MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

  • Apple Macbook (แมคบุ๊ค) ดีอย่างไร ? 
  • MacBook มีกี่แบบ?
  • Apple Silicon เปรียบเทียบ M1, M1 Pro และ M1 Max แบบไหนดีกว่ากัน ?
  • ซื้อแมคบุ๊คเครื่องแรก : เลือก MacBook รุ่นไหนดี ต้องดูจากอะไรบ้าง?
  • เปรียบเทียบ MacBook แต่ละรุ่น เหมาะสำหรับการทำงานแบบไหนที่สุด
  • MacBook Pro รุ่มใหม่ในปี 2021
  • รีวิว Apple Macbook Pro 14 นิ้ว M1 Pro ปี 2021
  • รีวิว Apple Macbook Pro 16 นิ้ว M1 Pro ปี 2021
  • รีวิว Apple Macbook Pro 14 นิ้ว M1 Max ปี 2021
  • รีวิว Apple Macbook Pro 16 นิ้ว M1 Max ปี 2021
  • รีวิว Apple MacBook Air 13 นิ้ว Apple M1 รุ่นปี 2020
  • รีวิว Apple Macbook Pro 13 นิ้ว Intel Core i5 Gen10 แบบ Quad-Core
  • รีวิว Apple Macbook Pro M1 13 นิ้ว รุ่นปี 2020
  • รีวิว Apple MacBook Pro 16 นิ้ว ปี 2019
  • คู่มือการซื้อแล็ปท็อป MacBook ในปี 2021
  • MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการพกพา
  • MacBook รุ่นไหนที่เด่นในเรื่องของแบตเตอรี่
  • MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูล
  • MacBook รุ่นไหนที่เร็วที่สุด
  • MacBook ที่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกม
  • MacBook สำหรับนักเรียน
  • ข้อควรรู้ก่อนซื้อ MacBook 
  • จำเป็นต้องซื้อ AppleCare เพิ่มไหม?

Show

และแล้วก็มาถึงบทความที่ลำบากใจที่สุดเพราะผู้เขียนเข้าใจดีว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความ “รีวิว Macbook รุ่นไหนดี” ในวันนี้ จะต้องเป็นกลุ่มคนที่ไม่ถนัดในเรื่องเทคโนโลยีใช่มั้ยคะ? และด้วยผู้เขียนเองทราบดีว่าคำศัพท์ทางคอมพิวเตอร์บางทีมันก็ค่อนข้างยุ่งยากและไม่เข้าใจจริง ๆ ค่ะ และที่สำคัญการจะลงทุนซื้อแล็ปท็อปราคาสูงทั้งทีจะหลับตาชี้นิ้วสั่ง ๆ ไปก็ไม่ได้อีก ดังนั้นในบทความนี้ ผู้เขียนจึงอยากมาแนะนำการเลือก Macbook ที่เข้าใจง่ายที่สุด เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รู้ว่าตัวเองเหมาะกับ Macbook รุ่นไหนนะคะ

แต่ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันนี้ ทาง Apple ได้มีการใช้ชิปของตัวเองแล้วโดยมีชื่อเรียกว่า Apple Silicon ซึ่งตอนนี้ก็มีออกให้เราได้เชยชมกันถึง 3 รุ่น คือ M1 ของปี 2020 และ M1 Pro กับ M1 Max ที่ออกมาพร้อมกันในปี 2021 เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยได้นำไปใช้กับ Macbook รุ่นใหม่ ๆ บ้างแล้ว และหากพูดตามความเป็จจริงมันก็ค่อนข้างเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ ในแง่ของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ดีกว่า เร็วกว่า และประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า (กดเพื่อเลื่อนลงไปอ่านข้อมูล Apple Silicon เพิ่มเติม)

ดังนั้นบทความในวันนี้คุณจะไม่พบ Macbook รุ่นเก่า ๆ อีกต่อไปแล้วนะคะ เอาละค่ะอธิบายมายืดยาวพอสมควรแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ โดยจะเริ่มจากทำความรู้จัก Macbook กันสักหน่อย ทำไมมันจึงแพงหนักหนา? และทำไมมันจึงได้รับความนิยมทั่วโลก? เรามาดูกันเลยค่ะ

ใช้ CPU ของตัวเอง (Apple Silicon)

สำหรับใครที่เป็นสาวกของ Macbook คงจะทราบดีว่าเมื่อก่อนนี้ทาง Apple ยังต้องใช้ตัว CPU ของ Intel® ในการประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ ให้ Macbook ทำงานได้ แต่ในตอนนี้ Apple ได้ผลิต CPU ของตัวเองขึ้นมา หรือก็คือ Apple Silicon ที่ไม่ได้เป็นเพียง CPU ธรรมดา ๆ หรอกค่ะ

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นชิปขนาดเล็กที่ได้รวบรวมหน่วยประมวลต่าง ๆ ที่ทำงานต่างกันมาไว้ในตัวเดียว วิธีนี้จะช่วยทำให้ทุกอย่างเข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น อาทิเช่น CPU หรือ GPU สามารถเข้าถึง RAM ได้ทันทีเนื่องจากมันได้รวมไว้อยู่ในชิปตัวเดียวกัน (อารมณ์เหมือนเรากับแม่ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน แล้วแม่ก็ตะโกนเรียกเราให้มากินข้าวเลยค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าแม่จะไม่ต้องโทรตามเราหรือนั่งรถเดินทางไปหาเราให้ยุ่งยากเลยใช่มั้ยคะ) ดังนั้นมันจึงช่วยลดจำนวนชุดคำสั่งลงไปได้เยอะเลยค่ะ ทำให้ตัวเครื่องไม่ต้องทำงานหนักอีกต่อไป และท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้มันกลายเป็นชิปที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น จึงเป็นที่มาของแบตเตอรี่ที่อึดทนทานและระบบความร้อนที่ดีขึ้นนั่นเองค่ะ

ระบบปฏิบัติการที่ดี

Macbook เป็นแล็ปท็อปชนิดหนึ่งที่ผลิตโดย Apple ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ยอดเยี่ยมทั้งดีไซน์ ความแข็งแรงทนทาน รวมถึงระบบการใช้งาน และยังเป็นที่รู้กันดีว่าสินค้าของ Apple ทั้งหมดจะมีระบบปฏิบัติการเป็นตัวเองภายใต้ชื่อ macOS ซึ่งจะไม่แชร์ระบบตัวนี้ใช้กับแบรนด์อื่นใช้งาน

นั่นหมายความว่ามันเป็นระบบปิดที่มีความปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของผู้ใช้งานสูงมาก ๆ และน้อยครั้งที่เราจะพบว่ามีผู้ใช้ระบบ macOS โดนแฮกเกอร์หรือโดนไวรัสเล่นงาน อีกทั้งตัว macOS เองก็ยังมีความสเถียรมากพอจนทำให้คุณใช้งานได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ซึ่งข้อดีอีกอย่างของ macOS ก็คือมันติดตั้งฟรีไม่ต้องค่าจ่ายใช้ใด ๆ และยังสามารถอัปเดตเวอร์ชันใหม่ ๆ ได้ตลอดที่มีการอัปเดทจากทาง Apple

โดย macOS จะมีโปรแกรมพื้นฐานฟรีที่ใช้งานได้อย่างเต็มที่ และยังเป็นโปรแกรมที่มีเฉพาะแต่ใน macOS เท่านั้น การที่คุณจะเซฟงานแล้วไปเปิดไฟล์ใน Windows จึงต้องมีการแปลงไฟล์กันก่อน นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ตัวอื่น ๆ ภายในเครือของ Apple ได้อย่างง่าย โดยไม่ต้องต่อสายให้ยุ่งยากและไม่จำเป็นต้องลงโปรแกรมอะไรอีกด้วย  ไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ iPadและด้วยข้อจำกัดที่เชื่อมได้เฉพาะอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น ทำให้สินค้าของ Apple ทั้งหมดมีความปลอดภัยต่อการติดไวรัสมากยิ่งขึ้น ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะมีระบบปฏิบัติการเป็นตัวเองก็ตาม แต่หากคุณมีความจำเป็นต้องใช้งานฝั่ง Windows คุณก็ยังสามารถใช้ทั้งสองระบบร่วมกันอย่างแน่นอนค่ะ

ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทาน แบตอึดใช้ได้นาน

นอกจากความสวยของสีสัน Macbook ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว มันยังเป็นแล็ปท็อปที่เหมาะสำหรับพกพาไปทำงานนอกสถานที่มาก ๆ เพราะด้วยน้ำเครื่องที่เบาและบาง ทำให้คุณไม่ต้องแบกแล็ปท็อปหนัก ๆ อีกต่อไป และยังมีประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ที่ดีเยี่ยมเช่นกัน สามารถใช้งานติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องชาร์จแบตตลอดเวลาเลยค่ะ เรียกว่าเป็นแล็ปท็อปที่มีแบตอึดมาก ๆ อีกยี่ห้อหนึ่งเลยก็ได้

ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้ดี เพราะด้วยวัสดุตัวเครื่องเป็นอะลูมิเนียม มันจึงระบายความออกได้รอบตัวเครื่องเลยค่ะ แต่ด้วยความเป็นอะลูมิเนียมนั้นมันจึงไม่เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่อุณหภูมิห้องนะคะ เพราะเครื่องอาจจะร้อนเกินไป แต่สำหรับในห้องแอร์คือใช้งานได้ไม่มีปัญหาเลยค่ะ

แต่ช้าก่อนค่ะอ่านถึงตรงนี้แล้วก็อย่าเพิ่งเบือนหน้าหนีไปไหน เพราะล่าสุดทาง Apple ได้มีการใช้ชิปของตัวเอง ส่งผลให้อาการเครื่องร้อน เสียงพัดลมทำงานหนักหายไปในพริบตา ใครที่สนใจคุณสามารถมองหา Macbook ที่ใช้ชิป M1 , M1 Pro หรือ M1 Max ได้เลยค่ะ บอกเลยว่า 3 ตัวนี้คือขึ้นชื่อในเรื่องของระบบระบายความร้อนที่ดีที่สุดแล้วค่ะ โดยเฉพาะ M1 Pro หรือ M1 Max เรียกว่าทำได้ดีกว่า M1 รุ่นแรกมาก ๆ ถึง 50% เชียวค่ะ

Trackpad และ Keyboard ที่ดี

ใครที่เคยมีประสบการณ์ขัดใจกับ TouchPad ของยี่ห้ออื่นจนต้องหาเมาส์มาใช้งานแทน หากคุณได้ลองมาใช้ Trackpad (แทร็คแพด) ของ Macbook ที่มีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับปัด หนีบ หรือซูม รับรองว่าคุณจะลืมประการณ์แย่ ๆ ไปเลยค่ะ เพราะด้วยความแม่นยำของตัว Trackpad ทำให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกลื่นไหลมาก ๆ โดยไม่ต้องง้อเมาส์อีกต่อไปค่ะ แม้ว่า Trackpad จะไม่มีปุ่มใด ๆ ให้เราได้เห็นว่าควรกดซ้ายขาวตรงไหน แต่ Trackpad ก็แยกโซนการคลิกซ้ายขวาอย่างชัดเจนทำให้ใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ต้องกดจนนิ้วหักก็รับคำสั่งอย่างรวดเร็วแล้วค่ะ

ในส่วนของ Keyboard Macbook นั้นหรือที่เรียกว่า Magic Keyboard ก็จะออกมาแบบมาให้มีปุ่มนูนขึ้นมาไม่มากนัก ซึ่งทำให้เราออกแรงกดเบา ๆ ก็สามารถพิมพ์งานได้อย่างไม่มีสะดุด ทั้งยังมีไฟ BlackLight ในตัว และมีระยะปุ่มที่เว้นไว้อย่างถนัดมือ และยังมีปุ่มลัดคีย์บอร์ดใหม่ ๆ ที่ใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายต่อการใช้งาน แต่ถ้าใครที่ชอบ Keyboard แบบต้องออกแรงกด เราขอแนะนำให้คุณลองมาใช้ Keyboard ของ Macbook ดูก่อนค่ะ รับรองว่าคุณจะติดใจ 🙂 นอกจากนี้ Macbook รุ่นใหม่ ๆ ก็ได้มีการเพิ่มปุ่ม Touch ID ที่ใช้สำหรับสแกนลายนิ้วมือได้ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกในการปลดล็อค MacBook, การซื้อของในแอปสโตร์ หรือการยันยืนคำสั่งใด ๆ ก็ตามอีกด้วยนะคะ

หน้าจอ Retina

หน้าจอของ Macbook ทุกประเภทจะเป็นจอแบบ Retina ที่ให้ภาพสวยสมจริง มีความละเอียดสูง ให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าแล็ปท็อปทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ทำงานด้านการออกแบบ, สายกราฟิก สายพัฒนาเกมมาก ๆ โดยเฉพาะอาชีพกราฟฟิกดีไซน์ที่เรียกว่า Macbook กลายเป็นขวัญใจของคนกลุ่มนี้เลยก็ได้ นี่เป็นเห็นผลที่เรามักเห็นเหล่าบล็อกเกอร์-ยูทูปเปอร์ หรือนักตัดต่อวีดีโอทำคลิป จะใช้ Macbook หรือ iMac กันส่วนใหญ่นั่นเองค่ะ

ราคาขายต่อมือสอง

สำหรับแล็ปท็อปของ Apple นั้นมีมูลค่าการขายต่อที่สูงกว่าแบรนด์อื่น ๆ พูดง่าย ๆ ก็คือคุณจะขายต่อได้ราคาดีกว่านั่นเองค่ะ โดยทั่วไปแล้วแล็ปท็อปของ Apple มีคุณภาพการผลิตที่ดี ทั้งยังเป็นที่สนใจของคนในสังคม เพราะมันจะช่วยสร้างความมั่นใจและทำให้ภาพลักษณ์ของผู้ใช้ดูมีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ

MacBook มีกี่แบบ?

สำหรับใครกำลังสนใจ MacBook อยู่สิ่งแรกที่คุณจะต้องรู้คือ MacBook แต่ละตัวมีรูปทรง ดีไซน์ และสีสันที่ไม่ต่างกันมากนัก หากมองดูเผิน ๆ คุณอาจจะแยกไม่ออกว่าเป็น MacBook รุ่นไหน ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมีราคาและสเปคที่ต่างกัน ดังนั้นก่อนจะซื้อ MacBook สิ่งแรกที่คุณรู้คือประเภทของ MacBook อย่างคร่าว ๆ กันก่อนนะคะ โดยจะมี 2 ประเภทแยกตามการใช้งานดังนี้

1. MacBook Air (แมคบุ๊ค แอร์) เหมาะกับใคร?

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

MacBook Air เป็น MacBook ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา MacBook ทั้งหมด โดยปัจจุบันนี้มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 32,900.00 บาทเท่านั้น ซึ่งจะมีสีสันให้เลือกเยอะมากเหมาะสำหรับสาว ๆ เลยค่ะ ทั้งยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เน้นพกพาสะดวก โดยจะมีขนาดจอ 13 นิ้วอย่างเดียว ในส่วนของระบบการทำงานนั้น MacBook Air จัดอยู่ในระดับดี เหมาะสำหรับการใช้งานโปรแกรมพื้นฐานทั่วไป อย่างเช่น งานเอกสารหรือตัดต่อรูปภาพง่าย ๆ รวมถึงเหมาะสำหรับนักเรียนหรือกลุ่มคนที่ชอบท่องเว็บ, ฟังเพลง, ดูหนังออนไลน์เป็นหลัก หากคุณมีความจำเป็นที่ต้องใช้โปรแกรมเฉพาะทางหรือต้องใช้งานหนัก รวมถึงต้องการใช้งานด้านกราฟิกที่มีจอภาพความละเอียดสูง อย่างเช่น การตัดต่อวีดีโอหรือซื้อมาเล่นเกมที่มีภาพสวย ๆ สิ่งเหล่านี้จะกับไม่เหมาะ MacBook Air อย่างแน่นอนค่ะ

2. MacBook Pro (แมคบุ๊ค โปร) เหมาะกับใคร?

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

สำหรับ MacBook Pro นั้นมีขนาดและน้ำหนักที่เบาบางไม่ต่างจาก MacBook Air มีสีให้เลือกไม่มากนัก แต่จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพที่เหนือกว่า MacBook Air ในทุก ๆ ด้าน ดังนั้นมันจึงใช้งานได้ครอบคลุมมากกว่า ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อมาใช้งานอย่างจริงจังหรือใช้งานที่ต้องประมวลผลหนัก ๆ ค่ะ สำหรับใครที่มีอาชีพเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ MacBook Pro ก็จัดเป็นตัวเลือกยอดนิยมของกลุ่มคนกลุ่มนี้มาก โดย MacBook Pro จะแบ่งรุ่นออกตามขนาดหน้าจอ รุ่น 13 นิ้ว , 14 นิ้ว และ 16 นิ้ว ที่แต่ละรุ่นจะมีประสิทธิภาพของ CPU, การ์ดจอ และอื่น ๆ อีกมากมายที่ต่างกัน หากคุณอยากรู้ว่ารุ่นไหนเป็น MacBook Pro ที่สเปกแรงและดีที่สุด คำตอบง่าย ๆ ก็คือรุ่น 14 นิ้ว และ 16 นิ้วค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณจะเลือกชิปแบบไหนด้วยนะคะ ระหว่าง M1 Pro กับ M1 Max ของปี 2021 เพราะขนาดของหน้าจอทั้งสองเราสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ชิปตัวไหนค่ะ หากให้แนะนำจริง ๆ สำหรับงานกราฟิกหนัก ๆ ควรเลือกชิป M1 Max ทั้งนี้ในส่วน MacBook Pro 13 นิ้ว ณ ตอนนี้ยังคงใช้เป็น M1 รุ่น 2020 อยู่ค่ะ

Apple Silicon เปรียบเทียบ M1, M1 Pro และ M1 Max แบบไหนดีกว่ากัน ?

