Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ความเดิมตอนที่แล้ว : ลองแล้วเล่า : Huawei FreeBuds 3 “Ear-buds ที่ดี มี Wind+Noise Cancelling”

หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก… จำได้ลาง ๆ ว่าเราเพิ่งรีวิว FreeBuds 3 กันไปเมื่อไม่นานมานี้เองนี่นา… แต่เอาเถอะครับ ไหน ๆ ก็ ไหน ๆ แล้ว Huawei เปิดตัว “FreeBuds 4i” รุ่นที่ 5 ของตระกูล FreeBuds ทั้งที เอามาขายแล้วด้วยในราคาเพียง 2,799 บาททั้งที เราไม่เอามาเล่าต่อก็คงจะไม่ได้กระมัง หึหึ

และแล้ววันเวลาท่ามกลางสถานการณ์อันไม่แน่ไม่นอนของโควิด-19 ก็มาถึง Huawei จัดแจงส่ง FreeBuds 4i พร้อมโพย 1 แผ่น มาให้เราใช้กันถึงที่ คงไม่ต้องถามอะไรมาก มันก็เป็นหูฟังนี่เนาะ… ว่าแล้ว หยิบมาชาร์จ และเปิดใช้งานกันเลยดีกว่า แฮ่!

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น ผมโดนคำเปรยมาจากคนที่ได้ลองจับเจ้า FreeBuds 4i ในงานเปิดตัวมาก่อนหน้านี้ว่า “ระวังเจ้าจะลืมทุกสิ่งเกี่ยยวกับ AirPods” ทำเอาตัวผมถึงกับชะงักว่า เดี๋ยวก่อนนะ วันนี้เรามีหูฟังที่เกรดไม่ใช่ Audiophile แล้วมีความสามารถ และให้ประสบการณ์ได้ดีเท่า AirPods ออกสู่ตลาดแล้วงั้นหรือ? ผมแทบไม่เชื่อคำเปรยคำนั้นจนกระทั่งได้หยิบมาลองด้วยตัวเอง มันก็เลยเป็นแบบนี้…

หมายเหตุ : มือถือที่เราเอามาลองด้วยคือ “Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G”, “iPhone X” และ “Infinix Note 8” ที่เรารีวิวไปก่อนหน้านี้ ไม่ใช่มือถือ Huawei ที่มี EMUI 11 เนื่องจากเราไม่มีเครื่องในมือ ฉะนั้นแล้วจะมีความสามารถบางอย่างที่ผมไม่สามารถพูดถึงได้ โดยเฉพาะความสามารถที่ต้องใช้ร่วมกับมือถือ Huawei เท่านั้น จึงขออภัยมาล่วงหน้า ณ ที่นี่ สำหรับแฟน ๆ Huawei ที่เข้ามาอ่านแล้วพบว่าบทความนี้ไม่ได้พูดถึงการใช้งานร่วมกับมือถือ Huawei นะครับ

ส่องกันหน่อย

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

แวบแรกที่ได้เห็นรูปของ FreeBuds 4i ถึงกับผงะเล็กน้อยว่า เอ๊ะ นี่มัน….​สบู่ใช่ไหม เพราะว่าตัวกล่องชาร์จของ FreeBuds 4i มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้แหละครับ ไม่มีอะไรหวือหวาหรอก เป็นสบู่ขาว ๆ ตามสีหูฟังเลย เช่นสีดำ Ceramic Black ก็จะเป็นสีดำ และสีแดง Red Edition ก็จะเป็นสีแดง สีที่เราได้มาคือสีขาว Ceramic White ก็จะขาว ๆ แบบนี้แหละครับ

ตัวกล่องไม่มีอะไรหวือหวามาก ทุกอย่างเหมือนกับ FreeBuds 3 เลยคือ มีไฟแสดงสถานะหูฟังกับกล่องชาร์จ (ไม่แยกกันเหมือน FreeBuds 3) พอร์ต USB-C ที่ตอนนี้ไม่เลือกสายแล้ว และปุ่มสำหรับเปิดโหมด Paring ของหูฟัง

