องค์ประกอบของระบบขับถ่ายปัสสาวะ

   3.3 ท่อขดส่วนท้าย หรือ ดิสตอล คอนโวลูเตด ทิวบูล ( distal convoluted tubule ) เป็นท่อขดไปมาคล้ายท่อขดส่วนต้น อยู่ถัดจากห่วงเฮนเลเข้ามาในเนื้อไตชั้นคอร์เทกซ์ ตอนปลายของท่อขดส่วนท้าย จะเปิดเข้าสู่ท่อรวม หรือคอลเลกติง ดักท์ ( collecting duct ) หรือ คอลเลกติงทิวบูล ( collecting tubule ) ต่อจากนั้นจะเปิดออกสู่กรวยไต ( pelvis ) และส่งไปยังท่อไต ( ureter ) เพื่อนำน้ำปัสสาวะไปเก็บที่กระเพาะปัสสาวะ เพื่อรอเวลาขับถ่ายทิ้งไป ทั้งท่อขดส่วนต้นและท่อขดส่วนท้าย ส่วนใหญ่อยู่ในชั้นคอร์เทกซ์ แต่ห่วงเฮนเลและท่อรวมอยู่ในชั้นเมดัลลา

การดำเนินชีวิตประจำวัน มีกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นเกิดขึ้นในร่างกาย ภายหลังเสร็จสิ้นแต่ละกระบวนการจะมีของเสียเกิดขึ้น ทั้งในส่วนที่ร่างกายไม่ต้องการและส่วนที่ร่างกายต้องการอยู่บ้าง แต่มีปริมาณมากเกินจนต้องขับออก ของเสียดังกล่าวมีทั้งที่อยู่ในรูปของ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ

ร่างกายจะมีวิธีในการขับถ่ายของเสียแต่ละประเภทแตกต่างกัน โดยมีการขับถ่ายของเสียที่เป็นของแข็ง ทางลำไส้ใหญ่ผ่านอุจจาระ การขับถ่ายของเสียที่เป็นน้ำ ทางไตผ่านปัสสาวะและทางผิวหนังผ่านเหงื่อ การขับถ่ายของเสียที่เป็นก๊าซ ออกทางปอด ผ่านลมหายใจออก

 

อวัยวะที่เกี่ยวข้อง

  1. การขับถ่ายของเสียที่เป็นน้ำ มีอวัยวะหลัก ๆ ที่สำคัญ คือ ไตและผิวหนัง
    ไต (Kidney) อวัยวะรูปร่างคล้ายเมล็ดถั่วเขียว มีขนาดใหญ่ อยู่ด้านซ้ายและขวาของกระดูกสันหลัง ภายในไตจะมีท่อเล็ก ๆ ที่มีผนังบาง ๆ อยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อระบบหมุนเวียนเลือด พาเลือดมาหมุนเวียนผ่านไต ผนังดังกล่าวจะทำหน้าที่กรองของเสีย เช่น ยูเรีย แอมโมเนีย เกลือแร่และน้ำ ออกจากเลือด ทำให้เลือดที่มีของเสียกลายเป็นเลือดดีและไหลกลับเข้าสู่หัวใจ โดยน้ำและของเสียที่ไตกรองได้ จะไหลลงสู่ท่อไต เก็บไว้ที่กระเพาะปัสสาวะและรอการขับออกจากร่างกายผ่านทางการขับถ่ายปัสสาวะ

