ไฟฟ้าที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ส่งมาถึงบ้านเราได้ยังไงนะ? แล้วสายไฟฟ้าที่ใช้ในการส่งพลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต้นทางมาจนถึงปลายทางผู้ใช้งาน ใช้สายไฟฟ้าชนิดใดบ้าง?วันนี้ เฟ้ลปส์ ดอด์จ ผู้นำการผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิล จะมาอธิบายการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าและสายไฟฟ้าที่ใช้ในระบบส่งจ่ายไฟฟ้าของเรา โดยการเดินทางระยะไกลของพลังงานไฟฟ้าระดับหลายร้อยหลายพันเมกกะวัตต์จากโรงผลิตไฟฟ้ามีรายละเอียดการเดินทาง ดังนี้ 1. เริ่มต้นจากการเพิ่มระดับแรงดันไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้า 10 – 40 กิโลโวลต์ให้สูงขึ้นถึงระดับ 230 หรือ 500 กิโลโวลต์ เพื่อลดความสูญเสียในสายส่ง แล้วส่งไฟฟ้าผ่านสายส่งแรงดันสูง (Transmission line) ที่เป็นตัวนำอลูมิเนียมเปลือยเสริมแกนเหล็กชนิด ACSR (Aluminium Conductor Steel Reinforced) ติดตั้งบนเสาสูงโครงสร้างโลหะ เดินทางข้ามจังหวัดเป็นระยะทางไกลจากโรงไฟฟ้ามาถึงเขตชุมชนเมือง 2.จากนั้นสถานีไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่จะแปลงแรงดันไฟฟ้าให้ต่ำลงเป็นไฟฟ้าแรงดันสูง 115 หรือ 69 กิโลโวลต์ แล้วส่งจ่ายไฟฟ้าต่อไปโดยใช้สายตัวนำอลูมิเนียมเปลือย AAC (All Aluminum Stranded Conductor) ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าคอนกรีต 3.เมื่อถึงสถานีไฟฟ้าย่อยจะแปลงไฟฟ้าแรงดันสูงเป็นแรงดันปานกลาง 22, 24 หรือ 33 กิโลโวลต์ (ขึ้นอยู่กับระบบการจ่ายไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่) แล้วส่งผ่านสายอลูมิเนียมหุ้มฉนวนและเปลือกชนิด SAC (Spaced Aerial Cable) ซึ่งติดตั้งบนเสาไฟฟ้าคอนกรีต 4.เมื่อใกล้ถึงผู้ใช้งานก็จะแปลงแรงดันไฟฟ้าลงอีกครั้งเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำแล้วจ่ายผ่านสายอลูมิเนียมหุ้มฉนวนชนิด WPC (Weather Proof Cable) ส่งมาที่อาคารบ้านเรือนของเราค่ะ สำหรับลูกค้าที่ใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม อาคารสำนักงาน หรือห้างสรรพสินค้า จะซื้อไฟฟ้าแรงดันสูง 115 หรือ 69 กิโลโวลต์ หรือแรงดันปานกลาง 22, 24 หรือ 33 กิโลโวลต์จากการไฟฟ้าโดยตรงโดยมีหม้อแปลงของตัวเองสำหรับแปลงเป็นไฟฟ้าแรงดันต่ำเพื่อใช้งานภายใน ที่กล่าวมานั้นเป็นการส่งจ่ายไฟฟ้าผ่านระบบสายอากาศ คือส่งผ่านสายไฟฟ้าที่ติดตั้งแขวนลอยในอากาศบนเสาไฟฟ้าซึ่งเป็นวิธีหลักที่ใช้ส่งจ่ายไฟฟ้าในบ้านเราและสามารถพบเห็นได้ทั่วไป แต่นอกจากนี้แล้วยังมีการส่งจ่ายไฟฟ้าผ่านระบบสายใต้ดิน ซึ่งปัจจุบันมีใช้ในบางพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่หรือเมืองท่องเที่ยวที่ต้องการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สวยงามปราศจากเสาและสายไฟฟ้าที่รกรุงรัง โดยสายไฟฟ้าใต้ดินจะเป็นสายไฟตัวนำทองแดงหุ้มฉนวน XLPE (Cross-linked Polyethylene) มีชิลด์โลหะสำหรับสายไฟแรงดันปานกลางและสายไฟแรงดันสูง มีชั้นของวัสดุกันน้ำกันความชื้น และมีเปลือกชั้นนอกที่ทำจาก PE (Polyethylene) หรือ PVC (Polyvinyl Chloride) ซึ่งทำให้สายไฟฟ้าใต้ดินมีความปลอดภัยสูง มีความแข็งแรง กันน้ำและความชื้นได้ดี สามารถติดตั้งในท่อร้อยสายที่ฝังใต้ดินหรือฝังดินได้โดยตรง