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ตัวหูฟังมีขนาดเล็กกว่า FreeBuds 3 มาก และเปลี่ยนทรงจากตอน FreeBuds 3 มาก คือมันสั้นลงแหละ และก็เปลี่ยนเป็น In-ear ด้วยแหละ รวม ๆ คือ มันเหมือน FreeBuds Pro แหละ แต่ตรง Touch Surface ไม่ได้เหลี่ยมจัดเหมือน FreeBuds Pro มันยังมีความมน ๆ ในงานดีไซน์อยู่ รวม ๆ แล้วก็ดูดีนะ แล้วตรงช่วงใหญ่ ๆ กลม ๆ นั่นคือจุดขายหลักเค้าที่เป็นไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 10 mm ชนิดให้เสียงได้ครบทุกไดนามิก อืม.. ไว้ว่ากันต่อไปดีกว่า

แต่ประทานโทษเถอะครับ…. ก่อนจะเข้าเรื่องต่อ ขอนอกเรื่องเล็กน้อย เพราะปกติผมว่าปกติผมใส่ In-Ear จุกไซส์ XL ตลอด แต่ FreeBuds 4i ขนาดไซส์ M ใส่แล้วมันมีอาการเจ็บช่องหู แรก ๆ คิดว่าสิวคงขึ้น แต่เช็คไปเช็คมา อ้าว สิวไม่ได้ขึ้นด้วย ส่วนตัวเลยคิดว่าตรงส่วนไดรเวอร์น่าจะทิ่มเข้ามาในช่องหูตอนสวมใส่ และน่าจะมีปัญหาเยอะสำหรับคนหูเล็กแน่ ๆ ฉะนั้นแล้วถ้าไม่ชัวร์จริงว่าใส่แล้วจะเจ็บหรือไม่ แนะนำให้ลองใส่ก่อน เพื่อหาความเหมาะสมต่อไปครับ

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

เนื่องด้วยข้อจำกัดตามที่เขียนไว้ในย่อหน้าแรก การเชื่อมต่อหูฟังเลยดูทุลักทุเลพอสมควร เพราะตัวหูฟังต้องใช้ร่วมกับแอปฯ Huawei AI Life เวอร์ชันใหม่ ซึ่ง “ต้องดาวน์โหลดจาก AppGallery” แต่ถ้าไม่มีล่ะ? Huawei ก็ไม่ได้ใจร้ายไส้ระกำอะไรขนาดนั้น เราสามารถสแกน QR Code ข้างกล่องเพื่อดาวน์โหลด AI Life เวอร์ชันใหม่มาใช้งานได้ ส่วน iOS หรอ หึหึหึ ตามธรรมเนียมเหมือน FreeBuds 3 นั่นคือต้องหามือถือ Android มาเซ็ตอะไรให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเอาไปเชื่อมต่อภายหลังครับ

แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟน Huawei ไอที่เขียนมาข้างบนทั้งหมดจะหายไปทันที เพียงแค่เปิดฝา ตัวเครื่องจะเชื่อมต่อให้เอง ง่ายไหมล่ะ หึหึ

เริ่มฟังโลด!

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

สั้น ๆ ครับ… “ไม่มีอะไรต่างจาก FreeBuds 3 ครับ” ปึ๊ง จบ สวัสดี….

ถ้าแค่นี้จริง ๆ ผมโดน Huawei ตบตายดั่งบอสไล่กระทืบยกตี้แน่นอนครับ แต่ความรู้สึกโดยรวมมันก็ไม่ได้ต่างจาก FreeBuds 3 จริง ๆ นี่นา ถ้าบอกว่านั่นคือ 1 อาทิตย์แรกที่ได้ลองใช้ ผมก็คงบอกเช่นนั้นไปจริง ๆ แต่นี่อยู่กับผมมาสองอาทิตย์ ตลอดเวลากึ่ง Lock-down ที่บ้าน ก็เลยเห็นความต่างในหลาย ๆ จุดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับ Dolby Atmos ที่มีอยู่บน Note 20 Ultra 5G หรือ DTS Surround บน Infinix Note 8 ด้วยนั่นเอง

