินของไทยสามารถให้บริการธุรกรรมด้านตลาดทุนแก่กิจการและนักลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV(5) การมีแผนรองรับสังคมผู้สูงอายุเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการออมระยะยาวของไทยให้ครอบคลุมกำลังแรงงานทั้งประเทศอย่างทั่วถึงและสร้างความเพียงพอด้านรายได้เพื่อดำรงชีพหลังการเกษียณอายุ ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 8 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 4 แผนงาน ได้แก่ (1) การศึกษาเพื่อปรับปรุงพระราชบัญญัติกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พ.ศ. 2530 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเป็นแหล่งเงินออมสำคัญรองรับการเกษียณ (2) การจัดทำแพลตฟอร์มความรู้ทางการเงินสำหรับคนไทย (3) การส่งเสริมความรู้และทักษะทางการเงินสำหรับประชาชนไทย และ (4) การจัดให้มีกฎหมายเพื่อรองรับธุรกิจสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และมีแผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 4 แผนงาน เช่น (1) การจัดให้มีผู้ทำหน้าที่กำหนดนโยบายระบบการออมเพื่อการเกษียณอายุทุกระบบของประเทศ (2) จัดตั้งระบบทะเบียนกลางด้านบำเหน็จบำนาญของประเทศ และ (3) การจัดให้มีระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ(6) การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัลพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงทุกภาคส่วนเข้าด้วยกันซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 3 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 1 แผนงาน คือ การพัฒนาการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และแผนงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 แผนงาน ได้แก่ (1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลเพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานกลางในตลาดทุนโดยใช้เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์หรือเทคโนโลยีอื่นที่เหมาะสม และ (2) การพัฒนากฎเกณฑ์รองรับการระดมทุนในรูปแบบดิจิทัลเพื่อตอบรับตลาดทุนดิจิทัลและคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม(7) การส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตลาดการระดมทุนที่ยั่งยืนด้วยการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืนทั้งระบบและสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่สังคมโดยรวม รวมทั้งการส่งเสริมผู้ระดมทุนและกิจการให้ตระหนัก ถึงประโยชน์และความเสี่ยงจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล ซึ่งมีแผนงานสนับสนุนทั้งสิ้น 7 แผนงาน โดยมีแผนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 5 แผนงาน เช่น (1) การจัดทำแผนที่นำทาง (Roadmap) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สำหรับตลาดทุนไทย (2) การพัฒนาศูนย์รวมข้อมูลสำหรับหลักทรัพย์ และ (3) การออกพันธบัตรสีเขียว พันธบัตรเพื่อสังคม และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม และมีแผนงาน ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 2 แผนงาน ได้แก่ (1) การพัฒนาและสนับสนุนเครื่องมือระดมทุนเพื่อส่งเสริมความยั่งยืน และ (2) การสนับสนุนบทบาทของผู้ลงทุนเพื่อให้คำนึงถึงความยั่งยืนในการลงทุน 2. การประเมินแผนพัฒนาตลาดทุนฯ สรุปได้ ดังนี้ แผนพัฒนาตลาดทุนฯ มีการกำหนดเป้าหมายการประเมินผลไว้ 2 ระดับ ได้แก่ (1) เป้าหมายของผลการดำเนินงานในระดับวิสัยทัศน์ โดยมีตัวชี้วัด เช่น ขนาดของมูลค่าตลาดตราสารทุนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ผลการจัดอันดับของสภาเศรษฐกิจโลก (2) เป้าหมายของผลการดำเนินงานในระดับยุทธศาสตร์ โดยมีตัวชี้วัด เช่น การเข้าถึง การแข่งขันได้ การเชื่อมโยง และความยั่งยืน ซึ่งผลการประเมินพบว่า ผลการดำเนินงานในระดับวิสัยทัศน์เป็นไปตามเป้าหมายหรือสูงกว่า 4 รายการ (กำหนดไว้ 5 รายการ) และผลการดำเนินงานในระดับยุทธศาสตร์เป็นไปตามเป้าหมายหรือสูงกว่า 7 รายการ (กำหนดไว้ 15 รายการ) ทั้งนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ส่งผลกระทบต่อการบรรลุเป้าหมายการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3. การดำเนินการในระยะต่อไป คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยมีมติเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2564 ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) จัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 รวมทั้งแผนพัฒนาตลาดทุนในระยะต่อไป โดยให้รับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนำเสนอร่างหลักการการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับที่ 4 ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ โดยร่างหลักการการจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนฯ ฉบับที่ 4 มีสาระสำคัญ สรุปได้ ดังนี้ 3.1 จัดตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (ปี 2565-2570) โดยมีเลขาธิการสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นประธานคณะทำงาน ซึ่งมีหน้าที่ในการเสนอแนะนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคในการพัฒนาตลาดทุนซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ตลอดจนประสานงานและร่วมกำหนดนโยบายกับหน่วยงานเศรษฐกิจมหภาคอื่น