โดยสายไฟฟ้าใต้ดินนี้สามารถผลิตให้ครอบคลุมการใช้งานได้ทั้งระดับแรงดันสูง แรงดันปานกลาง และแรงดันต่ำ Phelps Dodge สามารถผลิตสายใต้ดินได้ถึงระดับแรงดัน 245 กิโลโวลต์ และ Phelps Dodge ยังมีห้องทดสอบแรงดันฟ้าผ่า (Lightning Impulse Voltage Test) ที่สามารถสร้างแรงดันทดสอบได้สูงถึง 1050 กิโลโวลต์ ทุกการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย สายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ มีส่วนร่วมในหน้าที่ที่สำคัญนี้มายาวนานกว่า 50 ปี สายไฟฟ้า เฟ้ลปส์ ดอด์จ จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า จากระบบสายส่งไฟฟ้าแรงดันสูงครอบคลุมไปจนถึงสายไฟฟ้าในระบบจำหน่ายแรงดันปานกลางและแรงดันต่ำที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม พาณิชย์และครัวเรือน ในทุกๆ จุดของการเดินทางของพลังงานไฟฟ้าที่แสนไกลนั้น สายไฟฟ้ามีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านพลังงานไปสู่ผู้ใช้ไฟฟ้าในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพราะฉะนั้น สายไฟฟ้ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกใช้สายไฟฟ้าที่มีการออกแบบและผลิตได้มาตรฐาน มีประสิทธิภาพสูงสุดตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีความแข็งแรง ทนทาน และมี ความปลอดภัยสูงสุด ดังนั้นสายไฟฟ้า เฟ้ลปส์ ดอด์จ จึงเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพสูงในการผลิตสายไฟฟ้า อาทิเช่น ทองแดงบริสุทธิ์เกรด A ที่มีความบริสุทธิ์ไม่น้อยกว่า 99.99% เพื่อให้สายไฟฟ้านำกระแสไฟฟ้าได้ดีที่สุด ฉนวนและเปลือกสายไฟฟ้าผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงจากผู้ผลิตชั้นนำ และเราใช้วัตถุดิบที่เป็นของใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิลเพื่อให้แน่ใจว่าสายไฟ เฟ้ลปส์ ดอด์จ ทุกเส้นมีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด เพราะฉะนั้นการเลือกใช้สายไฟฟ้าจึงไม่ใช่อะไรก็ได้ เนื่องจาก สายไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลาคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการเลือกใช้สายไฟฟ้า เพื่อความมั่นใจในความปลอดภัยของชีวิตเราตลอดจนผู้คนที่อยู่รอบข้างและคนที่เรารักค่ะ แล้วสายไฟฟ้าที่เดินอยู่ที่บ้านของคุณใช้สายไฟฟ้าเฟ้ลปส์ ดอด์จ อยู่หรือเปล่า สอบถามและสั่งซื้อสินค้า Tel. 02 680 5800 ระบบส่งไฟฟ้าปัจจุบัน “พลังงานไฟฟ้า” เป็นสิ่งจำเป็นระดับต้นๆของวิถีชีวิตปัจจุบัน นอกจากนี้พัฒนาการด้านพลังงานไฟฟ้ายังมีส่วนผลักดันในการเปลี่ยนแปลงมิติอื่น ๆ ทั้งด้านอุตสาหกรรม การแพทย์สาธารณสุข การคมนาคม การศึกษา การท่องเที่ยว และการสื่อสาร เป็นต้น โดยเส้นทางแห่งการพัฒนาพลังงานไฟฟ้า ยังคงก้าวไปด้วยกลไกแห่งการสร้างสรรค์คุณภาพ ที่พร้อมส่องแสงอันสว่างไสวจากแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าที่หลากหลายเชื้อเพลิง เชื่อมโยงผ่านด้วยสายใยของ “ระบบส่งไฟฟ้า” ระบบส่งไฟฟ้าจึงมีส่วนสำคัญในการส่งพลังงานไฟฟ้าจากผู้ผลิตมาสู่ผู้ใช้ไฟ ทำให้ประชาชนเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานอย่างทั่วถึง ระบบส่งสร้างความเจริญสู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ก่อให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ความเชื่อถือในการลงทุนในทุกภาคส่วน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดหา ผลิต ควบคุมระบบไฟฟ้าและส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าผ่านระบบเครือข่ายสายส่งไฟฟ้าของ กฟผ.ทั่วประเทศ โดยการเชื่อมโยงจากแหล่งผลิตไฟฟ้าไปยังระบบจำหน่ายของการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งจะปรับแรงดันไฟฟ้าก่อนส่งถึงผู้ใช้ไฟฟ้าทุกภาคส่วนอย่างเหมาะสม รู้จักระบบส่งไฟฟ้า
สายส่งไฟฟ้าแรงสูง (Tranmission Line) ดังนั้น “สายส่งไฟฟ้าแรงสูง”จึงเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้าไปยังศูนย์กลางใช้ไฟฟ้า และเชื่อมโยงระบบส่งไฟฟ้าหลายๆระบบเข้าด้วยกัน เพื่อส่งไฟฟ้าจากระบบหนึ่งไปยังอีกระบบหนึ่ง หรือถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบให้แก่กันในกรณีฉุกเฉิน และกรณีที่บางระบบมีช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้าสูงสุดไม่ตรงกัน เสาและสายส่งไฟฟ้าแรงสูงจึงจำเป็นต้องอยู่ในสภาพดีและพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา
สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) คือ สถานที่ตั้งอุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้า และอุปกรณ์แปลงแรงดันไฟฟ้า เป็นสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการไหลของพลังงานไฟฟ้า เป็นจุดที่เชื่อมโยงระหว่างสายส่งไฟฟ้าจากจุดต่างๆถึงกัน และมีอุปปกรณ์สำหรับป้องกันระบบติดตั้งไว้เพื่อตัดสายส่งที่มีปัญหาลัดวงจรออกจากการจ่ายไฟฟ้า
ลานไกไฟฟ้า (Switchyard) ทำหน้าที่แปลงแรงดันที่ผลิตจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้สูงขึ้นเพื่อส่งต่อไปยังสถานีไฟฟ้าที่อยู่ห่างไกล ลดความสูญเสียในระบบ ซึ่งประกอบด้วยหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ที่ทำหน้าที่่เพิ่มแรงดัน และระบบป้องกันทางไฟฟ้า
ลูกถ้วย (Insulator) ลูกถ้วย (Insulator) คือ อุปกรณ์ที่ใช้รองรับสายไฟฟ้าแรงสูง มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ป้องกันกระแสไฟฟ้าไหลจากตัวนำไปสู่โครงสร้างเสาส่ง หรือไหลลงดิน โดยลูกถ้วยของ กฟผ.ทำจากกระเบื้องเคลือบหรือแก้ว มีคุณสมบัติพิเศษคือมีความเป็นฉนวนมาก แข็งแรง ทนทาน แต่เมื่อใช้ไปนานๆ สัมผัสกับอากาศนานเข้าจะมีฝุ่นละอองมาเกาะทำให้เกิดการนำไฟฟ้าได้ จึงต้องมีการทำความสะอาดลูกถ้วยอย่าสม่ำเสมอ ประเภทของเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงเราเคยลองสังเกตไหมว่า เมื่อเราเดินทางผ่านตามถนนต่างๆในเมือง หรือต่างจังหวัด เรามักจะเห็นเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงที่มีรูปร่าง ขนาด ที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็เพราะว่าเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงแต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานแยกตามระดับแรงดันไฟฟ้า จำนวนสายที่ใช้ในระบบ และพื้นที่ที่ตั้งเสาที่แตกต่างกันไป เพื่อให้การส่งจ่ายไฟฟ้ามีความมั่นคง ก่อให้เกิดเสถียรภาพในระบบไฟฟ้า ไม่ทำให้เกิดไฟตก ไฟดับ นั่นเอง การที่ระบบไฟฟ้ามีแรงดันไฟฟ้าสูง จะช่วยส่งกระแสไฟฟ้าไปยังระยะทางไกล ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากไฟฟ้าแรงสูงมีแรงดันไฟฟ้าที่สูงมากเมื่อเทียบกับที่ใช้กันทั่วไปตามบ้านเรือน