ภาพรวม เสียงของ FreeBuds 4i จะออกไปทางกลาง ๆ ทุ้มเล็ก ๆ แต่มีมิติครบ ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องยกความดีความชอบให้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ที่โฆษณาตั้งแต่ต้นว่าสามารถขับเสียงได้ครบทุกมิติ ซึ่งมันก็ครบทุกมิติจริง ๆ ไม่มีช่วงที่หล่นหาย และเบสไม่หายหมด มันยังมีความทุ้มแบบผู้ดี ฟังแล้วเพลินหู ไม่ได้มีอะไรหวือหวามากนัก

แต่ที่ชื่นชอบสุดคือโหมด Noise Cancelling รอบนี้แก้เกมมาดี เพราะไม่ต้องมานั่งเปิดทุกครั้งเหมือน FreeBuds 3 และเมื่อเปิด Noise Cancelling ปุ๊บ ทุกอย่างจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที มันจะเหลือไว้แต่ความเงียบ แบบที่เงียบมาก เงียบสนิท เงียบจนไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงประกาศรถ MRT ที่ขึ้นชื่อว่าโคตรดัง (เมื่อเทียบกับ BTS และ ARL) ชนิดทำเอาเกือบลงผิดสถานีก็เคยมีมาแล้ว แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการปรับโหมดเป็น Awareness ด้วยการแตะหูฟังค้างไว้ หูฟังจะอนุญาตให้เสียงบางอย่างลอดเข้ามาได้ เช่น เสียงประกาศ เสียงพูดคุย หรือแม้กระทั่งเสียงรางรถไฟฟ้ากระทบกับล้อก็ลอดเข้ามาได้หมด รวม ๆ ถือว่า Noise Cancelling รอบนี้ปรับปรุงมาได้ดีมาก ไม่รู้ยกความสามารถมาจาก FreeBuds Pro ทั้งหมดเลยหรือเปล่า แต่รวม ๆ ผมชอบนะ และอยากให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า รอบแรกมักจะไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก AirPods ก็เช่นกัน หึหึ

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

การฟังเพลง ยอมรับว่ามิติเสียงที่ได้ออกมาดีมาก เมื่อเปิด Dolby Atmos แล้วเสียงยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพลงร็อคก็ให้เบสที่ครบ สนั่น เสียงกลองดังตุบ ๆ ฟังเพลงแนว Electronic ก็ให้เสียงครบทุกมิติ เสียงเอฟเฟคต่าง ๆ ก็มาครบ พูดตามตรงว่าการมีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ มันช่วยให้เสียงที่ออกมามีความตื่นเต้น เร้าใจ และดูครบเครื่องกว่าสมัย FreeBuds 3 เยอะมาก รวม ๆ แล้ว ถือว่าในแง่การฟังเพลง FreeBuds 3 ทำการบ้านมาดี ไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ในส่วนของการดูหนัง FreeBuds 3 ให้รายละเอียดเสียงแบบใด FreeBuds 4i ก็ย่อมให้รายละเอียดเสียงได้แบบเดียวกัน เรียกว่าแทบไม่มีความต่างให้เห็นได้แบบชัดเจนเหมือนตอนฟังเพลง แต่ในแง่มิติถือว่าออกผลงานได้ดีกว่ามาก และรวม ๆ แล้ว ถือว่าสอบผ่านในด้านการดูหนัง ฉะนั้นสองเรื่องนี้ ไว้ใจได้เลย

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ที่เซอร์ไพร์สสุดคือการใช้โทรศัพท์นี่แหละ เสียงสนทนาถือว่าชัดเจนมาก มากจนปลายสายแยกไม่ออกว่าใช้เครื่องหรือใช้หูฟังคุยอยู่ ต้องขอบคุณที่เทคโนโลยี Beamforming ของไมโครโฟน และ AI Noise Reduction สามารถช่วยทำให้เสียงพูดมีความชัดเจน ไร้เสียงรบกวนใด ๆ ได้ตามที่โฆษณาไว้จริง แม้กระทั่งอยู่เงียบ ๆ ใน Discord ก็แทบจะไม่มีเสียงรบกวนใด ๆ เล็ดลอดเข้ามาในหูฟังเลยแม้แต่น้อย

