ประกาศเขตพื้นที่ประสบภัย พิบัติ 2565 นครนายก

โดย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครนายก ขอรายงานสถานการณ์อุทกภัยประจำวันที่ 28 สิงหาคม 2565 เพิ่มเติม ดังนี้

1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยตั้งแต่ 26-28 สิงหาคม 2565 รวม 4 อำเภอ 12 ตำบล 1 เทศบาล ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ดังนี้

1.1 อำเภอบ้านนา รวม 4 ตำบล 1 เทศบาล ระดับน้ำท่วมขังถนนสาย 2003 แยก ทล.33 กม.0+650-กม.2+400 ระดับน้ำลดงเข้าสภาวะปกติ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ระดับน้ำลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้วตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม 2565 และยังคงมีน้ำท่วมขัง ต.ป่าขะ ม.5 และ ต.บางอ้อ มีน้ำท่วมขังที่ราบลุ่มและชุมชนบางพื้นที่ ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

1.2 อำเภอเมืองนครนายก รวม 6 ตำบล ได้แก่ ต.เขาพระ ต.ท่าทราย ม.6 บ้านเรือน 15 ครัวเรือน ต.ท่าช้าง ม.2 ต.สาริกา ม.1,10 ต.ศรีนาวา ม.3 ต.พรหมณี ม.4 ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ ยังคงมีน้ำท่วมขังชุมชนและพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่

1.3 อำเภอปากพลี ต.ท่าเรือ ม.6 ราษฎรเดือดร้อน 9 ครัวเรือน ยังคงมีน้ำท่วมขังชุมชนและพื้นที่การเกษตรบางพื้นที่

1.4 อำเภอองครักษ์ วันที่ 28 ส.ค.2565 ปริมาณน้ำแม่น้ำนครนายกได้เริ่มเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมชุมชนบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรในเขตริ่มตลิ่งในบางพื้นที่ของ ต.ทรายมูล ม.1,7,11 ความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ

2.1 วันที่ 28 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น. นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผวจ.นย. พร้อมด้วย นายอุดมเขต ราษฎร์นุ้ย รอง ผวจ.นย. นายภราดล รุ่งโรจน์ธีระ หน.สนง.ปภ.นย. ท้องถิ่นจังหวัด นายอำเภอเมืองนครนายก รอง ผอ.ชป.นย. ผู้แทนแขวงทางหลวงนครนายก ผู้แทนประปาส่วนภูมิภาค นายก อบต.สาริกา นายก อบต.บ้านใหญ่ นายก อบต.เขาพระ กำนัน ผญบ.และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยในตำบลสาริกา ม.10 ริมถนนสาย 3049 (นครนายก-เขื่อนขุนด่านปราการชล) กม.6 หน้าปั๊ม ปตท. ซอยบ้านกลาง-หนองโม เนื่องจากมีน้ำท่วมขังถนนและบ้านเรือนราษฎร จากการตรวจสอบได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา ดังนี้

1) การวางท่อระบายน้ำจากริมถนนสาย 3049 มายังบ้านเรือนประชาชนมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน

2) ปริมาณน้ำจากคลองห้วยทรายเอ่อล้นตลิ่งไหลท่วมพื้นที่ราบลุ่มและบ้านเรือนชุมชน

3) คลองค้อ มีผักตบชวาและวัชพืชจำนวนมาก ซึ่งกีดขวางทางน้ำไหล

1) ให้ ทล.ตรวจสอบการวางท่อระบายน้ำริมถนนสาย 3049 ที่เชื่อมกับท่อระบายน้ำที่ต่อเข้าบ้านเรือนประชาชนให้สูงต่ำเท่ากัน และนำรถแบล็คโฮว์มาขุดเปิดปากท่อระบายน้ำให้น้ำไหลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

2) ขอให้ อบจ.นย.สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาด 12 นิ้ว 1 เครื่อง เพื่อสูบน้ำจากคลองค้อหลังวัดโพธิ์งาม ต.สาริกา ม.10 ให้ไหลไปวัดพราหมณี

