โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

18 กรกฎาคม 2565 นายบรรพต ท่าน้ำตื้น  ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดเขารักษ์ พร้อมด้วยคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา ร่วมต้อนรับ นางสาวไอยรินณ์ จันแย้ม, นางลักขณา หมดทุกข์, นายศุภภัทร์ มีแสง คณะกรรมการนิเทศติดตามการประเมินการดำเนินงานมาตรฐานโรงเรียนสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการอาหารกลางวันและอาหารเสริม(นม)โรงเรียน ณ ห้องประชุมโรงเรียนวัดเขารักษ์

โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
โครงการ สิ่งแวดล้อม ศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

Inโรงเรียนวัดเขารักษ์

กว่า 15 ปี ที่ WWF ประเทศไทย ได้ดำเนินงานโครงการสิ่งแวดล้อมศึกษา และคิดค้นต้นแบบศูนย์ศึกษาธรรมชาติ และการดำเนินงานที่เหมาะสมกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมและสังคมไทย  WWF GMPO (World Wide Fund for Nature Greater Mekong Program Office) ได้เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาการจัดการศึกษาเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพที่เอื้อประโยชน์ทั้งต่อการพัฒนาและการอนุรักษ์ได้อย่างสมดุลในการที่จะนำไปสู่หลักการบริหารจัดการและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development ) จึงได้ผลักดันการดำเนินงานสิ่งแวดล้อมศึกษาให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น อันจะส่งผลขยายงานในระดับกว้างไปยังพื้นที่อื่นทั้งนี้ทีมงานสิ่งแวดล้อมศึกษา WWF ประเทศไทยได้ดำเนินการรวมศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ทั้ง 3 ศูนย์ฯ ในขณะนั้น และยื่นขอจดทะเบียนเป็น “มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย)” หรือ Foundation for Environmental Education for Sustainable Development (Thailand) : FEED ขึ้น โดยได้รับรองการขึ้นทะเบียนเป็นมูลนิธิจากกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ.2554 และได้รับการขึ้นทะเบียนเลขที่ 4/2555 เป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2555

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน  ด้วยกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  2. เพื่อจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานศูนย์ศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
  3. เพื่อส่งเสริมงานการศึกษาการพัฒนาและฝึกอบรมเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรวมถึงการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
  4. เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบอาชีพเกษตรกรรมหัตถกรรมอุตสาหกรรมที่เหมาะสม และกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เอื้อต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  5. เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น
  6. ดำเนินการใดๆ ในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติต่างๆ
  7. เพื่อดำเนินการหรือร่วมมือกับองค์กรการกุศลเพื่อการกุศลและองค์กรสาธารณประโยชน์เพื่อสาธารณประโยชน์

การดำเนินงานของมูลนิธิ

มูลนิธิฯ มีการดำเนินงานนโยบายและการดำเนินงานอิสระจาก WWF มุ่งสร้างอนาคตที่เข้มแข็งเพื่อให้มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลบนโลกใบนี้ โดยใช้กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาและการบูรณาการสาระการเรียนรู้ด้วยธรรมชาติ โดยหวังว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่จะมีความตระหนัก ความคิด ทัศนคติ และสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปประยุกต์ใช้เพื่อดูแลรักษา และหวงแหนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริโภคและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างชาญฉลาดและคุ้มค่า ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้ดำเนินการสนับสนุนงานหลักๆ ดังต่อไปนี้

  1. บริหารจัดการศูนย์ศึกษาธรรมชาติ จัดทำนโยบาย กำกับดูแลศูนย์ศึกษาธรรมชาติ จัดทำหลักสูตรและกระบวนการด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อสร้างเยาวชนที่รักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น หลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา ค่ายเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ค่ายเรียนรู้พลังงานและภาวะโลกร้อน และค่ายบูรณาการ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น โดยปัจจุบันมีเด็กและเยาวชนผ่านหลักสูตรและกระบวนการดังกล่าวอย่างน้อยปีละ 30,000 คน จากศูนย์ศึกษาธรรมชาติ ทั้งนี้ทางมูลนิธิฯ มุ่งหวังที่จะขยายศูนย์ศึกษาธรรมชาติไปยังภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ เพื่อครอบคลุมทั่วประเทศต่อไปในอนาคต ปัจจุบันมูลนิธิฯ ดำเนินการบริหารจัดการ 3 ศูนย์ศึกษาฯ ได้แก่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี จังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ” จังหวัดฉะเชิงเทรา และศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  2. ดำเนินกิจกรรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา กิจกรรมอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ป่าชายเลน ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กิจกรรมลดภาวะโลกร้อน การอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ที่สำคัญและใกล้สูญพันธุ์ รวมถึงการป้องกันและรับมือภัยพิบัติต่างๆ
  3. ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เพื่อเกิดความร่วมมือในการจัดทำกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษาตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนถึงระดับประเทศ
  4. ประสานความร่วมมือและสนับสนุนกิจกรรม CSR ของภาคธุรกิจเอกชน ให้สอดคล้องกับการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา ในกลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และชุมชน

หลักสูตร กิจกรรม และโครงการที่ดำเนินงานโดยมูลนิธิฯ

  1. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบก (บางปู) เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา มหาราชินี
  2. ศูนย์การเรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพและความยั่งยืน “ชีวพนาเวศ”
  3. ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา
  4. ค่ายนักเรียนบูรณาการ เรียนรู้สิ่งแวดล้อม ทักษะทางสังคมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
  5. โครงการโรงเรียนใหญ่ รอยเท้าเล็ก
  6. โครงการค่ายเยาวชนอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  7. โครงการวิจัยเพื่องานด้านสิ่งแวดล้อม
  8. โครงการศิลปะเพื่อสิ่งแวดล้อม

 หลักสูตร กิจกรรม และโครงการที่ดำเนินงานโดยมูลนิธิฯ

  1. โครงการฟื้นฟูระบบนิเวศในโรงเรียน (โรงเรียนสีเขียว)
  2. โครงการอนุรักษ์โลมาในอ่าวไทย
  3. โครงการหลักสูตรสิ่งแวดล้อมโรงเรียนจิตรลดา
  4. โครงการปลูกป่าและฟื้นฟูระบบนิเวศวังน้ำเขียว นครราชสีมา (ศูนย์ศึกษาธรรมชาติวังน้ำเขียว)
  5. ค่ายนักเรียนบูรณาการเรียนรู้สิ่งแวดล้อม ทักษะทางสังคมและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ส่วนขยายผล)
  6. โครงการรถนิทรรศการเคลื่อนที่
  7. โครงการส่งน้องเข้าห้องเรียนธรรมชาติ
  8. โครงการศูนย์ศึกษาธรรมชาติคลองวาฬ ประจวบคีรีขันธ์
  9. ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา กรุงเทพมหานคร

ก่อนมาเป็น “มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย)”

WWF เป็นองค์กรเอกชนที่ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เริ่มเข้ามาสนับสนุนงานในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.​ 2519 โดยการสนับสนุนมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2536 ได้ตั้งสำนักงานกลางขึ้นในประเทศไทยที่ จ.ปทุมธานี และดำเนินโครงการอันเกื้อกูลประโยชน์แก่ระบบนิเวศและสภาพแวดล้อมทั่วประเทศนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2548 ได้รวมกับประเทศลาว กัมพูชา และเวียดนาม ขึ้นภายใต้ชื่อWWF Greater Mekong Programme Office

WWF มีบทบาทสำคัญในการรณรงค์อนุรักษ์สภาพแวดล้อมของโลก และได้ประกาศให้พื้นที่ 200 แห่ง (The Global 200: Key Ecoregions for Saving Life on Earth) ซึ่งเป็นตัวแทนของความหลากหลายทางชีวภาพของโลกเป็นพื้นที่ที่ต้องปกป้องรักษาไว้อย่างเร่งด่วนเพื่อคนรุ่นหลัง ในประเทศไทย WWF ได้ให้ความสำคัญกับผืนป่าห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่นเรศวร หัวใจของผืนป่าเทือกเขาถนนธงชัยและตะนาวศรีหรือผืนป่าตะวันตก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่สำคัญของ Global 200 ในปี พ.ศ. 2541- 2543 WWF ได้นำกระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษามาใช้เป็นแนวทางอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งประสานความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ กรมป่าไม้ และหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ “โครงการสิ่งแวดล้อมศึกษาห้วยแม่ดีเพื่ออนุรักษ์ป่าตะวันตก จ.อุทัยธานี” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพผืนป่าตะวันตกและส่งเสริมให้ประชาชนที่อาศัยอยู่รอบผืนป่ามีการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยการพัฒนาทักษะทางด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาให้กับบุคลากรหลักต่อมาในปี พ.ศ. 2544 ได้สานต่อโครงการเพื่อครอบคลุมทั่วประเทศโดยมีกระทรวงศึกษาธิการเป็นแกนกลางในการดำเนินงานภายใต้ “โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสิ่งแวดล้อมศึกษาในโรงเรียน (SEET)”