ต้องขอเกริ่นก่อนว่าก่อนที่คุณจะเลือก MacBook รุ่นใด ๆ ก็ตาม สิ่งแรกที่คุณจำเป็นต้องรู้จักก่อนคือ Apple Silicon ซึ่งก็คือชิปที่รวมวงจรต่าง ๆ ไว้ในชิปตัวเดียว เราจะเรียกชิปแบบนี้ว่า System on Chip (SoC) โดยภายในชิปนั้นจะมีทั้ง CPU, GPU, RAM และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายในชิป ถือว่าเป็นการปฏิวัติวงการระบบของ Mac ครั้งสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะในอนาคตเราไม่พบ Macbook ที่ใช้ CPU ของ Intel® อีกต่อไปแล้ว โดยตอนนี้ทาง Apple ก็ได้นำร่องการใช้ Apple Silicon ในบางรุ่นกันไปบ้างแล้วนะคะ ซึ่งคุณจะต้องรู้ด้วยว่า Apple Silicon ก็มีชิปรุ่นย่อย ๆ แยกออกมาตามปีที่พัฒนาหรือผลิตโดยตอนนี้ก็มีชิป M1, M1 Pro กับ M1 Max ค่ะ

โดยคอมพิวเตอร์ Mac ที่มี Apple Silicon ข้อมูลล่าสุด ณ ปี 2021 ก็จะได้แก่ :

  • MacBook Pro 13 นิ้ว ใช้ชิป M1 เปิดตัวเมื่อปี 2020
  • MacBook Air ใช้ชิป M1 เปิดตัวเมื่อปี 2020
  • Mac mini ใช้ชิป M1 เปิดตัวเมื่อปี 2020
  • iMac 24 นิ้ว ใช้ชิป M1 เปิดตัวเมื่อปี 2021
  • MacBook Pro 14 นิ้ว ใช้ชิป M1 Pro / M1 Max เปิดตัวเมื่อปี 2021
  • MacBook Pro 16 นิ้ว ใช้ชิป M1 Pro / M1 Max เปิดตัวเมื่อปี 2021
CPU ความเร็วของหน่วยประมวลผลกลาง
M1
  • CPU แบบ 8-core แบ่งหน้าที่กันทำงาน โดย 4 คอร์ใช้ทำงานหนัก ๆ และอีก 4 คอร์ใช้สำหรับการประหยัดพลังงาน
M1 Pro
  • CPU แบบ 8-core แบ่งหน้าที่กันทำงาน โดย 4 คอร์ใช้ทำงานหนัก ๆ และอีก 4 คอร์ใช้สำหรับการประหยัดพลังงาน
  • CPU แบบ 10-core แบ่งออกเป็น 8 คอร์ใช้ทำงานหนัก ๆ อีก 2 คอร์ใช้สำหรับการประหยัดพลังงาน
M1 Max
  • CPU แบบ 10-core แบ่งออกเป็น 8 คอร์ใช้ทำงานหนัก ๆ อีก 2 คอร์ใช้สำหรับการประหยัดพลังงาน
GPU ความเร็วในการประมวลผลด้านกราฟิก
M1
  • GPU แบบ 8‑core
M1 Pro
  • GPU แบบ 14-coreค่าเริ่มต้นของ M1 Pro เร็วกว่า M1 ถึง 2 เท่า
  • GPU แบบ 16-core
M1 Max
  • GPU แบบ 24-coreค่าเริ่มต้น M1 Max เร็วกว่า M1 ถึง 4 เท่า
  • GPU แบบ 32-core
RAM หน่วยความจำแบบรวม ช่วยรองรับการใช้งานหนัก ๆ ได้ดี
M1
  • RAM 8GB
  • RAM 16GB
M1 Pro
  • RAM 16GB
  • RAM 32GB
M1 Max
  • RAM 32GB
  • RAM 64GB

หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเลือก M1 ของ Apple ดีมั้ย ขอบอกเลยว่ามันเร็วมากเพียงพอสำหรับการใช้งานของคนส่วนใหญ่ ที่เน้นใช้ท่องเว็บ การทำงานเอกสาร และการตัดต่อภาพถ่ายและวิดีโอแบบเบา ๆ ค่ะ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ CPU ให้เร็วขึ้นถึง 3.5 เท่า เมื่อเทียบกับ Mac รุ่นก่อน และเพิ่ม GPU ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลด้านกราฟิกให้เร็วขึ้น ทำให้เราเล่นเกมหรือทำงานด้านกราฟิกได้ไม่มีสะดุด

ในส่วนของ M1 Pro และ M1 Max นั้นค่อนข้างพัฒนาไปไกลมาก เรียกว่าอาจจะไม่เหมาะกับกลุ่มคนที่ใช้งานทั่ว ๆ ไป เพราะมันจะเหมาะกับคนที่ต้องใช้โปรแกรมประมวลผลหนัก ๆ ในกรณีที่คุณเลือก CPU สูงสุด 10-core ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.7 เท่า และยังใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 70% เมื่อเทียบกับชิป M1

อีกทั้งสิ่งเพิ่มเข้าใน M1 Pro และชิป M1 Max คือค่า Bandwidth I/O ที่สูงขึ้น โดย M1 Pro มี Memory Bandwidth สูงสุดถึง 200GB/s ส่วน M1 Max มี 400GB/s ซึ่ง หากถามว่า Memory Bandwidth คืออะไร มันก็เปรียบเสมือนถนนที่ใช้รับส่งข้อมูล ยิ่งมีขนาดสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ส่งข้อมูลได้ไหลลื่นรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

และหากให้เลือกระหว่าง M1 Pro และ M1 Max ก็ต้องดูก่อนว่าคุณมีความจำเป็นใช้งานด้านกราฟิกมากน้อยแค่ไหน? เพราะจากที่ดูสเปกของ M1 Pro และ M1 Max แล้วเราจะพบว่า M1 Max เน้นงานด้านกราฟิกมากกว่าเห็น ๆ เลยค่ะ อย่างค่าเริ่มต้นของ GPU ก็เป็น 24-core แล้ว ซ้ำยังสามารถอัพให้สูงขึ้นได้ถึง GPU 32-core ได้อีกด้วย ซึ่ง GPU 32-core ถือว่ามันมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU แบบแยกออกของ PC Laptop ตัวแรง ๆ เลยก็ว่าได้ แต่มันกลับกินไฟน้อยกว่าตั้ง 40% อีกทั้ง M1 Max ก็สามารถเข้ารหัสถอดรหัสวิดีโอได้เร็วกว่า M1 Pro 2 เท่าตัวเลยค่ะ มันจึงรองรับการทำงานแบบหลายสตรีมได้ดีโดยที่คุณสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 8K ได้สูงสุด 7 สตรีมเลยนะคะ

ซื้อแมคบุ๊คเครื่องแรก : เลือก MacBook รุ่นไหนดี ต้องดูจากอะไรบ้าง?

เมื่อเรารู้แล้วตัวเองเหมาะกับชิป M1, M1 Pro หรือ M1 Max ขั้นตอนต่อไปก็คือการสำรวจสเปคของเครื่องที่ระบุมาให้ เพราะแต่ละรุ่นก็มีการเพิ่มฟังก์ชันและคุณสมบัติพิเศษที่ต่างกัน และเนื่องจากมันจะมีคำศัพท์เฉพาะทางที่สาย IT หรือคนกลุ่มที่สนใจเท่านั้นจะรู้กันดี แต่สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่ถนัดในเรื่องพวกนี้มากนัก ดังนั้นเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ ผู้เขียนขออนุญาตอธิบายแบบไม่เจาะลึกความรู้ด้าน IT มากมายนะคะ

จอภาพ Retina :ให้สีสันสวยสมจริง ซึ่งจะมีใน MacBook ทุกรุ่น แต่ความละเอียดเริ่มต้นไม่เท่ากัน ยิ่งความละเอียดสูง ก็ยังดีทำให้จอภาพของเราสวยมากยิ่งขึ้น