ๆ เพื่อให้นโยบายด้านตลาดการเงิน ตลาดทุน และเศรษฐกิจมหภาคมีความสอดคล้องกัน 3.2 ศึกษาแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาตลาดทุนของต่างประเทศ เช่น สหภาพยุโรป เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐสิงคโปร์ มาเลเซีย และสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) โดยมีทิศทางและเป้าหมายการพัฒนาตลาดทุนของแต่ละประเทศ เช่น การสนับสนุนการเติบโตด้วยนวัตกรรม การสนับสนุนการพัฒนาของภูมิภาคเอเชีย รวมถึงคำนึงถึงประเด็นความท้าทาย แนวโน้มหลักที่ส่งผลกระทบต่อตลาดทุน เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก สังคมสูงวัย และการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งศึกษาประเด็นที่อาจส่งผลต่อตลาดทุนไทย เช่น การขยายตลาดทุนในวงกว้าง บทบาทของผู้ประกอบธุรกิจภาคการเงิน และความปลอดภัยทางไซเบอร์ 3.3 จัดทำร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (ปี 2565-2570) เพื่อต่อยอดจากแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 3 (ปี 2560-2564) ทั้งนี้ คณะกรรมการพัฒนาตลาดทุนไทยได้มีมติเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 เห็นชอบหลักการของร่างแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้หัวข้อรายละเอียด1) วิสัยทัศน์เพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้เติบโตแข็งแรง ได้แก่ 1.1) สานต่อตลาดทุนให้เป็นผู้นำระดับภูมิภาค 1.2) ส่งเสริมทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างยั่งยืน 1.3) สนับสนุนทุกภาคส่วนให้ปรับสู่เศรษฐกิจดิจิทัล 1.4) เสริมสร้างความอยู่ดีมีสุขทางการเงินของประชาชน2) พันธกิจ2.1) ตลาดทุนเพื่อการแข่งขันได้ 2.2) ตลาดทุนเพื่อความยั่งยืน 2.3) ตลาดทุนดิจิทัล 2.4) ตลาดทุนเพื่อความอยู่ดีมีสุขทางการเงิน 2.5) ตลาดทุนที่ทุกฝ่ายได้ใช้ประโยชน์/เข้าถึงได้3) ยุทธศาสตร์3.1) ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทยและระบบเศรษฐกิจ 3.2) ยุทธศาสตร์ที่ 2 ตลาดทุนไทยที่เอื้อให้ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ 3.3) ยุทธศาสตร์ที่ 3 การส่งเสริม ประยุกต์ และใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลในตลาดทุน 3.4) ยุทธศาสตร์ที่ 4 ตลาดทุนไทยส่งเสริมความยั่งยืนของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและระบบเศรษฐกิจในระยะยาว 3.5) ยุทธศาสตร์ที่ 5 ความอยู่ดีมีสุขทางการเงิน โดยสร้างผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี รวมถึงการสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ โดยมีความเสี่ยงอย่างเหมาะสม4) เป้าหมายมีเป้าหมาย เช่น 4.1) ตลาดทุนไทยเป็นแหล่งทุนของเศรษฐกิจใหม่ 4.2) ภูมิทัศน์ตลาดทุนไทยที่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถประกอบธุรกิจได้ 4.3) กฎหมายและกฎเกณฑ์สำหรับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 4.4) โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล 4.5) ฐานข้อมูลที่ทุกภาคส่วนเข้าถึงได้ 4.6) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ 4.7) ตลาดทุนไทยเติบโตอย่างยั่งยืน 8. เรื่อง รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบดังนี้ 1. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ และให้เสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป 2. เห็นชอบให้นำความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี และนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป 3. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย สาระสำคัญของเรื่อง รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเป็นการรายงานเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ. 2559 เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงาน ดังนี้ ผลการปฏิบัติงานด้านการป้องกันการฟอกเงิน มีการดำเนินการเกี่ยวกับการตรวจสอบและวิเคราะห์ธุรกรรม จำนวนทั้งสิ้น 594 คดี และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 5,833 ครั้ง ผลการปฏิบัติงานด้านการปราบปรามการฟอกเงิน มีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น คำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สิน จำนวน 201 คำสั่ง มูลค่าทรัพย์สิน 2,998,087,212.25 บาท เรื่องที่เห็นชอบให้ส่งพนักงานอัยการพิจารณา จำนวน 158 เรื่อง มูลค่าทรัพย์สิน 2,393,992,723.45 บาท ผลการดำเนินงานด้านการกำกับและตรวจสอบผู้มีหน้าที่รายงาน โดยสำนักงาน ปปง. ได้รับรายงานการทำธุรกรรม จำนวนทั้งสิ้น 20,489,559 ธุรกรรม ผลการนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ในการดำเนินงานมีการตรวจพิสูจน์หลักฐานนอกพื้นที่ ได้ไฟล์หลักฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 14 เครื่อง และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล จำนวน 5 เครื่อง และตรวจพิสูจน์หลักฐาน ณ ห้องปฏิบัติการ ได้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 976,801 ไฟล์ และข้อมูลจากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล จำนวน 893,312 ไฟล์ ผลการปฏิบัติงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงาน ปปง. ได้รับการยอมรับจากกลุ่มองค์กรต่อต้านการฟอกเงินระหว่างประเทศ เช่น กลุ่ม The Asia-Pacific Group on Money Laundering (APG) และกลุ่ม Egmont