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

แต่ไฮไลต์สุดท้ายและท้ายสุด และผมก็ไม่มีเครื่องลองด้วยนี่สิ นั่นคือการเล่นเกม เพราะหูฟังตัวนี้มีความลับที่ในงานเปิดตัวก็ไม่ได้บอกครับ ความลับที่ว่านั่นคือหูฟังตัวนี้มีเทคโนโลยี Low Latency mode อันเป็นเทคโนโลยีที่ปรับค่าการส่งสัญญาณให้มีค่าความหน่วงเวลาที่ต่ำสุด ๆ แต่!!! ความสามารถนี้ต้องใช้กับสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต Huawei ที่ติดตั้ง EMUI 11 แล้วเท่านั้น เท่ากับว่าความสามารถนี้แทบเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Huawei

แต่การเล่นเกมด้วย Note 20 Ultra 5G เป็นเกมดนตรีด้วย (MuseDash/TapSonic Top ครับ~) ทำไมผมกลับรู้สึกว่า ต่อให้ไม่ต้องมีสมาร์ทโฟน Huawei การใช้ FreeBuds 4i เล่นเกมพวกนี้ ก็ได้ความรู้สึกแทบไม่ต่างจากเสียบหูฟังสายเลยแม้แต่น้อย เพราะต่อให้ปรับค่า Input Lag ก็ปรับน้อยมาก เพียงไม่กี่ ms เท่านั้น เสียงที่ได้ก็มีความเที่ยงตรง และแม่นยำพอที่จะให้ทำ Perfect Play ก็ยังได้ ฉะนั้นภาพรวมแล้วถือว่า FreeBuds 4i ทำมาดี แต่มันคงจะดีกว่านี้ ถ้ามีสมาร์ทโฟน Huawei อยู่ในมือจริง ๆ

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ภาพรวมของ FreeBuds 4i ถือว่ารอบนี้ทำการบ้านมาดี มีการแก้ไขจุดบกพร่องเยอะกว่าตอน FreeBuds 3 รวมถึงการใช้ไดรเวอร์ขนาดใหญ่มาช่วยขับเสียงถือว่าเป็นการแก้เกมเรื่องคุณภาพเสียงในทางที่ดี เสียงที่ได้ยอมรับเลยว่ามีความครบเครื่องทุกมิติ ไม่มีขาดตกบกพร่อง และก็ตัว Touch Surface ที่ผมเคยบ่นไว้ใน FreeBuds 3 ก็แทบจะไม่ได้เห็นปรากฎการณ์เดียวกันใน FreeBuds 4i ฉะนั้นถือได้ว่า รอบนี้ Huawei สอบผ่าน แบบผ่านฉลุย 100% เหลือเพียงอย่างเดียว คือ Huawei จะสร้างชื่อให้ดังได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง

การใช้พลังงานและแบตเตอรี่

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

รอบที่แล้วผมบอกว่า FreeBuds 3 สอบตกในเรื่องแบตเตอรี่ เช่นกันครับ FreeBuds 4i ก็ยังคง… “สอบตก” ในเรื่องแบตเตอรี่เหมือนกัน แบบที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย

ผมว่า Huawei น่าจะมีปัญหากับการจัดการพลังงานตอนวางทิ้งไว้จริง ๆ แหละ เพราะถ้านำมาใช้งานจริง ๆ FreeBuds 4i สามารถใช้งานได้นานติด ๆ กัน 3-4 ชั่วโมง หูฟังถึงจะร้อง Battery Low และเมื่อเสียบกลับ ก็ชาร์จได้ประมาณ 5-6 รอบ ถือว่าใช้งานได้เกินเป้า 22 ชั่วโมงที่ Huawei ตั้งใจไว้ แต่ถ้าเมื่อใด มีการวางทิ้งไว้ป๊าบ แบตเตอรี่จะค่อย ๆ หายไปทีละน้อยจนกระทั่งหมด ไม่รู้ว่ากล่องชาร์จไม่มันชาร์จหูฟังอยู่แบบนั้นเรื่อย ๆ หรือเปล่า หรือตัวกล่องยังมีอาการคลายประจุของแบตให้เห็นอยู่กันแน่

ในส่วนของการชาร์จแบต ถือว่ารอบนี้ทำการบ้านและแก้เกมได้ดี เพราะรอบที่แล้ว FreeBuds 3 ทำตัวเหมือนคุณนายเลือกสาย (เหมือน iPad Pro เด๊ะ ๆ) ถ้าสายไม่ผ่าน ก็ไม่เปิดวงจรชาร์จให้ แต่รอบนี้ FreeBuds 4i ทำตัวสำส่อน ใช้งานได้ทุกสายที่มีบนโลก ถือว่าเป็นเรื่องดีนะ เพราะถ้าจนมุมแล้วมีสาย USB-C เส้นเดียว อย่างน้อยก็อุ่นใจว่าได้ชาร์จหูฟังแน่ ๆ และในการชาร์จตัวกล่องชาร์จแบตได้ค่อนข้างไว้ เสียบทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที (ด้วยที่ชาร์จ 60W ของ MacBook) แบตก็เต็ม หรือที่ชาร์จปกติเพียง 18W ก็ใช้เวลาไม่นานมากแบตถีงจะเต็ม และในระหว่างชาร์จกล่อง มันก็ช่วยชาร์จหูฟังให้ด้วย เรียกว่าเสียบครั้งเดียว ชาร์จเร็วสองต่อ ชนิดที่เสียบเอาไว้แปปเดียว ก็ดึงหูฟังออกมาใช้งานต่อได้เลย

สรุป "นี่มัน AirPods Pro ใช่ไหมครับเนี่ยยยยยยย"

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

ก็ยอมรับเลยครับว่า ไอประโยคที่ลอยมาข้างต้นว่าระวังจะลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับ AirPods อืม.. มันก็จริงนะ เพราะประสบการณ์ของ FreeBuds 4i ที่ราคาเพียง 2,800 บาท กับ AirPods Pro ราคา 9,xxx บาท มันแทบจะไม่ต่างกันเลย คุณภาพเสียงแม้จะตามหลังเพียงน้อยนิด แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อะไรกับหูฟังจริง ๆ นี่เป็นผลงานที่น่าชื่นชมชิ้นหนึ่งของ Huawei เลยแหละ ใช้แทนกันได้ในราคาถูกกว่าครึ่งหนึ่ง แถมยังให้ประสบการณ์การฟังที่ดีไม่แพ้ AirPods Pro เลยแม้แต่น้อย

แต่ก็อย่าลืมว่า ณ ตอนนี้เรายังไม่เห็น AirPods รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ฉะนั้น หูฟังรุ่นใหม่ ๆ ที่ออกตอนนี้ ก็ถือได้ว่าเป็นหูฟังที่มีคุณภาพทัดเทียมกับ AirPods ได้อย่างสูสี ซึ่งถ้าถึงวันที่ Apple ออก AirPods ใหม่แล้ว และ AirPods มีคุณสมบัติที่ก้าวเหนือคู่แข่งไปอีกระดับหนึ่ง ถึงตอนนั้นน่าจะมีคนตามได้ยาก และอาจจะต้องใช้เวลาหลักหลายปี กว่าเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ทัดเทียม AirPods อีกครั้ง

Huawei FreeBuds 4i ใช้กับ iPhone ได้ ไหม

แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน การเลือกซื้อหูฟังใหม่ ยังไงวันนี้ก็มองข้าม Huawei ไปไม่ได้แล้วล่ะครับ เป็นตัวเลือกที่ดี แถมราคาก็ดีกว่าเยอะด้วยแหละ : )

ย้ำอีกครั้ง ใครที่อ่านจนจบ และสนใจอยากได้ FreeBuds 4i สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ในราคา 2,799 บาท มีวางขายที่ตัวแทนจำหน่าย Huawei ทั่วประเทศ, JD Central, Lazada, Shopee และที่ Huawei Official Store