3) ขอให้ อบจ.นย. สนับสนุนรถแบล็คโฮว์มุมยาว 1 คัน กำจัดผักตบชวาคลองค้อ ต.เขาพระ ม.6 ระยะทาง 300 เมตร

4) ขอให้ชลประทานนครนายกสนับสนุนเรือนวัตกรรม 1 ลำ ให้ อบต.บ้านใหญ่สนับสนุนค่าใช้จ่าย เพื่อกำจัดผักตบชวาและวัชพืชคลองค้อ ต.บ้านใหญ่ ม.6

5) ขอให้ชลประทานนครนายกสนับสนุนเรือนวัตกรรม 1 ลำ ให้ อบต.เขาพระสนับสนุนค่าใช้จ่าย กำจัดผักตบชวาและวัชพืชให้น้ำไหลไปวัดพราหมณี

6) ประสานวัดพราหมณี ต.สาริกา ม.9 ให้เปิดประตูระบายน้ำ

2.2 นายกเทศมนตรีตำบลบ้านนาแจกถุงยังชีพให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเขตเทศบาลตำบลบ้านนา รวม 200 ชุด

2.3 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษานครนายกหยุดการระบายน้ำผ่านเขื่อนนายกตั้งแต่เวลา 20.00 น.ของวันที่ 27 สิงหาคม 2565 ปัจจุบันระดับน้ำเหนือเขื่อน +3.68 ม.(รทก) ระดับน้ำท้ายเขื่อน +3.13 ม.(รทก) ระดับน้ำในแม่น้ำนครนายกเข้าสู่สภาวะปกติ

2.4 นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผวจ.นย. ได้สั่งการให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำการสำรวจความเสียหายและรายงานเหตุด่วนสาธารณภัยไปยังจังหวัดเพื่อพิจารณาประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยและเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินต่อไป

Nov 10, 2022 แนวโน้มเข้าเป้า! ตลาดรถจักรยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นหนุนธุรกิจลิสซิ่งโต ด้านบมจ.ฐิติกรเผยผลประกอบการไตรมาส 3 โกย 498 ล้านบาท มั่นใจทั้งปีโต 20%ตามเป้า
.
นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะเติบโต 3.3% ตามการเติบโตของภาคท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคของภาคเอกชน โดยภาคท่องเที่ยวมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลายลง คาดว่าในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 10 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีจำนวนเพียง 0.4 ล้านคน ขณะที่การส่งออก 9 เดือน เติบโตขึ้น 10.6% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 19 คาดว่าการส่งออกจะยังคงขยายตัวไปได้ด้วยดี
.
ซึ่งจะส่งผลดีต่อการบริโภคและการจ้างงานภายในประเทศ ประกอบกับกับสภาพตลาดโดยเฉพาะยอดจำหน่ายรวมรถจักรยานยนต์ในไตรมาส 3 ปีนี้ ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 38.7% จึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถดำเนินกิจการให้เติบโต 20% ในปีนี้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
.
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดไตรมาส 3/2565 โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 1,484 ล้านบาท ลดลง 2.0% จาก 1,514.5 ล้านบาท กำไรสุทธิ 312.7 ล้านบาท ลดลง 9.5% จาก 345.7 ล้านบาท ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/2565 รายได้รวม 498.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% จาก 476.2 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 60.1 ล้านบาท ลดลง 53.7% จาก 129.8 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ใช้นโยบายบัญชีตัดค่าใช้จ่ายดังกล่าวทันทีทั้งจำนวน และการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มตามจำนวนลูกหนี้ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายการขยายตัวเพื่อเพิ่มยอดการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม คุณภาพลูกหนี้ของบริษัทฯ ดีขึ้น โดยมีลูกค้าค้างชำระเกิน 3 เดือน ที่ 5.9% ซึ่งดีขึ้นเมื่อเทียบกับคุณภาพลูกหนี้สิ้นปี 2564
.
ณ ไตรมาส 3 ปี 2565 บริษัทฯ มีลูกหนี้เช่าซื้อและลูกหนี้เงินให้กู้ยืมสุทธิรวม 4,575.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.8% จาก 3,949.4 ล้านบาท สัดส่วนสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.5% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2565 โดยมาจากกัมพูชาเป็นตลาดหลัก มีลูกหนี้รวม 1,236.1 ล้านบาท เติบโต 24% จาก 996.7 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ สปป.ลาว มีลูกหนี้ 158.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.94% จาก 137.6 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา จากนโยบายเพิ่มยอดปล่อยสินเชื่อและสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
.
ส่วนกรณีคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ออกประกาศ เรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ.2565 บริษัทได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนออกประกาศ และเริ่มควบคุมคุณภาพการปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/2565 เพื่อลดต้นทุนทางด้าน Credit cost หรือหนี้เสีย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3G7TGlJ
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#ตลาดรถจักรยานยนต์ #ธุรกิจลิสซิ่ง #TK #สินเชื่อเช่าซื้อ #สินเชื่อ #ดอกเบี้ย #BTimes

