การใช้ ทรัพยากร อย่าง ประหยัด ห้องนอน

การใช้ ทรัพยากร อย่าง ประหยัด ห้องนอน

         บ้าน เป็นสถานที่อยู่อาศัยและพัก ผ่อน และโดยทั่วไปบ้านจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นเช่น หลอดไฟฟ้า โทรทัศน์ พัดลม ตู้เย็น เตารีด และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อำนวยความสะดวก เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ล้วนต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น ดังนั้นหากรู้จักวิธีใช้ หรือรู้จักเลือกซื้อก็จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าใชจ่ายสำหรับครอบครัวได้

แนวทางการประหยัด พลังงานในบ้าน

1. ออกแบบ บ้านและหันทิศทางของบ้านให้เหมาะสม เลือกซื้อบ้านหรือออกแบบบ้านที่มีลักษณะโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกมีการระบาย ความร้อนได้ดีสำหรับทิศทางของบ้านควรหันหน้าไปในแนวทิศเหนือ-ใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แสงอาทิตย์เข้าสู่ช่องเปิดของตัวบ้านโดยตรงหากหลีก เลี่ยงไม่ได้ควรใช้อุปกรณ์บังแสงแดด เช่น ติดตั้งกันสาดหรือปลูกต้นไม้ช่วย

2. สร้าง บ้านด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี โดยสร้างให้ตั้งแต่หลังคาจนถึงผนัง

3. จัดวาง ตำแหน่งพื้นที่ใช้สอยให้เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงความร้อนจากแสงแดด ตามลักษณะการใช้งาน

        ห้องนอน ควรตั้งอยู่ทิศตะวันออก เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดช่วงบ่าย

        ห้องเก็บของ ที่จอดรถ ห้องซักผ้า ห้องน้ำ ห้องครัว ควรอยู่ทิศตะวันตก เพื่อเป็นส่วนกันความร้อนเข้าตัวบ้าน

        ห้องพักผ่อนหรือห้องที่ต้องใช้งานอยู่ทั้งวัน ควรตั้งอยู่ทางทิศเหนือ เพราะจะถูกแสงแดดน้อยกว่าด้านอื่น ๆ

        ห้องรับแขก ควรตั้งอยู่ในแนวทิศเหนือ ใต้

        ห้องนั่งเล่น ควรตั้งอยู่ในทิศใต้ โดยอาจทำระเบียงและพุ่มไม้เพื่อป้องกันแสงแดด

4. ปลูก ต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาแก่ตัวบ้าน ช่วยเพิ่มร่มเงาให้กับตัวบ้าน ทำให้อากาศภายในบ้านเย็นสบายขึ้น จึงช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศลง

5. เลือก ซื้อแต่อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน เช่น เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศเบอร์ 5 หรือตู้เย็นที่มีฉลากเบอร์ 5 ใหม่ 2001 ซึ่งประหยัดพลังงานมากกว่าเบอร์ 5 เดิมร้อยละ 20 เป็นต้น

6. ใช้น้ำ อย่างประหยัด น้ำประปาที่เราใช้มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ผ่านกระบวนการกรองและฆ่าเชื้อจนสะอาดและบริโภคได้ ซึ่งต้องอาศัยพลังานในกระบวนการเหล่านั้น การใช้น้ำอย่างประหยัดจึงเป็นการประหยัดพลังงานด้วย

        ใช้หัวก๊อกน้ำที่มีอุปกรณ์ควบคุมอัตราการไหลของน้ำ

        ปิดก๊อกน้ำในระหว่างแปรงฟัน สระผม หรือโกนหนวด

        ใช้ไม้กวาดในการกวาดพื้น แทนการใช้น้ำฉีดเพื่อทำความสะอาด

        ล้างรถด้วยฟองน้ำและรองน้ำใส่ถัง แทนการใช้สายยางฉีดน้ำโดยตรง

        ใช้น้ำจากการซักล้าง เช่น น้ำสุดท้ายของการซักผ้า หรือน้ำจากการถูพื้นเพื่อรดน้ำต้นไม้ แทนการใช้น้ำประปา

7. การใช้ เตาก๊าซ

        ควรเลือกใช้ถังก๊าซที่มีเครื่องหมายสำนักงานมาตรฐาน อุตสาหกรรม (มอก.)

        ตั้งเตาก๊าซให้ห่างจาถังก๊าซโดยใช้สายยาง หรือสายพลาสติกให้มีความยาวห่างจากถังก๊าซประมาณ 1-1.5 เมตร

        เมื่อเลิกใช้ ปิดวาล์วที่ตัวถังก่อน แล้วจึงปิดปิดวาล์วที่ตัวเตา

8. การใช้ เตาถ่าน

        ควรเลือกใช้เตาถ่านชนิดที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งจะมีลักษณะขอบเตาเรียบเสมอกัน เส้าของเตามีส่วนลาดมากกว่า ทำให้ใช้กับหม้อได้หลายขนด มีช่องบรรจุถ่านไม่กว้างใหญ่เกินไป มีรังผึ้งที่หนาทนทาน และรูรังผึ้งเล็กจึงช่วยรีดอากาศได้ดี

        เตรียมกาหารสด เครื่องปรุง และอุปกรณ์การทำอาหารให้พร้อมก่อนติดไฟรอนานเกินไปจะสิ้นเปลืองถ่าน

        เลือกขนาดของหม้อหรือกระทะให้เหมาะสมกับปริมาณและประเภท ของอาหารที่จะปรุง

        ควรทุบถ่านให้มีขนาดพอเหมาะ คือ ชิ้นละประมาณ 2 – 4 ซม.

        ไม่ควรใส่ถ่านมากจนล้นเตา

        เก็บรักษาถ่านอย่าให้เปียกชื้น เพราะถ่านจะติดไฟยากและแตกประทุทำให้สิ้นเปลือง

        ขจัดขี้เถ้าในรังผึ้งและใต้รังผึ้งออกให้หมดก่อนที่จะติด เตาใหม่ทุกครั้ง จะทำให้การเผาไหม้ถ่านดีขึ้น

9. การใช้ หลอดแสงสว่าง

        ปิดไฟเมื่อใช้งาน

        หมั่นทำความสะอาดหลอดแสงสว่างและ โคมไฟ

        ใช้หลอดแสงสว่างเท่าที่จำเป็น

        สำหรับสถานที่ที่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้ตลอดคืน ควรใช้หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์

        บริเวณใดที่เคยใช้หลอดไส้ในการให้แสงสว่าง ควรหันมาเปลี่ยนเป็นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์

        ใช้หลอดประหยัดพลังงาน เช่น หลอดผอม (หลอดฟลูออเรสเซนต์) ซึ่งประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไส้ 4 – 5 เท่า และมีอายุการใช้งานมานกว่า 8 เท่า

        ใช้แสงอาทิตย์แทนการเปิดหลอดไฟ เช่น ห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องน้ำ ทางเดิน เป็นต้น

        ควรทาสีผนังห้องหรือเลือกวัสดุพื้นห้องที่เป็นสีอ่อน ๆ เพื่อช่วยสะท้อนแสงสว่างภายในห้อง

  10. การใช้ตู้เย็น

        เลือกใช้ตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ใหม่ 2001 ซึ่งประหยัดไฟกว่าเบอร์ 5 เดิม ร้อยละ 20

        เลือกใช้แบบที่มีฉนวนกันความร้อนชนิดโฟมฉีด

        ตู้เย็นแบบประตูเดียว จะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าแบบ 2 ประตูในขนาดที่เท่ากัน

        อย่าติดตั้งตู้เย็นใกล้แหล่งความร้อน

        ควรตั้งห่างจากฝาผนังทั้งด้านหลังและด้านข้างไม่น้อยกว่า 15 ซม. เพื่อให้มีการระบายความร้อนได้ดี

        ควรตั้งอุณหภูมิภายในตู้เย็น 3 - 6C และในช่องแช่แข็งระหว่างลบ 15 - 18C ถ้า ตั้งไว้เย็นกว่าที่กำหนด 1C จะสิ้นเปลืองไฟเพิ่ม ขึ้นร้อยละ 25

        อย่าเปิดตู้เย็นบ่อย หรือเปิดประตูค้างไว้นาน ๆ

        อย่านำของที่มีความร้อนเข้าไปแช่

        ละลายน้ำแข็งสม่ำเสมอ

11. การใช้ เครื่องปรับอากาศ

        เลือกขนาดที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่นห้องที่มีความสูงไม่เกิน 3 เมตร และมีพื้นที่ห้องขนาด 13 – 15 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 7,000 – 9,000 บีทียู/ชั่วโมง ขนาดพื้นที่ 16 – 17 ตร.ม. ควรใช้ขนาด 9,000 – 11,000 บีทียู/ชั่วโมง เป็นต้น

        ใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสุดซึ่งแสดงด้วยหน่วย EER(Energy Efficiency Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างความสามารถในการให้ความเย็นของเครื่องต่อกำลังไฟฟ้า (บีทียู/ชั่วโมง/วัตต์) ซึ่งเครื่องที่มีค่า EER สูง จะให้ความเย็นมาก และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเครื่องที่มีค่า EER ต่ำ

        หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ ไม่ให้มีฝุ่นจับ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง

        เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

12. การใช้ เครื่องทำน้ำอุ่นไฟฟ้า

        ควรเลือกชนิดที่มีที่เก็บความร้อน เพราะจะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าแบบไหลผ่านขดลวดความร้อน

        เลือกขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับครอบครัวและความจำเป็นใน การใช้

        ไม่เปิดเครื่องตลอดเวลา ในการฟอกสบู่อาบน้ำหรือขณะสระผม

        ปิดวาล์วน้ำและสวิตซ์ทันทีเมื่อเลิกใช้งาน

        ควรให้เฉพาะวันที่มีอากาศเย็น หรือเท่าที่จำเป็น

13. การใช้ กระติกน้ำร้อนไฟฟ้าหรือกาต้มน้ำไฟฟ้า

        ใส่น้ำให้พอเหมาะกับปริมาณที่ต้องการใช้ และถ้าจำเป็นต้องต้มน้ำต่เนื่องระวังอย่าให้น้ำแห้ง

        เมื่อเลิกใช้ควรถอดปลั๊กทันที

        ไม่ต้มน้ำในห้องที่มีการปรับอากาศ เพราะไปเพิ่มความชื้นและความร้อนในห้อง ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก สิ้นเปลืองไฟ

        ไม่ควรนำน้ำที่มีความเย็นมาก ๆ ไปต้มทันทีจะสิ้นเปลืองไฟ

        ระวังอย่าให้มีตะกรันเกาะด้สนในตัวกระติก จะทำให้สิ้นเปลืองไฟในการต้มน้ำมากกว่าเดิม

        ไม่นำสิ่งใด ๆ ปิดช่องไอน้ำออก

14. การใช้ เตาไฟฟ้า

        ควรเตรียมเครื่องประกอบอาหารให้พร้อม รวมทั้งลำดับการปรุงอาหาร

        ไม่ควรเปิดเตาไฟฟ้ารอไว้นานเกินไป

        ใช้ภาชนะประกอบอาหารให้เหมาะสม

ภาชนะควร มีก้นแบนราบ จะได้สัมผัสความร้อนได้ทั่วถึง

ภาชนะไม่ ควรมีขนาดเล็กกว่าเตา จะสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

ภาชนะควร มีฝาครอบปิดขณะหุง จะช่วยให้อาหารเสร็จเร็วขึ้น

        ปิดสวิตซ์เตาไฟฟ้าก้อนเสร็จสิ้นการทำอาหาร

        ถอดปลั๊กออกทันที เมื่อเลิกใช้ 

15. การใช้ เตารีด

        ควรเตรียมอาหารที่จะอบหลาย ๆ อย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน

        อย่าเปิดเตาบ่อย ๆ เพราะการเปิดประตูแต่ละครั้งจะสูญเสียพลังงานประมาณร้อยละ 20

        ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม อย่าตั้งสูงเกินความจำเป็นเพราะจะสิ้นเปลืองไฟ

        ถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อเลิกใช้

16. การใช้ เตารีดไฟฟ้า

        ควรตั้งอุณหภูมิให้เหมาะสมกับชนิดผ้าและแบ่งผ้าชนิด เดียวกันไว้ด้วยกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนการตั้งอุณหภูมิบ่อยครั้ง

        ควรรวบรวมผ้าไว้รีดคราวละมาก ๆ และพรมน้ำให้หมดทุกตัว ก่อนจะรีดผ้าและรีดติดต่อกันจนเสร็จ

        อย่าพรมน้ำจนเปียก เพราะจะต้องทำให้ต้องรีดผ้านานกว่าเดิม สิ้นเปลืองไฟฟ้า

        ควรถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาษ 2 – 3 นาทีเนื่องจากยังมีความร้อนเหลือเพียงพอที่จะรีดผ้าที่รีดง่าย เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ

        เวลาตากผ้าควรจัดรูปทรงผ้าและดึงให้ตึง เพื่อให้เสื้อผ้ายับน้อยที่สุด จะทำให้รีดง่ายลดเวลาในการรีด และประหยัดไฟฟ้า

17. การใช้ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า

        เลือกใช้ขนาดให้เหมาะสมกับครอบครัว

- สมาชิก 1 – 2 คน ใช้ขนาด 0.3 – 1.0 ลิตร

- สมาชิก 3 – 6 คน ใช้ขนาด 1.0 – 1.5 ลิตร

- สมาชิก 5 – 8 คน ใช้ขนาด 1.6 – 2.0 ลิตร

        ไม่ควรใช้เวลาในการอุ่นข้าวให้นานเกินควร

        ถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อเลิกใช้งาน

        อย่าเปิดฝาหม้อในขณะที่ข้าวยังไม่สุก เพราะจะสูญเสียความร้อน หม้อหุงข้าวจะทำงานนานยิ่งขึ้น สิ้นเปลืองไฟ

18. การใช้ โทรทัศน์

        โทรทัศน์สีที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้เสียค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

        โทรทัศน์ที่มีระบบรีโมทคอนโทรลจะใช้ไฟฟ้ามากกว่าระบบทั่ง ไปในขนาดเดียวกัน เราะมีวงจรเพิ่มและใช้ไฟฟ้าตอดเวลาเมื่อยังเสียบปลั๊กอยู่ แม้ว่าจะไม่ใช้เครื่อง จึงควรปิดสวิตซ์ที่ตัวเครื่อง ไม่ปิดด้วยรีโมทคอนโทรล

        ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้

        ปิดเมื่อไม่มีคนดู

        ควรตั้งเวลาปิดโทรทัศน์โดยอัตโนมัติ เพราะจะช่วยประหยัดไฟสำหรับผู้ที่มักจะนอนหลับหน้าโทรทัศน์หรือลืมปิด เครื่อง

        ไม่เปิดโทรทัศน์โดยต่อสายผ่านเข้าเครื่องวีดีโอเพราะต้อง สิ้นเปลืองไฟให้กับเครื่องวีดีโอโดยไม่จำเป็น

19. การใช้ เครื่องซักผ้า

        แช่ผ้าก่อนเข้าเครื่อง เพราะสิ่งสกปรกจะออกง่ายขึ้นลดการซักผ้าซ้ำ ไม่สิ้นเปลืองไฟ

        จำนวนผ้าที่ซักให้เป็นไปตามพิกัดของเครื่อง อย่าใส่ผ้ามากเกินกำลังของเครื่อง หรือซักจำนวนน้อยเกินไป

        ไม่ควรใช้เครื่องซักผ้าแบบที่มีเครื่องอบแห้งด้วยไฟฟ้าใน ตัว เพราะสิ้นเปลืองไฟฟ้ามาก ควรตากผ้ากับแสงแดดหรือในที่มีลมถ่ายเทได้ดี

        ตั้งโปรแกรมที่ใช้น้ำร้อนเมื่อ จำเป็นเท่านั้น เพราะใช้ไฟมาก

        ตั้งโปรแกรมการซักผ้าให้เหมาะสมกับชนิดของผ้าทุกครั้ง

20. การใช้ เครื่องปั๊มน้ำ

        เลือกซื้อเครื่องปั๊มน้ำที่มีถังความดันของเครื่องป๊มน้ำ ขนาดใหญ่พอสมควรถ้าเล็กเกินไปสวิตซ์อัตโนมัติจะทำงานบ่อยขึ้น มอเตอร์ทำงานมากขึ้นสิ้นเปลืองไฟ

        ควรสร้างบ่อพักน้ำไว้ระดับพื้นดิน

        หมั่นดูแลท่อน้ำประปาและถังพักน้ำของชักโครกอย่าให้ชำรุด หรือรั่ว เมื่อมีรอยรั่วความดันลดลง เครื่องปั๊มทำงานหนัก และบ่อยขึ้นสิ้นเปลืองไฟ

        ปิดก๊อกน้ำให้สนิททุกครั้ง น้ำหยดหรือรั่วเพียงเล็กน้อยติดต่อกันนาน ๆ ก็ทำให้ปั๊มน้ำเดินเครื่องได้