Group ในเรื่องความมุ่งมั่นในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้ดำเนินการส่งเสริมและประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกับองค์กรต่าง ๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ 9. เรื่อง รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2/2565 และแนวโน้มไตรมาสที่ 3/2565 และรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนกรกฎาคม 2565 10. เรื่อง การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 (เงินต้น จำนวน 451,345.39 ล้านบาท ดอกเบี้ย จำนวน 345,720.13 ล้านบาท) และค่าบริหารจัดการ จำนวน 13.60 ล้านบาท797,079.12ยอดหนี้คงค้าง ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 (รวมการลดภาระหนี้จากบัญชี Premium FIDF* จำนวน 14,347 ล้านบาท)672,613.50ที่มา : รายงานการบริหารหนี้ตามพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ที่กระทรวงการคลังกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน พ.ศ. 2555 ตั้งแต่เริ่มดำเนินการถึง ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ___________________ * Premium FIDF คือ บัญชีเงินฝากจากเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ (Premium FIDF 1) และบัญชีเงินฝากจากการกู้เงินเพื่อช่วยเหลือกองทุนฯ (Premium FIDF 3) ซึ่งเป็นบัญชีที่ใช้สะสมเงินส่วนเพิ่มที่เกิดจากราคาซื้อขายพันธบัตรสูงกว่าราคาที่ตราไว้เพื่อนำไปสมทบชำระหนี้ FIDF 11. เรื่อง การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเขตกรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง 12. เรื่อง ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน (กรณีรายได้ไม่เพียงพอสำหรับรายจ่าย) วงเงิน 15,200 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 1,500 ล้านบาท ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 13. เรื่อง การยุบเลิกกิจการบริษัท เอ ซี ที โมบาย จำกัด 14. เรื่อง ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนสิงหาคม 2565 2.2 แนวทางในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและการดำเนินการภายหลังการสิ้นสุดของแผนปฏิรูปประเทศ (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565) คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติได้มีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2565 เห็นชอบแนวทางฯ และมอบหมายให้หน่วยงานดำเนินการ เช่น (1) ให้หน่วยงานของรัฐนำประเด็นการปฏิรูปประเทศที่ยังต้องดำเนินการต่อเนื่องไปดำเนินการผ่านกลไกของแผนระดับที่ 2 แผนระดับที่ 3 และการดำเนินงาน ต่าง ๆ ของหน่วยงาน เพื่อให้เกิดผลอย่างยั่งยืนต่อไป (2) ให้ สศช. และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันพิจารณาทบทวนความจำเป็นและความเหมาะสมเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง และ (3) ให้หน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่กำกับ ติดตามการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศพิจารณาทบทวนบทบาทและอำนาจหน้าที่ตามความเหมาะสม นอกจากนี้ ให้มีการติดตาม ประเมินผล และจัดทำรายงานการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่ง สศช. จะเสนอแนวทางการดำเนินการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป 3. การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ได้มีการเชื่อมโยงกับแผนพัฒนาภาค พ.ศ. 2566 - 2570 กับแผนระดับที่ 2 และยุทธศาตร์ชาติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดนำเข้าข้อมูลแผนในระดับพื้นที่ทั้งแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด แผนพัฒนาจังหวัด และแผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัด/กลุ่มจังหวัด โดยจะเริ่มใช้งานตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป และให้รายงานผลสัมฤทธิ์ของแผนในระดับพื้นที่เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของแผนฯ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคกำหนด เพื่อให้มีข้อมูลในการติดตามและตรวจสอบการดำเนินงานในระดับพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพ 4. ประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ ข้อมูลมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายและการใช้จ่ายภาครัฐและข้อมูลรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณของกรมบัญชีกลาง มีรายละเอียด ดังนี้รายการเบิกจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2565เป้าหมายตามมาตรการเร่งรัด การเบิกจ่ายและการใช้จ่ายภาครัฐรายงานผลการเบิกจ่าย งบประมาณของกรมบัญชีกลาง*ภาพรวมไม่น้อยกว่า ร้อยละ 93ร้อยละ 87รายจ่ายประจำไม่น้อยกว่า ร้อยละ 89ร้อยละ 93รายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 75ร้อยละ 60*ข้อมูล ณ 31 สิงหาคม 2565 ทั้งนี้ มีหน่วยรับงบประมาณที่มีผลเบิกจ่ายภาพรวมต่ำกว่าร้อยละ 70 จำนวน 36 หน่วยงาน จากทั้งหมด 305 หน่วยงาน และเนื่องจากขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของห้วงแรกของแผนแม่บทฯ ดังนั้น ทุกหน่วยงานของรัฐจำเป็นต้องเร่งดำเนินโครงการ/การดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการประจำปี 2565 และเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 