เป็นวงปี่พาทย์ประสมชนิดหนึ่ง มีต้นเค้าสืบเนื่องมาจากละครดึกดำบรรพ์ ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (ม.ร.ว.หลาน กุญชร) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรม พระยานริศรานุวัตติวงศ์ ร่วมกันปรับปรุงขึ้นโดยอาศัยแนวอุปรากร (Opera) ของตะวันตกเข้ามาประกอบ ละครนี้ได้ชื่อตามโรงละคร ซึ่งเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ตั้งชื่อว่า “โรงละครดึกดำบรรพ์” ละครก็เรียกว่า “ละครดึกดำบรรพ์” ด้วย วงปี่พาทย์ที่บรรเลงในการเล่นละครครั้งนี้จึงมีชื่อว่า “ปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์” สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ ได้ทรงคัดเลือกเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้มนุ่มนวลประสมเข้าด้วยกันให้เหมาะสมกับการแสดงละครดึกดำบรรพ์ คือ ระนาดเอก (ใช้ไม้นวม) ระนาดทุ้ม ระนาดทุ้มเหล็ก ฆ้องวงใหญ่ ฆ้องหุ่ย ๗ ใบ มีเสียงเรียงลำดับกัน ๗ เสียง ขลุ่ยเพียงออ ตะโพน กลองตะโพน ฉิ่ง ซออู้ (เพิ่มขึ้นภายหลัง เมื่อแสดงเรื่องสังข์ศิลป์ชัยได้ทรงบรรจุเพลงสังขาราซึ่งต้องใช้ซออู้สีประกอบ) ขลุ่ยอู้ (มีผู้คิดเพิ่ม ในภายหลัง)
วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์นี้นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการประสมเครื่องดนตรีต่างไปจากวงปี่พาทย์เดิมแล้ว ยังได้เปลี่ยนแปลงวิธีการตั้งเครื่องดนตรีอีกด้วย โดยตั้งระนาดเอกไว้กลาง ระนาดทุ้มอยู่ขวา ระนาดทุ้มเหล็กอยู่ซ้าย ฆ้องวงใหญ่อยู่หลังระนาดเอก ส่วนระเบียบวิธีการบรรเลงนั้นก็มีแบบแผนเฉพาะตัว ไม่เหมือนกับการบรรเลงในการแสดงโขนละครโดยทั่วไป
วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์
เป็นวงดนตรีที่ปรับปรุงขึ้นใหม่ จากความคิดริเริ่มของเจ้าพระยาเทเวศร์วงวิวัฒน์เมื่อครั้งไปยุโรป ทรงเห็นการแสดง “ โอเปร่า “ ที่ฝรั่งเล่นเกิดชอบใจ กลับมาทูลชวนให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ ให้ทรงช่วยร่วมมือกันคิดขยายการเล่นละคอนโอเปร่าอย่างไทย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศ ฯ ทรงเห็นด้วย เจ้าพระยาเทเวศน์ฯจึงได้สร้างโรงละคอนขึ้นใหม่ในวังของท่านที่ถนนอัษฎางค์ ริมคลองหลอด และให้เรียกชื่อว่า “ โรงละคอนดึกดำบรรพ์ “ โดยประสงค์จะให้คำว่า “ ดึกดำบรรพ์ “ นั้น เป็นชื่อเรียกของละคอนที่คิดขึ้นใหม่ มิให้เรียกกันว่า “ ละคอนเจ้าพระยาเทเวศร์ “ อย่างแต่ก่อน ( เพราะแต่ก่อนใครก็เรียกกันว่า ละคอนเจ้าพระยาเทเวศร์ และโรงละคอนเจ้าพระยาเทเวศน์ ) แต่ชื่อนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการเล่นละคอนอย่างใหม่ คนทั่วไปจึงเอาชื่อคณะและชื่อโรงละคอนไปเรียกละคอนอย่างใหม่ (โอเปร่า) ว่า“ ละคอนดึกดำบรรพ์ “
ละคอนดึกดำบรรพ์เริ่มแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ ในการรับแขกเมือง และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การรับแขกเมืองที่สูงศักดิ์ที่เข้ามาเฝ้าและเยี่ยมเมืองไทย ก็จะโปรดให้ไปดูละคอนดึกดำบรรพ์แทนการดูคอนเสิร์ทอย่างแต่ก่อน ในเวลาปรกติเจ้าพระยาเทเวศร์ฯ จัดแสดงละคอนดึกดำบรรพ์ให้คนดู ( เก็บค่าผ่านประตู ) ที่โรงละคอนริมถนนอัษฎางค์เหมือนกับโรงละคอนอื่นๆ จนถึง พ.ศ.๒๔๕๒ นับได้ ๑๐ ปี เมื่อเจ้าพระยาเทเวศร์ฯเกิดอาการป่วยเจ็บทุพพลภาพ ออกจากราชการ จึงเลิกแสดงละคอนดึกดำบรรพ์นับแต่นั้นเป็นต้นมา
สำหรับเครื่องดนตรีได้ทรงปรับปรุงเครื่องใหม่ โดยเอาเครื่องดนตรีที่มีเสียงเล็กแหลมในวงปี่พาทย์ออก เช่น ฆ้องวงเล็ก ระนาดเอกเหล็ก และทรงนำเครื่องดนตรีที่มีเสียงนุ่มนวลเพิ่มเติมเข้ามา เช่น นำฆ้องหุ่ย ๗ ใบ ๗ เสียง มาแขวนขา ตั้งโดยรอบ และใช้ตีเป็นทำนองห่างๆ นำขลุ่ยอู้ซึ่งมีเสียงทุ้มใหญ่มาเป่าเพิ่ม และเปลี่ยนกลองทัดทั้งคู่ซึ่งดังมากออก นำเอากลองตะโพน ( มีลักษณะคล้ายตะโพนแต่ใช้ไม้ตั้งตีเหมือนกลองทัด ) มาตีแทนกลองทัด ให้ระนาดเอกตีด้วยไม้นวม เพื่อให้เสียงดังนุ่มนวล ไพเราะ ต่อมาภายหลังเพิ่มซออู้เข้ามาสีรวมวงด้วย โดยสีคลอไปกับเสียงร้อง เรียกชื่อวงปี่พาทย์ที่ปรับปรุงขึ้นใหม่นี้ว่า “ วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ “ ตามชื่อโรงละคอน ใช้บรรเลงและขับร้องประกอบการแสดงละคอนดึกดำบรรพ์โดยเฉพาะ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีดังนี้
1. ระนาดเอก ( ตีด้วยไม้นวม )
2. ระนาดทุ้ม
3. ระนาดทุ้มเหล็ก
4. ฆ้องวงใหญ่
5. ขลุ่ยเพียงออ
6. ขลุ่ยอู้
7. ฆ้องหุ่ย ๗ ใบ
8. ซออู้
9. ตะโพน
10. กลองตะโพน
11. ฉิ่ง
12. กรับพวง
แต่เดิมเมื่อได้ทรงปรับปรุงวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ในปี พ.ศ๒๔๔๒ เป็นที่เรียบร้อย เจ้าพระยาเทเวศร์ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมมหรสพ ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการบรรเลงดนตรีรับแขกเมือง เจ้าพระยาเทเวศร์ได้เคยฟังการบรรเลงและขับร้องเพลงไทยอย่างคอนเสิร์ต ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ทรงคิดจัดให้ทหารบรรเลงเล่น ก็กราบทูลให้ทรงช่วยอำนวยการจัดเล่นดนตรีในกรมมหรสพ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ ในครั้งนั้นสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศฯ ได้ทรงจัดบทร้อง และเพลงดนตรีขึ้นบรรเลงในลักษณะแบบคอนเสิร์ตหลายบท เช่น บทตับนางลอย บทตับพรหมาสตร์ บทตับนาคบาศ เป็นต้น ซึ่งจัดแสดงเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๔๑ ในการต้อนรับ เคาวน์ ออฟ ตูริน แห่งอิตาลี่ ณ พระที่นั่งจักรีมหาประสาท และอีกหลายครั้งเมื่อมีการบรรเลงรับแขกเมือง ซึ่งแต่ละครั้งได้ทรงปรับปรุงบทร้องและเพลงดนตรีขึ้นใหม่เสมอ เช่น บทละคอนอิเหนา ตอนบวงสรวง ตอนตัดดอกไม้ฉายกริซ ฯ
สำหรับวงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ นอกจากจะใช้บรรเลงและขับร้องในประเภทเพลงเกร็ด และเพลงตับในงานต่างๆแล้ว ยังใช้บรรเลงร่วมในการแสดงละคอนภาพนิ่ง ( tableaux vivants ) คือการบรรเลงและขับร้องโดยมีผู้แสดงประกอบตามบท แต่อยู่ในลักษณะท่านิ่ง เช่น ในเรื่องสามก๊ก
ปัจจุบันการบรรเลงและการแสดงละคอนดึกดำบรรพ์ยังคงมีการแสดงอยู่ปีละ ๒ ครั้ง คือ ที่บ้านปลายเนิน ในวันที่ ๒๘ เมษายน ของทุกๆปี อันเป็นวันเกิดของสมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ โดยศิลปินของบ้านปลายเนิน และที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ จัดแสดง ณ หอประชุมฯ อันเป็นผลงานของนักศึกษาปีสุดท้าย