 

Nov 10, 2022 ทิศทางค่าเงินบาท! ttb คาดสิ้นปี 2566 จะกลับมาอยู่ที่ระดับ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อานิสงส์จากท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็ว
.
ttb analytics เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่ามาตั้งแต่ต้นปี 2565 อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 16 ปี โดยอยู่ที่ 38.31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ หรือ อ่อนค่าลงกว่า 14% ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นมากจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของไทย
.
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยล่าสุดอยู่ที่ 36.85 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากการที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็ว หนุนดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในปีหน้า ทำให้ ณ สิ้นปี 2566 คาดว่า เงินบาทมีแนวโน้มแข็งขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ระดับ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
.
โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2565 เงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า จากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมา เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้วถึง 3.00% และคาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 50 Basis Points (BPS) อีก 1 ครั้งในการประชุมเดือนธันวาคมของปีนี้ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงปรับอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.5% และคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีกเพียง 25 BPS ในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้
.
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัวของภาคบริการ ประกอบกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทำให้ราคาพลังงานปรับสูงขึ้นจนทำให้ประเทศที่พึ่งพาการนำเข้าน้ำมันอย่างไทยเผชิญกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด สูงถึง 17,688 ล้านบาท (ข้อมูล ณ เดือนกันยายน 2565) แม้ด้านเงินทุนเคลื่อนย้าย จะยังไม่พบสัญญาณที่ผิดปกติ โดยนับตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 นักลงทุนต่างชาติยังมีฐานะเป็นการซื้อสุทธิในสินทรัพย์ไทยประมาณ 1.1 แสนล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์กว่า 1.6 แสนล้านบาทและขายสุทธิในตลาดพันธบัตรที่ 0.5 แสนล้านบาท
.
การอ่อนค่าของเงินบาทกลับไม่ได้ส่งผลดีกับการส่งออกมากนัก เนื่องจากประเทศคู่ค้าของไทยไม่ได้มีแค่สหรัฐอเมริกา แต่ยังรวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่ค่าเงินมีการอ่อนค่าลงมากกว่าไทยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น เงินเยน เงินยูโร เงินปอนด์ เงินวอน เป็นต้น
.
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวในเมืองไทยที่จะมีกำลังซื้อมากขึ้น หนุนให้ภาคการท่องเที่ยวให้ขยายตัวรวดเร็ว และเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ โดยคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 18.5 ล้านคนในปี 2566 จาก 9.5 ล้านคนในปี 2565 นี้
.
ขณะที่ผู้นำเข้าก็จะได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง เนื่องจากต้องนำเข้าสินค้าในราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งผู้ที่มีหนี้ต่างประเทศต้องชำระหนี้ในจำนวนที่สูงขึ้นเมื่อคำนวณเป็นเงินบาท
.
สำหรับระยะต่อไป คาดว่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าลงมาก แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง โดย ttb analytics มองว่าค่าเงินบาท ณ สิ้นปี 2566 จะอยู่ที่ 36.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวที่จะทำให้การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดปรับดีขึ้น
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3DSR20p
.
ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
เว็บไซต์: https://btimes.biz
พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/
.
#เงินบาท #บาท #บาทอ่อน #อัตราแลกเปลี่ยน #BTimes

 

