งานนำเสนอเรื่อง: "บทที่ 1 อาหารกับการดำรงชีวิต"— ใบสำเนางานนำเสนอ: 1 บทที่ 1
อาหารกับการดำรงชีวิต
2 อาหารและสารอาหารแตกต่างกันอย่างไร
? 3 อาหารหลัก 5 หมู่
4 ทบทวนอาหารหลัก 5 หมู่ หมู่ที่ 1 นม ไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง และงานให้สารอาหารโปรตีน ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ หมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล ให้สารอาหารคาร์โบไฮเดรตเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย หมู่ที่ 3 พืชผักต่างๆ
ให้สารอาหารวิตามินและแร่ธาตุเพื่อเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้ปกติ หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ ให้สารอาหารและประโยชน์เหมือนหมู่ที่ 3 หมู่ที่ 5 น้ำมันและไขมันจากพืชและสัตว์ ให้สารอาหารไขมันเพื่อให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย
5 สารอาหารแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
6 1. สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน
7 คาร์โบไฮเดรต เป็นสารอาหารหลังที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ส่วนใหญ่มนุษย์ได้รับคาร์โบไฮเดรตจากอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล อาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตซึ้งคนไทยบริโภคเป็นอาหารหลักคือข้าว
คาร์โบไฮเดรต ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจน หน่วยย่อยของคาร์โบไฮเดรต คือ น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว 8 คาร์โบไฮเดรต - พบในแป้งและน้ำตาล
9 ข้อความรู้เกี่ยวกับน้ำตาลโมเลกุลเดียวและน้ำตาลโมเลกุลคู่
10 น้ำตาลโมเลกุลคู่ หรือ ไดแซ็คคาไรด์ (Disaccharide) หมายถึงคาร์โบไฮเดรตที่แตก 11 ไขมัน เป็นสารอาหารที่ให้กรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย และให้พลังงานสำหรับร่างกายสำหรับกิจกรรมต่างๆของเซลล์ ร่างกายจะสะสมไขมันในบริเวณใต้ผิวและรอบอวัยวะภายในต่างๆ เพื่อให้มีแหล่งพลังงานไว้ใช้ในยามต้องการ ไขมันเป็นฉนวนป้องกันการสูญเสียความร้อนจากร่างกายและปกป้องอวัยวะภายในจากการกระทบกระเทือน นอกจากนั้นยังช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิด
ไขมันเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานงานแก่ร่างกายสูงกว่าคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนกว่าเท่าตัวการกินอาหารที่ให้พลังงานมากเกินไป จะทำให้เกิดโรคอ้วนได้ และเสียงต่อการเกิดโรคอื่นๆอีกหลายโรค
12 โปรตีน เป็นส่วนประกอบสำคัญของทุกเซลล์ ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโต และซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย
13 โปรตีน - พบในกลุ่ม เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว - เมื่อย่อยแล้วได้กรดอะมิโน
14 โรคขาดโปรตีนเป็นโรคเกิดจากร่างกายได้กำลังงานโปรตีนไม่พอ เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กที่อายุต่ำกว่า ๖ ปี ลักษณะอาการของโรคที่เห็นแตกต่างกันชัดเจน คือ เด็กมีอาการบวมเห็นได้ชัดที่ขา ๒ ข้าง เส้นผมมีลักษณะบางเปราะและร่วงหลุดง่าย ตับโต มีอาการซึม และดูเศร้า ไม่สนใจต่อสิ่งแวดล้อม ผิวหนังบางและลอกหลุด
15 ไขมัน พบในน้ำมันจากพืชและสัตว์
16 น้ำนมถัวเหลืองมีสารอาหารประเภทใด
?
17
อาหารต่อไปนี้มีสารอาหารประเภทใดบ้าง ?
18 ถ้าต้องการทราบว่าอาหารเหล่านี้มี แป้ง น้ำตาล โปรตีน และไขมันเป็นส่วนประกอบหรือไม่ต้องทำอย่างไร ?
