ช.เล็ก สุโขทัย ล่าสุด วัน นี้

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มอบหมายให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ สนธิกำลังร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 6 และตำรวจ สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เข้าทำการตรวจค้นภายในบ้านพักของนายจรณินทร์ หมื่นจิตร หรือ นายธีรธัชช์ ธรกนก เครือข่ายแชร์ ช.เล็ก สุโขทัย ซึ่งมีพฤติการณ์ชักชวนให้ชาวบ้านร่วมลงทุนในลักษณะระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเบิกเงินโดยอ้างว่า มีเงิน 2 แสนล้านบาท จากบัญชีธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง พร้อมเสนอให้ผลตอบแทน 5 แสนบาท ต่อการลงทุน 100 บาท โดยผู้ร่วมลงทุนจะได้รับเงินเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 5 ปี  ทำให้มีชาวบ้านกว่า 10,000 ราย หลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนด้วย

นายปิยะศิริ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักและสำนักงานของกลุ่มขบวนการดังกล่าว พบว่าบ้านไม่มีสภาพเป็นบริษัทหรือประกอบกิจการตามที่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ไว้ และพบเครื่องคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เมมโมรี่การ์ดจำนวนหนึ่ง รวมถึงเอกสารที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจหรือการลงทุนใดๆ จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ ทั้งนี้ พฤติการณ์ของเครือข่ายแชร์ ช.เล็ก สุโขทัย จะมีการจัดตั้งแม่ทีมเพื่อออกชักชวนประชาชนทั่วประเทศ โดยใช้เฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และฉ้อโกงประชาชน โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบได้ดำเนินการเป็นสำนวนสืบสวนที่ 50/2564

นายปิยะศิริ กล่าวว่า ขณะนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้นยังไม่ชัดเจน เพราะประชาชนลงทุนผ่านโซเชียลในจังหวัดต่างๆ แต่จากข้อมูลพบว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.สุโขทัย มีผู้เสียหายร้องเรียนจำนวน 800-2,000 คน แต่ละคนจะนำเงินมาลงทุนตั้งแต่ 100-2,000 บาท ถือเป็นการหลอกทางอินเทอร์เน็ต สำหรับรูปแบบของการชักชวนจะพบว่า คนที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นจะไปชักชวนคนอื่นๆต่อ และมีการฝากกันลงทุน ผู้ต้องหาหลอกชาวบ้านมากว่า 1 ปีแล้ว โดยใช้โปรแกรมตัดต่อภาพว่า มีเงินอยู่ในบัญชีที่จะใช้ลงทุน 2 แสนล้านบาท

“ผมขอให้ดีเอสไอภาค 6 ไปแจ้งความเอาผิดผู้ต้องหาที่ สภ.ศรีสัชชาลัย 2 ข้อหา ได้แก่ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน โดยระหว่างนี้ดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดี แต่เพื่อระงับไม่ให้เกิดความเสียหาย จึงต้องเร่งเข้าไปดำเนินการเพื่อให้ผู้ต้องหายุติการชักชวน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ดีเอสไอจะจะทำหนังสือสอบถามไปยังกระทรวงพาณิชย์เพื่อตรวจสอบการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าวว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หากพบว่าไม่มีการประกอบธุรกิจจริงก็จะประสานงานเพื่อทำการยกเลิกใบอนุญาตประกอบธุรกิจต่อไป” ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบฯ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า ตามที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มีข้อสั่งการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการทางกฎหมายและทำลายเครือข่ายงาน กรณีกลุ่มบุคคลในจังหวัดสุโขทัยมีพฤติกรรมเชิญชวนประชาชนให้ลงทุนในธุรกิจที่ไม่มีจริงในลักษณะของการฉ้อโกงประชาชน ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ทำการสืบสวนร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดสุโขทัย กรณี ช.เล็ก สุโขทัย

ซึ่งมีพฤติการณ์ในการฉ้อโกงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการชักชวนให้ประชาชนทั่วไป ร่วมลงทุนในลักษณะระดมทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเบิกเงิน โดยอ้างว่ามีเงินจำนวน 2 แสนล้านบาท จากบัญชีธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และเสนอให้ผลตอบแทน 5 แสนบาท ต่อการลงทุน 100 บาท และได้รับเงินเดือน เดือนละ 1 หมื่นบาท เป็นเวลา 5 ปี ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อกว่า 1 หมื่นราย

และมีการจัดตั้งแม่ทีมออกชักชวนประชาชนทั่วประเทศ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ อันเข้าลักษณะความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และฉ้อโกงประชาชน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการเป็นสำนวนสืบสวนที่ 50/2564

กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนให้ระมัดระวังในการร่วมลงทุนผ่านทางแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊กและแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยก่อนตัดสินใจร่วมลงทุนใดๆ ขอให้ตรวจสอบธุรกิจว่ามีจริงตามที่โฆษณาไว้หรือไม่ ซึ่งหากเกิดปัญหาความเสียหายขึ้น อาจจะมีความยากลำบากในการได้เงินคืน ทั้งนี้ ประชาชนผู้เสียหายสามารถแจ้งข้อมูล/เบาะแสต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรศรีสัชนาลัย หรือ
ที่เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือติดต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ที่ กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร 0-2142-2831 หรือสายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร 1202 โทรฟรีทั่วประเทศ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่