    โดยปัสสาวะปกติ จะมีสีเหลือง ไม่ขุ่น ไม่มีตะกอน มีกลุ่นฉุนเล็กน้อย ประกอบด้วยน้ำประมาณ 95% และของแข็ง 5% ซึ่งเป็นทั้งสารอินทรีย์และสารอนินทรีย์ ได้แก่ ยูเรีย แอมโมเนีย น้ำตาล โซเดียม คลอไรด์ แคลเซี่ยม และแมกนีเซี่ยม รวมทั้งกรดไขมันและฮอร์โมนบางชนิดด้วย ปกติมีค่าเป็นกรด โดยมี pH ต่ำกว่า 7.4 แต่สามารถเปลี่ยนตามอาหารที่รับประทานและสภาวะสุขภาพของร่างกาย 
    ผิวหนัง (Skin)ที่ผิวหนังมีต่อมเหงื่อ (Sweat gland) ภายในต่อมเหงื่อจะมีท่อขดและมีหลอดเลือดฝอยลำเลียงเลือดที่มีของเสียมายังต่อมเหงื่อ โดยของเสียจะแพร่ออกจากหลอดเลือดฝอยเข้าสู่ท่อในต่อมเหงื่อ กลายเป็นเหงื่อ (Sweat) โดยเหงื่อจะประกอบด้วยน้ำร้อยละ 99 และสารอื่น ๆ อีกร้อยละ 1 ได้แก่ เกลือโซเดียมคลอไรด์ ยูเรีย แอมโมเนีย และสารอื่น ๆ เหงื่อจะถูกลำเลียงไปตามท่อออกสู่ภายนอกร่างกายผ่านรูเหงื่อ
    ทั้งนี้ในบางพื้นที่ของผิวหนัง อาทิ รักแร้ รอบหัวนม รอบสะดือ จะมีต่อมเหงื่อชนิดที่ไม่มีรูเปิดออกสู่ภายนอกโดยตรง โดยสารที่ขับออกจากต่อมชนิดนี้จะทำให้ร่างกายเกิดกลิ่นตัว
  2. การขับถ่ายของเสียที่เป็นของแข็ง มีอวัยวะหลัก คือ ลำไส้ใหญ่
    ลำไส้ใหญ่ (Large intestine) ภายหลังจากอาหารที่รับประทาน ผ่านระบบย่อยอาหารเป็นที่เรียบร้อย กากอาหารจะเหลืออยู่ที่ลำไส้ใหญ่ ที่ซึ่งสารอาหารที่มีประโยชน์ อาทิ น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน และกลูโคส จะถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง ทำให้กากอาหารมีลักษณะเหนียว ข้นจนเป็นก้อนกึ่งแข็ง หลังจากนั้นกากอาหารจะถูกบีบให้เคลื่อนที่ไปอยู่ในส่วนของไส้ตรง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของลำไส้ใหญ่ และขับถ่ายสู่ภายนอกร่างกายทางทวารหนัก กลายเป็นอุจจาระ
    อุจจาระ (Stools) ประกอบด้วยน้ำ 75% และของแข็ง 25% ได้แก่ กากอาหาร แบคทีเรีย ไขมัน เกลือ โปรตีน และอื่น ๆ โดยมีลักษณะ สีและกลิ่นแตกต่างกันไปตามส่วนประกอบของอุจจาระนั้นๆ ดังนั้นลักษณะของก้อนอุจาระอาจบอกสภาวะของร่างกายในเบื้องต้นได้ เช่น อุจจาระแข็ง เม็ดกลมเล็ก ร่างกายอาจขาดน้ำ ขาดใยอาหาร หรืออุจจาระอยู่ในลำไส้ใหญ่นานเกิน อุจจาระมีเลือดปน อาจมีเลือดออกที่ลำไส้ใหญ่ เป็นริดสีดวงเป็นต้น
  3. การขับถ่ายของเสียที่เป็นก๊าซ มีอวัยวะหลัก คือ ปอด (Lung)
    ปอด (Lung) นอกเหนือจากการหายใจเข้า ซึ่งเป็นการนำออกซิเจนจากอากาศภายนอกมาสู่ปอด โดยออกซิเจนจะแพร่จากถุงลมปอดเข้าหลอดเลือดฝอยปอด ไหลกลับเข้าสู่หัวใจเพื่อส่งไปเลี้ยงเซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายในทางกลับกัน ของเสียที่เกิดขึ้นภายหลังกระบวนการเผาผลาญ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่ออกจากเซลล์ของเนื้อเยื่อต่าง ๆ เข้าสู่หลอดเลือดฝอย โดยผ่านขั้นตอนทางเคมีในระหว่างการเดินทางและกลับเข้าสู่หัวใจ และผ่านมาที่หลอดเลือดฝอยปอด ที่ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์จะแพร่ผ่านผนังของหลอดเลือดฝอยปอดเข้าสู่ถุงลมปอด แล้วลำเลียงไปตามหลอดลม เพื่อกำจัดออกนอกร่างกายทางจมูก ผ่านการหายใจออก

 

โรคระบบขับถ่ายที่พบบ่อย

โรคลำไส้อักเสบ   โรคริดสีดวงทวารหนัก   โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ   โรคไตวาย   กรวยไตอักเสบ   ท่อปัสสาวะอักเสบ

 

โรคลำไส้อักเสบ เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบในระบบทางเดินอาหาร โดยอาการที่แสดงออกจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าการอักเสบอยู่ที่ส่วนใด รวมถึงเกิดจากสาเหตุใด เชื้อโรคประเภทใด รวมถึงการเป็นโรคลำไส้อักเสบ ชนิดเฉียบพลันหรือชนิดเรื้อรัง

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคนี้พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงอยู่ติดกับปากช่องคลอด สั้นกว่าท่อปัสสาวะของผู้ชาย และอยู่ใกล้ทวารหนัก ซึ่งมีเชื้อแบคทีเรียจำนวนมาก จึงมีโอกาสติดเชื้อสูงกว่าอาการที่พบบ่อยได้แก่ ปัสสาวะบ่อย ถ่ายปัสสาวะไม่สุด ปวดแสบ ขัดขณะปัสสาวะ รวมถึงปัสสาวะขุ่น บางครั้งมีเลือดปนหรือมีกลิ่นผิดปกติ

