หลักสูตร : จิตวิทยาการบริการ หลักการและเหตุผล จิตวิทยาการบริการ เป็น การศึกษาเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานพฤติกรรมของความต้องการบุคคล ความแตกต่างด้านวัฒนธรรมของผู้รับบริการ การพัฒนาบุคลิกภาพของผู้ให้บริการ หลักการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ หลักการสื่อสารและมนุษย์สัมพันธ์ในการบริการ รวมทั้งกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการให้บริการ โดยการนำจิตวิทยาการบริการไปใช้ในการประกอบอาชีพ หากผู้ให้บริการขาดความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร และขาดการประยุกต์ใช้หลักการเชิงจิติวทยามาใช้กับผู้รับบริการ อาจทำให้การบริการไม่ประสบความสำเร็จ ผู้รับบริการเกิดความไม่พึงพอใจในการบริการ การเข้าร่วมอบรมเรียนรู้หลักสูตร จิตวิทยาการบริการ จะช่วยให้ผู้ที่เข้าร่วมอบรมมีความเข้าใจต่อพฤติกรรม ความต้องการของผู้รับบริการ การสื่อสารกับผู้รับบริการอย่างถูกวิธี และการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้รับบริการ ทำให้ผู้ให้บริการมีประสิทธิภาพในการบริการตามหลักบริการที่หลากหลายมากขึ้น วัตถุประสงค์
สิ่งที่ผู้อบรมจะได้รับ ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้เรียนรู้แนวคิดเชิงจิตวิทยา การพัฒนาการบริการในรูปแบบของทฤษฎีเชิงจิตวิทยาในการให้บริการ เรียนรู้ถึงพฤติกรรมของความต้องการของผู้รับบริการ การประกอบอาชีพอย่างมีหลักการและประสิทธิภาพ หัวข้อการบรรยาย
รูปแบบและลักษณะของการฝึกอบรม วิธีการฝึกอบรม : บรรยาย 70% Workshop นำเสนอผลงาน 30% *** ราคานี้ไม่รวมค่าเดินทางกรณีเป็นต่างจังหวัด*** ปัจจุบัน การศึกษาด้านจิตวิทยา ถูกนำมาเป็นหลักสูตรเสริมสำหรับคนทำงาน เรียกว่า “จิตวิทยากับการทำงาน” เพราะการศึกษาด้านจิตวิทยา มีเป้าหมายเพื่อศึกษาธรรมชาติของคน ที่มีบุคลิก มีนิสัยแตก มีความเป็นปัจเจกต่างกัน ประเด็นเรื่องการจัดการกับมนุษย์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่หลาย ๆ องค์กรเริ่มตระหนักถึง เมื่อบุคลากรมีความรู้ทางจิตวิทยา ก็สามารถนำมาปรับใช้ได้อย่างจริงจังในองค์กร และมีประโยชน์ทั้งต่อตัวพนักงานเองและองค์กร จิตวิทยาเป็นศาสตร์ที่ศึกษาพฤติกรรมและจิตใจของมนุษย์โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เราสามารถใช้จิตวิทยาในการทำงาน เพื่อค้นหาความสามารถ ความถนัด บุคลิกภาพ ลักษณะต่าง ๆ ของตนเองและผู้อื่น เพราะแนวคิดหลักของจิตวิทยาคือ คนเราแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งในด้านบุคลิกภาพ ความเชื่อ ทัศนคติ แรงจูงใจ หรือความสามารถ ความแตกต่างเหล่านี้ส่งผลให้คนแต่ละคนทำงานได้แตกต่างกัน มาดูกันว่าจิตวิทยาสำคัญต่อการทำงานอย่างไรบ้าง จิตใจส่งผลถึงพฤติกรรม พฤติกรรมส่งผลต่อการทำงาน พฤติกรรมของคนนั้นมีผลมาจากลักษณะจิตใจที่ต่างกัน คนเรามีพฤติกรรมบางอย่างที่ช่วยส่งเสริมสนับสนุนการทำงาน ขณะเดียว ก็มีพฤติกรรมบางอย่างที่เป็นอุปสรรคขัดขวางการทำงานเช่นกัน พฤติกรรมเหล่านั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการทำงาน ดังนั้น ก่อนที่เราจะรู้จักใคร ต้องมั่นใจก่อนว่ารู้จักตัวเองดีพอแล้ว รู้ว่าอะไรคือจุดแข็ง จุดอ่อน ข้อดี ข้อด้อยของตัวเอง ซึ่งการมีความรู้ด้านจิตวิทยา จะทำให้เราวิเคราะห์ถึงลักษณะของจิตใจและบุคลิกภาพของทั้งตนเองและผู้อื่น เข้าใจตนเองและผู้อื่นให้ได้มากที่สุด มีส่วนช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่เพียงเท่านั้น การศึกษาจิตวิทยายังรวมถึงวิธีสร้างสมดุลชีวิตในการทำงาน เพราะสภาพร่างกายและจิตใจที่ไม่พร้อม ส่งผลต่อศักยภาพ ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของงาน ต้องรู้จักจัดการกับภาวะจิตใจของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนา การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม บรรยากาศรอบตัวที่เป็นพิษ ไม่อาจทำให้คนทำงานได้อย่างสนุกและมีความสุขได้ Put the right man on the right job การมอบหมายงานให้ถูกกับบุคคล เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่องค์กรใช้ดึงศักยภาพของบุคลากรออกมา การใช้ แบบประเมินบุคลิกภาพ เป็นเครื่องมือหนึ่งในการจัดกลุ่มคน จะทำให้รู้ว่าคนคนนั้นเหมาะกับงานประเภทไหน มีจุดแข็ง จุดอ่อนอย่างไร และควรมอบหมายงานอะไรให้เขาทำ เพราะงานที่ใช่จะก่อเกิดประสิทธิภาพในการทำงานสูงสุด ตัวบุคคลเองก็จะดึงศักยภาพออกมาใช้กับงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งความรู้ทางจิตวิทยานี้เองที่จะช่วยให้องค์กรบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรไม่จำเป็นต้องมีคนมาก เพราะคนน้อยก็ได้งานที่ดีได้ถ้าคัดเลือกบุคลากรที่มีความสามารถและลักษณะตรงตามที่งานต้องการ และตัวบุคลากรเองก็ได้ตระหนักถึงขีดความสามารถของตน นำมาใช้ และพัฒนาต่อ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น หากองค์กรมอบหมายงานให้พนักงานคนหนึ่งที่ค่อนข้างขี้อาย พูดไม่เก่ง ไปทำหน้าที่ที่ต้องพบปะกับผู้คนมาก ๆ หรือต้องพูดอยู่ตลอดเวลา จะทำให้พนักงานคนนั้นเกิดภาวะ “ฝืนใจทำ” ซึ่งเป็นเพียงการพยายามทำให้เสร็จ ๆ จบ ๆ ไป ไม่มีแรงจูงใจที่อยากสร้างงานที่มีคุณภาพ ในความเป็นจริง องค์กรอาจไม่ได้ทั้งประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานที่ให้เขาทำเลยก็ได้ เพราะงานนั้นไม่เหมาะกับบุคลิกของเขา เพราะเราต้องทำงานร่วมกับคนอื่น จิตวิทยา สำคัญต่อการสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน ในฐานะที่ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในทีม ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อประสานงานระหว่างเพื่อนร่วมงาน การพูดคุยกับหัวหน้า การสื่อสารกับผู้บริหาร การติดต่อลูกค้า หรือผู้เกี่ยวข้องอื่น ๆ ย่อมมีการพบปะพูดคุยและทำงานร่วมกันทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ปัญหาเรื่อง “คน” ที่ต้องทำงานร่วมกัน เราจำเป็นต้องปรับตัว ปรับแนวคิดและทัศนคติเพื่อให้ทำงานร่วมกับคนอื่นได้มีความสุขและราบรื่นที่สุด ซึ่งหลักจิตวิทยาการทำงานแบบ P-S-Y-C-H-O เป็นจิตวิทยาในการทำงานง่าย ๆ ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของคน รวมถึงมีพลังในการขับเคลื่อนองค์กร ทั้งยังสามารถนำมาปรับใช้ในการสร้างสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ผู้บริโภคก็คน จะขายของได้ ต้องเข้าใจผู้บริโภค เนื่องจากจิตวิทยาเป็นการศึกษาให้เข้าใจถึงพฤติกรรมของมนุษย์ ฉะนั้น การที่จะเข้าให้ถึงผู้บริโภคจึงจำเป็นต้องรู้ว่าพฤติกรรมผู้บริโภคเป็นแบบใด ผู้บริโภคต้องการอะไร ผู้บริโภคชอบอะไร แล้วหาสิ่งที่พวกเขาต้องการไปเสนอขายให้กับเขา นั่นทำให้หลายสายงานจำเป็นต้องส่งเสริมให้พนักงานเรียนจิตวิทยาเพิ่มเติม ก็เพื่ออ่านใจผู้บริโภคนั่นเอง อย่างสายงานบางสายมีรายได้จากช่องทางออนไลน์ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้ผู้บริโภค โดยเฉพาะสังคมเมืองมีตัวตนกันอยู่บนโลกออนไลน์ การทำการตลาดจึงต้องเน้นมาให้ความสำคัญตรงจุดนี้ การรู้เท่าทันพฤติกรรมหรือความต้องการของคนในสังคม มีประโยชน์ในการนำมาใช้พัฒนา ปรับปรุงแพลตฟอร์มออนไลน์ของตนเอง เช่น อัลกอริทึมบนโซเชียลมีเดีย ที่พยายามเก็บรวบรวมพฤติกรรม ความชอบของคนในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อยิงโฆษณาให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ศึกษามามากที่สุด ยิ่งมีคนเห็นมากเท่าไร โอกาสที่จะขายได้ก็มีมากขึ้นเท่านั้น หรือแม้แต่ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีช่วง ทดลองใช้ฟรี มาล่อตาล่อใจผู้คน นี่ก็เป็นการเล่นกับจิตวิทยาของคนในสังคมเช่นเดียวกัน พวกเขารู้ว่าอำนาจของคำว่า “ฟรี” มันมีพลังมากพอที่จะล่อให้คนกดเข้าไปทดลองใช้ และเวลาในช่วงใช้ฟรีก็นานพอจะทำให้คนติดใจ ในที่สุดก็นำไปสู่การตัดสินใจซื้อ |