อยากถามรุ่นพี่ที่จบTNIคณะITสาขาMT ส่วนใหญ่ได้ทำงานแบบไหนกันคะ ? Show [ สวัสดีค่ะพี่ๆ ตอนนี้หนูมีความสนใจในสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นมากๆค่ะ ! คำถามค่ะ !! (เข้าเรื่องแล้วค่ะๆๆ >-<) ทั้งนี้คำตอบของพวกพี่ๆจะเป็นประโยชน์กับหนู และคนที่กำลังสนใจในสาขานี้มากเลยค่ะ ปล.1หนูเป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ และนี่ก็เป็นกระทู้แรกที่เขียน
รุ่นพี่ที่รู้จักก็มีไม่มากและไม่มีใครเรียนที่TNIเลย ปล.2ถ้ามีข้อผิดพลาดในการใช้ภาษา หรือข้อผิดพลาดที่หนูเองก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น ก็ต้องขออภัยด้วยนะค๊ะะะ >< ขอบคุณค่ะ !!! U-Review เทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศทางธุรกิจ สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น ดีไหม?“ถ้าอยากได้ภาษาและมีโอกาสไปทำงานกับญี่ปุ่นต้องที่นี่” ได้ภาษาญี่ปุ่นเพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานกับบริษัทญี่ปุ่น ในค่าเทอมเท่านี้ ผมว่าคุ้มนะ น่าเรียนมากเลยครับ น้อยคนนะจะรู้ว่าที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องมีคอนเนคกับบริษัทในญี่ปุ่น จิณณทัต ปิ่นพงศ์บุคคลทั่วไป 06 ต.ค. 59 11:46 น. “ไปฝึกงานและมีโอกาสทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น” เรียนที่นี่ดีนะครับ ขึ้นชื่อว่าเทคโนไทยญี่ปุ่น ต้องได้รับความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นได้ไปฝึกงานและมีโอกาสทำงานที่ประเทศญี่ปุ่น เป็นโอกาสดีแน่ๆ อิทธิพัทธ์ นันท์ตาบุคคลทั่วไป 06 ต.ค. 59 11:39 น. เขาเน้นถามเรื่องประวัติส่วนตัวเรื่องครอบครัวค่าใช้จ่ายที่เรียนเเละที่พักทำไมสนใจคณะนี้สาขานี้ก่อนที่เขาจะสัมภาษร์กับผมก็มีเม้าหน่อย ผม : สวัสดีครับอาจารย์ อาจารย์ : สวัสดีค่ะเชิยนั่งเลยค่ะ เอ้รู้สึกว่าหน้าคุ้นๆนะเหมือนเคยเจอ ผม : ออครับพอดีผมมาค่ายที่นี่บ่อยน่ะครับเเฮะๆ อาจารย์ : อืมบ้านอยู่เเถวไหนพ่อเเม่ทำงานไรมีพี่น้องกี่คน ผม : อยู่นครปฐม อ.นครชัยศรี พ่อทำงานวิศวไฟฟ้า เเม่ทำงานบ้าน มีน้องสาวคนเดียว อาจารย์ : เรื่องค่าใช้จ่ายมีปัญหาไรมั้ย ผม : ไม่มีครับมีเพียงพอจ่ายอยู่เเล้ว อาจารย์ : มีให้กู้กยส.ด้วนนะถ้าไม่พอจ่ายเเล้วทำไมสนใจอยากเข้าเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศไม่ลองเอาสาขาอื่นอออย่างมัลติเดีย ผม : พอดีผมสนใจเทคโนโลยีครับคิดว่าโลกทุกวันนี้มันเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมาก อาจารย์ : ออ อืมๆดีๆขอดูผลการเรียนหน่อยค่ะ ผม : นี่ครับ อาจารย์ : หูยยย คะเเนน คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ อังกฤษ เยี่ยมนะคะ สังคมคะเเนนน้อยหน่อยเเต่ถือว่าดีเหมาะกับสาขานี้ ผม : ครับ อาจารย์ : เท่าที่ดูมานี่มาค่ายบ่อยจริงๆเเถมคะเเนนเเต่ละวิชาที่เกี่ยวข้องกับคณะถือว่าดีงั้นเดี๋ยวรอประกาศผลตามที่กำหนดนะคะ ผม : ครับสวัสดีครับ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น
สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (ส.ท.ญ.) เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ก่อตั้งโดยสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) เมื่อปี พ.ศ. 2549[1] ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการจัดอบรมสัมมนาด้านเทคโนโลยีและการจัดการ การให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรม และวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม การจัดสอนภาษาต่างประเทศ การจัดพิมพ์หนังสือและวารสารทางด้านเทคโนโลยีและการจัดการใหม่ๆ และให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ประวัติ[แก้]สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) หรือ ส.ส.ท.เป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือร่วมใจ และความเสียสละของกลุ่มบุคคลที่เคยไปศึกษาและฝึกงานในประเทศญี่ปุ่น โดยมี ฯพณฯ สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นประธานคณะกรรมการก่อตั้ง และได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก อาจารย์โงอิจิ โฮซุมิ อดีตประธานคณะกรรมการสมาคมความร่วมมือทางเศรษฐกิจญี่ปุ่น-ไทย ส.ส.ท.ได้รับการสนับสนุนด้านการดำเนินกิจกรรมจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและ อุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ส.ส.ท.ก่อตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2516 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ แก่บุคลากรไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการดำเนินงานของส.ส.ท.มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และสร้างชื่อเสียงในหลายด้าน อาทิเช่น การจัดอบรมสัมมนาด้านเทคโนโลยีและการจัดการ การจัดสอนภาษาต่างประเทศ คือ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ และภาษาจีน การให้บริการสอบเทียบเครื่องมือวัดทางอุตสาหกรรมและวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม การจัดพิมพ์หนังสือและวารสารทางด้านเทคโนโลยีและการจัดการใหม่ๆ และให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรมมากมาย จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการฝึกอบรมวิชาการสาขาต่างๆ ให้กับสถานประกอบการในภาคอุตสาหกรรม ประกอบกับการเป็นศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญหลากหลายสาขา จึงทำให้ ส.ส.ท.มีดำริที่จะจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาที่สร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีเฉพาะทางขึ้น เพื่อป้อนบุคลากรให้แก่สถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมของไทย และในปี พ.ศ. 2548 ส.ส.ท.จึงได้ดำเนินโครงการจัดตั้งสถาบันอุดมศึกษาขึ้นในนาม “สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น” โดยใช้คำย่อว่า ส.ท.ญ. หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า “Thai-Nichi Institute of Technology” โดยใช้คำย่อว่า “TNI” แล้วเสร็จพร้อมเปิดรับนักศึกษาในปี พ.ศ. 2550 สัญลักษณ์และสีประจำสถาบันฯ[แก้]ความหมายของเครื่องหมาย[แก้]ฟันเฟือง หมายถึง การพัฒนาที่ต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง ซึ่งแสดงว่าเป็นคุณลักษณะของสถาบันฯ ที่เป็นสถาบันการศึกษาด้านเทคโนโลยีที่จะต้องมีความทันสมัย และพัฒนาตนเองให้ทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา เพื่อสามารถผลิตบุคลากรได้ตรงกับความต้องการตามกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลงไป สัญลักษณ์ตัวอักษร A ที่มีรูปทรงคล้ายหน้าจั่วทรงไทย หมายถึง การเป็นสถาบันฯ แห่งภูมิภาคเอเชียที่คงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ส่วนปลายยอดทะลุฟันเฟืองออกไป แสดงถึงองค์ความรู้และปัญญาที่ไม่มีกรอบ ไม่มีพรมแดน ซึ่งแทนความเป็นสถานศึกษาด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ไร้พรมแดน สีประจำสถาบันฯ[แก้]สีน้ำเงิน เป็นสีประจำ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) ซึ่งเป็นองค์การผู้ก่อตั้งและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์นอกจากนี้สีน้ำเงินยังหมายถึง สติปัญญา ความกว้างไกล ความสูงส่งและมีเกียรติ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้สถาบันฯ แห่งนี้ เป็นสถานศึกษาที่ส่งเสริมการศึกษาของบุคลากรของไทยให้มีวิสัยทัศน์ ความรู้และสติปัญญาที่กว้างไกล สามารถนำความรู้ไปปฏิบัติได้ด้วยความภาคภูมิ ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี สีแดง เป็นสีของพระอาทิตย์และทิศตะวันออก ซึ่งบ่งบอกความเป็นสถาบันฯ ที่มุ่งสั่งสมและถ่ายทอดความรู้ แนวคิด ปรัชญา และเทคโนโลยีตะวันออก โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น นอกจากนี้สีแดง ยังเป็นสีแห่งความเจริญรุ่งเรือง ความสำเร็จ และคุณธรรม ซึ่งถือเป็นเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้บัณฑิตที่จบจากสถาบันฯ เป็นบุคลากรที่มีคุณธรรม มีความสำเร็จ สามารถสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ตนเอง องค์การ และประเทศชาติ หลักสูตรที่เปิดสอน[แก้]ปัจจุบัน สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น เปิดหลักสูตรปริญญาตรีและปริญญาโท โดยมี 3 คณะที่บริหารหลักสูตรและดำเนินการจัดการเรียนการสอน คือ
เกียรติยศ[แก้]รางวัลและเกียรติยศ
ข้อมูลอื่นๆ[แก้]
- ผลิตนักศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติตามแนวคิด (ものづくり monodzukuri) ทำให้นักศึกษามีความรู้ความสามารถตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน - ฝึกงานจริงในสถานประกอบการ จบแล้วมีโอกาสได้งานทำทันที นักศึกษามีโอกาสได้เลือกฝึกงานในสถานประกอบการในส่วนที่ตนเองถนัด และสนใจเป็นเวลา 1 ภาคเรียน ทำให้มีประสบการณ์ในการทำงาน และมีโอกาสที่จะได้รับการว่าจ้างงานต่อในบริษัทนั้นๆเมื่อเรียนจบ - เน้นภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อสารกับชาวต่างประเทศ และทางสถาบันได้มีการมุ่งเน้นไปที่บริษัทญี่ปุ่น จึงมีการเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชาบังคับอีกหนึ่งภาษา นอกเหนือจากภาษาอังกฤษ - มีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ทางสถาบันได้มีการทำสัญญาร่วมมือทางการศึกษา (MOU) กับมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น นักศึกษาจะมีโอกาสไปศึกษาต่อยังประเทศญี่ปุ่น - มีทุนการศึกษาสนับสนุนจากองค์กรและบริษัทต่างๆ สถาบันได้รับการสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์ สถานที่ฝึกงาน และเงินทุนจากองค์กรและบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่น มากกว่า 200 องค์กร อ้างอิง[แก้]
|