และอาคารต่าง ๆ (220 โวลต์) ไฟฟ้าแรงสูงจึงสามารถกระโดดข้ามอากาศเข้าหาวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการสัมผัสกับสายไฟเลย (เราจึงอาจจะเห็นนกที่ถูกไฟดูด โดยไม่จำเป็นต้องเกาะบนสายไฟ) ยิ่งถ้าไฟฟ้ามีแรงดันสูงมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เกิดการกระโดดข้ามได้ไกลมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ใช้ระดับแรงดันไฟฟ้า คือ 69 กิโลโวลต์ (ปัจจุบันใช้อยู่น้อยมาก) 115 กิโลโวลต์ 230 กิโลโวลต์ และ 500 กิโลโวลต์ ซึ่งถือเป็นไฟฟ้าแรงสูงทั้งหมด และในอนาคตหากมีความต้องการพลังงานไฟฟ้ามากขึ้นและต้องส่งพลังงานไฟฟ้าในระยะไกลมากขึ้น อาจจะมีระดับแรงดันไฟฟ้าที่มากกว่า 500 กิโลโวลต์ ชนิดของเสาไฟฟ้าถูกออกแบบเป็นประเภทต่างๆ เพื่อให้เหมาะสมกับแรงดันไฟฟ้าและจำนวนสายที่ใช้ในระบบของ กฟผ. โดยปัจจุบันมีเสาไฟฟ้าที่ใช้งานอยู่ 3 ชนิด คือ เสาคอนกรีต เสาโครงเหล็ก และเสาชนิด Monopole ซึ่งการใช้งานขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ที่ตั้งเสาไฟฟ้า ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า
ระบบไฟฟ้าประกอบด้วยโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ สายส่งไฟฟ้าระดับแรงดันต่างๆ และสถานีไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งตั้งกระจายอยู่ทั่วไปตามจังหวัดต่างๆ จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางเพื่อให้โรงไฟฟ้า สถานีไฟฟ้าแรงสูง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติงานเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด หน่วยงานดังกล่าวคือ “ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ” การดำเนินงานของศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นด้านความมั่นคง เชื่อถือได้ และมีคุณภาพเพียงพอต่อเนื่องของระบบไฟฟ้า ประสิทธิภาพและต้นทุนการผลิตเป็นสำคัญ โดยมิได้คำนึงว่าเป็นโรงไฟฟ้าของ กฟผ. หรือโรงไฟฟ้าเอกชน เพื่อบรรลุตามภารกิจดังกล่าว ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติ ต้องสั่งการด้วยความเป็นธรรมต่อผู้ผลิตไฟฟ้าทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ที่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่มีศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า ต้องสั่งให้ผู้ผลิตไฟฟ้าดำเนินการผลิตไฟฟ้าอย่างเป็นธรรมและจะเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมมิได้ โดยมีคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นผู้กำกับดูแล ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า มีความสำคัญต่อการผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าต่างๆ ให้แก่ผู้ใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วประเทศ และยังเป็นหน่วยงานกลาง ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้การดำเนินงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นไปอย่างประหยัด มั่นคง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทุกฝ่าย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีภารกิจหลักต้องรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวฉันใด ศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าก็มีความสำคัญควบคู่กันไปด้วย ข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยในเขตเดินสายไฟฟ้าเขตเดินสายไฟฟ้าเป็นพื้นที่รอบๆแนวสายส่งไฟฟ้าแรงสูง โดยประกาศเป็นระยะทางจากแนวศูนย์กลางสายส่งไฟฟ้าแรงสูงออกไปเป็นระยะทางต่างๆกัน กฟผ. อาศัยอำนาจตาม พระราชบัญญัติการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2511 และ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ประกาศและกำหนดเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้าสำหรับดำเนินการก่อสร้างและบำรุงรักษา เพื่อประโยชน์แห่งความปลอดภัยในการส่งจ่ายพลังงานไฟฟ้า โดยการจำกัดสิทธิบางประการในการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตระบบโครงข่ายไฟฟ้า และเป็นการป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สิน ประกาศการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เรื่อง ข้อกำหนดเพื่อความปลอดภัยในเขตเดินสายไฟฟ้า
ข้อกำหนดความกว้างเขตเดินสายไฟฟ้า
เมื่อมีความประสงค์จะติดต่อขออนุญาตกระทำการก่อสร้าง ปรับพื้นที่ในเขตเดินสายไฟฟ้า หรือมีข้อสงสัยใดๆ หรือ พบการกระทำใดๆ อันอาจเป็นอันตรายต่อระบบการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้า อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของชาติ โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของการไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย ที่ใกล้ที่สุด หรือศูนย์บริการข้อมูล กฟผ. 1416 เอกสารอ้างอิง ที่มา
: การส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าในประเทศไทยมีกี่ระบบวงจรระบบส่งและจ่ายพลังไฟฟ้ามีรูปแบบวงจรพื้นฐาน 3 แบบ คือ ระบบเรเดียล (radial system) ระบบลูป (loop system)และระบบเน็ตเวิร์ก (network system) รายละเอียดดังนี้
ประเทศไทยที่มีการผลิตและส่งจ่ายไฟฟ้ามีกี่แห่งประเทศไทยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบ และเกี่ยวข้องกับระบบการผลิตและจ่ายไฟฟ้า กำลังใหญ่ๆ รวม 3 หน่วยงาน - การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, กฟน. (Electricity Generating Authority of Thailand, EGAT) - การไฟฟ้านครหลวง, กฟน. (Metropolitan Electricity Authority, MEA)
ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้า คือ อะไรระบบจ่ายกำลังไฟฟ้า คือ ระบบที่ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับระบบอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทต่างๆ พลังงานสูญเสียสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกส่วนของระบบจ่ายกำลังไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นส่วนหลักของระบบไฟฟ้า การหาวิธีเพื่อลดพลังงานสูญเสียในระบบจะทำให้ระบบจ่ายกำลังไฟฟ้ามี ประสิทธิภาพสูงขึ้น
อุปกรณ์ในระบบส่งจ่ายไฟฟ้ามีอะไรบ้าง7 ส่วนประกอบของระบบส่งและจ่ายไฟฟ้า
โรงไฟฟ้า/โรงต้นกำลัง (Power Plant) หม้อแปลงไฟฟ้าแรงดันไฟฟ้าสูง (high Volt Transformer) สายส่งไฟฟ้าแรงสูง (Transmission Line) สถานีแรงสูงของ กฟผ. (Substation) สถานีควบคุมการจำหน่ายไฟฟ้าของ กฟภ. หม้อแปลงระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงดันต่ำ (Distribution Transformer)
|