21. การใช้ พัดลมระบายอากาศ

        อย่าเปิดทิ้งไว้ เมื่อไม่มีใครอยู่

        เปิดหน้าตางเพื่อใช้ลมธรรมชาติช่วยถ่ายเทอากาศในห้อง

        เลิกสูบบุหรี่ในห้อง เพื่อลดการใช้พัดลมระบายอากาศ

        หมั่นทำความสะอาดใบพัดและตะแกรง อย่าให้มีฝุ่นเกาะ

        ตั้งความเร็วพัดลมให้พอเหมาะ ไม่เร็วหรือช้าเกินไป จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดี และเป็นการประหยัดไฟอีกด้วย

        ห้องที่จะติดเครื่องปรับอากาศควรเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อให้อากาศบริสุทธิ์ภายนอกเข้ามาแทนที่อากาศในห้อง แทนการใช้พัดลมระบายอากาศ

22. การใช้ พัดลม

        อย่าเปิดทั้งไว้เมื่อไม่มีใครอยู่

        ถ้าใช้พัดลมที่มีระบบรีโมทคอนโทรลต้องถอดปลั๊กทันทีเมื่อ เลิกใช้

        ยิ่งเปิดลมแรงขึ้น ยิ่งใช้ไฟมากขึ้น

        ทำความสะอาดใบพัด ตะแกรงครอบ และแผงหุ้มมอเตอร์พัดลม อย่าให้มีฝุ่นเกาะ

        อย่าให้ใบพัดโค้งงอผิดส่วน ความแรงจะลดลง

        ตั้งพัดลมในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก

23. การใช้ วิทยุและเครื่องเสียง

        อย่าเปิดวิทยุเพียงเพื่อเป็นเพื่อนโดยไม่ได้สนใจฟัง สิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์

        อย่าเปิดวิทยุคู่กับการเปิดดูโทรทัศน์

        อย่าเสียบปลั๊กวิทยุไว้ใช้เพื่อดูเวลาหากมีนาฬิกาอื่น ๆ ใช้ดูเวลาอยู่แล้ว

        เลิกปิดเครื่องโดยใช้รีโมทคอนโทรลให้ปิดจากสวิตซ์ที่ เครื่องแทน

        ตั้งวิทยุและเครื่องเสียงให้ห่างจากเตาอบไมโครเวฟเพื่อไม่ ให้ระบบการทำงานถูกคลื่นไมโครเวฟรบกวน

        เลือกซื้อรุ่นที่เหมาะกับการใช้งาน หากไม่มีความจำเป็นต้องซื้อรุ่นที่มีระบบการทำงานหลายอย่างก็ไม่ควรเลือก ซื้อรุ่นนั้น เพราะสิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าระบบธรรมดา

24. การใช้ เครื่องดูดฝุ่น

        เมื่อใช้แล้วควรเทฝุ่นผงในถุงทิ้งทุกครั้ง เพื่อเครื่องจะได้มีแรงดึงดูดดีและไม่เปลืองไฟ

        เลิกใช้เครื่องดูดฝุ่นกับพื้นบ้านที่ทำความสะอาดง่าย ควรใช้ไม้กวาดและผ้าชุบน้ำถูพื้นแทน

        ก่อนใช้งานตรวจสอบข้อต่อของท่อดูดหรือชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้แน่นไม่ให้เกิดการรั่วของอากาศ มอเตอร์อาจทำงานหนักและไหม้ได้

        ห้ามดูดฝุ่นที่เป็นเศษแก้วเศษใบมีด หรือบุหรี่ที่กำลังติดไฟ จะก่ออันตรายต่อตัวเครื่อง

        หมั่นถอดตัวกรองหรือตะแกรงดักฝุ่น ออกมาทำความสะอาดเพราะถ้าอุดตันจะดูดฝุ่นได้ไม่เต็มที่และสิ้นเปลืองไฟ

        เมื่อดูดฝุ่นเสร็จแล้วปล่อยให้เครื่องเย็นก่อนนำไปเก็บ เพื่อยึดอายุการใช้งาน

        เปิดประตูหน้าต่างขณะดูดฝุ่น เพื่อให้มีการระบายความร้อนของตัวเครื่องได้ดี

        เลือกขนาดเครื่องดูดฝุ่นตามความจำเป็นในการใช้งาน เช่น ถ้าใช้ดูดฝุ่นสำหรับพื้นที่เป็นพรมหรือเก้าอี้ที่ทำด้วยผ้าควรใช้เครื่องที มีกำลังดูดสูง แต่ถ้าจะดูดฝุ่นที่ทั่ว ๆ ไปไม่ควรใช้เครื่องที่มีกำลังดูดสูง