โรคริดสีดวงทวารหนัก โรคนี้จะทำให้หลอดเลือดบริเวณลำไส้ใหญ่และทวารหนัก มีอาการบวมและโป่งพอง รวมทั้งมีบางส่วนยื่นออกมาจากทวารหนัก เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน โรคนี้สามารถรักษาให้หายได้ จึงควรไปพบแพทย์ ตั้งแต่เริ่มมีอาการ

โรคไตวาย เป็นโรคที่เกิดจากไตสูญเสียความสามารถในการกรองของเสียออกจากเลือด ทำให้มีของเสียตกค้างในร่างกาย รวมถึงการเสียสมดุลของระดับน้ำ และแร่ธาตุในร่างกาย โรคไตวายมีทั้งแบบที่เป็นไตวายเฉียบพลัน และไตวายเรื้อรัง สาเหตุมีหลายประการ โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การมีความดันโลหิตสูง และการเป็นโรคเบาหวาน

กรวยไตอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดการติดเชื้อบริเวณกรวยไต จนมีการอักเสบ ผู้ป่วยมักจะมีอาการแบบเฉียบพลัน ได้แก่ มีไข้ หนาวสั่น ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย เจ็บแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น อาจมีเลือดปน มีกลิ่นเหม็น เป็นต้น

ท่อปัสสาวะอักเสบ สาเหตุหลักเกิดจากการติดเชื้อบริเวณท่อปัสสาวะ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยพบสาเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อที่ไม่ใช่เพศสัมพันธ์และไม่เกิดจากการติดเชื้อเป็นส่วนน้อย โรคนี้พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากในทางกายภาพ ท่อปัสสาวะของผู้หญิงมีโอกาสรับเชื้อได้สูงกว่าท่อปัสสาวะของผู้ชาย

องค์ประกอบของระบบขับถ่ายปัสสาวะที่สำคัญมีอะไรบ้าง

ระบบขับถ่ายปัสสาวะ ประกอบด้วย อวัยวะที่มีหน้าที่สร้างปัสสาวะและขับ(urine secretion) ได้แก่ ไต (kidney) , และท่อที่เป็นทางผ่านของปัสสาวะ (Urinary passage) ออกสู่ภายนอก ได้แก่ หลอดไต (ureter), ที่พักปัสสาวะ ได้แก่ กระเพาะปัสสาวะ (urinary bladder) และ ท่อที่นำปัสสาวะออกสู่ภายนอกร่างกาย ได้แก่ ท่อปัสสาวะ (urethra) โดย ...

ระบบปัสสาวะเกี่ยวข้องกับระบบใด

เกี่ยวข้องกับอวัยวะการขับถ่าย เก็บน้ำปัสสาวะและ ขับน้ำปัสสาวะ ได้แก่ ไต (kidney) ซึ่งมีหน้าที่แยกน้ำปัสสาวะ จากเลือด ท่อไต (ureter) ซึ่งนำน้ำปัสสาวะจากไตไปสู่กระเพาะ ปัสสาวะ (urinary bladder) ซึ่งเป็นที่เก็บน้ำปัสสาวะไว้ชั่วคราว และท่อปัสสาวะ (urethra) ซึ่งเป็นทางผ่านของน้ำปัสสาวะไปสู่ ภายนอก ไต

ระบบขับถ่ายปัสสาวะมีกระบวนการอย่างไร

กระบวนการทำงานของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ไตจะขับน้ำปัสสาวะออกมาเรื่อยๆ แล้วส่งลงมาในท่อไต เข้าสู่กระเพาะ ปัสสาวะ เมื่อเริ่มมีน้ำปัสสาวะประมาณ ๑๕๐ ลูกบาศก์เซ็นติเมตร คนเราจะเริ่ม ปวดปัสสาวะเล็กน้อย แต่ยังไม่จำเป็นต้องไปถ่ายปัสสาวะ เนื่องจากกระเพาะ ปัสสาวะสามารถจุน้ำปัสสาวะไปได้เรื่อยๆ เพราะกล้ามเนื้อของผนังกระเพาะ

ระบบขับถ่ายปัสสาวะมีหน้าที่อะไรบ้าง

ระบบขับถ่ายปัสสาวะทำหน้าที่กรองของเสียที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายออกจากเลือด และกำจัดน้ำ เกลือ และสารพิษในร่างกายในรูปปัสสาวะ ซึ่งประกอบด้วยอวัยวะต่าง ๆ ดังนี้ ไตมี 2 ข้าง อยู่บริเวณด้านหลังช่องท้องใต้ซี่โครง มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วแดง ทำหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดและสร้างปัสสาวะ