ศาลอาญายกฟ้อง"หลงจู๊ สมชาย"จ้างวานฆ่าวินจยย.แจ้งเบาะแสตำรวจจับบ่อน ส่วนมือปืนให้จำคุกตลอดชีวิต ชดใช้เงินกว่า 2 ล้าน

ศาลอาญายกฟ้อง"หลงจู๊ สมชาย"จ้างวานฆ่าวินจยย.แจ้งเบาะแสตำรวจจับบ่อน ศาลชี้หลักฐานยังมีข้อสงสัย แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ส่วนมือปืนให้จำคุกตลอดชีวิต ชดใช้เงินกว่า 2 ล้าน ด้านทนายยื่นประกันตัว"หลงจู๊สมชาย" ศาลอนุญาตให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ วงเงิน 5 แสนบาท

วันนี้ (10 พ.ย.) ที่ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีจ้างวานฆ่าหนุ่มวิน จยย.หมายเลขดำ อ.981/2564 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย จุติกิติ์เดชา หรือหลงจู๊ชาย อายุ 56 ปี ชาว จ.ระยอง ผู้กว้างขวางย่านภาคตะวันออกและนายมนัส อิ่มนำ อายุ 41 ปี ชาว จ.ชลบุรี มือปืนเป็นจำเลยที่ 1-2 โดยนายสมชาย จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติตตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุสมควร

อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15-28 ก.ค.2563 นายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันใช้จ้างวานนายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ปานทอง (หลบหนี) วางแผนฆ่านายประทุม สอาดนัก อาชีพขี่วิน จยย.รับจ้าง โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน จ้างวานเป็นเงิน 200,000 บาท นายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกตกลงรับงานฆ่า ต่อมาวันที่ 28 ก.ค.2563 เวลากลางวัน นายมนัสกับพวกใช้รถจักร– ยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง 1 คัน มีนายนิพนธ์เป็นคนขี่ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้ายสะกดรอยติดตามรถจักรยานยนต์ของนายประทุมที่กำลังขี่ไปส่งผู้โดยสารหญิงในซอยพัทยาใต้ 17 หลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จากนั้นนาย มนัสใช้ปืนไทยประดิษฐ์ยิงนายประทุม 1 นัด กระสุนถูกกะโหลกศีรษะด้านหลังทะลุออกบริเวณหัวตาขวาลูกตาฉีก เป็นเหตุให้นายประทุมถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนีไป

เหตุเกิดที่ ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง และ ต.นาเกลือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกี่ยวพันกัน
ชั้นสอบสวนและชั้นศาลนายสมชาย จำเลยที่ 1ให้การปฏิเสธโดยตลอด ส่วนนายมนัส ให้การรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว
เห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อสงสัยว่านายสมชาย จำเลยที่ 1 เป็นผู้จ้างวาน ให้จำเลยที่ 2 กับพวกไปฆ่าผู้ตายหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
พิพากษาว่า นายมนัสจำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4),371พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ฯพ.ศ.2490 มาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษประหารชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 2 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ อันเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี สำหรับความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ไม่อาจเพิ่มโทษจำเลยที่ 2 ได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 51 ส่วนความผิดฐานฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาตฯให้เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 ปี 8 เดือน และ 1 ปี 4 เดือน ตามลำดับ คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 8 เดือน เมื่อรวมโทษทุกระทงแล้วคงลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้ตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ริบอาวุธปืน ซองกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง ให้จำเลยที่ 2 ชดใช้เงินจำนวน 2,053,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 17 มิ.ย. 2564) จนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และยกคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจำเลยที่ 1 โดยออกหมายขังระหว่างอุทธรณ์

ภายหลังทนายความของนายสมชาย จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เดิม ขอปล่อยชั่วคราว

ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายสมชาย จำเลยที่1ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดีโดยตีราคาปนะกัน 5 แสนบาท หลังจากนั้นนายสมชายได้เดินทางกลับทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายสมชาย ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาล 4 คดีทั้งคดีจ้างวานฆ่า คดีร่วมกันฟอกเงิน คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนัน ฯลฯ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยนายสมชายได้รับการประกันตัวทุกคดี

ที่มา : NEWS1