19 การทดสอบน้ำตาล สารละลายเบเนดิกต์มีสีฟ้า ทดสอบน้ำตาล
20 การทดสอบคาร์โบไฮเดรต
21 การทดสอบโปรตีน สารละลายใบยูเร็ต ประกอบด้วย สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) และ สารละลายคอเปอร์(II)ซัลเฟต (CuSO4) ทดสอบโปรตีนมีสีฟ้าอ่อนถ้านำไปทดสอบสารใดใดแล้วเปลี่ยนจากสีฟ้าอ่อนเป็นสี ม่วง แสดงว่าสารนั้นมีโปรตีนอยู่
22 การทดสอบไขมัน
23 กิจกรรมที่ 1.1 การตรวจสอบสารอาหาร
24 5.หลอดหยด 4 อัน 6.กระบอกตวง หลอดฉีดยา 7.ชุดตะเกียงแอลกอฮอลล์ 8.ไม้ขีด 9.ที่ตั้งหลอดทดลอง 10.กระดาษ ทดสอบไขมัน 11.แป้งสุก 12.สารละลายกลูโคส 13.สารละลายไอโอดีน 14.ไข่ขาวดิบ
15.สารละลายเบเนดิกต์ 16.สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) และ สารละลายคอเปอร์(II)ซันเฟส (CuSo4) 17.น้ำกลั่น 3 อัน 1 ชุด 1 กลัด 1 อัน 1 แผ่น 10 cm3 3 cm3 5 cm3
25 ตอนที่ 1 วิธีการตรวจสอบสารอาหาร
26 ใบยูเร็ต 2. การตรวจสอบโปรตีน
27 ตารางบันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1
28 3. การตรวจสอบไขมัน 3.1 หยดน้ำมันพืช 2 หยดลงบนกระดาษ แล้วเกลี่ยหยดน้ำมันให้กระจาย 3.2 หยดน้ำ 2 หยดลงบนกระดาษชนิดเดียวกันอีกแผ่นหนึ่ง เกลี่ยให้กระจาย 3.3 รอจนกระดาษแห้ง ยกขึ้นให้แส่งส่องผ่านกระดาษ สังเกตกระดาษบริเวณที่หยดน้ำมัน และบริเวณที่หยดน้ำ และบันทึกผล
29 การตรวจสอบไขมัน กระดาษที่หยดไขมัน ปรากฏเป็นรอย โปร่งแสง
30 ตารางบันทึกผลของกิจกรรม ตอนที่ 2 31 สรุปผลการทดลอง ตอนที่ 1
32 2.สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน
33 2. สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน
34 นักเรียนจะตรวจสอบวิตามินบางชนิดได้อย่างไร ?
35 สิ่งที่ต้องเตรียมมาก่อนการทดลอง
36 กิจกรรมที่ 1.2 ตรวจสอบวิตามินซี
37 ตอนที่ 1
วิธีการตรวจสอบวิตามินซี
38
ตอนที่ 2 วิธีการตรวจสอบวิตามินซีในน้ำผลไม้
39 บันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 1 วิธีการตรวจสอบวิตามินซี
40 บันทึกผลการทดลอง ตอนที่ 2 วิธีการตรวจสอบวิตามินซีในผักผลไม้
41 ถ้าสีน้ำเงินในสารผสมระหว่างน้ำแป้งสุกและสารละลายไอโอดีนจางหายไป แสดงว่าสารนั้นมีวิตามินซี ดังนั้น ถ้าใช้น้ำผลไม้จำนวนหยดน้อย แล้วทำให้สีน้ำเงินในน้ำแป้งจางหายไปหมด แสดงว่าผลไม้ชนิดนั้นทีมีปริมาณวิตามินซีมาก
ในทางตรงกันข้ามถ้าน้ำผลไม้นั้นมีจำนวนหยดมาก ในการเปลี่ยนสีของน้ำแป้งผสมกับไอโอดีนแสดงว่าในผลไม้นั้นมีวิตามินซีอยู่น้อยตามลำดับ ซึ่งจะพบว่าในน้ำผมไม้จะมีจำนวนหยดไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นผลไม่ทุกชนิดก็จะมีปริมาณวิตามินซีไม่เท่ากันอีกด้วย
42 สรุปผลการทดลอง 1. ในการทดลองวิตามินอย่างง่ายใช้วิตามินซีทำปฏิกิริยากับน้ำแป้งสุกผสมกับสารละลายไอโอดีนจากสีน้ำเงินของสารละลายน้ำแป้งสุกจนเปลี่ยนเป็นไม่มีสี 2. การหาปริมาณมากน้อยของวิตามินซี
ทำได้โดยเทียบจำนวนหยดของสารนั้นที่เปลี่ยนสีน้ำเงินของน้ำแป้งสุกเป็นไม่มีสีกับสารละลายวิตามินซี 0.01% 3. ผลการเปรียบเทียบจำนวนหยดของน้ำผลไม้กับวิตามินซี 0.01% พบว่า น้ำมะเขือเทศมีวิตามินซีมากกว่า 0.01%ส่วนน้ำผลไม้ชนิดอื่น เรียงลำดับจากมีวิตามินซีมากไปยังวิตามินซีน้อยมีดังนี้ มะละกอสุก>น้ำส้ม>น้ำมะนาว>น้ำสับปะรด>น้ำแตงโม
