ทุกวันนี้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของเราไปแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ อินเตอร์เน็ต ซึ่งมีประโยชน์มาก ๆ ในยุคนี้ มันสามารถทำให้โลกของเรา มีขนาดเล็กลงจนเราพูดคุยกับคนที่อยู่อีกซีกโลกได้ง่าย ๆ ทำให้อุปกรณ์ทั้ง มือถือ, แท็บเล็ต, โน็ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนในยุคนี้ขาดไม่ได้ครับ หรือแม้แต่อุปกรณ์ธรรมดา ๆ อาทิเช่น สมาร์ททีวี, กล้องวงจรปิด, กริ่งประตูบ้าน, หลอดไฟ หรือประตูดิจิตอลเป็นต้น ล้วนเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ ทำให้เราสามารถควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดนี้ ในระยะไกลได้ง่าย ๆ Show
โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงหนึ่งในอุปกรณ์ที่กำลังมาแรงมาก ๆ นั่นก็คือ สมาร์ทวอทช์ (Smartwatch) ครับ ซึ่งเป็น นาฬิกาข้อมือ ที่ไม่ใช่แค่นาฬิกาข้อมือแบบทั่ว ๆ ไป แต่เป็นอุปกรณ์น้องใหม่ที่มาแทนที่นาฬิกาแบบเดิม ๆ ครับ เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นมามากมาย โดยเฉพาะเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ที่สามารถวิเคราะห์สุขภาพของคุณได้แบบเรียลไทม์ โดยในปัจจุบันสมาร์ทวอทช์ก็มีอยู่มากมายหลายแบบครับทั้ง สายสุขภาพ สายออกกำลังกาย และสายแฟชั่น ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็ปล่อยออกมาหลายรุ่นมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Realme, Samsung, Huawei, OPPO, Garmin, Xiaomi หรือ Suunto เป็นต้น รวมถึงแบรนด์ระดับโลก อย่าง Apple ด้วย ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาเอาใจ สาวกแอปเปิ้ล กันครับ Apple Watch สมาร์ทวอชท์จากแบรนด์แอปเปิ้ลเราทุกคนต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า Apple เป็นแบรนด์โดดเด่น ในเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าอยู่แล้ว ซอฟแวร์ และฮาร์ดแวร์ ล้วนมีคุณภาพที่สูง วัสดุที่ใช้ก็มีความแข็งแรง ซึ่งด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลนี้ มันจึงไม่แปลกเลย ที่แอปเปิ้ลเป็นแบรนด์ที่มีสาวกอยู่ทั่วโลก สำหรับ Apple Watch ถือเป็นอุปกรณ์ที่พร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพที่ดี ด้วยฟังก์ชันต่าง ๆ มากมายที่พร้อมให้คุณได้สัมผัส ซึ่งในปัจจุบัน Apple Watch ได้มีการเปิดตัวออกมาแล้ว หลายรุ่น อาจจะยากสำหรับการตัดสินใจ ฉะนั้นวันนี้เราไปดูกันว่า มีรุ่นอะไรบ้างที่น่าสนใจ ? และรุ่นไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด ?
เลือกซื้อ Apple Watch อย่างไร ?1. เลือกจากฟังก์ชันการใช้งานอย่างที่บอกครับ Apple Watch มีอยู่หลายรุ่น หลายราคาครับ โดยในแต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นหากคุณต้องการใส่ไปทำงานเป็นหลัก คุณก็ไม่จำเป็นต้องเลือก Apple watch ที่มีโหมดสำหรับออกกำลังการโดยเฉพาะ เพราะถ้ายิ่งรุ่นนั้น ๆ มีฟังก์ชันที่เสริมเกี่ยวกับการออกกำลังกายมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นด้วย ดังนั้นถ้าหากคุณไม่ได้เน้นสวมใส่เพื่อออกกำลังกายคุณก็สามารถเลือกรุ่นธรรมดาที่ราคาไม่สูงได้ครับ และไม่ต้องเป็นห่วง รุ่นธรรมดายังคงมีฟังก์ชันเกียวกับสุขภาพมาให้อยู่ครับ 2. เลือก Apple Watch ที่เป็นรุ่น GPS หรือ GPS+Cellular อันไหนดี ?ยังคงเกี่ยวข้องอยู่กับฟังก์ชันการใช้งานครับ สำหรับการเลือก Apple Watch ที่เป็น รุ่น GPS หรือ รุ่น GPS+Cellular หลาย ๆ คนคิดไม่ตกว่า จะเลือกซื้อรุ่นไหนดี ? ฉะนั้นเราไม่ทำความรู้จักกับทั้งสองรุ่นนี้ให้ดีกันก่อนครับ จะเห็นได้ว่าทั้งสองรุ่นมีความสามารถที่แตกต่างกัน ฉะนั้นคุณก็สามารถลองพิจารณาจากความต้องการในการใช้การใช้งาน หรือลักษณะการใช้งานของคุณได้ อย่างเช่น ถ้าคุณเป็นคนที่ติดมือถือ มือถืออยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา คุณก็สามารถที่จะเลือก รุ่น GPS ได้ เพราะคุณไม่ต้องใช้ Cellular แล้วจะจ่ายแพงขึ้นทำไม ? เว้นเสียแต่ว่าคุณจะมีงบประมาณเหลือมากพอ และคุณอยากที่จะมี Cellular เผื่อเอาไว้ สำหรับตอน ไปวิ่ง, เล่นกีฬา, ว่ายน้ำ, เข้าฟิตเนส หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่อยากนำมือถือติดตัวไปด้วย 3. ขนาด และวัสดุ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณควรเลือกซื้อขนาดหน้าจอของ Apple Watch ที่เหมาะกับขนามข้อมือของคุณสำหรับในปัจจุบัน Apple Watch แต่ละรุ่นมีทั้ง ขนาด, วัสดุตัวเรือน และตัวสายรัดข้อมือ ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราขอแนะนำให้คุณเลือกตามความต้องการของคุณเองครับ โดยพิจารณาได้ดังต่อไปนี้ 3.1) ขนาด : ซึ่งถ้าหากคุณเลือกรุ่นที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ การแสดงผลต่าง ๆ แน่นอนครับ มันจะทำให้มองได้ง่าย แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ที่มีข้อมือเล็ก ๆ การเลือกขนาดหน้าจอที่ใหญ่เกินไป เวลาใส่มันก็จะดูไม่สวย ฉะนั้นควรเลือกให้เหมาะสมกับข้อมือของคุณ ซึ่ง Apple Watch แต่ละรุ่นจะมี 2 ขนาดหน้าจอให้เลือก นั่นคือ รุ่น 40 มม. (324 × 394) และ รุ่น 44 มม. (368 × 448) 3.2) วัสดุตัวเรือน : ในส่วนของวัสดุตัวเรือนก็มีทั้ง สแตนเลสสตีล, อะลูมิเนียม และไทเทเนียมครับ ซึ่งคุณก็สามารถที่จะเลือกได้ตามความต้องการครับ โดยมันจะต่างกันที่ความสวยงาม ความแข็งแรง และราคา 3.3) สายข้อมือ : ส่วนสายข้อมือวัสดุก็จะมีเป็น Sport band, Milanese loop และ Nike Sport band เอาไว้ให้คุณเลือกสำหรับใส่ออกงาน ใส่ออกกำลังกาย หรือใส่ไปทำงาน คุณก็สามารถเลือกได้ตามสไตล์ของตัวเองได้เลยครับ
รีวิว Apple Watch Ultra ที่สมบุกสมบัน และมีฟีเจอร์มากที่สุด สำหรับนักกีฬา และนักผจญภัยรูปภาพจาก apple.comราคา 31,900 บาท* Apple Watch Ultra แอปเปิ้ลวอทช์รุ่นท๊อปสุด ณ เวลานี้ โดยเพิ่งเปิดตัวออกมาพร้อมกับ Apple Watch series 8 ครับ ซึ่งรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ตอบโจทย์ นักกีฬา และนักผจญภัยที่ชื่นชอบกิจกรรมสุดเอ็กซ์ตรีม เริ่มตั้งแต่ตัวเรือนไทเทเนียม ดีไซน์ส่วนต่าง ๆ ให้มีการยกสูงขึ้นเล็กน้อย ทั้ง ขอบจอ เพื่อปกป้องจากจอจากการกระแทกบริเวณขอบ และที่ปุ่ม Digital Crown กับปุ่มด้านข้างก็มีขอบที่ยกสูงขึ้นเช่นกัน ทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นแม้จะใส่ถุงมือหนา ๆ อยู่ก็ตาม ส่วนหน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ เป็นจอภาพ Retina แบบติดตลอด มาพร้อมขนาดที่ใหญ่ถึง 49 มม. มอบพื้นที่การใช้งานเพิ่มขึ้นมาก ทำให้เราใส่กลไกบนหน้าปัดได้มากถึง 8 แบบ อีกทั้งหน้าจอยังมีความละเอียดที่สูงและยังมีความสว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต สูงกว่าทุกรุ่นที่เคยมีมา และมีโหมดกลางคืน ซึ่งรายละเอียดบนหน้าปัดจะเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ช่วยให้มองเห็นง่ายมาก ๆ ครับ ไม่ว่าจะใช้งานในสภาพแสงแบบไหนก็ตาม ในส่วนสเปคใช้ชิปฯ S8 Dual core 64 บิต มาคู่กับ watchOS 9 ที่ได้รับการพัฒนามาใหม่ โดยมีการอัปเกรดฟีเจอร์เดิม และเพิ่มฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ ๆ เข้าไป ทำให้รุ่นนี้มีคุณสมบัติ และประสิทธิภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด มีทั้ง การวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2), การวัดอัตราการเต้นหัวใจรุ่นที่ 3, การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ, ระยะของการนอน, การตรวจวัดอุณหภูมิ เพื่อติดตามรอบเดือนและคาดคะเนช่วงไข่ตก, เข็มทิศใหม่พร้อม GPS แบบสองคลื่นความถี่ (L1 และ L5) ที่แม่นยำที่สุด, มาตรวัดความสูง, มาตรวัดความลึก, วัดอุณหภูมิน้ำ, การตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบแรง g สูง, ระบบ SOS การตรวจจับการล้ม ตรวจจับการชนกัน และยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกเพียบ ส่วนการออกกำลังกายก็มีมาให้ครัน โดยเฉพาะถ้าใครที่เป็นสายไตรกีฬา รุ่นนี้คือที่สุดแล้วครับ สามารถช่วยในการฝึกซ้อมและพัฒนาร่างกายได้เหมือนกับมีมืออาชีพมาดูแล จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch Series 8 แอปเปิ้ลวอทช์รุ่นใหม่ ที่มีคุณสมบัติด้านสุขภาพชั้นแนวหน้ารูปภาพจาก apple.comราคา 15,900 บาท* Apple Watch Series 8 แอปเปิ้ลวอทช์ซีรี่ส์ล่าสุด ที่เพิ่งเปิดตัวออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ถูกออกแบบมาให้เป็นสุดยอดอุปกรณ์สำหรับสุขภาพที่ดี มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูเรียบหรูเช่นเคยครับ ทำให้สวมใส่ได้ทุกโอกาส ด้านบนมีหน้าจอ LTPO OLED Retina แบบติดตลอด ขนาด 41 มม. และ 45 มม. เป็นแบบไร้ขอบ ทำให้มีพื้นที่บนหน้าจอเพิ่มมากขึ้น แถมยังมีความละเอียดสูง และมีความสว่าง 1,000 นิต ช่วยให้ภาพคมชัด มองเห็นง่าย แม้ว่าจะใช้งานกลางแจ้ง ในส่วนสเปค ใช้ชิปฯ S8 Dual core 64 บิต ตัวใหม่ คู่กับ watchOS 9 ที่ได้รับการพัฒนามาเป็นอย่างดี โดยได้เสริมฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ ๆ เข้าไป ในขณะที่ฟีเจอร์เดิมก็ถูกอัปเกรดใหม่หมด ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น การวัดออกซิเจนในเลือด SpO2, การวัดอัตราการเต้นของหัวใจรุ่นที่ 3, การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การตรวจวัดอุณหภูมิ, การติดตามรอบเดือน, การคาดคะเนช่วงไข่ตก, มาตรวัดความสูงที่ทำงานตลอด, การตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบมีแรง g สูง, การตรวจวัดแสงโดยรอบ, เข็มทิศ, ระบบ SOS โทรฉุกเฉินทั่วโลก, การตรวจจับการล้ม, การตรวจจับการชนกัน และมีฟีเจอร์อื่น ๆ อีก ส่วนการออกกำลังกายก็มี GymKit มาให้ ซึ่งมีเยอะจนคุณอยู่นิ่งไม่ได้ อีกทั้งยังมีวิธีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยในการฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาร่างกายของคุณ ทั้งหมดนี้อัดแน่นอยู่ในเจ้า Watch Series 8 แล้ว หากใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถอ่านรีวิวเต็ม ๆ ได้ที่ เปิดตัว Apple Watch Series 8 สเปค และคุณสมบัติที่โดดเด่น จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch SE แอปเปิ้ลวอช ตัวประหยัด รุ่นใหม่ล่าสุด (2022)รูปภาพจาก apple.comราคา 9,900 บาท* Apple Watch SE (2022) แอปเปิ้ลวอชรุ่นประหยัด ที่เปิดตัวมาพร้อมกับ Watch Series 8 และ Watch Ultra ครับ ซึ่งยังคงอัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติต่าง ๆ มากมาย แต่ยังมาในราคาสุดคุ้มค่าเช่นเคย โดยตัวเรือนจะใช้อะลูมิเนียมที่มีดีไซน์เรียบง่าย พรีเมี่ยม จอภาพ Retina ที่มีทั้ง 40 มม. และ 44 มม. โดยมีขอบจอที่ค่อนข้างบาง ช่วยให้มีพื้นที่บนหน้าจอที่มากขึ้น ในส่วนสเปกทำงานด้วยชิป S8 แบบ Dual-core ตัวเดียวกับที่ใช้ในรุ่นท๊อปที่เปิดตัวมาพร้อมกัน ส่งผลให้มีการทำงานที่รวดเร็วไม่แพ้รุ่นพี่ ๆ เลย ส่วนคุณสมบัติด้านสุขภาพ และการออกกำลังกาย รุ่นนี้ก็อัดแน่นมาให้แบบครบครันครับ ซึ่งคุณสมบัติด้านสุขภาพ จะมีทั้ง การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าตรวจพบความผิดปกติก็จะมีการแจ้งเตือนทันที, การติดตามรอบเดือน, ระยะของการนอนหลับ, SOS พร้อมการโทรฉุกเฉินทั่วโลก, การตรวจจับการล้ม, การตรวจจับการชนกันอย่างรุงแรง (สูงสุดถึง 256G), การติดตามการเดินด้วยเข็มทิศ และอื่น ๆ ส่วนการออกกำลังกายก็มี GymKit ซึ่งช่วยให้การออกกำลังกายง่ายขึ้น ด้วยข้อมูลมที่มีความละเอียดครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า หลาย ๆ ฟีเจอร์ มันมีเหมือนกันกับ Watch Series 8 เลย ขาดแค่บางฟีเจอร์ที่ถูกตัดออกไป ดังนั้นถ้าฟีเจอที่ถูกตัดไป คุณไม่ได้ต้องการใช้งาน เจ้ารุ่นนี้ก็ถือว่าเหมาะกับคุณมาก ๆ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch Nike Series 7 (GPS + Cellular) ตัวเรือนอะลูมิเนียม สาย Nike Sport Bandรูปภาพจาก apple.comราคา 15,766 บาท* Watch Nike Series 7 มาพร้อมตัวเรือนอะลูมิเนียมเกรดอวกาศ เพิ่มให้ความสปอร์ต ด้วยสาย Nike Sport Band ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ จากแบรนด์ดังอย่าง Nike โดยจะใช้จอภาพ Retina แบบติดตลอดเวลา ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ที่มีขอบจอที่บางลง ช่วยให้มีพื้นที่บนจอเพิ่มขึ้นจาก Watch Series 6 ถึง 20% ครับ ทำให้มีการแสดงผลข้อมูลได้ครบถ้วน และก็ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม และรุ่นนี้ยังมาพร้อมกับระบบ Cellular ในตัว คุณจึงมีอิสระในการใช้งานอย่างเต็มที่ ในส่วนสเปคใช้ชิปฯ S7 Dual core 64 บิต เช่นเดียวกับ Watch Series 7 รุ่นปกติ แต่จะมีการเพิ่มคุณสมบัติเข้าไปแทน ซึ่งจะเน้นการออกกำลังกายมากขึ้น ด้วยแอปฯ Nike Run Club ที่ช่วยสร้างแรงจูงใจ ด้วยคำแนะนำในการวิ่งที่มีประโยชน์ พร้อมมีการติดตามกิจกรรม การออกกำลังกายอื่น ๆ อีกเพียบ นอกจากนี้คุณสมบัติด้านสุขภาพที่ล้ำสมัยที่สุด ใน Apple Watch ของ Watch Series 7 ก็ยังอยู่ครับ ทั้ง การวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) คุณสมบัติ SOS ฉุกเฉิน และอื่น ๆ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch Series 7 (GPS) ตัวเรือนอะลูมิเนียม พร้อมสาย Sport Bandรูปภาพจาก apple.comราคา 13,900 บาท* Apple Watch Series 7 เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2021 ครับ ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมจอที่ใหญ่ขึ้น มีการปรับขนาดใหม่ เป็น 41 มม. และ 45 มม. ใช้จอภาพ Retina แบบติดตลอดเวลา พร้อมมีการทำขอบหน้าจอให้บางเฉียบ เพื่อให้ได้พื้นที่จอมากขึ้น โดยมากกว่า Watch SE เกือบ 20% และมากกว่า Series 3 ถึง 50% เลยทีเดียว และเพิ่มคีย์บอร์ด QWERTY เข้าไป ช่วยให้การใช้งานที่ง่ายขึ้น สำหรับรุ่นที่เราเลือกมานี้ เป็นรุ่น ตัวเรือน อะลูมิเนียม โดยใช้กระจกหน้าจอ Ion‑X ที่แข็งแรง ทนทาน ทำงานด้วย SiP รุ่น S7 พร้อมโปรเซสเซอร์ Dual‑core 64 บิต ที่เร็วกว่า Watch SE ถึง 20% ซึ่งในด้านคุณสมบัติต่าง ๆ ก็ตามสไตล์รุ่นไฮเอนด์ครับ มาพร้อมคุณสมบัติด้านสุขภาพที่ล้ำสมัยขึ้นกว่า Apple Watch รุ่นก่อนหน้า เริ่มที่ฝาหลังคริสตัล มาพร้อมกับไฟ LED 4 ดวง มีเซ็นเซอร์วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) เซ็นเซอร์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และจะมีการแจ้งเตือน เมื่อนาฬิกาตรวจพบ การเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ มีการใส่คุณสมบัติ SOS สถานการณ์ฉุกเฉิน มีทั้ง การโทรขอความช่วย ไปพร้อม ๆ กับการแจ้งให้คนในรายชื่อติดต่อของคุณทราบด้วย นอกจากนี้ยังตรวจจับการล้มอย่างรุนแรงได้ หากตรวจพบจะมีการโทรหาหน่วยฉุกเฉินให้กับคุณโดยอัตโนมัติครับ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch Series 6 (GPS + Cellular) แอปเปิ้ลวอช ตัวเรือนอะลูมิเนียม สาย Sport Bandรูปภาพจาก apple.comราคา 14,900 บาท* Apple Watch Series 6 เคยเป็นแอปเปิ้ลวอชรุ่นที่ดีที่สุดของ Apple มาพร้อมเทคโนโลยีด้านสุขภาพแห่งอนาคตมากมาย นำทุกสิ่งที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ Series 5 มาใช้ พร้อมกับนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งรุ่นที่เราเลือกมาเป็น GPS + Cellular รุ่นที่ให้คุณสามารถโทรออก ส่งข้อความ และดูเส้นทางได้ โดยที่ไม่ต้องมีโทรศัพท์อยู่กับตัว ดังนั้นหากใครใช้ Watch Series 5 อยู่ เราขอแนะนำให้ข้ามไปที่ Series 7 ได้เลยครับ โดย Watch Series 6 มีทั้งตัวเรือนที่เป็น สแตนเลสกราไฟท์ และอะลูมิเนียม ขนาด 40 มม. และ 44 มม. ซึ่งรุ่นที่เราเลือกมานี้เป็นตัวเรือนอะลูมิเนียม ทำงานด้วยชิป S6 ที่ได้มีการปลดล็อกคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ส่งผลให้เร็วกว่ารุ่น Series 5 ถึง 20% ส่วนหน้าจอใช้แบบแสดงผลตลอดเวลา โดยในเวลากลางวัน มีการปรับให้สว่างขึ้นถึง 2.5 เท่า ส่วนในแง่ของคุณสมบัติต่าง ๆ รุ่นนี้มีให้คุณครบครัน เช่น การตรวจวัดออกซิเจนในเลือด (SpO2) เซนเซอร์วัดระยะความสูงแบบเรียลไทม์ เซ็นเซอร์ตรวจจับการล้ม และระบบ SOS พร้อมกับมีการโทรหาหน่วยฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch Series 6 GPS แอปเปิ้ลวอช รุ่นท๊อป ในราคาเบา ๆรูปภาพจาก apple.comราคา 13,400 บาท* Apple Watch Series 6 อดีตแอปเปิ้ลวอชยอดนิยมที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2020 ครับ ซึ่งถึงแม้รุ่นนี้จะรุ่นเก่าไปแล้ว แต่ด้วยราคาที่ลดลง ทำให้รุ่นนี้มีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นครับ โดยทำงานด้วยชิพ S6 Dual-core 64 บิต ที่ทำงานเร็วกว่า Series 5 ถึง 20% และยังช่วยประหยัดพลังงานได้มากขึ้น พร้อมกับชิพ W3 ชิพระบบไร้สาย และชิพ U1 ที่เป็นอัลตร้าไวด์แบนด์ ทำให้รองรับ Wi-Fi แบบ 5GHz ได้ ในส่วนคุณสมบัติต่าง ๆ รุ่นนี้ก็มีครบครันครับ พูดง่าย ๆ ว่า มีสิ่งที่ต่างจากรุ่นพี่อย่าง Watch Series 7 แค่เล็กน้อยเท่านั้นครับ โดยเฉพาะในด้านสุขภาพที่มีเซ็นเซอร์สำคัญ ๆ ให้ ทั้ง การวัดออกซิเจนในเลือดได้ (SpO2) และการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) การเช็คจังหวะการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ยังมีการติดตามกิจกรรมประจำวัน การดูแนวโน้มในแอปฯ ฟิตเนสบน iPhone เพื่อวัดค่าการออกกำลังกายและปรับปรุงให้ดีขึ้น และอีกมากมาย แถมยังมีการตรวจจับการล้ม ระบบ SOS ฉุกเฉินที่ จะแจ้งให้หน่วยฉุกเฉินให้คุณโดยอัตโนมัติ ซึ่งมันรองรับการขอความช่วยเหลือได้ทั่วโลกเลย ถือเป็นแอปเปิ้ลวอชราคาประหยัดที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ สามารถดูแลสุขภาพของคุณได้โดยตรง คอยเฝ้าติดตามกิจกรรมของคุณตลอดเวลา จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
รีวิว Apple Watch SE (GPS) แอปเปิ้ลวอช ตัวประหยัด (2020)รูปภาพจาก apple.comราคา 10,600 บาท* Apple Watch SE (2020) เปิดตัวมาพร้อมกับ Watch Series 6 ครับ ซึ่งถือเป็นแอปเปิ้ลวอชระดับเริ่มต้นที่มีราคาประหยัด แต่มาพร้อมกับสเปกพื้นฐานที่ครบครัน ใช้จอภาพ Retina ที่มีทั้ง 40 มม. และ 44 มม. โดยมีขอบจอกว้างเพียง 3 มม. เท่านั้น ช่วยให้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นกว่า Watch Series 3 ถึง 30% ทำให้คุณเห็นข้อมูลได้มากขึ้น โดยทำงานด้วยชิป S5 แบบ Dual-core ที่เร็ว แรง กว่า S3 ถึง 2 เท่า ช่วยให้การทำงานที่รวดเร็ว ทันใจ ส่วนคุณสมบัติด้านสุขภาพ และการออกกำลังกาย รุ่นนี้มีให้ครบครันครับ ซึ่งคุณสมบัติด้านสุขภาพ จะมีเซ็นเซอร์วัดหัวใจ ที่ช่วยวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หากตรวจพบความผิดปกติ จะมีการแจ้งเตือนทันที มีการดูแลความปลอดภัยจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน ด้วยคุณสมบัติที่มีอยู่ใน Watch Series 7 ทั้ง SOS ฉุกเฉิน พร้อมการโทรฉุกเฉินทั่วโลก และการตรวจจับการล้ม โดยการตรวจจับแรง G (สูงสุดถึง 32G) นอกจากนี้ยังมีการติดตามที่ครบถ้วนเช่นกัน ทั้ง การนอนหลับ, เข็มทิศ, มาตรวัดความสูง แบบเรียลไทม์, เซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง, GymKit ช่วยให้การออกกำลังกายง่ายขึ้น และอื่น ๆ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า
บทส่งท้ายมาถึงตรงนี้ เราหวังว่าคุณคงได้รู้จัก นาฬิกาอัจฉริยะ Apple Watch กันมากขึ้นแล้วนะครับ ซึ่งเราจะเห็นว่านาฬิกาอัจฉริยะมันมีประโยชน์หลายด้าน ทั้ง ด้านความบันเทิง, การสื่อสาร, การฟังเพลง, โทรเข้า-โทรออก, ข่าวสาร, การแจ้งเตือนต่าง ๆ และมีคุณสมบัติในด้านการติดตามสุขภาพด้วยทั้ง การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ผลการออกกำลังกาย เพื่อให้คุณได้เห็นพัฒนาการด้านสุขภาพ และสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนให้เหมาะกับสุขภาพของเราได้ ซึ่งมันช่วยให้เราไปได้ถูกทางมากขึ้น สุดท้ายนี้เราก็หวังว่า บทความนี้มันจะเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อ Apple Watch ของคุณนะครับ แต่หากรุ่นที่เราได้เลือกมามันมีราคาที่สูงจนเกินไป เราก็ได้รวมรวม สมาร์ทวอทช์ ไม่เกิน 2,000 บาท และ สมาร์ทวอทช์ ไม่เกิน 5,000 บาท เอาไว้แล้วครับ แต่ถ้าหากใครที่เป็นสายออกกำลังกายจริง ๆ ต้องการสมาร์ทวอทช์รุ่นที่ดีกว่านี้ เราขอแนะนำเจ้า Garmin Fenix 6x Pro Solar ครับ ประสิทธิภาพสุดยอดแน่นอน Apple watch SE ใช้โทรได้ไหมคุณสมบัติด้านความปลอดภัย อย่างการตรวจจับการล้ม13, SOS ฉุกเฉิน และการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้า ทำให้ Apple Watch เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุในครอบครัว ถึงแม้ว่าพวกท่านจะไม่ได้ใช้ iPhone ก็ตาม ขณะเดียวกันก็ยังสามารถโทรออก ส่งข้อความ และแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของตัวเองได้ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยให้การติดต่อ ...
Apple watch SE มี GPS ไหมการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจสูงและต่ำ ตรวจจับการล้ม, การโทรฉุกเฉินทั่วโลก และ SOS ฉุกเฉิน การเชื่อมต่อ 4G LTE, 3G UMTS, Wi‑Fi และ Bluetooth 5.0. GPS/GNSS, เข็มทิศ และมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด
Apple watch สามารถรับสายไลน์ได้ไหมApple Watch รับสาย LINE, Messenger ได้ไหม และ Apple Watch 6 มาเมื่อไหร่? คำตอบ… ไม่สามารถรับสายได้ ทำได้เพียงการแจ้งเตือนเท่านั้น ส่วนการตอยข้อความก็ทำได้ปกติแต่อาจจะมีข้อผิดพลาดอยู่บ้างเช่นแอปเด้งหรือบางครั้งจะแจ้งเตือนช้า
แอปเปิ้ลวอช SEทำอะไรได้บ้างApple Watch SE มีฟังก์ชันการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วและช้า การแจ้งเตือนคาร์ดิโอฟิตเนส การติดตามรอบเดือน ระยะของการนอนหลับ การตรวจจับการล้างมืออัตโนมัติ การออกกำลังกายประเภทใหม่ ๆ ระบบ SOS ฉุกเฉินช่วยโทรขอความช่วยเหลือและแจ้งบริการฉุกเฉินต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทั่วโลกแค่กดปุ่มเท่านั้น การตรวจจับการล้ม
|