ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้

ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้

ถ้าเราเคยใช้เฟสบุ๊คจากที่อื่นๆ แล้วจำไม่ได้ว่าสั่ง Log out ออกแล้วหรือยัง ระบบอาจจะล็อกอินค้างไว้ ทั้งนี้เราสามารถสั่งให้ ออกจากระบบ FacebooK ด้วยมือถือของเราได้แบบง่ายๆ และยังเช็คได้ว่าเฟสของเรานี้เคยไปล็อกอินผ่านอุปกรณ์ไหนไว้บ้าง

สำหรับการรักษาความปลอดภัย เพื่อปกป้องบัญชีเฟสบุ๊คของเราเองด้วยการสั่ง Log out ออกจากระบบในทุกเครื่องได้ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากที่เราจะไม่ต้องกังวลว่าจะกลับไปล็อกเอาท์ได้อย่างไร สามารถทำโดยตรงจากมือถือของคุณเลยทันที

1. เปิดแอพเฟสบุ๊คด้วยมือถือ และเปิดเมนูการตั้งค่า

  • แตะที่เมนู 3 ขีด > แตะการตั้งค่า (setting)
ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้
สามารถสั่งให้ Facebook ออกจากระบบ

2. การรักษาความปลอดภัย Security

  • เลือกการรักษาความปลอดภัยและการเข้าสู่ระบบ  Security and Login
ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้
ออกเฟสจากทุกเครื่อง

3. จากนั้นดูที่หัวข้อ สถานที่การเข้าสู่ระบบ Where you’re logged in จะเห็นเพียงบางรายการเท่านั้น

  • แตะดูทั้งหมด เพื่อดูรายการอุปกรณ์เครื่องที่เราเคยเข้าสู่ระบบ
ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้
เช็คประวัติว่าเฟสบุ๊คของเรา มีอุปกรณ์อะไรในการเข้าล็อกอินใช้งาน

4. จากนั้นจะเห็นว่ามีอุปกรณ์มากมายที่เราเคยล็อกอิน ถ้าต้องการให้ออกจากระบบทั้งหมดทุกอุปกรณ์

  • เลื่อนเม้าส์ลงด้านล่างสุด
  • แตะออกจากระบบหมดทั้งหมดทุกเครื่อง Log out of all sessions
ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้
สั้งให้ ออกจากระบบ Facebook พร้อมกันทุกเครื่องและทุกอุปกรณ์

หรือถ้าต้องการเลือกให้ออกเฉพาะบางเครื่อง หรือเลือกเอาออกทีละรายการก็สามารถทำได้ดังนี้

  • เลือกเครื่องที่ต้องการและแตะที่ 3 จุด
  • แตะ Log out
ออกจากระบบ facebook ใน safari ไม่ได้
Log out ออกจากระบบเฟส

สำหรับสั่งออกจากระบบด้วยมือถือ Smartphone เครื่องประจำของเรา ก็สามารถช่วยจัดการความปลอดภัยให้กับบัญชีเฟสบุ๊คของเราอย่างทันท่วงที เนื่องจากเคยมีกรณีที่ผู้ใช้บางคนเผลอใช้เฟสในเครื่องคอมที่ทำงานแล้วดันลืมล็อกเอ้าท์ออก

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติ่มได้ที่ เฟสบุ๊ค

บทความแนะนำ

  • วิธีออกจากระบบเฟสบุ๊ค ด้วย Facebook Messenger PC

หาก Safari ของคุณไม่ทำงานตามที่คาดหวัง วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้อาจช่วยได้

วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้เหมาะกับปัญหาที่ส่งผลต่อ Safari บน Mac รวมถึงปัญหาต่างๆ ต่อไปนี้

  • หน้าเว็บว่างเปล่า ไม่แสดงเนื้อหาทั้งหมด หรือไม่ทำงานตามที่คาดหวัง
  • ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้เว็บเพจได้ แม้จะใช้ข้อมูลการลงชื่อเข้าใช้ที่ถูกต้องก็ตาม
  • เว็บเพจขอให้คุณลบหรือรีเซ็ตคุกกี้
  • Safari ทำงานช้าลงหรือหยุดการตอบสนอง

มีวิธีแก้ปัญหาสำหรับ Safari บน iPhone และ iPad ด้วย

โหลดหน้าเว็บใหม่

หากต้องการโหลดหน้าเว็บใหม่ ให้เลือกมุมมอง > โหลดหน้าเว็บใหม่ หรือกด Command-R หากไม่สามารถโหลดใหม่ได้ ลองตรวจสอบว่าคุณเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้ว

หากยังโหลดหน้าเว็บใหม่ไม่ได้ ให้ทำดังนี้

  1. กด Command-Q เพื่อออกจาก Safari หาก Safari ไม่ปิด ให้กดปุ่ม Option-Command-Esc เพื่อบังคับให้ Safari ปิด
  2. เปิด Safari อีกครั้ง แล้วลองโหลดหน้าเว็บ เมื่อ Safari เปิดขึ้น หากเปิดเป็นหน้าเว็บที่คุณไม่ต้องการเปิดโดยอัตโนมัติ ให้ออกจาก Safari อีกครั้ง จากนั้นกดปุ่ม Shift ค้างไว้ขณะเปิด Safari 

ตรวจสอบส่วนขยายของ Safari

หากคุณติดตั้งส่วนขยายของ Safari ไว้ ส่วนขยายนั้นต้องเป็นเวอร์ชันล่าสุด

คุณสามารถลองปิดส่วนขยายได้ จากแถบเมนูใน Safari ให้เลือก Safari > การตั้งค่า คลิกส่วนขยาย จากนั้นยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมายสำหรับส่วนขยายแต่ละรายการเพื่อปิด ดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่วนขยายของ Safari

ตรวจสอบการตั้งค่า Safari

หน้าเว็บอาจเข้ากันไม่ได้กับการตั้งค่าเบราว์เซอร์อย่างน้อยหนึ่งรายการ ซึ่งคุณสามารถเปิดหรือปิดได้หากจำเป็น จากแถบเมนูใน Safari ให้เลือก Safari > การตั้งค่า จากนั้นคลิกเว็บไซต์ ความเป็นส่วนตัว หรือความปลอดภัย เพื่อเข้าถึงการตั้งค่าเหล่านี้

  • การตั้งค่าเว็บไซต์ คุณสามารถกำหนดค่าการตั้งค่าเหล่านี้สำหรับเว็บไซต์เฉพาะได้
  • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว การตั้งค่าเหล่านี้ใช้กับทุกเว็บไซต์
  • การตั้งค่าความปลอดภัย การตั้งค่าเหล่านี้ใช้กับทุกเว็บไซต์

ทดสอบกับหน้าต่างส่วนตัว

เว็บไซต์จะสามารถเก็บคุกกี้ แคช และข้อมูลอื่นๆ บน Mac ของคุณได้ และปัญหาที่เกี่ยวกับข้อมูลนั้นอาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของคุณได้ ดูในหน้าต่างส่วนตัวเพื่อป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ใช้ข้อมูลนั้น จากแถบเมนูใน Safari ให้เลือกไฟล์ > หน้าต่างส่วนตัวใหม่ หรือกด Shift-Command-N

หากได้ผล ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อลบข้อมูลของเว็บไซต์ รวมทั้งแคชและคุกกี้ของเว็บไซต์ จากนั้นเว็บไซต์นั้นจะสามารถสร้างข้อมูลใหม่ได้ตามต้องการ หากเป็นเว็บไซต์ที่คุณลงชื่อเข้าใช้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณทราบข้อมูลการลงชื่อเข้าใช้ของคุณก่อนที่จะดำเนินการต่อไป

  1. เลือก Safari > การตั้งค่า จากนั้นคลิกความเป็นส่วนตัว
  2. คลิกจัดการข้อมูลเว็บไซต์
  3. เลือกเว็บไซต์ที่ได้รับผลกระทบจากรายการที่แสดงอยู่
  4. คลิกลบ
  5. คลิกเสร็จสิ้น
  6. เปิดเว็บไซต์อีกครั้งในหน้าต่างเบราว์เซอร์แบบไม่ส่วนตัว

ติดตั้งรายการอัปเดตซอฟต์แวร์

ตรวจสอบ VPN หรือซอฟต์แวร์ความปลอดภัยอื่นๆ

ตรวจสอบการตั้งค่าเครือข่าย

การตั้งค่าเครือข่ายบางอย่าง เช่น การตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการใช้เซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่ หรือเซิร์ฟเวอร์ DNS แบบกำหนดเองอาจส่งผลต่อการเข้าถึงคอนเทนต์บนอินเทอร์เน็ต แม้ว่าคุณจะไม่เคยเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเครือข่าย แต่คุณอาจเคยติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เปลี่ยนแปลงการตั้งค่าเหล่านั้นให้คุณก็ได้

หากต้องการดูว่าปัญหานั้นเกิดขึ้นกับการตั้งค่าเครือข่ายบน Mac ของคุณหรือไม่ ให้ลองดูเว็บไซต์จากอุปกรณ์อื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายเดียวกัน นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มตำแหน่งที่ตั้งเครือข่ายใหม่ในการตั้งค่าเครือข่ายได้เพื่อเป็นการรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่ายของคุณสำหรับการทดสอบอย่างรวดเร็ว

หากต้องการดูว่าปัญหาอยู่ที่เครือข่ายของคุณเองหรือไม่ ให้ลองดูเว็บไซต์หลังจากเชื่อมต่อกับเครือข่ายอื่น

แก้ไขปัญหาอื่นๆ

  • หากปรากฏว่า Safari ติดอยู่ที่โฮมเพจที่ไม่คาดคิด
  • หาก Safari ไม่สามารถเปิดหน้าเว็บได้เนื่องจากมีการเปลี่ยนทางของที่อยู่หน้าเว็บมากไป
  • หากคุณต้องการบล็อกโฆษณาป๊อปอัพและหน้าต่าง
  • หากคุณลบ Safari และไม่มีข้อมูลสำรอง ให้ติดตั้ง macOS อีกครั้ง เพื่อนำ Safari กลับลงไปในโฟลเดอร์แอปพลิเคชัน การติดตั้ง macOS อีกครั้งจะไม่ลบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของคุณ

วันที่เผยแพร่: 7 กรกฎาคม 2565