25. การใช้ คอมพิวเตอร์

        ไม่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้นาน ๆ เพราะทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้า

        ถอดปลั๊กเมื่อเลิกใช้

        ปิดจอภาพเมื่อไม่ใช้งานนานเกินกว่า 15 นาที

        ตั้งคอมพิวเตอร์ในบริเวณที่มีการระบายความร้อนได้ดี

        ควรตั้งะบบ Screen Saver เพื่อ รักษาคุณภาพของหน้าจอ

        ตรวจสอบดูว่าระบบประหยัดพลังงานในเครื่องถูกสั่งให้ทำงาน แล้วหรือไม่ถ้ายังต้องสั่งให้ระบบนี้ทำงานเพราะจะช่วยประหยัดพลังงาน

        เลือกใช้คอมพิวเตอร์ที่มีระบบประหยัดพลังงาน โดยสังเกตจากสัญลักษณ์ Energy Star เพราะระบบนี้จะ ใช้กำลังไฟฟ้าลดลงร้อยละ 55 ในขณะที่รองาน

        ควรซื้อจอภาพที่ขนาดไม่ใหญ่เกินไป เช่น จอภาพขนาด 14 นิ้ว จะใช้พลังงานน้อยกว่าจอภาพขนาด 17 นิ้ว ถึงร้อยละ 25

        คอมพิวเตอร์ชนิดกระเป๋าหิ้วประหยัดพื้นที่และประหยัดไฟได้ มากกว่าแบบตั้งโต๊ะ 

ที่มา http://www.thaienv.com/th/index.php?option=com_content&task=view&id=218&Itemid=27

การใช้พลังงานอย่างประหยัดมีอะไรบ้าง

วิธีใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด.
ควรปิดไฟทุกครั้งเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง.
เลือกใช้หลอดไฟที่มีกำลังวัตต์เหมาะสมกับการใช้งาน.
สำหรับบริเวณที่ต้องการความสว่างมาก ภายในอาคารควรเลือกใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์ ส่วนภายนอกอาคารควรเลือกใช้หลอดไอโซเดียม และหลอดไอปรอท.
ควรใช้ฝาครอบดวงโคมแบบใสหากไม่มีปัญหาเรื่องแสงจ้า และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ.

ทรัพยากรในบ้านที่ควรประหยัดมีอะไรบ้าง

10 วิธีประหยัดพลังงานในบ้านแบบเห็นผลจริง.
1. ปรับอุณหภูมิแอร์อย่างเหมาะสม ... .
2. ลดการใช้แอร์ ... .
3. ปิดก๊อกน้ำเมื่อไม่ใช้ ... .
4. ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งหลังใช้งาน ... .
5. อาบน้ำเย็นเแทนน้ำอุ่น ... .
6. ติดม่านป้องกันความร้อน ... .
7. ซักผ้าด้วยระบบน้ำเย็น ... .
8. เลี่ยงการอบผ้า.

ห้องนอนควรมีเครื่องใช้น้อยเพราะอะไร

เครื่องประดับห้อง ควรมีน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นที่เก็บกักฝุ่นและตัวไร เช่น ตุ๊กตาขนฟู หมอนประดับที่ไม่จำเป็น ส่วนเก็บหนังสือและส่วนแต่งตัว ควรแยกเป็นสัดส่วน เสื้อผ้าเก็บไว้ในตู้ให้เรียบร้อย บริเวณที่แต่งหน้าผัดแป้งใส่น้ำหอม ควรมีฉากปรับเลื่อนกั้นออกจากส่วนนอน หรือจะออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของห้องน้ำก็ได้

การปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่แบบประหยัดพลังงานมีประโยชน์อย่างไร

บ้านประหยัดพลังงาน นั้นลองใช้วิธีการสร้างความแตกต่างและเพิ่มความน่าสนใจให้อสังหาริมทรัพย์ของเราแบบง่ายๆ ด้วยการปรับปรุงบ้านให้แปลงสภาพเป็นบ้านประหยัดพลังงาน นอกจากจะช่วยลดโลกร้อนให้กับประเทศชาติแล้ว บ้านประหยัดพลังงานยังช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าไฟสำหรับผู้เช่าหรือผู้ซื้อบ้านต่อจากเราได้ เพียงแค่ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ...