การ วาด ตัว อักษร 3 มิติ ภาษาอังกฤษ

��ٺ�ҹ�͡�ͷ��� ���䫵�ͧ��ٵ������ ��˹�� �����ѧ��§ ���繪�ͧ�ҧ㹡��������� �š����¹ �����ٹ������� ������������ ���ѹ���µ���˵ء�ó���س��� ��黯Ժѵԧҹ㹷ء��鹷��ͧ������� ���ͤ�����ԭ�͡���㹻ѭ�� �����ԭ����˹����ԪҪվ

��纹���͡��Դ����� 5 ���Ҥ� 2548

Email : [email protected]
Tel : 081-3431047

การ วาด ตัว อักษร 3 มิติ ภาษาอังกฤษ
การ วาด ตัว อักษร 3 มิติ ภาษาอังกฤษ

วิกิฮาวเป็น "wiki" ซึ่งหมายความว่าบทความหลายๆ บทความของเรานั้นเป็นการร่วมมือกันเขียนของผู้เขียนหลายคน ในการเขียนบทความชิ้นนี้ ผู้คน 268 คน ซึ่งบางคนไม่ขอเปิดเผยตัว ได้ร่วมกันเขียนและปรับปรุงเนื้อหาของบทความอย่างต่อเนื่อง

บทความนี้ถูกเข้าชม 326,590 ครั้ง

ไม่ว่าจะเผื่อดังหรือเพื่อฆ่าเวลาก็ตาม การลองเซ็นชื่อก็เป็นเรื่องสนุกทีเดียว ลองทำตามเคล็ดลับและเทคนิคเหล่านี้เพื่อให้ลายเซ็นของเราออกมาเท่ที่สุด

กวี แก่นสาร์ วีระพงศ์ ศรีทอง Surat

  1. ลองดูลายเซ็นของเราตอนนี้. ถามตัวเองดูว่าชอบสไตล์ตอนนี้ตรงไหนและตรงไหนที่ต้องแก้ สังเกตตัวอักษรในชื่อของเราแล้วดูว่าจะทำยังไงให้สวย เน้นตัวอักษรที่น่าสนใจ (แบบที่วงหลายๆ รอบ มีหาง หรือกากบาท เช่น ณ, ฐ, ญ) และตัวอักษรธรรมดา (โดยเฉพาะตัวอักษรที่คล้ายกัน อย่าง ด กับ ต หรือในภาษาอังกฤษที่ตัวพิมพ์ใหญ่หรือเล็กก็เขียนเหมือนกัน อย่าง S หรือ O) ดูว่าบริเวณไหนจะเป็นจุดเด่นของลายเซ็นเราได้บ้าง

  2. เลือกว่าจะให้ลายเซ็นบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเรา. ลายเซ็นที่ชัดเจนและเรียบๆ นั้นทำให้คนอ่านออกได้ง่าย แต่ลายเซ็นที่ซับซ้อนจะดูเก๋กว่า ยิ่งเซ็นตวัดมากก็ยิ่งดูไฮโซมากขึ้นเท่านั้น ตัดสินใจว่าลายเซ็นจะสื่ออะไรในเวลาไหน หมอที่งานยุ่งมักจะเซ็นหวัดๆ เป็นไก่เขี่ยอ่านไม่ค่อยออกในขณะที่นักเขียนชื่อดังจะใช้เวลาประดิดประดอยเซ็นสวยๆ

    • ลายเซ็นที่มีแค่ชื่อย่อนั้นถือกันว่าเป็นทางการและเป็นมืออาชีพมากกว่าลายเซ็นแบบชื่อเต็ม
    • หากกลัวโดนปลอมลายเซ็นแล้วล่ะก็ อาจจะเซ็นให้ยาวขึ้นและอ่านง่ายขึ้น มีทั้งชื่อและนามสกุล อย่าลืมเขียนให้ชัดเจน การปลอมลายเซ็นหวัดๆ นั้นง่ายกว่าการปลอมลายเซ็นที่ชัดเจนและฝึกมาดี