แต่ปัจจุบันนี้ รุ่น 14 นิ้วและ 16 นิ้วที่ใช้ชิป M1 Pro และ M1 Max จะเปลี่ยนเป็นจอภาพเป็นแบบ Liquid Retina XDR ทั้งหมด (ส่วนรุ่นอื่น ๆ ก็จะเป็น Retina เฉย ๆ ค่ะ) หากถามว่า Liquid Retina XDR มีดีอะไร ตอบเลยว่ามันมี mini-LED และเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ปัญหาแสงฟุ้งช่วยหรี่แสง และคอยปรับอัตราการรีเฟรชให้อัตโนมัติสร้างความรู้สึกลื่นไหลสำหรับสายตาของมนุษย์และช่วยประหยัดแบตเตอรีให้มากขึ้น เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ใน iPad Pro ด้วยนะคะ

ตัวจัดเก็บข้อมูล :  เป็นที่เก็บข้อมูลแบบถาวร MacBook ทุกรุ่นจะมีแบบ SSD ทั้งหมด ซึ่งมันเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เร็วกว่า ดังนั้นให้คุณประเมินจากความจุของ SSD หากมีความจุมาก ๆ ก็ทำให้คุณสามารถโหลดพวกโปรแกรม, เก็บไฟล์งานขนาดใหญ่, เก็บภาพและวีดีโอเยอะ ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหาเลยค่ะ

หน่วยความจำ หรือ RAM (แรม) : หน่วยความจำ vs ตัวจัดเก็บข้อมูล ต่างกันนะคะ ให้จำง่าย ๆ ว่า ความจำเป็นอะไรที่สั้น ๆ เดี๋ยวก็ลืมค่ะ ดังนั้นมันจึงเป็นหน่วยความสำรองที่หากมีมากพอก็จะช่วยให้คุณใช้โปรแกรมทำงานต่าง ๆ ได้ไม่มีสะดุด ใครที่รู้ตัวว่าต้องคอยเปิดโปรแกรมเยอะ ๆ แก้ไฟล์งานขนาดใหญ่ ๆ และมักมีอาการเครื่องค้าง-ช้า-ดีเลย์อยู่ตลอด ต้องลองเพิ่มจำนวน RAM ให้สูงขึ้นดูค่ะ รับรองทำงานไหลลื่นไม่มีสะดุด

Touch Bar : จะเป็นแท็บหน้าจอระบบสัมผัสขนาดเล็ก ๆ แนวยาว ที่ติดตั้งมาตรงพื้นที่ใกล้กับ Keyboard มันสามารถช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น ด้วยฟังก์ชันการทำงานปุ่มลัดหรือคำสั่งลัดต่าง ๆ ซึ่ง Touch Bar มีประโยชน์หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลและงานที่คุณใช้ ซึ่งจะมีเฉพาะใน MacBook Pro ขนาด 13 นิ้วเท่านั้น

Touch ID :เป็นฟังก์ชันสแกนลายนิ้วมือในการล็อคหรือปลดล็อคเครื่อง โดยที่คุณไม่ต้องกรอกรหัสผ่านซ้ำ ๆ อีกต่อไป นอกจากนี้ยังใช้ยันยืนตัวตนการสั่งซื้อใน App Store หรือคำสั่งต่าง ๆ ได้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นฟังก์ชันพิเศษที่มีใน MacBook ใหม่ ๆ ทุกรุ่นเลยค่ะ

ความคมชัดของกล้อง  : ยิ่งความละเอียดของกล้องสูงก็ยิ่งทำให้ภาพออกมาดูสวยและสมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดนี้อาจจะไม่ใช่สเปกเครื่องลิสต์แรก ๆ ที่หลายคนสนใจ แต่หากคุณมีความจำเป็นต้องติดต่องานหรือประชมทางออนไลน์ เราแนะนำให้คุณตรวจสอบรายละเอียดในส่วนนี้ด้วยนะคะ โดยปัจจุบันนี้ความละเอียดกล้องส่วนใหญ่ใน MacBook จะอยู่ที่ 720p ยกเว้นรุ่นที่ใช้ชิป M1 Pro และ M1 Max เท่านั้นที่เพิ่มความละเอียดขึ้นมาเป็น 1080p

เปรียบเทียบ MacBook แต่ละรุ่น เหมาะสำหรับการทำงานแบบไหนที่สุด

Pro 16 นิ้ว
Pro 14 นิ้ว
  • มีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เหมาะกับการใช้งานกราฟิก ตัดต่อภาพขั้นสูง และการตัดต่อวิดีโอ
  • หน้าจอที่ใหญ่ขึ้นจึงไม่เหมาะสำหรับพกพา เพราะหากระเป๋าเป้ใส่ลำบาก หากคุณต้องเดินทางบ่อยๆ รุ่น 13 นิ้วเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
  • มีตัวเลือกการกำหนดค่าที่หลากหลายที่สุด โดยหากคุณเลือกรุ่น 2021 คุณจะสามารถอัพความเร็วความแรงของเครื่องด้วยการใช้ชิป M1 Pro หรือ M1 Max ก็ได้ค่ะ
Pro 13 นิ้ว
  • Pro 13 นิ้วจะสมดุลที่สุด ระหว่าง 2 รุ่นในแง่ของสถานการณ์การใช้งาน
  • เหมาะกับการเน้นพกพา ที่ยังต้องการคอมที่ทรงพลัง
  • รองรับโปรแกรมต่าง ๆ ที่คุณต้องการใช้ได้มากพอ
  • หากอยากใช้ตัดต่อวิดีโอด้วย แต่ไม่อยากได้ 16 นิ้ว เลือกรุ่น 13 นิ้ว Core i7 หรือชิป M1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
Air 13 นิ้ว
  • ประหยัดพลังงาน เหมาะสำหรับใช้งานนอกสถานที่
  • เหมาะมากที่จะดูหนังหรือซีรีส์ รวมถึงการท่องอินเทอร์เน็ต และเขียนรายงาน ไม่เหมาะกับนักออกแบบ
  • หากคุณต้องใช้งานซอฟต์แวร์ที่มีความต้องการสูงเป็นประจำ คุณควรเลือก MacBook Pro มากกว่า

MacBook Pro รุ่มใหม่ในปี 2021

รีวิว Apple Macbook Pro 14 นิ้ว M1 Pro ปี 2021

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 89,900 บาท*

ใครที่กำลังมองหา Macbook Pro ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ของ Apple 2021 แต่ไม่อยากให้งบบานปลาย เราแนะนำให้คุณเลือก Macbook Pro ขนาด 14 นิ้ว ที่ใช้ชิป M1 Pro เลยค่ะ เพราะหากคุณไม่ได้มีความจำเป็นในการใช้งานด้านกราฟิกมากมาย และคุณก็ไม่ได้ต้องการหน้าจอที่ใหญ่เกินไป ดูเหมือนว่าชิป M1 Pro จะตอบโจทย์คุณได้ดีกว่า

เนื่องจากหากมองในแง่ของตัว CPU รุ่นนี้สามารถเลือกได้ว่าจะเป็น 8-core หรือ 10-core หากคุณอยากให้เร็วมาก ๆ เหมือน M1 Max ก็เลือกแบบ CPU 10-core ที่เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก ๆ แต่ต้องเพิ่มเงินอีกประมาณ ฿7,000 หรือหากคุณต้องการขยับความสามารถด้านกราฟิกให้สูงขึ้นมาอีกนิดก็เปลี่ยน GPU จาก 14-core เป็น 16-core ได้ค่ะ ในส่วนของ RAM ก็เพิ่มได้สูงสุดถึง 32GB อีกด้วย

สำหรับคุณสมบัติอื่น ๆ ของ M1 Pro ที่น่าสนใจก็คือมี Memory Bandwidth สูงสุดถึง 200GB/s ทำให้ส่งข้อมูลได้ไหลลื่นมากกว่าเดิม สามารถประมวลผลวิดีโอได้เร็วขึ้นโดยเฉพาะวิดีโอ ProRes ระดับ 4K ที่สตรีมสูงสุดได้ 20 สตรีม อีกทั้งยังเป็นชิปที่ประหยัดพลังงานมากว่า M1 รุ่นแรก โดยสามารถเล่นวิดีโอนานสูงสุด 17 ชั่วโมงและท่องเว็บแบบไร้สาย นานสูงสุด 11 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังคงเน้นย้ำเรื่องการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมเช่นเดิมค่ะ สามารถต่อจอภายนอกได้พร้อมกัน 2 จอ และมีความละเอียดของหน้าจอภาพอยู่ที่ 3024 x 1964

หมายเหตุ : หากเป็นชิป M1 Pro 14" สามารถอัพ CPU สูงสุดได้ถึง 10-core และหน่วยความจำ RAM ได้แค่ 32GB เท่านั้น ไม่สามารถอัพเป็น 64GB ได้ รวมถึง GPU ก็อัพได้สูงสุดเพียง 16-core ต่างจาก M1 Max ที่ได้ถึง 32-core

โปรเซสเซอร์M1 Pro พร้อม CPU แบบ 8-core / 10-core
กราฟิกGPU แบบ 14-core / 16-core
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB / 1TB / 2TB / 4TB / 8TB
หน่วยความจำ16GB / 32GB
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple Macbook Pro 16 นิ้ว M1 Pro ปี 2021

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 89,900 บาท*

สำหรับรุ่นนี้จะมีหน่วยประมวลต่าง ๆ ที่ไม่ต่างจาก Macbook Pro 14 นิ้วที่ใช้ชิป M1 Pro เลยค่ะ รวมถึงการเข้ารหัสถอดรหัส, หน้าจอแบบ Liquid Retina XDR, คุณภาพของกล้อง, ไมโครโฟน และความสามารถในเชื่อมต่อจอภายนอกได้ 2 จอ เช่นเดียวกัน เรียกว่าเหมือนกันทุกประการเนื่องจากใช้ชิป M1 Pro เหมือนกันนั่นเองค่ะ

แต่สิ่งเดียวที่ทำให้มันต่างกันก็คือขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นถึง 16.2 นิ้วตามแนวทแยง ซึ่งมีความละเอียดของจออยู่ที่ 3456 x 2234 รวมถึงค่าเริ่มต้นของ GPU แบบ 16‑core มาให้เลยค่ะ (ของ 14 นิ้ว M1 Pro เริ่มต้น 14‑core) มันเหมาะสำหรับสายงานด้านกราฟิกมาก ๆ โดยมีการปรับปรุงแบตเตอรีใหม่ให้ทนทานมากยิ่งขึ้น สามารถเล่นวิดีโอ HD 1080p นานต่อเนื่องสูงสุด 21 ชั่วโมงและท่องเว็บแบบไร้สายนานสูงสุด 14 ชั่วโมง (ทำออกมาได้ดีกว่ารุ่น 14 นิ้ว M1 Pro ค่ะ) และด้วยจอภาพ Liquid Retina XDR ขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับระบบลำโพงสุดเจ๋ง 6 ตัว จึงสามารถเนรมิตโรงภาพยนตร์ฉบับพกพาได้เลยค่ะ

หมายเหตุ เนื่องจากเป็นรุ่น M1 Pro 16" ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเลือกคอร์ CPU เหมือนรุ่น M1 Pro 14" แล้วค่ะ เพราะคุณจะได้ CPU 10‑core ไปเลยค่ะ โดยจะมีคอร์ 8 คอร์ใช้งานด้านประสิทธิภาพหนัก ๆ และ 2 คอร์ใช้ด้านประหยัดพลังงาน ส่วนการเพิ่ม RAM ในรุ่น M1 Pro 16" ก็สามารถเลือกหน่วยความจำได้ 2 แบบคือ 16/32GB เท่านั้นค่ะ ไม่สามารถเลือก 64GB ได้นะคะ และสามารถเลือก GPU ได้แค่ 16-core ค่าเดียวค่ะ

โปรเซสเซอร์M1 Pro พร้อม CPU แบบ 10-core
กราฟิกGPU แบบ 16-core
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB / 1TB / 2TB / 4TB / 8TB
หน่วยความจำ16GB / 32GB
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple Macbook Pro 14 นิ้ว M1 Max ปี 2021

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 103,900 บาท*

Macbook Pro 14" ตัวนี้จะเป็นการเปิดประสบการณ์ความแรงของ Macbook ที่ยอดเยี่ยมมากยิ่ง ขึ้นด้วยการใช้ชิป M1 Max ขอบอกเลยว่าสายงานกราฟิกหรือสาย hard-code ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะภายในชิปประกอบไปด้วย CPU 10-core ที่เร็วแรงที่สุดในขณะนี้ โดยมันจะได้ใช้ 8 คอร์ที่เน้นการประมวลผลหนัก ๆ และอีก 2 คอร์สำหรับการใช้งานทั่วไปเพื่อให้ประหยัดแบตเตอรี่ ซึ่งสิ่งที่ทำให้ M1 Max ต่างจาก M1 Pro คือความสามารถด้านกราฟิกที่ล้ำหน้า เพราะคุณสามารถเพิ่ม GPU สูงถึง 32 คอร์ ส่งผลให้มันเร็วกว่า M1 Pro ถึง 2 เท่า มาพร้อมกับคุณสมบัติที่สามารถเพิ่ม RAM ได้ไกลถึง 64GB ดังนั้นยิ่ง RAM สูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำงานได้หนักหน่วงเต็มพิกัดได้มากขึ้น หรือจะสามารถเปิดโปรแกรมต่าง ๆ ได้พร้อมกันมากขึ้นนั่นเองค่ะ

มาพร้อมกับค่า Memory Bandwidth ที่ดูดีถึง 400GB/s ทำให้การส่งข้อมูลไม่มีติดขัดระหว่างทาง และที่สำคัญคือ M1 Max จะเข้ารหัสวิดีโอได้เร็วขึ้น เพราะมีเอนจิ้นสำหรับการเข้ารหัสวิดีโอจำนวน 2 ตัว และยังมีเอนจิ้นสำหรับการเข้ารหัสถอดรหัสของ ProRes โดยเฉพาะอีก 2 ตัว จึงรองรับการทำงานแบบหลายสตรีมได้ดีกว่าแบบ M1 Pro ถึง 2 เท่า ดังนั้นคุณจึงสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 8K ได้สูงสุด 7 สตรีมได้สบาย ๆ เลยค่ะ สามารถรองรับจอภาพภายนอกได้สูงถึง 4 จอเลยค่ะ โดยจะแบ่งเป็น PRO Display XDR 3 จอ และ ทีวี 4K อีก 1 จอ และคุณยังสามารถอัพ GPU ได้ 2 แบบคือ 24-core / 32-core เพื่องานที่สวยสมจริงด้วยนะคะ

โปรเซสเซอร์M1 Max พร้อม CPU แบบ 10-core
กราฟิกGPU แบบ 24-core / 32-core 
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB / 1TB / 2TB / 4TB / 8TB
หน่วยความจำ32GB / 64GB
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple Macbook Pro 16 นิ้ว M1 Max ปี 2021

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 110,900 บาท*

ที่สุดของความสมบูรณ์ที่คุณสามารถหาได้จาก Macbook Pro ณ ขณะนี้คงต้องยกให้ Macbook Pro 16 นิ้ว M1 Max เท่านั้น เพราะด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ ที่อัดแน่นมาในชิป M1 Max ทำให้มันเหมาะสำหรับการทำงานเกี่ยวกับการตัดต่อวีดีโอ, ตัดต่อรูปภาพ, ทำงานที่เน้นกราฟิกหนัก ๆ ,งานสร้างฉาก 3D หรืองานพัฒนาเกมได้สบายหายห่วง รวมถึงใครที่อยากจะซื้อมาใช้สำหรับการเข้าชมเว็บเพจอื่น ๆ รวมจนถึงการเล่นเกมต่าง ๆ เรียกว่ากลายเป็นเรื่องหมู ๆ ในทันที 

เพราะเป็น Macbook Pro ที่เริ่มต้นด้วย CPU แบบ 10-core และ GPU แบบ 24-core (สามารถอัพได้ถึง 32-core ด้วยการเพิ่มเงินไปอีก ฿7,000 เท่านั้นค่ะ) โดยทั้งนี้ก็มีหน่วยความจำแบบรวมหรือ RAM เริ่มต้นที่ขนาดสูง 32GB ใครที่รู้ตัวว่าต้องใช้พื้นที่มากกว่าก็เพิ่มเป็น 64GB ได้ค่ะ อันจริงแล้วหากเพิ่มได้ก็ควรเพิ่มนะคะ เพราะไหน ๆ ทาง Apple ก็สงวน 64GB ไว้ให้สำหรับชาว M1 Max อยู่แล้วจัดได้ก็จัดมาค่ะ โดยจะมีค่าเสียหายเพิ่มขึ้นประมาณ ฿14,000 สำหรับตัวตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD ราคานี้จะเริ่มต้นที่ความจุ 512GB เท่านั้นค่ะ แต่คุณสามารถอัพสูงสุดได้ถึง 8TB

ในส่วนด้านความสามารถอื่น ๆ ก็ไม่ต่างจาก Macbook Pro 14 นิ้ว M1 Max แล้วค่ะ จะต่างกันก็แค่ความอึดของแบตเตอรี่และขนาดของจอแสดงผลที่มีความละเอียดปกติ 3456 x 2234 ที่ 254 พิกเซลต่อนิ้วเท่านั้นค่ะ ถ้ามองในแง่ของราคาแล้ว ถือว่าการเพิ่มเงินขึ้นมาอีกนิดคุณก็จะได้ Macbook Pro ที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุด เหมาะสำหรับการทำงานหลากหลาย

โปรเซสเซอร์M1 Max พร้อม CPU แบบ 10-core
กราฟิกGPU แบบ 24-core / 32-core
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB / 1TB / 2TB / 4TB / 8TB
หน่วยความจำ32GB / 64GB
Touch Bar
Touch ID

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

รีวิว Apple MacBook Air 13 นิ้ว Apple M1 รุ่นปี 2020

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 31,290 บาท*

เราขอแนะนำ MacBook Air รุ่นพื้นฐานตัวล่าสุดที่มีความเร็ว หน่วยความจำ และที่เก็บข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไปในแต่ละวันแล้วค่ะ โดยตัวนี้เป็นการใช้โปรเซสเซอร์ M1 ตัวใหม่ของ Apple ที่ให้ความเร็วกว่าโปรเซสเซอร์ Intel แต่ใช้พลังงานต่ำกว่า ทำให้ประหยัดแบตเตอรี่มากกว่า MacBook Air รุ่นก่อน (จนคุณแทบไม่ต้องชาร์จระหว่างวันเลยก็ได้) อีกทั้งรุ่น M1 ไม่ต้องการพัดลมระบายความร้อน จึงทำให้เครื่องทำงานเงียบไม่มีเสียงพัดลมกวนใจ และทาง Apple ยังมีการปรับปรุงแป้นพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้นด้วยนะคะทำให้ใช้งานไหลลื่นมาก ๆ สำหรับพอร์ต USB-C มีเพียง 2 พอร์ต ที่ซึ่งรองรับ Thunderbolt 3

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือแอพ Mac บางตัวทำงาน ได้ดีบนโปรเซสเซอร์ Intel แต่เจ้าตัว Apple M1 นี้ยังไม่ได้ปรับปรุงในส่วนนี้ให้เหมาะสมมากเท่าที่ควร 

โปรเซสเซอร์Apple M1 CPU 8-core
กราฟิกApple M1 GPU 7-core
การจัดเก็บข้อมูลSSD 256GB
หน่วยความจำ8 GB
หน้าจอ2560×1600 IPS
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple Macbook Pro 13 นิ้ว Intel Core i5 Gen10 แบบ Quad-Core

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 39,123 บาท*

สำหรับใครที่กำลังช่างใจอยู่ว่าจะซื้อตัว MacBook Air หรือ MacBook Pro 13" ดีนะ? แม้ว่าใจจริงคุณอยากได้ Pro 13" แต่ด้วยราคาของ Pro 13" M1 ที่แพงกว่าหลายบาท ทำให้คุณตัดสินใจไม่ได้ใช่มั้ยคะ? เราแนะนำเป็น Pro 13 Intel Core i5 Gen10 ที่บอกเลยว่าความเร็วความแรงไม่ได้ขี้เหร่เลยค่ะ เมื่อเทียบกับ Air M1 และ Pro 13" M1 แล้ว ก็มีราคาต่างกันไม่มากด้วยนะคะ

แต่กลับมาพร้อมกับ SSD ที่มีขนาดสูงถึง 512GB ทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลได้มากมาย และโหลดโปรแกรมที่กินพื้นที่ได้มากกว่าเดิม อีกทั้งในส่วนของโปรเซสเซอร์ของ Intel นั้น ก็ยังมีประสิทธิภาพที่ทำงานกับแอพบางตัวของ Macs ได้ดีกว่า M1 ด้วย นอกจากนี้มันยังได้รับการอัปเดทในส่วน Magic Keyboard เช่นเดียวกันกับ MacBook รุ่นใหม่ ๆ ทุกตัว แถมยังมี Touch Bar มาให้ สำหรับเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งต่างจาก MacBook Air ที่ไม่มี Touch Bar นะคะ ถือว่าเป็นแล็ปท็อปที่ทำงานหนักได้พอประมาณเลยค่ะ แถมยังพกพาไปทำงานนอกสถานที่ได้อย่างง่ายดายพอ ๆ กับ MacBook Air แต่ในเรื่องของการประหยัดแบตเตอรี่นั้นต้องยอมรับว่า MacBook ชิป M1 ทุกตัวทำออกมาให้ใช้งานได้หลายชั่วโมงกว่ามากจริง ๆ หากใครรับข้อเสียของอายุแบตข้อนี้ได้ก็จัด Pro 13" Intel Core i5 เลยค่ะ

โปรเซสเซอร์Intel Core i5 Gen10 แบบ Quad-Core
กราฟิก2560×1600 IPS
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB
หน่วยความจำ8GB
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple Macbook Pro M1 13 นิ้ว รุ่นปี 2020

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

รูปภาพจาก apple.com

ราคา 42,900 บาท*

หากคุณทำงานประเภทที่ใช้การประมวลผลในชีวิตประจำวันในระดับกลาง ๆ เกือบมาก MacBook Pro 13 M1 ตัวนี้ก็สามารถให้ประสิทธิภาพได้ดีเช่นกัน แต่แน่นอนว่าหากคุณใช้แค่เพียงท่องเว็บและการแก้ไขเอกสารทั่วไปคุณจะไม่เห็นความแตกต่างนะคะ (แนะนำไปซื้อรุ่น Air M1 ดีกว่าค่ะ)

นอกจากนี้การใช้ชิป M1 ใน Pro มันจะเข้ามาช่วยเรื่องพัดลมระบายความร้อนให้มันทำงานได้เร็วขึ้นและนานขึ้นทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า Air 10-20% และรุ่นนี้ยังได้รับการปรับปรุงแป้นพิมพ์เช่นเดียวกับ MacBook รุ่นล่าสุดทุกตัว มาพร้อมกับ Touch Bar คู่ใจที่มีเฉพาะใน MacBook Pro เท่านั้น สำหรับการจัดเก็บข้อมูลตัวนี้เราแนะนำให้คุณขยับขยายขึ้นมาเป็น SSD 512GB เพราะด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานของคุณเราคิดว่าคุณควรมีที่เก็บข้อมูลที่พร้อมจะเก็บงานของคุณได้ตลอดเวลาอย่างสะดวก โดยที่ไม่ต้องเสียบ External ให้ยุ่งยาก ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อคุณมากกว่า

สำหรับใครที่ต้องการเน้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นเลือก Pro 13 M1 ถือว่ามาถูกทางแล้วค่ะ เพราะมันดีกว่า Pro 13 Intel เยอะเลย และในระยะยาวเราคิดว่า Pro 13 M1 มีแนวโน้มที่จะได้รับ macOS เวอร์ชั่นใหม่มากกว่า แบบ Intel แต่เหตุผลเดียวที่คุณควรจะซื้อ MacBook Pro Intel คือถ้าคุณต้องการคอมในระดับมืออาชีพ ที่พร้อมสำหรับการทำงานอย่างรวดเร็วและราบรื่นที่สุดเท่านั้น

โปรเซสเซอร์Apple M1 CPU 8-core
กราฟิกApple M1 GPU 8-core
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB
หน่วยความจำ8GB
หน้าจอ2560×1600 IPS
Touch Bar
Touch ID

รีวิว Apple MacBook Pro 16 นิ้ว ปี 2019

MacBook Air เขียนหน้าจอได้ไหม

ราคา 75,900 บาท*

MacBook Pro ขนาดจอ 16 นิ้วที่มีราคาแพงกว่า MacBook Air สองเท่า แม้ว่ามันจะมีราคาที่สูงเอาเรื่องแต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน โดยเฉพาะคนที่ทำงานด้านการแก้ไขรูปภาพหรือตัดต่อวิดีโอขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดมาก ๆ เพราะด้วยโปรเซสเซอร์ที่เร็วอย่าง Intel i7 บวกการเพิ่ม RAM เป็น 16GB และยังมีกราฟิกที่เร็วขึ้นเพราะใช้ AMD Radeon Pro 5500M พร้อมหน่วยความจำ GDDR6 จะช่วยให้คุณทำงานโปรแกรมหนัก ๆ ได้พร้อม ๆ กัน เช่น Adobe Photoshop, Lightroom หรือ Premiere รวมถึงนักพัฒนาซอฟต์แวร์ และสายงานอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งนอกจากนี้มันยังทำงานร่วมกับซอฟแวร์ที่ใช้ออกแบบงาน 3D  ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

Pro 16" ก็ยังคงเป็นแล็ปท็อปตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการหน้าจอขนาดที่ใหญ่ขึ้น และมันยังสามารถใช้กับจอภาพ 4K ภายนอกได้มากถึง 4 จอด้วย เพราะชิป M1 นั้นสามารถทำงานร่วมกับจอภาพภายนอกเดียวเท่านั้น แต่ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นต้องขอบอกว่ามันทำได้ไม่ดีเท่า M1 หากคุณต้องการให้มันมีคุณภาพเรื่องแบตด้วย แนะนำเลือกใช้ชิป M1 นะคะ

โปรเซสเซอร์Intel Core i7 Gen9 แบบ 6-core
กราฟิกAMD Radeon Pro 5500M
การจัดเก็บข้อมูลSSD 512GB
หน่วยความจำ16GB
หน้าจอ3072×1920 IPS
Touch Bar
Touch ID

* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า

คู่มือการซื้อแล็ปท็อป MacBook ในปี 2021

หากคุณกำลังคิดที่จะซื้อ MacBook สักเครื่องไม่ว่าจะเป็น MacBook Pro หรือ MacBook Air คุณอาจรู้แล้วว่าการตัดสินใจในการเลือกซื้อแล็ปท็อป MacBook ของ Apple นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะบางคนก็เน้นสำหรับ พกพาสะดวกน้ำหนักเบาอายุของแบตเตอรี่ความจุในการจัดเก็บข้อมูลตัวเครื่องทำงานประมวลรวดเร็วเน้นใช้งานทั่ว ๆ ไป, ใช้เล่นเกม หรือซื้อมาใช้สำหรับเรียนหนังสือ ซึ่งไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เรามีคู่มือการซื้อ MacBook ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกรุ่นที่ดีที่สุด

MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการพกพา

→ MacBook Air หรือ MacBook Pro 13 นิ้ว 
ปัจจุบันนี้คงต้องยกให้ MacBook Air เป็นโน้ตบุ๊กที่สะดวกต่อการพกพาที่สุด เพราะด้วยขนาดจอเพียง 13 นิ้ว และน้ำหนักเบามากเพียง 1.29 กิโลกรัม มาพร้อมกับจุดเด่นที่เน้นประหยัดพลังงานสามารถใช้งานแบบไม่ต้องชาร์จแบตได้ยาวนานถึง 18 ชั่วโมงเลยค่ะ แต่ช้าก่อน!! ใครที่อยากได้เครื่องที่แรงและเร็วกว่าเดิม ทั้งยังสามารถใช้งานหนัก ๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวล คุณสามารถเลือกเป็น MacBook Pro 13 นิ้ว ได้นะคะ เพราะขนาดจอเท่ากัน มีน้ำหนักต่างกันเพียง 0.11 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งแทบจะไม่ได้ต่างกันมากมายเลยค่ะ หากเทียบกันในแง่ของประเภทการใช้งานที่หนักหน่วงเลือก MacBook Pro 13 นิ้ว จะตอบโจทย์มากว่า เพราะยังยืดเวลาใช้งานแบบไม่ต้องชาร์จแบตได้ถึง 20 ชั่วโมง

MacBook รุ่นไหนที่เด่นในเรื่องของแบตเตอรี่

→ MacBook Pro 13 นิ้ว M1 หรือ 16 นิ้วที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max
อย่างที่บอกไปแล้วว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ MacBook Pro นั้นสูงที่สุดในบรรดา MacBook ใด ๆ ที่วางจำหน่ายอยู่ในตอนนี้ โดยเฉพาะรุ่น 16 นิ้ว ที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max เพราะจากการทดสอบจะเห็นว่า

  • รุ่น 13 นิ้ว การเล่นภาพยนตร์ในแอป Apple TV มันสามารถใช้แบตเตอรี่ได้ยาวนานถึง 20 ชั่วโมง
  • รุ่น 16 นิ้ว เล่นวิดีโอ HD 1080p นานสูงสุด 21 ชั่วโมง และท่องเว็บแบบไร้สาย นานสูงสุด 14 ชั่วโมง

MacBook ทุกรุ่นนั้นจะใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ที่ให้ระยะเวลาการใช้งานแบตสูงสุดในขนาดที่กะทัดรัด ดังนั้นด้วยตัวเครื่องที่เน้นความเบาบางเป็นหลัก คุณต้องทำใจยอมรับว่าแบตเตอรี่ก็ทำการยืดเวลาได้ดีที่สุดแล้วในขนาดเล็กเช่นนี้ ซึ่งหลาย ๆ คนมักจะบ่นกันว่า “แบตไม่ได้นานตามที่ระบุเลย” ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่คุณใช้ในเครื่องขณะนั้นด้วยนะคะ โปรแกรมบางตัว เว็บไซต์บางเว็บ หรือแม้แต่การเลือกใช้เว็บบราวเซอร์เองก็มีการกินพลังงานแบตต่างกันได้เช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ควรเอาข้อมูลการทดลองไม่ว่าจะของใครมาเปรียบเทียบกัน อย่างตัวผู้เขียนเองก็ใช้ MacBook Pro 13in ที่จำนวนชั่วโมงแบตก็ไม่ได้สูงตามที่ทาง Apple ระบุไว้ แต่มันก็ยังใช้ได้ยาวนานกว่าแบตของโน้ตบุ๊กยี่ห้ออื่นที่เคยใช้มา และตอนนี้ก็ใช้มา 3 ปีแล้วก็ยังไม่มีอาการแบตเสื่อมเร็วจนต้องชาร์จตลอดอีกด้วยนะคะ

MacBook รุ่นไหนเหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูล

→ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max
MacBook ทุกเครื่องมาพร้อมกับที่จัดเก็บข้อมูล SSD (แบบแฟลช) ที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งหากจะให้เปรียบเทียบเรื่องพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลกันจริง ๆ MacBook ทุกรุ่นสามารถอัพเกรดสเปคเครื่องจากโรงงานได้นะคะ ไม่ว่าคุณจะซื้อรุ่นไหนมันก็สามารถเพิ่มจำนวนพื้นที่ให้สูงขึ้นไปได้อีก ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนค่ะ แต่หากมองในเรื่องของขอบเขตการอัพสเปคเครื่องนั้นต้องขอบอกว่า MacBook แต่ละรุ่นก็มีขอบเขตในการเพิ่มอยู่เหมือนกันค่ะ อาทิเช่น MacBook Air และ MacBook Pro 13in สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลสูงสุดได้ถึง 2TB ในขณะที่ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max สามารถเลือกได้สูงสุด 8TB ดังนั้นหากคุณมีความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างจริงจัง ให้คุณเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 8TB แต่ก็จะต้องแลกมาด้วยราคาที่แสนแพงเช่นกัน

ข้อเสนอแนะ : คุณไม่จำเป็นต้องเลือก MacBook ที่เก็บข้อมูลได้มากมายก็ได้ค่ะ เพราะคุณสามารถซื้อ External ฮาร์ดดิสก์ แบบพกพาใช้เก็บข้อมูลได้ค่ะ แต่จะต้องเลือกรุ่นที่ใช้กับระบบ macOS ได้ด้วยนะคะ นอกจากนี้คุณยังสามารถเช่าพื้นที่ในอินเตอร์เน็ตบนระบบคลาวด์ก็ยังได้ค่ะ วิธีนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้ทุกที่บนโลกเลยค่ะ

MacBook รุ่นไหนที่เร็วที่สุด

→ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Pro หรือ M1 Max
M1 Pro หรือ M1 Max เรียกว่าเป็นชิปที่สูงสุดที่และประหยัดพลังงานที่สุดแล้วในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Apple ณ ขณะนี้ เพราะเป็น CPU แบบ 10-core ที่ช่วยให้ CPU ทำงานเร็วขึ้น ออกแบบมาเพื่อรับมือกับงานหนัก ๆ ทุกอย่าง และเมื่อเพิ่มขนาดของ RAM ให้สูงสุดเป็น 64GB ก็จะกลายเป็น MacBook เครื่องที่ดีที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว เพราะยิ่ง RAM มากขึ้น คุณก็สามรถใช้งานหลาย ๆ อย่างได้พร้อมกันมากขึ้น

MacBook ที่เหมาะสำหรับใช้เล่นเกม

→ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Max
จริง ๆ แล้วในความคิดผู้เขียน MacBook ไม่ได้ถูกออกแบบมาใช้เล่นเกมมากเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่หากคุณต้องการซื้อ MacBook สำหรับเล่นเกมจริง ๆ เราขอแนะนำ MacBook Pro ที่ใช้ M1 Max เพราะมันโดดเด่นในเรื่องกราฟิกมาก ๆ สามารถปรับ GPU เป็น 32-core ที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU แบบแยกออกของ PC Laptop ตัวแรง ๆ ได้ แต่กลับกินไฟนิดเดียวเท่านั้น ทั้งยังมีจอภาพแบบ Liquid Retina XDR ที่สวยสมจริงอีกด้วย

ข้อเสนอแนะ : MacBook Air ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการเล่นเกมที่มีภาพความละเอียดสูง ๆ

ข้อเสนอแนะ : นอกจากนี้ชิปตัวใหม่ของ Apple M1 ก็ยังไม่รองรับการ BootCamp ดังนั้นมันจึงไม่สามารถลง Windows ใน MacBook ได้ ซึ่งหากเกมที่คุณต้องการเล่นเป็นของฝั่ง Windows คุณอาจจะต้องลองหาวิธีติดตั้งอื่น ๆ ในการติดตั้ง Windows ดูค่ะ หรือรอให้ทางนักพัฒนาซอฟต์แวร์แก้ปัญหานี้ก่อน ทั้งนี้ MacBook Pro 16 นิ้ว ที่ใช้ Intel Core i9 ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับสายเกมก็ได้ค่ะ

MacBook สำหรับนักเรียน

→ MacBook Air
ในกรณีนี้เราอาจแนะนำ MacBook Air ที่เหมาะแก่การพกพาและมีความเร็วที่เพียงพอสำหรับการใช้งานของน้อง แต่หากต่อไปในอนาคตน้อง ๆ จะเรียนเกี่ยวกับกราฟิก, การแต่งภาพขั้นสูง, การตัดต่อวิดีโอ หรือการออกแบบนั้นไม่แนะนำให้ซื้อ MacBook Air นะคะ หากคิดว่าจะใช้งานในระยะยาวให้เลือกเป็น MacBook Pro 16in ไปเลยค่ะ ตัวนี้โดดเด่นเรื่องกราฟิกมาก ๆ

ข้อควรรู้ก่อนซื้อ MacBook 

1. อัพเกรดสเปคเครื่องภายหลังได้ไหม?

หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการอัพเกรดสเปคคอมโดยมักจะซื้ออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์มาติดตั้งเสริมเข้าไปในภายหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น อาทิเช่น ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk), การ์ดจอ หรือ เมมโมรี่ (RAM) ซึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างเบสิกมาก ๆ ในการอัพเกรดสเปคคอมทั่วไป

แต่สำหรับ MacBook แล้วในบางรุ่นคุณก็ไม่สามารถอัพเกรดภายหลังได้นะคะ โดยเฉพาะรุ่นใหม่ ๆ ที่มักจะเป็นแบบ CTO หรือ Custom To Order ที่จะต้องสั่งให้โรงงานผลิตสเปคเครื่องขึ้นมาพิเศษเท่านั้น ไม่สามารถให้ร้านภายนอกหรือศูนย์ Apple แก้ไขภายหลังได้อีก ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อ MacBook เครื่องใหม่คุณจะต้องวางให้แผนดี ๆ เลยค่ะ ว่าคุณมีความจำเป็นใช้งานประมาณไหนและในอนาคตคุณจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? เพราะคุณจะอัพเกรด MacBook ของคุณภายหลังไม่ได้เลย นอกจากการซื้อเครื่องใหม่ค่ะ (เตือนแล้วนะ!!) แต่การจะซื้อ MacBook ที่อัพเกรดสเปคคอมนั้นคุณอาจจะต้องใช้เวลารอเครื่องจากโรงงานนานกว่าปกติ อย่างน้อย 7-14 วัน ทั้งนี้ก็แล้วแต่ออร์เดอร์ด้วยนะคะ

คำแนะนำ : หากคุณไม่แน่ใจว่าอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนสายงานหรือไม่? และตอนนี้คุณเองก็ยังไม่มีเงินสำรองมาพอจะสั่งสเปคคอมพิเศษ ผู้เขียนแนะนำให้คุณลองคำนวณระยะเวลาการใช้งานที่คุณคิดว่าเป็นจุดคุ้มทุนขึ้นมาก่อน หากคุณคิดว่าจุดคุ้มทุนของ MacBook สำหรับคุณคือมีอายุเพียง 2-3 ปีก็ไม่จำเป็นต้องอัพเกรดสเปคเครื่องค่ะ เพราะคุณมีแนวโน้มที่จะซื้อ MacBook รุ่นใหม่ ๆ อย่างไม่ต้องสังสัย แต่หากจุดคุ้มทุนของคุณอยู่ 5-7 ปีขึ้นไปและคุณไม่เน้นทำงานหนัก ๆ ก็อาจจะอัพเกรดสเปคคอมเผื่อไว้สักหน่อยก็ได้ค่ะ อย่างตัวผู้เขียนเองตอนซื้อ MacBook ก็ยังไม่รู้ว่าสายงานของเราจะเป็นในทิศทางไหนแต่ผู้เขียนไม่ต้องการเปลี่ยนเครื่องบ่อย ๆ ก็ตัดสินใจซื้อ MacBook Pro ที่มีการเพิ่มหน่วยความจำและเพิ่มตัวจัดเก็บข้อมูลแบบ SSD เข้าไปแทน ซึ่งแน่นอนว่าจุดคุ้มทุนของผู้เขียนที่ตั้งเป้าไว้คงต้องใช้งานให้คุ้มค่าอย่างน้อย 5 ปีขึ้นไปเลยค่ะ 😛

2. ซื้อ MacBook มาเล่นเกมได้ไหม?

หากให้ตอบตามความจริงแบบไม่อ้อมค้อม MacBook ทุกประเภทไม่เหมาะสำหรับการใช้เล่นเกมเป็นหลักเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น MacBook Air หรือ MacBook Pro แม้ว่าคุณจะพยายามอัพเกรดสเปคเครื่องให้สูงมากขนาดไหน แต่ด้วยราคาที่เสียไปค่อนข้างสูง เราแนะนำให้คุณซื้อ Laptop หรือคอม PC ฝั่ง Windows ยี่ห้ออื่นที่เหมาะสำหรับเล่นเกมจะดีกว่าเพราะด้วยราคาที่เสียไปกับสเปคที่ได้มานั้นคุ้มค่ามากกว่าแน่นอน คุณสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบทความโน๊ตบุ๊คสาย Gaming หรือ โน๊ตบุ๊ค Core i5 สำหรับเล่นเกม ได้เลยค่ะ

จำเป็นต้องซื้อ AppleCare เพิ่มไหม?

โดยปกติแล้ว AppleCare ก็เหมือนกับการซื้อประกันให้สินค้าของคุณ หากสินค้าของคุณมีปัญหา AppleCare จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ ซึ่งการส่งเคลมหรือส่งซ่อมนั้นก็ต้องดูด้วยว่าปัญหาเกิดจากอะไรและตรงตามเงื่อนไขความคุ้มครองหรือเปล่า? ทั้งนี้ในบางกรณีอาจจะเป็นแค่การซ่อมเท่านั้น แต่บางกรณีอาจจะเป็นการเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่เลย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามคุณจะได้รับการบริการจากผู้เชี่ยวชาญของ Apple โดยตรง แม้ว่าปกติทาง Apple จะมีการรับประกันสินค้าอยู่แล้วอย่างน้อย 1 ปี แต่หากคุณซื้อ AppleCare สำหรับ MacBook ก็จะเพิ่มความคุ้มครองให้อีก 2 ปี รวมทั้งหมด 3 ปีเลยค่ะ แต่ไม่สามารถซื้อ AppleCare สำหรับสินค้าชิ้นเดิมซ้ำได้อีก นอกจากนี้คุณยังมีสิทธิ์ซื้อ AppleCare ได้ภายใน 60 วันหลังจากซื้อสินค้าเท่านั้น ส่วนในกรณีที่คุณส่งต่อสินค้าให้คนอื่นก่อนที่ AppleCare จะหมดอายุลง คุณก็ยังสามารถถ่ายโอนสิทธิ์ AppleCare ของคุณไปยังเจ้าของใหม่ได้ไม่มีปัญหาค่ะ

“บางคนก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องซื้อ AppleCare หรอก / บางคนก็บอกว่าจำเป็นซื้อ AppleCare” ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยของคุณรวมถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคุณด้วย เพราะไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีเสมอไป หลาย ๆ ครั้งคุณอาจจะเจอเรื่องไม่คาดคิด อย่างเช่นการทำน้ำหกใส่เครื่อง เครื่องตกหล่นระหว่างเคลื่อนย้าย หรือบางทีคนรอบตัวอาจเป็นสาเหตุทำให้ MacBook ของคุณได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบ้านไหนที่มีเด็กเล็กคุณจะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจากประสบการณ์ของผู้เขียนนั้นขอบอกเลยว่า AppleCare จำเป็นมาก ๆ แม้ว่ามันจะมีราคาแพงเอาเรื่องอยู่สักหน่อย แต่หากลองคำนวณเป็นรายเดือนดูแล้ว AppleCare ก็ไม่ได้แพงเกินไป อีกทั้งมันยังสร้างสบายใจให้คุณได้อุ่นใจตลอดระยะเวลา 3 ปีเลยนะคะ ซึ่งการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเกี่ยวค่าซ่อมนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกคนต่างทราบดีว่าการส่งซ่อม MacBook เครื่องหนึ่งนั้นมีราคาสูงชนิดที่เรียกว่าเพิ่มเงินอีกนิดก็ได้เครื่องใหม่แล้ว ดังนั้นหากจะให้ผู้เขียนตอบจากประสบการณ์แล้วละก็ “AppleCare จำเป็นมากค่ะ”