และให้นำเข้ารายงานสรุปผลการดำเนินโครงการ/การดำเนินการและรายงานผลสัมฤทธิ์ของแผนปฏิบัติราชการของหน่วยงานในระบบ eMENSCR ภายใน 30 วัน นับจากสิ้นสุดปีงบประมาณ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดทำรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2565 ต่อไป 15. เรื่อง รายงานผลการทบทวนและปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตของหน่วยงานของรัฐ (ก่อนปรับปรุง)ระยะเวลา (หลังปรับปรุง)1. กระบวนงานที่มีผลกระทบสูงที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 13 กระบวนงาน เช่นกรมศุลกากรการขอลงทะเบียนผู้ปฏิบัติพิธีการศุลกากร (สำหรับผู้ลงทะเบียนที่เป็นบุคคลสัญชาติไทย)*30 นาทีอัตโนมัติกรมทรัพย์สินทางปัญญาการต่ออายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า68 วันทำการ30 นาทีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานการขอผ่อนผันการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2550)60 วันทำการ15 วันทำการกรมสนับสนุนบริการสุขภาพการขออนุญาตการประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ71 วันทำการ30 วันทำการ หมายเหตุ : * หมายถึง กระบวนงานที่มีผลกระทบสูงที่หน่วยงานเสนอเพิ่มเติมหน่วยงานกระบวนงานระยะเวลา (ก่อนปรับปรุง)ระยะเวลา (หลังปรับปรุง)2.กระบวนงานที่มีผลกระทบสูงที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน 9 กระบวนงาน เช่นกรมพัฒนาฝีมือแรงงานการขอรับเงินช่วยเหลือหรืออุดหนุนจากกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน11 วันทำการ6 วันทำการกรมวิชาการเกษตรการขอรับรองแหล่งผลิตพืชอินทรีย์65 วันทำการ42 วันทำการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมการขอรับใบอนุญาตเป็นผู้มีสิทธิจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม77 วันทำการ52 วันทำการกรมโรงงานอุตสาหกรรมการขอรับใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องจักร*21 วันทำการ15 วันทำการ หมายเหตุ : * หมายถึง กระบวนงานที่มีผลกระทบสูงที่หน่วยงานเสนอเพิ่มเติม 1.2 กลุ่มกระบวนงานทั่วไป4 เป็นการส่งเสริมการปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตในกระบวนงานที่เป็นภารกิจหลัก พบว่า หน่วยงานเสนอกระบวนงานเพื่อปรับลดระยะเวลาการดำเนินการ จำนวนทั้งสิ้น 78 กระบวนงาน แบ่งเป็นกระบวนงานที่สามารถปรับลดระยะเวลาลงมากกว่าร้อยละ 50 จำนวน 26 กระบวนงาน ปรับลดระยะเวลาลงร้อยละ 30 - 50 จำนวน 30 กระบวนงาน และปรับลดระยะเวลาลงน้อยกว่าร้อยละ 50 จำนวน 22 กระบวนงาน ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 39 กระบวนงาน และอยู่ระหว่างดำเนินการ 39 กระบวนงาน เช่นหน่วยงานกระบวนงานระยะเวลา (ก่อนปรับปรุง)ระยะเวลา (หลังปรับปรุง)1. กระบวนงานทั่วไปที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 39 กระบวนงาน เช่นกรมการค้าภายในการขออนุญาตขนย้ายสินค้าเกษตรควบคุมทางอิเล็กทรอนิกส์1 วันทำการ30 นาทีกรมป่าไม้การขอต่ออายุใบอนุญาตอุตสาหกรรมไม้ในเขตกรุงเทพมหานคร3 วันทำการ1 วันทำการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมการออกใบรับรองระบบงานสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง46 วันทำการ14 วันทำการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ135 วันทำการ90 วันทำการ2. กระบวนงานทั่วไปที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน 39 กระบวนงาน เช่นสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายการขอจดทะเบียนเป็นชาวไร่อ้อย13 วันทำการ1 วันทำการกรมเจ้าท่าการขอรับประกาศนียบัตรแสดงความรู้ ความชำนาญ3 วันทำการ2 วันทำการกรมพัฒนาที่ดินการวิเคราะห์ดินสำหรับเกษตรกร60 วันทำการ30 วันทำการกรมโรงงานอุตสาหกรรมการขอรับใบแทนหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องจักร21 วันทำการ15 วันทำการ 2. ประเด็นท้าทายของการดำเนินการ กรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่สามารถปรับลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตในกระบวนงานที่อยู่ในความรับผิดชอบได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากในบางขั้นตอนยังคงมีความจำเป็นต้องดำเนินการในระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพในการพิจารณาอนุญาตและความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เช่น กระบวนการจดทะเบียนการประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค กระบวนการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานหรือขยายโรงงานของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และการขอรับใบอนุญาตขับรถ ของกรมการขนส่งทางบก 3. ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตของหน่วยงาน จากกระบวนงานที่หน่วยงานเสนอปรับลดระยะเวลาดำเนินการ จำนวนทั้งสิ้น 100 กระบวนงาน (กระบวนงานกลุ่มผลกระทบสูง 22 กระบวนงาน และกระบวนงานกลุ่มทั่วไป 78 กระบวนงาน) ดังนี้ 3.1 หน่วยงานได้ให้ความสำคัญกับการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามนโยบายรัฐบาลเพื่อปรับปรุงการให้บริการและการปฏิบัติงานเพื่อลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดระยะเวลาในขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารและการลงนาม คิดเป็นร้อยละ 58 รองลงมาเป็นการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการ คิดเป็นร้อยละ 40 และใช้วิธีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ คิดเป็นร้อยละ 2 3.2 กระบวนงานที่สามารถปรับลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตได้ตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป ส่วนใหญ่เป็นการนำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการดำเนินการมากถึงร้อยละ 85 นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงขั้นตอนการดำเนินการโดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการขอรับบริการสำหรับคำขอที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเพื่อเพิ่มช่องทางการให้บริการแบบเร่งด่วน (Fast track) เช่น การขอต่ออายุเครื่องหมายการค้าแบบเร่งด่วน ของกรมทรัพย์สินทางปัญญา สำหรับคำขอในรายการสินค้าที่ไม่เกิน 30 รายการ ไม่มีการแก้ไขรายการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าและชำระค่าธรรมเนียมครบถ้วน สามารถให้บริการได้แล้วเสร็จภายใน 30 นาที (จากเดิม 68 วันทำการ) 4. แนวทางการดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. จะส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐนำหลักการในการปรับปรุงพระราชบัญญัติในการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 25655 เช่น การชำระค่าธรรมเนียมแทนการต่ออายุใบอนุญาต การจัดให้มีช่องทางพิเศษแบบเร่งด่วน (Fast Tack) การตรวจสอบการประกอบกิจการหรือดำเนินกิจการตามความเสี่ยงของการประกอบกิจการ และการปรับเปลี่ยนรูปแบบการอนุญาตไปใช้เป็นแนวทางในการขยายผลการปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตและทบทวนกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนและผู้ประกอบการให้ได้รับความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อขอรับบริการจากภาครัฐ ________________________________________ 1 เป็นกระบวนงานที่สำคัญหรือมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก รวมถึงกระบวนงานที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชนที่เป็นข้อร้องเรียนหรือข้อเสนอแนะของประชาชนและภาคเอกชน 2 กระบวนงานที่ดำเนินการแล้วเสร็จ หมายถึง หน่วยงานที่รับผิดชอบกระบวนงานนั้น ๆ ได้ดำเนินการปรับลดระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตในการให้บริการประชาชนแล้ว ซึ่งประชาชนจะได้รับบริการในระยะเวลาที่ปรับปรุงใหม่ 3 อยู่ระหว่างดำเนินการ หมายถึง หน่วยงานที่รับผิดชอบกระบวนการนั้น ๆ ได้พิจารณาปรับลดระยะเวลาและขั้นตอนการพิจารณาอนุญาตเรียบร้อยแล้ว แต่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการปรับปรุงขั้นตอนและจะนำระยะเวลาที่ปรับปรุงใหม่ไปให้บริการประชาชนต่อไป 4 กระบวนงานทั่วไปเป็นกระบวนงานที่เป็นภารกิจหลัก มีระยะเวลาในการดำเนินการมาก หรือเป็นกระบวนการที่มีคุณค่าหรือเกิดประโยชน์แก่ประชาชน 5 คณะรัฐมนตรีมีมติ (12 กรกฎาคม 2565) เห็นชอบในหลักการให้ปรับปรุงพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 โดยให้ ก.พ.ร. พิจารณาให้สอดคล้องกับเรื่องการปรับปรุงระยะเวลาการพิจารณาอนุญาตและการทบทวนกฎหมายตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 และพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป 16. เรื่อง ขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2533 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2535 เกี่ยวกับการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์พื้นที่ป่าไม้ เพื่อการปลูกสร้างสวนป่าภาคเอกชน 17. เรื่อง (ร่าง) นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ. 2566 – 2570) 18. เรื่อง รายงานสถานการณ์การส่งออกของไทย เดือนสิงหาคม และ 8 เดือนแรกของปี 2565
มูลค่าการค้ารวม มูลค่าการค้าในรูปเงินเหรียญสหรัฐ เดือนสิงหาคม 2565 การส่งออก มีมูลค่า 23,632.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.5 การนำเข้า มีมูลค่า 27,848.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.3 ดุลการค้า ขาดดุล 4,215.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) การส่งออก มีมูลค่า 196,446.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 11.0 การนำเข้า มีมูลค่า 210,578.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 21.4 ดุลการค้า ขาดดุล 14,131.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้าในรูปเงินบาท เดือนสิงหาคม 2565 การส่งออก มีมูลค่า 861,169 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 20.4 การนำเข้า มีมูลค่า 1,026,654 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 35.5 ดุลการค้า ขาดดุล 165,485 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) การส่งออก มีมูลค่า 6,635,446 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 21.9 การนำเข้า มีมูลค่า 7,218,870 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 33.4 ดุลการค้า ขาดดุล 583,424 ล้านบาท การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 4.6 ขยายตัวต่อเนื่อง 21 เดือน สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ ข้าว ขยายตัวร้อยละ 15.3 (ขยายตัวในตลาดอิรัก สหรัฐฯ แคนาดา มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์) น้ำตาลทราย ขยายตัวร้อยละ 173.5 (ขยายตัวในตลาดอินโดนีเซีย มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และไต้หวัน) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 18.5 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และซาอุดิอาระเบีย) ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และไก่แปรรูป ขยายตัวร้อยละ 125.4 (ขยายตัวในตลาดญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร จีน เนเธอร์แลนด์ และเกาหลีใต้) อาหารสัตว์เลี้ยง ขยายตัวร้อยละ 25.5 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ขยายตัวร้อยละ 9.4 (ขยายตัวในตลาดจีน กัมพูชา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 14.3 (ขยายตัวในตลาดจีน รัสเซีย ออสเตรเลีย แคนาดา และไต้หวัน) เครื่องดื่ม ขยายตัวร้อยละ 14.9 (ขยายตัวในตลาดเวียดนาม กัมพูชา จีน ลาว และมาเลเซีย) ไอศกรีม ขยายตัวร้อยละ 71.2 (ขยายตัวในตลาดมาเลเซีย สหรัฐฯ เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเวียดนาม) สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ยางพารา หดตัวร้อยละ 2.8 (หดตัวในตลาดจีน มาเลเซีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และบราซิล) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง หดตัวร้อยละ 63.8 (หดตัวในตลาดจีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐฯ และฮ่องกง) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัวร้อยละ 15.2 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม มูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.2 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัวดี ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 22.5 (ขยายตัวในตลาดออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเวียดนาม) อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัวร้อยละ 31.2 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ อินเดีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร และเบลเยี่ยม) แผงวงจรไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 25.1 (ขยายตัวในตลาดสิงคโปร์ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และไต้หวัน) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 15.6 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 61.1 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ออสเตรเลีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เวียดนาม และสิงคโปร์) เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 32.8 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมียนมา กัมพูชา และแคนาดา) หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ53.6 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน เม็กซิโก ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า ขยายตัวร้อยละ 29.7 (ขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสโลวัก) ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ สินค้าเกี่ยวกับน้ำมัน หดตัวร้อยละ 11.4 (หดตัวในตลาดจีน กัมพูชา อินเดีย ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย) ผลิตภัณฑ์ยาง หดตัวร้อยละ 0.2 (หดตัวในตลาดสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย และเยอรมนี) ทั้งนี้ 8 เดือนแรกของปี 2565 การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 9.0 ตลาดส่งออกสำคัญ การส่งออกไปยังตลาดประเทศคู่ค้ายังคงมีความไม่แน่นอน ท่ามกลางความเสี่ยงที่กดดันภาวะเศรษฐกิจการค้าโลก สรุปได้ดังนี้ (1) ตลาดหลัก ขยายตัวร้อยละ 8.3 โดยขยายตัวในตลาดสหรัฐฯ ร้อยละ 16.3 อาเซียน (5) ร้อยละ 5.8 CLMV ร้อยละ 41.1 สหภาพยุโรป (27) ร้อยละ 19.0 ญี่ปุ่นกลับมาขยายตัวร้อยละ 6.6 ในขณะที่จีน หดตัวร้อยละ 20.1 (2) ตลาดรอง ขยายตัวร้อยละ 6.9 ขยายตัวในทวีปออสเตรเลีย ร้อยละ 19.0 ตะวันออกกลาง ร้อยละ 38.4 และลาตินอเมริกา ร้อยละ 27.4 ขณะที่เอเชียใต้ ทวีปแอฟริกา และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS หดตัวร้อยละ 2.1 ร้อยละ 10.1 และร้อยละ 21.6 ตามลำดับ (3) ตลาดอื่น ๆ หดตัวร้อยละ 40.3 อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ หดตัวร้อยละ 40.1 2. มาตรการส่งเสริมการส่งออกและแนวโน้มการส่งออกระยะต่อไป การส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเชิงรุกและลึก เพื่อผลักดันและอำนวยความสะดวกการส่งออกของผู้ประกอบการไทย โดยการดำเนินงานที่สำคัญในรอบเดือนที่ผ่านมา อาทิ (1) การเพิ่มจำนวนกิจกรรมส่งเสริมการค้าร่วมกับภาคเอกชน จากแผนเดิมที่กำหนดไว้ 185 กิจกรรม ในปี 2565 เพิ่มขึ้นอีก 345 กิจกรรม แบ่งเป็นแผนเชิงรุก 231 กิจกรรม และแผนเชิงรับ 114 กิจกรรม เพื่อผลักดันการส่งออกครึ่งปีหลังให้ขยายตัวเกินกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ (2) การเจาะตลาดรูปแบบใหม่ที่มีความชัดเจนและมีรูปธรรมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเจาะตลาด 36 ประเทศ 105 เมือง เช่น ตลาดซาอุดิอาระเบีย กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เป็นต้น (3) การสนับสนุนนโยบายขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับเอกชน (Enhancing The Dots) ในการส่งเสริมการส่งออก การค้าชายแดน และการบริโภคภายในประเทศ โดยร่วมมือกับหอการค้าแห่งประเทศไทย และกลุ่มผู้ประกอบการ MOC Biz Club เพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคทางการค้าให้กับภาคเอกชน แนวโน้มการส่งออกระยะถัดไป กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่า ยังคงมีสัญญาณบวกที่ช่วยสนับสนุนการส่งออก โดยเฉพาะความต้องการสินค้าอาหาร ขณะที่นโยบายของสหรัฐฯ ที่จำกัดการเข้าถึงสินค้าเทคโนโลยีของจีน อาจทำให้มีอุปทานชิปประมวลผลส่วนเกินจากผู้ผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทย นอกจากนี้ การปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในประเทศคู่ค้าสำคัญอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ไทยสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อ การขาดแคลนพลังงานในทวีปยุโรป และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีน 19. เรื่อง แนวทางการดำเนินการสำหรับผู้ลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ที่ไม่สามารถติดตามคู่สมรสได้ 1. หลักการในการดำเนินการ 20. เรื่อง ขออนุมัติเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ “พาณิชย์...ลดราคา! ออนทัวร์ ทั่วไทย” 21. เรื่อง ขอความเห็นชอบการจัดทำและลงนามร่างความตกลงว่าด้วยการขนส่งทางอากาศที่ครอบคลุมระหว่างรัฐสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับสหภาพยุโรปและรัฐสมาชิกและร่างเอกสารบันทึกการหารือ 22. เรื่อง ขอความเห็นชอบต่อการรับรองร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเชื่อมโยงสิทธิประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียน ประเด็น/รายละเอียดให้ความสำคัญ/ความสนใจ1) ความก้าวหน้าที่สำคัญของประเทศสมาชิกอาเซียนในการบรรลุวิสัยทัศน์อาเซียน 2025 รวมถึงประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ซึ่งเป็นประชาคมอาเซียนที่ครอบคลุม ยั่งยืน ยืดหยุ่น และมีพลวัต เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวติและการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น 2) เจตนารมณ์หลักของอาเซียนเพื่อให้ประชาชนอาเซียนได้รับโอกาสในการพัฒนามนุษย์ สวัสดิการสังคม และความยุติธรรมอย่างเท่าเทียม เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่และการดำรงชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคารพ ส่งเสริม ตลอดจนคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามที่บัญญัติไว้ในกฎบัตรอาเซียนสิ่งที่พึงระลึกถึง/ยืนยัน1) แรงงานทุกคนรวมทั้งแรงงานต่างด้าวมีสิทธิได้รับประกันสังคมตามที่เน้นย้ำไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของแรงงานข้ามชาติทุกคนและสมาชิกในครอบครัว กรอบพหุภาคีขององค์การแรงงานระหว่างประเทศว่าด้วยการย้ายถิ่นฐานของแรงงาน และวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 2) หลักการชี้นำของปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานข้ามชาติและมติของอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานข้ามชาติ (ฉันทามติอาเซียน) รับรองความรับผิดชอบของรัฐผู้รับและรัฐผู้ส่งแรงงานข้ามชาติของอาเซียน ในการส่งเสริมศักยภาพ ศักดิ์ศรี สิทธิขั้นพื้นฐานและการปฏิบัติที่เป็นธรรมต่อแรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัวอย่างสมดุล 3) ในฉันทามติของอาเซียน รัฐผู้รับจะจัดให้แรงงานข้ามชาติสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลและสุขภาพที่เหมาะสมตามกฎหมายของประเทศผู้รับ ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมและผลประโยชน์อื่น ๆ การปฏิบัติที่เป็นธรรมในด้านสภาพการทำงาน ค่าตอบแทน ความปลอดภัยในการทำงานและการคุ้มครองสุขภาพ และที่พักที่เพียงพอหรือเหมาะสม เป็นต้น และรัฐผู้ส่งจะรับรองสิทธิของแรงงานข้ามชาติที่ถูกส่งกลับประเทศต้นทาง ในการเข้าถึงบริการสำหรับแรงงานข้ามชาติและสมาชิกในครอบครัว ตามกฎหมาย ระเบียบข้อบังคับ และนโยบายระดับประเทศ 4) อำนาจอธิปไตยของประเทศสมาชิกอาเซียนในการกำหนดนโยบายการย้ายถิ่นที่เกี่ยวข้องกับแรงงานข้ามชาติ กำหนดการเข้า - ออกจากเขตแดน และแนวปฏิบัติภายใต้เงื่อนไขที่แรงงานข้ามชาติต้องปฏิบัติตาม 5) แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีแรงงานอาเซียนว่าด้วยการตอบสนองต่อผลกระทบของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ต่อแรงงานและการจ้างงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการอพยพของแรงงานภายในภูมิภาคและส่งผลเสียต่อรายได้ อาชีพ และความเป็นอยู่ที่ดีของแรงงานอาเซียน รวมทั้งแรงงานข้ามชาติที่ถูกเลิกจ้างหรือถูกพักงานจนสูญเสียรายได้และเดินทางกลับประเทศต้นทาง 6) การเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ประกันสังคมเป็นความสามารถของสวัสดิการประกันสังคมที่จะถูกโอนและเข้าถึงได้ โดยแรงงานข้ามชาติที่มีสิทธิเมื่อเดินทางกลับมายังประเทศต้นทาง โดยแรงงานมีสิทธิได้รับตามกฎหมาย ข้อบังคับ และนโยบายของประเทศผู้ส่งและผู้รับ 7) ประกันสังคมของประเทศสมาชิกอาเซียนมีความแตกต่างในลักษณะและประเภทของแผน รวมถึงความสามารถในการปฏิบัติงานและการบริหารขององค์กรที่รับผิดชอบ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับทรัพยากรของประเทศสมาชิกอาเซียนและลำดับความสำคัญในการพัฒนาประกันสังคมของประเทศการดำเนินการที่สำคัญ1) พัฒนานโยบายการย้ายถิ่นฐานที่เหมาะสมและครอบคลุมสำหรับแรงงานข้ามชาติภายในเขตอำนาจศาลของตน รวมถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องกับคนกลางด้านแรงงาน โดยเฉพาะการเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในประเทศสมาชิกอาเซียน 2) อภิปรายขั้นตอนการจัดตั้งและสรุปข้อตกลงทวิภาคีและ/หรือบันทึกความร่วมมือระหว่างประเทศ สมาชิกอาเซียนว่าด้วยการเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติ 3) ติดตามผลและข้อเสนอแนะของรายงานการศึกษาเรื่องการเคลื่อนย้ายสิทธิประกันสังคคมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและดำเนินการวิจัยเพิ่มเติม/ศึกษา เพื่อพิจารณาความเป็นไปได้ ประเด็นสำคัญ และขั้นตอนการดำเนินการสำหรับการเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติในประเทศสมาชิกอาเซียน 4) ใช้เทคโนโลยีในการจัดการและบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการย้ายถิ่นของแรงงานและสวัสดิการประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติ 5) เสริมสร้างความสามารถและผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่แรงงานและเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบด้านประกันสังคม และปรับปรุงระบบการตอบสนอง การประสานงาน ประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการส่งมอบสวัสดิการสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติให้ดีขึ้น 6) ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในการเคลื่อนย้ายผลประโยชน์ประกันสังคมสำหรับแรงงานข้ามชาติผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสานงานระหว่างหน่วยงานประกันสังคม เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายและระบบประกันสังคมที่เกี่ยวข้อง และแก้ไขปัญหาการบริหารของการโอนผลประโยชน์ประกันสังคมระหว่างประเทศ 7) ส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกของอาเซียน คู่เจรจาอาเซียน สหประชาชาติ หน่วยงาน เช่น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน และคู่ค้า/ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เพื่อแบ่งปันความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีตลอดจนการเสริมสร้างขีดความสามารถของแรงงานการมอบหมาย1) ให้ที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน โดยการสนับสนุนจากการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงานอาเซียนและหน่วยงานระดับรัฐมนตรีรายสาขาของอาเซียนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามความเหมาะสมและประสานงานเพื่อให้เป็นไปตามร่างปฏิญญาฯ ผ่านเอกสารแนวทางและการระดมทรัพยากร ตามกฎหมาย ข้อบังคับ และนโยบายของประเทศสมาชิกอาเซียน 2) ให้คณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยการดำเนินการตามปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิของแรงงานข้ามชาติพัฒนาเอกสารสำหรับการรับรองโดยเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านแรงงานอาเซียนและที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน และประสานงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เอกสารนี้จะทำหน้าที่เป็นแผนงานของการดำเนินการระดับภูมิภาคสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อปฏิบัติตามแผนขั้นตอนการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2573 3. รง. แจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) (กรมอาเซียน) พิจารณาแล้วมีความเห็น ดังนี้ 3.1 ไม่มีข้อขัดข้องต่อสารัตถะและถ้อยคำโดยรวมของร่างปฏิญญาฯ หาก รง. ในฐานะส่วนราชการเจ้าของเรื่องพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความเหมาะสมสอดคล้องกับนโยบายและผลประโยชน์ของประเทศไทย สามารถปฏิบัติได้ภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และสอดคล้องกับเอกสารและปฏิญญาอาเซียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดสรรงบประมาณเพื่อการนี้ไว้แล้ว 3.2 ร่างปฏิญญาฯ ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 23. เรื่อง ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง ประจำปี พ.ศ. 2565 ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย สาระสำคัญของเรื่อง 24. เรื่อง การรับรองร่างเอกสารวาระบาหลี 2022: แผนที่นำทางระดับโลกเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Bali Agenda 2022: A Global Roadmap for Creative Economy) 25. เรื่อง การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฝ่ายการเมือง) และโฆษกกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฝ่ายข้าราชการประจำ) 26. เรื่อง การอนุมัติให้ นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ไปรักษาราชการแทนหรือไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี 27. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (สำนักนายกรัฐมนตรี) 28. เรื่อง การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์) 29. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงศึกษาธิการ) 30. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงอุตสาหกรรม) 31. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา 32. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการส่งเสริมและกำกับธุรกิจโรงแรม 1. นายสิทธิพร หาญญานันท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงแรมประเภทที่ 1 33. เรื่อง การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ |