นางพญาเสือโคร่ง (ชื่อทางวิทยาศาสตร์ Prunus cerasoides) เป็นไม้สกุล บ๊วย ท้อ และซากุระ จึงได้ชื่อว่า ซากุระเมืองไทย พบทั่วไปบนดอยสูง เช่น ดอยขุนถาน จังหวัดน่าน ดอยแม่สะลอง จังหวัดเชียงราย ดอยเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ออกดอกช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่เดิมนั้น นางพญาเสือโคร่ง เป็นพรรณไม้ที่มีการกระจายพันธุ์ตามธรรมชาติ พบทางตอนใต้ของประเทศจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน ปัจจุบันพบอยู่ในป่าที่ระดับความสูง 500-1,500 เมตร จากระดับน้ำทะเล ลักษณะของนางพญาเสือโคร่ง คือเป็นไม้ยืนต้นผลัดใบ ขนาดเล็ก มีความสูงประมาณ 10-15 เมตร มีดอกสีขาว ชมพู หรือแดง ออกเป็นช่อกระจุกใกล้ปลายกิ่ง ก้านดอกยาว 0.7-2 เซนติเมตร ขอบริ้วประดับจักไม่เป็นระเบียบ Show กลีบเลี้ยงติดกันเป็นรูปกรวย มีกลีบดอก 5 กลีบ เมื่อบานขนาดโตเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 เซนติเมตร จะออกดอกระหว่างเดือนธันวาคมจนถึงกุมภาพันธ์ โดยจะทิ้งใบก่อนออกดอก นางพญาเสือโคร่งถูกปลูกขึ้นบนพื้นที่ต้นน้ำลำธารมาเป็นเวลา 10 ปี แล้วปรากฏว่าได้ผลดี เป็นไม้ที่มีเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ผ่านการทำไร่เลื่อนลอย หรือบนพื้นที่สูงแต่ไม่ควรปลูกบนพื้นที่ซึ่งมีลมพัดจะทำให้กิ่งก้านหักได้ง่ายขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด ประโยชน์ของต้นนางพญาเสือโคร่งนั้น นอกจากสามารถนำมาปลูกเป็นไม้ประดับได้แล้ว ผลของพญาเสือโคร่งยังสามารถนำมารับประทานได้ มีรสเปรี้ยว แม้ว่านางพญาเสือโคร่งจะถูกเปรียบเปรยเป็นซากุระ แต่พญาเสือโคร่งมีความแตกต่างจากซากุระ คือช่วงเวลาออกดอกไม่ตรงกัน โดยซากุระออกดอกช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน ส่วนนางพญาเสือโคร่งออกดอกในเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม พืชทั้งสองอยู่ในวงศ์เดียวกัน คือ Rosaceae (วงศ์กุหลาบ) และมีการสันนิษฐานว่า นางพญาเสือโคร่งและซากุระมีบรรพบุรุษร่วมกันทางตอนใต้ของจีนและวิวัฒนาการออกไปจนมีสายพันธุ์มากมาย มีสีที่หลากหลาย หากต้องการสัมผัสกับอากาศหนาวเย็นท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกโอบล้อมไปด้วยดอกพญาเสือโคร่งสีสันสวยงามบานสะพรั่ง พร้อมกับชื่นชมทรรศนียภาพที่สวยงามแล้ว ดอยทางภาคเหนือเห็นจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่สามารถหยิบยื่นความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือน ดอกพญาเสือโคร่งสีชมพูบนขุนช่างเคี่ยน กำลังเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสในช่วงฤดูหนาวนี้ ภาพและวีดีโออัพเดทล่าสุดจากโซเซียลมีเดียFeed จาก Hashtag อัตโนมัติ เพื่อนักท่องเที่ยวจะได้รับข้อมูลความเคลื่อนไหวล่าสุดจากโซเซียลต่างๆ หากพบข้อมูลไม่เหมาะสมโปรดแจ้งได้ที่ ไลน์แอด @faceticket นางพญาเสือโคร่งนางพญาเสือโคร่ง ชื่อสามัญ Wild Himalayan Cherry, Sour cherry นางพญาเสือโคร่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ Cerasus cerasoides (Buch.-Ham. ex D. Don) S.Y. Sokolov (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Prunus cerasoides Buch.-Ham. ex D. Don, Prunus majestica Koehne, Prunus puddum (Roxb. ex Ser.) Brandis) จัดอยู่ในวงศ์กุหลาบ (ROSACEAE)[1] สมุนไพรนางพญาเสือโคร่ง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ซากุระดอย (เชียงใหม่), ฉวีวรรณ ชมพูภูพิงค์ (ภาคเหนือ), คัวเคาะ เส่คาแว่ เส่แผ่ แส่ลาแหล (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), ยาแก่ะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) เป็นต้น[1],[2],[3] หมายเหตุ : ต้นนางพญาเสือโคร่ง ได้รับฉายาว่า “ซากุระเมืองไทย” เนื่องจากมีลักษณะคล้ายซากุระ และในประเทศญี่ปุ่นจะเรียกดอกไม้ของพรรณไม้ชนิดนี้ว่า “ฮิมาลายาซากุระ” (ヒマラヤザクラ) ลักษณะของนางพญาเสือโคร่ง
หมายเหตุ : ต้นนางพญาเสือโคร่งมีความแตกต่างจากซากุระญี่ปุ่นตรงที่ช่วงเวลาการออกดอก คือ นางพญาเสือโคร่งจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ (ฤดูหนาว) ส่วนซากุระในญี่ปุ่นจะออกดอกในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน (ฤดูใบไม้ผลิของญี่ปุ่น) และยังมีข้อสันนิษฐานว่าพรรณไม้ทั้งสองชนิดนี้มีบรรพบุรุษร่วมกันทางตอนใต้ของจีน และมีวิวัฒนาการออกไปจนมีหลากหลายสายพันธุ์ สรรพคุณของนางพญาเสือโคร่ง
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของนางพญาเสือโคร่ง
ประโยชน์ของนางพญาเสือโคร่ง
ซากุระเมืองไทยสำหรับสถานที่เที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งในประเทศไทยก็มีอยู่หลายที่ด้วยกัน เช่น ขุนช่างเคี่ยน จ.เชียงใหม่ (เป็นสถานที่เที่ยวชมดอกนางพญาเสือโคร่งยอดฮิตของภาคเหนือ), ขุนแม่ยะ (หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ) จ.แม่ฮ่องสอน, สถานีเกษตรหลวงขุนวาง จ.เชียงใหม่, ดอยช้าง-ดอยวาวี จ.เชียงราย, ดอยแม่ตะมาน จ.เชียงใหม่, ดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่, ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่, ภูลมโล จ.เลย เป็นต้น เอกสารอ้างอิง
ภาพประกอบ : www.flickr.com (by kampee patisena, Jeeranan R, Min Sheng Khoo, Tassaphon Vongkittipong, Jim Mayes, Saroj Kumar Kasaju, norsez, Nareerat Klinhom, kampee patisena) เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai) |