คุณเคยเป็นหรือไม่ ไม่ว่าจะไปเจรจาต่อรองกับคู่เจรจาทีไรไม่เคยเป็นไปตามแผนที่วางไว้ หลายครั้งที่เราต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน หากกลับมาย้อนดูตัวเอง เหตุผลหลักๆจะมาจากการไม่ศึกษาข้อมูลคู่เจรจา หรือศึกษาหาข้อมูลมาไม่มากพอ จึงทำให้การเจรจาเกิดช่องโหว่ ข้อมูลผิดพลาด และเกิดข้อขัดแย้งระหว่างกันได้ ต่อไปนี้จะเป็น 7 กฎเหล็กที่ใช้ในการเจรจาต่อรองให้สำเร็จ
เข้าใจวัตถุประสงค์ของการเจรจา:
ให้ทุกคนในทีมมองเห็นและเข้าใจวัตถุประสงค์เดียวกันว่าผลลัพธ์ที่เราต้องการจะได้จากการเจรจาต่อรองในครั้งนี้คืออะไร ผลลัพธ์แบบไหนจะเป็นผลลัพธ์ขั้นต่ำที่เรายอมรับได้ และจุดไหนเป็นจุดที่ควรหยุดต่อรอง
การเตรียมตัววางแผน:
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้บริหารควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ การเตรียมตัวที่ดีจะต้องเข้าใจก่อนว่า อำนาจในการเจรจาต่อรองของบริษัทเราหรือของฝั่งคู่เจรจามากกว่ากัน เพราะนั่นจะเป็นตัวกำหนดแผนหลักในการดำเนินการเจรจา ในการเจรจาต่อรองส่วนใหญ่นั้นจะมีการ Trade-offs (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง) หรือการประนีประนอมกัน (Compromise) เพราะฉะนั้นในแผนการดำเนินการเจรจาควรจะกำหนดว่าจุดไหนคือจุดที่ไม่ไปต่อ (Deal-breaker) และจุดไหนเป็นจุดที่สามารถประนีประนอมกันได้
รู้เขารู้เรา:
ทีมงานควรให้เวลากับการทำความเข้าใจถึงคู่เจรจาว่าใครเป็นคนมาเจรจาต่อรอง ตำแหน่งอะไร แผนกอะไร สไตล์การเจรจาต่อรองเค้าเป็นอย่างไร เข้าใจถึงจุดประสงค์ของการเจรจาของคู่เจรจาว่าเค้าอยากได้อะไรแล้วมีอะไรที่จะร่วมบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกันได้หรือเปล่า? ทีมงานที่ส่งไปเจรจาควรมีทักษะการสื่อสารและการเจรจาที่ดีเยี่ยม
สร้างความสัมพันธ์แบบได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย (win-win relationship):
ในปัจจุบันนี้ ความสัมพันธ์แบบได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่ายจะเป็นอะไรที่ทำให้ยั่งยืนและเติบโตไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าระหว่างการเจรจาต่อรอง เราจะต้องเจรจาให้บรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ แต่ก็ควรแบ่งรับแบ่งสู้หากการเจรจาต่อรองนั้นจะนำไปสู่ความสัมพันธ์แบบได้-เสีย (Win-lose relationship) ซึ่งจะทำให้ส่งผลต่อการทำงานในระยะยาว
ฟังอย่างตั้งใจระหว่างการเจรจาต่อรอง (Active listening):
ทุกๆคนในหน่วยงานจัดซื้อจัดจ้างควรฝึกทักษะการฟังอย่างตั้งใจ (Active listening) ไว้เนื่องจากเป็นทักษะที่สำคัญในการเจรจาต่อรอง เพราะการฟังคู่เจรจาอย่างตั้งใจจะทำให้เราเข้าใจว่าจริงๆแล้วความคาดหวังและจุดประสงค์ที่คู่เจรจาต้องการคืออะไร แล้วมีสิ่งไหนที่เราจะสามารถประนีประนอมเพื่อทำให้การเจรจาประสบความสำเร็จทั้งสองฝ่าย
สร้างความน่าเชื่อถือ:
การสร้างความน่าเชื่อถือเป็นหัวใจของการเจรจาต่อรอง การทำให้คู่เจรจาเชื่อถือตั้งแต่เริ่มต้นทำให้เรามีชัยไปมากกว่าครึ่ง การสร้างความน่าเชื่อถือสามารถเริ่มจากการที่เราทำให้คู่เจรจาเห็นว่า เรามาด้วยความจริงใจ ยิ้มแย้ม เปิดเผยและมีคุณธรรม
มุ่งเน้นที่คุณค่า (Focus on value):
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายควรบรรลุเป้าหมายของตนเอง นั่นหมายถึง สิ่งที่ตกลงกันระหว่างการเจรจาต่อรองนั้นจะต้องให้ผลประโยชน์กับทั้งคู่ ไม่ได้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้สึกเสียเปรียบ จากการที่มุ่งเน้นที่คุณค่านี้จะทำให้หน่วยงานจัดซื้อและคู่เจรจาสามารถสร้างและยกรัดับความสัมพันธ์ได้ต่อไปในอนาคต
การเจรจาที่มองเผินๆอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ที่จริงแล้วการเจรจาต่อรองให้สำเร็จต้องอาศัยการเตรียมตัวและทักษะในการเจรจาเพื่อที่จะทำให้การเจรจาประสบความสำเร็จ ด้วย 7 กฏเหล็กนี้เป็นหลักการที่จะสร้างให้คุณเป็นนักเจรจาต่อรองมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่มีหน้าที่เจรจาต่อรองเท่านั้น
หากคุณสนใจพัฒนาสกิลการเจรจาต่อรองให้เป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทางสถาบันมีคอร์สเรียน “การเจรจาต่อรองอย่างมืออาชีพในซัพพลายเชน” คอร์สที่จะเปลี่ยนการเจรจาต่อรองให้มีกลยุทธ์และหลักการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
บทที่ 6 แนวคิดหลักการและขั้นตอน from Teetut Tresirichod
ร้านค้าปลีกที่รวมห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าด้วยกัน ซึ่งมักจะเป็นสถานประกอบการขนาดใหญ่มาก โดยมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, เสื้อผ้า, และสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นแหล่งช้อปปิ้งแบบครบวงจร เรียกง่าย ๆ ว่ามีทุกอย่างที่ผู้บริโภคต้องการโดยแนวคิดหลักของร้านค้าปลีกขนาดใหญ่นี้คือการจัดหาสินค้าทั้งหมดที่ผู้บริโภคต้องการในชายคาเดียวกัน/สถานที่เดียวกัน โดยไฮเปอร์มาร์เกตแบ่งโซนต่าง ๆ ออกไปประมาณนี้ค่ะ
ซูเปอร์มาร์เก็ต
ซูเปอร์มาร์เก็ตจะเป็น Section หนึ่งในไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งก็จะมีขนาดที่ใหญ่มากแบ่งประเภทสินค้า สัดส่วนสินค้า และ ชั้นวางสินค้า ไว้เป็นโซน เหมาะกับผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าตามที่ต้องการ ทั้งของใช้ภายในครัว, เครื่องใช้ไฟฟ้า, อาหารและเครื่องปรุง, เฟอร์นิเจอร์, อุปกรณ์กีฬา, เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และอื่น ๆ อีกมากมาย
โซนฟู้ดคอร์ดและเครื่องเล่น
จะเป็นโซนสำหรับนั่งรับประทานอาหาร เป็นจุดรวมตัวของหลาย ๆ ครอบครัวที่จะมานั่งทานอาหารบริเวณนี้ ส่วนใหญ่โซนฟู้ดคอร์ดจะมีเครื่องเล่นเพื่อให้ความบันเทิงแก่เด็ก ๆ ด้วย
โซนโรงหนัง
เมื่อก่อนอาจจะไม่ค่อยเห็นโรงหนังในไฮเปอร์มาร์เก็ตเท่าไหร่นัก แต่ปัจจุบันไฮเปอร์มาร์เก็ตมีโรงหนังแทบทุกสาขาแล้ว อาจจะไม่ได้ใหญ่เท่ากับในห้างสรรพสินค้า แต่ก็เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูหนังใกล้บ้าน โดยไม่ต้องขับรถออกไปไกล
โซนร้านอาหารชื่อดัง
ก็จะมีร้านอาหารที่เป็นร้านชื่อดังตั้งกระจายไปโดยรอบแล้วแต่พื้นที่ ส่วนใหญ่ที่ขาดไม่ได้เลยจะเป็น KFC, Mcdonal’s, Yayoi, ฮะจิบัง ราเมน, บาร์บิคิว พลาซ่า เป็นต้น
โซนธนาคาร
Hypermarket มีธนาคารเจ้าต่าง ๆ ให้บริการ ซึ่งก็จะจัดเป็นโซนรวมกันไว้มุมหนึ่ง
โซนอุปกรณ์เกี่ยวกับมือถือ
มีซุ้มขายมือถือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตด้วย ร้านเหล่านี้ก็จะขายมือถือ, ขายเคสมือถือ, อะไหล่และอุปกรณ์ต่าง ๆ , รับเทิร์น, และรับซ่อมด้วย
ตัวอย่างไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในต่างประเทศ ก็จะมี Walmart Supercentre, Fred Meyer, Meijer และ Super Kmart
ส่วนของไฮเปอร์มาเก็ตในประเทศไทย ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ก็จะมี Lotus’s (โลตัส), Big-C (บิ๊กซี)
“Hypermarket” สามารถแตกแขนงออกไปและเรียกได้อีกหลายแบบด้วยกัน ได้แก่ Hyperstore (ไฮเปอร์สโตร์), Supercenter (ซูเปอร์เซ็นเตอร์), ดิสเคาน์สโตร์ (Discount Store) หรือ Superstore (ซูเปอร์สโตร์) ซึ่งชื่อแต่ละอันก็แตกต่างกันไปตามขนาดของร้านและสินค้า/บริการ
✎ Tip : ไฮเปอร์มาร์เก็ตอาจรวมถึงร้านค้าที่มีลักษณะคล้ายโกดังที่มีคลังสินค้าจำนวนมาก ซึ่งอาจนำเสนอสินค้าจำนวนมากในราคาส่งหรือลดราคาจำนวนมาก เช่น Makro (แม็คโคร) ด้วยก็ได้ แต่แม็คโครควรนิยามว่าเป็นดิสเคาน์สโตร์มากกว่า เพราะไม่ได้รวมบริการต่าง ๆ เอาไว้
Hypermarket กับ Supermarket ต่างกันอย่างไร?
หลาย ๆ คนอาจจะงงว่า Hypermarket กับ Supermarket มันไม่เหมือนกันเหรอ? แล้วมันแตกต่างกันยังไง? เพราะปกติแล้วพวกเราจะนิยามให้ โลตัสกับบิ๊กซี เป็นซูเปอร์มาเก็ตกันซะส่วนใหญ่
แต่จริง ๆ แล้วมันต่างกันค่ะ เราจะสรุปเป็นข้อ ๆ เพื่อเปรียบเทียบให้ดูนะคะว่าต่างกันยังไง
Hypermarket
Supermarket
มีขนาดใหญ่กว่ามีขนาดเล็กกว่ารวมสินค้าและบริการทุกอย่างไว้ในสถานที่เดียวส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครัวเรือนเน้นความหลากหลายเน้นหยิบซื้อสะดวกมีซูเปอร์มาเก็ตในนี้ และยังมีเฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ฟู้ดคอร์ด, โรงหนัง, ลานเครื่องเล่นมีเฉพาะของใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น มีอาหารผักสด, ผลไม้, เนื้อสัตว์ลดราคาสินค้าได้เยอะ มีโปรโมชั่นสนับสนุนการขายมากมาย เน้นให้ลูกค้าประหยัดลดราคาได้ประมาณหนึ่ง กระตุ้นการขายดึงดูดให้ลูกค้าซื้อมากขึ้นเพื่อเพิ่มผลกำไรตัวอย่าง “ซูเปอร์มาเก็ต” ของไทยที่เราน่าจะรู้จักกันดี เช่น Tops (ท็อปส์), Villa Market (วิลล่า มาร์เก็ท), Foodland (ฟู้ดแลนด์), Home Fresh Mart (โฮมเฟรชมาร์ท)
เรื่องราวของตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ตในไทย
ประเทศไทยของเรา Hypermarket คือตลาดที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อยมาก โดยมีแค่ 2 เจ้า นั่นก็คือ Tesco Lotus กับ Big-C ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา ก็มีธุรกิจนี้หลายเจ้าอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ท้ายที่สุดก็ได้ปิดตัวลงไปเพราะวิกฤติเศรษฐกิจ
หลาย ๆ คนอาจจะเคยรู้จัก, ได้ยินชื่อ, หรือเคยไป คาร์ฟูร์ (Carrefour) ซึ่งสมัยก่อนมันเคยเป็นหนึ่งไฮเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่ Big 3 ร่วมกับบิ๊กซีและโลตัส
ภาพจาก retaildetail
แต่ท้ายที่สุดแล้วเกิดการซื้อขายหุ้นกันไปมา จึงทำให้คาร์ฟูร์ถูกยุบรวมกับบิ๊กซี ส่งผลที่ตามมาคือ ทุกสาขาของคาร์ฟูร์กลายเป็นบิ๊กซีหมด
จนในที่สุดตอนนี้ก็เหลือแค่ 2 เจ้าที่เป็นไฮเปอร์มาเก็ตในปัจจุบัน (หมายถึงไฮเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นห้างสรรพสินค้า+ซูเปอร์มาร์เก็ตน่ะนะ เพราะจริง ๆ แล้วแม็คโครก็เป็นอีกหนึ่งประเภทของ Hypermarket แต่เราคิดว่าอยู่ในหมวดดิสเคาน์สโตร์หรือซูเปอร์สโตร์มากกว่า)
อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
- ทำไม Walmart คือธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก?
- แฟรนไชส์ คืออะไร? ไปรู้จักโมเดลธุรกิจนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ!
รู้จักกับ Big-C
Big-C เปิดให้บริการไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาแรกในนาม บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ บนถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2537 โดยบริษัทที่เป็นเจ้าของคือ “กลุ่ม Central” ที่ร่วมหุ้นกันกับกลุ่มอิมพีเรียล
✎ Tip : รู้หรือไม่ว่าตัว C ของ Big-C นั้นย่อมาจากคำว่า Central
ภาพจาก corporate.bigc
เปลี่ยนเจ้าของจากเซ็นทรัลเป็นต่างชาติ
แต่เมื่อปี พ.ศ. 2542 เซ็นทรัลได้ขายหุ้นให้กับ Casino Group ผู้ประกอบการค้าปลีกจากฝรั่งเศส (เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชียปี 2540) จึงทำให้บิ๊กซีกลายเป็นของชาวต่างชาติ
หลอมรวมกับคาร์ฟูร์
พ.ศ. 2553 กลุ่มคาสิโนประมูลกิจการคาร์ฟูร์ในประเทศไทย ทำให้พวกเขากลายเป็นเจ้าของคาร์ฟูร์ และได้ปรับปรุงคาร์ฟูร์ทุกสาขาให้กลายเป็นบิ๊กซีทั้งหมด
เปลี่ยนเป็นของคนไทยอีกครั้ง
คดีพลิกอีกครั้งเมื่อกลุ่มคาสิโนมีปัญหาทางการเงิน และเขาได้ขายกิจการ Big-C ให้กับ “กลุ่ม TCC” ของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี เจ้าของเบียร์ช้างที่บางคนให้ฉายาเขาว่าเป็นเจ้าพ่อเทคโอเว่อร์ เครือข่ายของเขามีทั้ง Thaibev, Oishi Group, เสริมสุข และอีกมากมาย
ปล. Central ก็ยังถือครองบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ในประเทศเวียดนามอยู่นะ แต่อีกไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่คือ Go! และ Tops Supermarket
รู้จักกับ Tesco Lotus
Tesco Lotus เดิมทีใช้ชื่อว่า Lotus Supercenter เป็น Hypermarket ที่เปิดมาในเวลาไล่เลี่ยกันกับบิ๊กซี มีเจ้าของเป็นเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือกลุ่ม CP (ที่เป็นเจ้าของ 7-11) เปิดสาขาแรกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2537
ภาพจาก thailandtoday
เปลี่ยนเจ้าของจาก CP เป็นชาวต่างชาติ
เช่นเดียวกันบิ๊กซีเลยค่ะ เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินในเอเชียปี 2540 กลุ่มซีพีต้องตัดสินใจขาย Lotus ให้กับ Tesco Group ผู้ประกอบการค้าปลีกประเทศอังกฤษ ทำให้ไฮเปอร์มาร์เก็ตของคนไทย กลายไปเป็นของชาวต่างชาติ โดยได้รวมชื่อเป็นแบรนด์ใหม่คือ Tesco Lotus
ยื้อยุดระหว่าง 3 ยักษ์ เพื่อเป็นผู้นำค้าปลีกอันดับ 1
อันนี้สนุกมากค่ะ คือว่าในช่วงปี พ.ศ. 2557 กลุ่มเทสโก้ถูกตรวจสอบว่ารายงานบัญชีไม่ตรงกับจำนวนจริง ทำให้ต้องเสียค่าปรับและขาดทุนกว่า 3 แสนล้านบาท เขาจึงมีความคิดจะขายกิจการ Tesco Lotus ในประเทศไทยและมาเลเซีย
ทีนี้กลุ่มซีพีก็ตาลุกวาวเลยสิคะ เพราะอยากได้กิจการที่สร้างมากับมือคืน แต่กลุ่มเทสโก้กลับเปลี่ยนใจ จึงเกิดการเจรจาต่อรองไปมา โดยกลุ่มซีพีก็เจรจาหลายครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ
ปี พ.ศ. 2562 กลุ่มเทสโก้ตัดสินใจจะขายกิจการในประเทศไทยและมาเลเซียอีกครั้ง ทีนี้กลุ่มที่สนใจจะซื้อก็มี กลุ่ม CP (เจ้าของเดิม), กลุ่ม Central (เจ้าของบิ๊กซีคนเก่าที่สูญเสียไฮเปอร์มาร์เก็ตไปเมื่อหลายสิบปีก่อน), และกลุ่ม TCC (เจ้าของบิ๊กซีคนคนใหม่)
ความมันส์มันอยู่ตรงนี้ค่ะ 😀 แล้วใครล่ะ ที่จะได้ Tesco Lotus ไฮเปอร์มาร์เก็ตเจ้าใหญ่นี้ไปครอง??? เพราะถ้าใครได้ไปเนี่ย.. เขาจะกลายเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของวงการค้าปลีกเลยทีเดียว
1. กลุ่ม CP
ถ้าได้ไปเขาจะครองตลาดทั้ง 1. ค้าส่งจากแม็คโคร 2. ร้านสะดวกซื้อจาก 7-11 และ 3. ไฮเปอร์มาร์เก็ตจาก Tesco Lotus เรียกได้ว่าเขาจะควบรวมกิจการทุกอย่าง จะมีอำนาจในการต่อรองกับคู่ค้าที่แข็งแกร่งมากแบบสุด ๆ ในประเทศ เป็นเจ้าพ่อด้านค้าปลีกไปเลย เพราะไม่ว่าจะตลาดไหนเจ้าของก็คือ CP
2. กลุ่ม Central
จากที่เคยเสียบิ๊กซีไป คิดว่าถ้าได้เทสโก้โลตัสมาอยู่ในมือ ก็จะเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ครอบคลุมเช่นกัน พวกเขาจะมีทั้ง 1. ห้างสรรพสินค้าจาก Central, ซูเปอร์มาร์เก็ตจาก Tops, ร้านสะดวกซื้อจาก FamilyMart และไฮเปอร์มาร์เก็ตจาก Tesco Lotus เรียกว่าถ้าได้ไปก็จะเพิ่มเม็ดเงินได้ กลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นทางธุรกิจนั่นเอง
3. กลุ่ม TCC
ที่เป็นเจ้าของบิ๊กซีอยู่แล้ว ถ้าเขาได้เทสโก้โลตัสมาอีก เขาจะกลายเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดไฮเปอร์มาร์เก็ตแบบ 100% คิดภาพว่า Tesco Lotus กับ Big C มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันสิคะ .. แค่คิดก็ใจเต้นแรงแล้ว มันแบบ.. ยิ่งใหญ่อ่ะ เงินของคนไทยทั้งหมดจะไปไหนได้ ฮ่าๆ 😀
ซึ่งต่อมา คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ก็ได้ออกมาบอกว่ามันส่อว่าจะผูกขาดทางการค้า ต้องได้รับอนุญาตจากพวกเขาก่อนและจะติดตามการรวมธุรกิจนี้อย่างใกล้ชิด
และท้ายที่สุด กลายเป็นใครได้ไปรู้ไหมคะ? กลุ่มที่จะกลายเป็นมหาอำนาจทางธุรกิจค้าปลีกนั่นก็คือ.. ท้าดาาาา….
กลุ่ม CP นั่นเองงง!! เรียกได้ว่า ได้ “Lotus” กลับคืนมาโดยสมบูรณ์แบบในราคาประมูลมากถึง 338,445 ล้านบาท!
ซึ่งกระบวนการซื้อขายทั้งหมดเสร็จไปเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 หรือปลายปีที่ผ่านมานั่นเองค่ะ
ทำให้เรานึกถึงคำพูดของ คุณธนินท์ เจียรวนนท์ ที่เขาบอกประมาณว่า
“การขายโลตัสออกไปวันนั้น ทำให้เห็นความผูกพันกับแบรนด์โลตัส ในฐานะที่เป็นผู้สร้างมากับมือ”
การรีแบรนด์ของ Lotus
ตอนแรกคนเขียนก็แปลกใจเหมือนกันนะคะว่าทำไม Lotus Express แถวบ้านถึงได้…
- เปลี่ยนป้ายใหม่
- เปลี่ยนธีมสีใหม่ของร้านให้ดูทันสมัยมากขึ้น โดยใช้แบล็คกราวน์สีเขียวพาสเทล
- แล้วยังเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Lotus’s อีก โดยตัวอักษรจะเป็นคำว่า Lotus สีขาว และตัว ‘s เป็นสีเหลือง เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับแบ็คกราวด์
ภาพการรีแบรนด์โลตัส : by bangkokpost.com
ตอนนี้ก็เลยได้คำตอบแล้วว่า เจ้าของเก่าเขาได้มันกลับคืนมาแล้วค่าาา โดยตอนนี้ทาง CP กำลังเริ่มรีแบรนด์ Tesco Lotus ทุกสาขาให้กลายเป็น Lotus’s นำร่องโดยสาขาเลียบด่วนรามอินทรา ที่เปลี่ยนป้ายไปเรียบร้อยแล้ว
นี่ก็เป็นมหากาพย์ที่เราเอามาเล่าสู่กันฟังว่า Hypermarket ทั้งสองเจ้าที่มีอยู่ในประเทศไทย มีความเป็นมาอย่างไร และใครเป็นเจ้าของค่ะ
✎ สรุป
มาดูสรุปกันค่ะว่าทั้งหมดที่เราเขียนมามีใจความสำคัญอะไรบ้าง
– Hypermarket คือ ร้านค้าปลีกที่รวมห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าด้วยกัน
– แนวคิดเบื้องหลัง Hypermarket คือการจัดหาสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผู้บริโภคต้องการมารวมกันให้อยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน
– ไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ขายสินค้าในปริมาณมาก เพื่อเน้นให้ลูกค้าซื้อไปทีละเยอะ ๆ ไม่เหมือนกับซูเปอร์มาร์เก็ตที่เน้นซื้อทีละไม่กี่ชิ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน
– ไฮเปอร์มาร์เก็ตในไทย มี 2 เจ้าคือ Lotus (ที่ตอนนี้กลุ่ม CP เป็นเจ้าของ) กับ Big-C (ถือครองโดยกลุ่ม TCC) เราอาจจะเห็นการตลาดที่ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดเกิดขึ้นในอนาคต เพราะตอนนี้เป็นคนไทยทั้งสองเจ้าที่มาบริหารแล้ว รอดูกันได้เลยค่ะ!
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกที่เรานำมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ ต่อไปจะมีเรื่องราวดี ๆ อะไรอีกต้องติดตาม PN Storetailer กันด้วยนะคะ
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก :
- Hypermarket by investopedia.com
- สรุปธุรกิจค้าปลีก ทั้งหมด by longtunman.com
- What is the Difference Between Hypermarket, Supermarket and Departmental Store? by shiprocket.in
- Difference Between Hypermarkets and Supermarkets by differencebetween.net
- ประเภทของธุรกิจร้านค้าปลีก (Retail) ในไทย by finance-rumour.com
- Hypermarket by en.wikipedia.org
- The Difference Between Grocery, Supermarket, & Hypermarket Merchandisers by smallbusiness.com
- สรุปประวัติ ไฮเปอร์มาร์เก็ตไทย ฉบับสมบูรณ์ by longtunman.com
- เทสโก้ โลตัส รีแบรนด์ใหม่ สู่ “โลตัส” by prachachat.net
ขอบคุณภาพประกอบเพิ่มเติมจาก :
- nomadsoul1 by freepik.com
- prostooleh by freepik.com
- pressfoto by freepik.com
ความรู้ร้านค้าปลีก
บทความที่เกี่ยวข้อง
Tencent คืออะไร? และทำไมถึงมีอิทธิพลกับวงการธุรกิจ
หลาย ๆ คนคงเคยเห็น Tencent ผ่านหูผ่านตากันบ้าง แต่ก็อาจจะไม่ทราบอย่างครอบคลุมว่า Tencent คืออะไร เขาทำธุรกิจอะไรบ้าง และมีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจยังไง? บทความนี้ Pn Storetailer จะพาไปหาคำตอบกันค่ะ 😀
20
เม.ย.
ทำไม Walmart ถึงเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก?
อะไรกันนะ? ที่ทำให้ Walmart เติบโตจนถึงขั้นได้เป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก พาไปดูกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ทำให้ Walmart สามารถประสบความสำเร็จได้
08
เม.ย.
รวมสุดยอดโมเดลธุรกิจ..เสกร้านค้าปลีกให้ขายดีขึ้น
“โมเดลธุรกิจที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างกำไรได้อย่างมหาศาล” อาจจะดูเว่อร์ไปหน่อย แต่มันเกิดขึ้นจริงมาแล้วกับธุรกิจประสบความสำเร็จ