  3. คิดว่าจะใช้ส่วนไหนของชื่อบ้าง. บางคนก็ใช้ชื่อเต็ม บางคนก็ใช้แค่ชื่อหรือแค่นามสกุล บางคนก็ใช้แค่ตัวย่อ ถ้าคนส่วนใหญ่รู้จักเราด้วยชื่อก็อาจจะเซ็นด้วยชื่อเท่านั้น ถ้าเป็นอาจารย์ที่คนรู้จักแต่นามสกุลก็อาจจะเซ็นแค่นามสกุลก็ได้

  4. หาไอเดียจากลายเซ็นคนอื่น. ลองดูลายเซ็นของคนดังๆ แล้วลองดูว่าของใครจะเอามาเลียนแบบได้บ้างเช่น ลายเซ็นอั้ม พัชราภา, แอน ทองประสม, อาจารย์เฉลิมชัย หรือพี่เบิร์ด เป็นต้น อย่ากลัวที่จะยืมลักษณะเด่นมาเติมในลายเซ็นของเราเอง

  1. ลองเซ็น. เซ็นหลายๆ ครั้งเพื่อลองดูหลายๆ แบบ ทำให้เป็นมันเรื่องสนุก เล่นกับลวดลายและสไตล์ที่หลากหลาย ดูว่าอันไหนที่เขียนถนัด เขียนชื่อเราแล้วดูดี และเขียนซ้ำได้ง่าย ใช้ปากกาดินสอที่เหมาะมือ ถ้าอยากลบแก้ลายเซ็นก็อาจใช้ดินสอก่อนก็ได้

  2. เน้นตัวอักษร. เขียนตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นเพื่อเน้นให้เตะตาหรือเขียนให้เล็กเพื่อให้ดูกลมกลืนกัน นี่จะทำให้ลายเซ็นของเราโดดเด่นโดยไม่ต้องเสียเวลาค่อยๆ เซ็น

    • ถ้าลายเซ็นเราไก่เขี่ยมากๆ ลองเน้นตัวอักษรสักตัวให้คมชัด กลับกันลองเขียนตัวอักษรนั้นให้เอนหรือหรูกว่าตัวอื่นเพื่อให้เด่นในลายเซ็นที่เรียบง่ายชัดเจน

  3. นี่เป็นวิธีดั้งเดิมที่จะทำให้ชื่อเราดูเก๋ไก๋ขึ้น แต่การขีดเส้นใต้จะทำให้ใช้เวลามากกว่าเซ็นแบบธรรมดา ดังนั้นต้องดูว่าคุ้มไหม

    • ขีดเส้นใต้เพื่อเน้นลายเซ็นของเรา. เขียนตัวอักษรตัวใดตัวหนึ่งให้กลายเป็นเส้นใต้ ส่วนใหญ่จะใช้ตัวสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วสามารถใช้ตัวไหนก็ได้ที่เหมาะ อย่างเช่นตัวที่ลากหางยาวได้ (ก, ด, ท) จะดีที่สุด ให้ลากหางไปด้านล่างลายเซ็น
    • ขีดเส้นใต้ลายเซ็นด้วยการม้วนเป็นวง นี่เป็นวิธีที่เก๋และสะดวกมากที่จะทำให้ลายเซ็นสะดุดตา
    • ขีดเส้นใต้ด้วยเส้นหยัก วิธีนี้คล้ายกับการม้วนเป็นวงๆ แต่แหลมคมกว่า

  4. เขียนอักษรแบบโบราณ. ขีดเส้นตัดซ้ำและตวัดตัวอักษรกลมๆ ให้เป็นวงหรูหรา ถ้าเป็นไปได้ลองใช้ปากกาหมึกซึมดู วาดแบบจากลายมือบรรจง จากลายเซ็นโบราณ หรือจากตัวอักษรโบราณก็ได้

  5. เพิ่มเส้นโค้งให้ลายเซ็นโดดเด่น. วิธีนี้จะทำให้สไตล์เราดูแตกต่าง มองหาตัวอักษรที่เอื้อให้ตวัดได้และลองทำหลายๆ ทางให้ดูเก๋ไก๋ขึ้น ตามวิธีต่อไปนี้:

    • ใช้การซ้ำ ตัวอักษรรีๆ สามตัวในลายเซ็นจะทำให้ดูซ้อนกันและช่วยโยงลวดลายทั้งหมดเข้าด้วยกัน
    • ใช้ตัวอักษรใหญ่วงรอบตัวอักษรเล็ก(ในภาษาอังกฤษ) นี่เป็นอีกวิธีที่จะทำเพิ่มความน่าสนใจให้กับชื่อที่ไม่มีตัวอักษรที่ลากหางได้
    • วงรอบลายเซ็น วิธีนี้จะทำให้ลายเซ็นดูสง่าและเป็นทางการ
    • ลากส่วนล่างของตัวอักษร นี่เป็นวิธีที่ง่ายและแพร่หลายที่สุดที่จะเพิ่มความเก๋ให้กับลายเซ็น

  6. เติมตัวเลขหรือสัญลักษณ์ในลายเซ็น. สัญลักษณ์นั้นอาจจะมีเลขเสื้อทีมที่เชียร์ ภาพร่างง่ายๆ หรือปีจบการศึกษาก็ได้ ถ้ามีตัวเลขหรือสัญลักษณ์เฉพาะที่ผูกพันกับตัวตนของเรา (เช่น ถ้าเราเป็นที่รู้จักจากตำแหน่งในทีมกีฬา) นี่อาจจะเป็นวิธีดีๆ ที่จะทำให้เราแตกต่างจากคนที่ชื่อคล้ายกัน ถ้าอยากจะทำตามวิธีนี้ก็ควรคุมให้ส่วนที่เหลือเรียบง่ายเพื่อรักษาเวลา การมีสัญลักษณ์มากเกินไปอาจทำให้ดูเยอะและเสียเวลาเซ็นนาน

  1. ผสมส่วนที่ชอบมากที่สุดเข้าด้วยกัน. หาส่วนต่างๆ ของลายเซ็นที่ถูกใจแล้วดูว่าอะไรใช้ได้อะไรใช้ไม่ได้ และอะไรที่เหมาะกับบุคลิกเรา ในขณะที่ฝึกเซ็นลองปรับรายละเอียดและลวดลายจนกว่าจะรู้สึกว่าใช่

  2. รู้ว่าแบบไหนที่ใช่. อย่าเลือกลายเซ็นเพียงเพราะว่ามันดูเท่ เลือกลายเซ็นที่มีสไตล์แต่ก็ใช้ได้จริงด้วย

    • ลายเซ็นเราควรจะเขียนซ้ำได้ง่าย ควรจะลื่นมือและเรียบพอที่จะเซ็นเสร็จภายในไม่กี่วินาที
    • ลายเซ็นเราควรจะเหมาะสมกับจุดประสงค์และบุคลิกของเรา ถ้าอยากจะให้เห็นความน่าสนใจของเราก็ใช้ลายเซ็นที่ตวัดลวดลาย ถ้าจะแสดงว่าเราเป็นคนเรียบร้อยและเจ้าระเบียบก็ควรใช้ลายเซ็นที่สะท้อนออกมาแบบนั้น
    • ลายเซ็นเราควรเป็นเอกลักษณ์ ไม่ใช่ดูเหมือนแค่ตัวยึกยือบนกระดาษ เว้นแต่ว่าจะเป็นตัวยึกยือที่เป็นเอกลักษณ์และเซ็นกี่ครั้งก็ออกมาเหมือนเดิม ทำให้ลายเซ็นของเราแตกต่างจนคนอื่นๆ รู้ว่าเป็นลายเซ็นของเรา

  3. ฝึกเขียนจนรู้สึกว่าทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ. จำไว้ว่าเราจะปรับเปลี่ยนเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากใช้ลายเซ็นนั้นๆ ในทุกๆ เอกสารทางการ (เช่นใบขับขี่, หนังสือเดินทาง, บัตรเครดิต, สมุดบัญชี) ก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนทีหลัง ในบางกรณี ลายเซ็นนั้นจะใช้ระบุตัวตนของเราและหากเราใช้ลายเซ็นที่ไม่ตรงกับประวัติที่บันทึกไว้ก็อาจจะถูกสงสัยได้