43 วิตามิน (Vitamin) คือสารอาหารที่มีสมบัติเป็นสารอินทรีย์ที่จำเป็นต่อร่างกาย ของสิ่งมีชีวิต แต่ต้องการในปริมาณน้อยแต่ขาดไม่ได้ มีหน้าที่ เกี่ยวกับกระบวนการเมแทบอลิซึมของร่างกาย โดยเป็นสารตั้งต้นที่จะนำไปสร้างเป็นโคเอนไซม์ ซึ่งเป็นปัจจัยร่วมของเอนไซม์ในการเร่งปฏิกิริยาต่างๆ
ทำให้การย่อยสลายการดูดซึม การใช้และการสร้าง คาร์โบไฮเดรต โปรตีนและเกลือแร่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
44 ประเภทของวิตามิน วิตามินแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
45 แหล่งอาหาร ความสำคัญ และผลจากการขาดวิตามินชนิดต่างๆ
46 แหล่งอาหาร อาการเมื่อขาด 47 ผลจากการขาดวิตามินชนิดต่างๆ 48 แร่ธาตุ แร่ธาตุ เป็นสารอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้ เพราะแร่ธาตุบางชนิดเป็นส่วนประกอบของอวัยวะและกล้ามเนื้อบางอย่าง เช่น กระดูก ฟัน
เลือด บางชนิดเป็นส่วนของสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเจริญเติบโตในร่างกาย เช่น ฮอร์โมน เฮโมโกลบิน เอนไซม์ เป็นต้น นอกจากนี้แร่ธาตุยังช่วยในการควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำหน้าที่ปกติ เช่น ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท การแข็งตัวของเลือด และช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในการไหลเวียนของของเหลวในร่างกาย เป็นต้น
49 ตาราง แสดงแหล่งอาหารที่ให้ธาตุ ประโยชน์ และโรคหรืออาการเมื่อขาดธาตุ
50 โพแทสเซียม เนื้อสัตว์ นม ไข่ งา ข้าว เห็ดผักสีเขียวและผลไม้บางชนิด 1.ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจระบบประสาท รักษาปริมาณน้ำคงที่ 1.ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนเพลียและหัวใจวาย กำมะถัน เนื้อสัตว์นมไข่ 1.สร้างโปรตีนในร่างกาย
2.สร้างกล้ามเนื้อส่วน ยังไม่ทราบแน่ชัด โซเดียม เกลือแกง อาหารทะเล อาหารหมักดอง ไข่ นม เนย แข็ง ผักสีเขียว 1.ควบคุมการทำงาระบบประสาทรักษาปริมาณน้ำในเซลล์ให้คงที่ 3.รักษาความเป็นกรด - ด่างของร่างกายให้อยู่ในสภาพสมดุล 1.โรคประสาทเสื่อม 2.กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย
51 เนื้อสัตว์ตับ เครื่องในไข่แดงและผักสีเขียว
52 น้ำ เป็นสารที่มีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดใน
53 รูป แสดงส่วนประกอบภายในของบอมบ์แคลอริมิเตอร์ 54 หน่วยของพลังงานความร้อน
55 ความหมายของปริมาณความร้อน 1
แคลอรี
56 เมื่อ Q = พลังงานความร้อนที่น้ำได้รับ มีหน่วยเป็นแคลอรี
57 ตัวอย่าง ถ้าต้มน้ำ 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส ให้มีอุณหภูมิ เป็น 50 องศาเซลเซียส น้ำจะได้รับพลังงานความร้อนเท่าไร วิธีทำ จากสูตร Q = mc t = 100 x 1 x (50 -30) = 100 x 1 x 20 = 2,000 แคลอรี เพราะฉะนั้น น้ำได้รับพลังงานความร้อน 2,000 แคลอรี
58 ลองทำดู สิจ๊ะ ถ้าต้มน้ำ 100 กรัม ที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส ให้มีอุณหภูมิเป็น 45 องศาเซลเซียส น้ำจะได้รับพลังงานความร้อนเท่าไร วิธีทำ จากสูตร Q = mc t = x 1 x (45 -15) = x 1 x 30 = 3,000 แคลอรี เพราะฉะนั้น น้ำได้รับพลังงานความร้อน 3,000
แคลอรี
59 จารการศึกษาเปรียบเทียบตัวอย่างอาหารชนิดต่างๆโดยใช้แคลอรีมิเตอร์ทำให้ทราบว่าสารอาหารแต่ละชนิดให้พลังงานต่างกันความต้องการพลังงานของแต่ละเพศ แต่ละวัย แตกต่างกันอย่างไร ให้ดูจากตาราง
60 ใยอาหาร เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างของพืช ได้แก่ ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช ถั่วต่างๆ จัดอยู่ในประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ไม่สามารถย่อยได้โดยระบบย่อยอาหารของมนุษย์ ช่วยเพิ่มกากอาหาร ทำให้ขับถ่ายได้ดี คนที่รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคบางอย่างได้อีกด้วย ได้แก่
โรคมะเร็งลำไส้ โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคที่ก่อให้เกิดความผิดปรกติของทางเดินอาหารต่างๆ เช่น ท้องผูก ริดสีดวงทวาร ลำไส้โป่งพอง และมะเร็งลำไส้ใหญ่ 61 ใยอาหาร
62 1. ความต้องการอาหารของคนแต่ละวัย
63 การเลือกบริโภค จากข้อมูลปริมาณสารอาหารและพลังงานที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน ซึ่งระบุปริมาณโดยเฉพาะจง ข้อมูลสัดส่วนอาหารที่ควรได้รับบริโภคในแต่ละวันนำเสนอในรูปแบบธงโภชนาการ ดังภาพ
64 ตาราง ปริมาณของอาหารที่คนไทยควรรับประทานใน 1 วัน 65
66 นักเรียนคิดว่ากิจกรรมใดใช้พลังงานมากที่สุดที่สุด
67 พลังงานที่ใช้ในการทำกิจกรรม ( Kcal )
68 ทำความสะอาดหน้าต่าง,ตีปิงปอง
69 จำสูตรให้ได้ก่อน
เราจะไปคำนวณกันแล้ว
70 ตัวอย่างที่ 1 เด็กชายนิรันดร์หนัก 50 กิโลกรัม ล้างรถเป็นเวลา 1 ชั่วโมง อยากทราบว่านิรันดร์จะใช้พลังงานเท่าไร วิธีทำ จากข้อมูลในตาราง ชายหนัก 1 กิโลกรัม ล้างรถเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ใช้พลังงาน = กิโลแคลอรี เมื่อนิรันดร์หนัก 50 กิโลกรัม ล้างรถเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
ใช้พลังงาน = X 3.68 = กิโลแคลอรี เด็กชายนิรันดร์ล้างรถเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จะใช้พลังงานเท่ากับ กิโแคลอรี
71 ตัวอย่างที่ ด ญ วัชรีหนัก 40 กิโลกรัม นอนหลับเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
72 เมื่อวัชรีหนัก 40 กิโลกรัม เล่นเทนนิสเป็นเวลา 3 ชั่วโมง ใช้พลังงาน
73 ลองทำดู นายนทีมีน้ำหนัก 40 กิโลกรัม ว่ายน้ำ 3 ชั่วโมง แล้วขับรถยนต์กลับบ้าน 1 ชั่วโมง นทีต้องใช้พลังงานในการทำกิจกรรมรวมทั้งสิ้นเท่าไร วิธีทำ หาพลังงานที่ใช้ว่ายน้ำ นทีหนัก 40 กิโลกรัม ว่ายน้ำ 3 ชั่วโมง = 4.73 = 4.73 x40x3 kcal พลังงานที่ใช้ว่ายน้ำ =
kcal หาพลังงานที่ใช้ขับรถ นทีหนัก 40 กิโลกรัม ขับรถ 1 ชั่งโมง = 2.42 kcal = 2.42x40x1 kcal พลังงานที่ใช้ขับรถ = 96.8 kcal นทีใช้พลังงานในการว่ายน้ำและขับรถกลับบ้านรวมกัน = = kcal
74 สารปนเปื้อนในอาหาร เป็นสารพิษที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติและจากการกระทำของมนุษย์ ซึ่งมี ผลทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจนถึงเสียชีวิตได้ สารปนเปื้อนใน อาหารแบ่งตามลักษณะการเกิดได้ 2 ประเภทคือ 1. สารพิษที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แบ่งออกตามชนิดของสารพิษได้ดังนี้
1.1 สารพิษจากเชื้อจุลินทรีย์ เช่น สารอะฟลาทอกซิน (aflagoxin) ซึ่งเป็นสารสร้างจากเชื้อราพวกแอสเพอร์จิลลัส (aspergillus spp) รานี้เจริญได้ดีในถั่วลิสงและเมล้ดพืชที่ชื้น ซึ่งความร้อนสูงไม่สามารถทำลายสารอะฟลาทอกซินได้ส่วนใหญ่สารนี้จะตกค้างที่ตับทำให้เกิดเป็นมะเร็งตับ 1.2 สารพิษจากเห็ดบางชิด ทำให้เมา มีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน 1.3 สารพิษในพืชผัก สีผสมอาหาร เชื้อจุลินทรีย์ ภาชนะบรรจุอาหาร
75 เห็ดพิษ เห็ดในสกุลอะมานิตา เห็ดหมึก เห็ดระโงกมีทั้งชนิดกินได้และเป็นพิษ
76 เชื้อราอะฟลาทอกซิน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตือนภัยสารพิษจากเชื้อราอะฟลาทอกซินปนเปื้อนในถั่วลิสง ข้าวโพดเครื่องเทศ และธัญพืช อะฟลาทอกซินคือสารพิษจากเชื้อรา ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทนความร้อนได้ถึง
260 องศาเซลเซียส
77 2. สารพิษที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความเจริญทางด้าน 78
สีผสมอาหาร 79 สีธรรมชาติ ซึ่งมักเป็นสีที่ผลิตจากพืชหรือสัตว์ เช่น สีจากอัญชันกระเจี๊ยบ และสีจากการสังเคราะห์ซึ่งเป็นสีที่สังเคราะห์จากสารเคมีต่างๆ สีจากธรรมชาติเป็นสีที่ปลอดภัยที่สุดส่วนสีสังเคราะห์ที่อนุญาตให้ใช้ในอาหารได้นั้นหากบริโภคในปริมาณน้อยก็ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
80 สารปรุงแต่งสี สารปรุงแต่งสี หมายถึง วัตถุที่ใช้ในการปรุงแต่งสีของอาหารให้สวยงาม 81 สารตกค้างจากการเกษตร
82 อาหารการป๋อง
อาหารก่อมะเร็ง 83 อันตรายจากสารกันบูด นพ 84 บอแรกซ์
หรือในชื่อเรียกอื่นๆ เช่น น้ำประสานทอง เผ่งเซ ผงกรอบ หรือแป้งกรอบ เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่ถูกนำมาอย่างไม่ถูกต้อง โดยการนำมาผสมอาหาร เพื่อทำให้อาหารมีความเหนียว หรือกรุบกรอบ ทำให้อาหารชวนรับประทาน แต่ในความจริงแล้วการบริโภคบอแรกซ์ทำให้เกิดอันตรายได้อย่างมาก อาหารที่มักพบว่า มีบอแรกซ์ผสม เช่น ลูกชิ้น หมูยอ อาหารชุบแป้งทอด พวกกล้วยทอด มันทอด ผัก/ผลไม้ดอง เป็นต้น ปัจจุบันยังตรวจพบว่า มีการนำบอแรกซ์มาผสมน้ำ ใช้รดผัก หรืออาหารทะเล ก่อนวางจำหน่าย โดยเชื่อกันว่า จะทำให้อาหารดูสดชื่น
และกรอบน่ารับประทาน ลักษณะของบอแรกซ์
85 สารฟอร์มาลิน สารฟอร์มาลิน หรือสารละลายฟอร์มาลดีไฮด์ มักใช้เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค หรือใช้เป็นน้ำยาดองศพ ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเคมีภัณฑ์พลาสติกสิ่งทอ ฟอร์มาลินเป็นสารอันตราย จึงถือเป็นสารเคมีที่ห้ามใช้ในอาหาร ความเป็นพิษ : การบริโภคสารละลายนี้โดยตรง จะเกิดอาหารเป็นพิษโดยเฉียบพลัน ซึ่งอาการมีตั้งแต่ ปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน
อุจจาระร่วง หมดสติ และตายในที่สุด มีผลต่อการทำงานของไต หัวใจและสมองเสื่อม และก่อให้เกิดอาการปวดแสบ ลักษณะสังเกตได้ : อาหารที่ควรจะเน่าเสียง่าย แต่กลับไม่เน่าเสีย ถ้ามีการใช้ฟอร์มาลินมากจะมีกลิ่นฉุน แสบจมูก ควรเลือกซื้ออาหารที่มี ความปลอดภัย จากร้านที่มีป้ายอาหารปลอดภัย (ป้ายทอง)
86 กินอาหารอย่างไรให้ปลอดภัย
87 มีสัญลักษณ์แสดงหมายเลขทะเบียนของคณะกรรมการอาหารและยา |