อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

หลังจาก ทิม เบอร์ตัน ได้นำวรรณกรรมสุดคลาสสิกของ ลูวิส แคร์รอล และการ์ตูนอนิเมชั่นของดิสนีย์ มาสร้างสรรค์เป็น Alice in Wonderland เมื่อปี 2010 ในสไตล์โกธิกอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาแล้ว โดยในคราวนี้ทิมได้ขึ้นแท่นเป็นโปรดิเซอร์ควบคุมการทำงาน และได้ เจมส์ โบบิน จาก Muppets Most Wanted และ Da Ali G Show มารับหน้าที่กำกับแทน

 

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

 

ในภาคนี้ อลิซ คิงสลีย์ (นำแสดงโดย มีอา วาซิโคว์ก้า) เดินทางกลับลอนดอนหลังจากออกไปผจญภัยที่ต่างแดนนานถึง 3 ปีในฐานะกัปตันเรือ อลิซสวมชุดเดรสสุดสวยจากเมืองจีน และไปงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ของลอร์ดแอสค็อต แต่เธอก็ได้เรียนรู้ว่าบทบาทของผู้หญิงก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมอยู่ดี อลิซหุนหันออกจากปาร์ตี้ก่อนไปพบกับแอ็บโซเลมที่พาเธอทะลุกระจกวิเศษกลับมายังอันเดอร์แลนด์และพบกับเพื่อนๆ อีกครั้ง แต่ทุกคนต่างวิตกกังวลเมื่อ แมดแฮตเตอร์ได้สูญเสียความเป็นตัวเองไป อลิซจึงอาสาเดินทางไปหา ‘เวลา’ ผู้ครอบครองโครโนสเฟียร์ เพื่อย้อนเวลาไปช่วยครอบครัวของแฮตเตอร์ ในขณะที่ราชินีแดงก็จ้องอยากย้อนเวลากลับไปเอาชนะราชินีขาวเช่นกัน … แล้วงานนี้อลิซจะช่วยแฮตเตอร์ และหยุดราชินีแดงจากแผนการอันชั่วร้ายได้ทันเวลาหรือไม่?

 

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

 

ถึงแม้ Alice Through the Looking Glass จะได้ชื่อเรื่องมากจากวรรณกรรม Through the Looking-Glass หนังสือเล่มที่ 2 ของลูวิส แคร์รอล ที่ตีพิมพ์ในปี 1871 แต่หนังเรื่องนี้ได้ดัดแปลงจากวรรณกรรมค่อนข้างมาก เพราะเนื้อหาแบ่งเป็นตอนๆ แบบไม่ต่อเนื่องกับภาคก่อนมากนัก ลินดา วูลเวอร์ตัน มือเขียนบทของ Beauty and the Beast, The Lion King และ Mulan จึงได้ปรับบทเสียใหม่ผ่านมุมมองของหนังสือว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครต่างๆ หลังจากหนังภาคก่อน และอดีตของพวกเขา

 

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังได้ทีมนักแสดงเดิมกลับมาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น มีอา วาซิโคว์ก้า, แอน แฮทธาเวย์ (ราชินีขาว), เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ (ราชินีแดง), จอห์นนี่ เด็ปป์ (แมด แฮทเตอร์) และยังได้นักแสดงคนมาอื่นสบทบทีม เช่น ซาช่า บารอน โคเฮน ในบท ‘เวลา’ สิ่งมีชีวิตมหัศจรรย์ครึ่งคนครึ่งนาฬิกา นอกจากนี้ยังถือเป็นผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของ อลัน ริกแมน (ศาสตราจารย์สเนปจากเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์) ผู้ให้เสียง แอ็บโซเล็ม ที่เสียชีวิตไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมาอีกด้วย

 

 

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

 

ความพิเศษอีกเรื่องของอลิซในภาคนี้ คือการถ่ายทำในฉากจริงที่สร้างขึ้นใหม่เกือบทั้งหมด โดยเฉพาะฉากในเมืองวินเซนท์ที่ประกอบด้วยอาคารมากถึง 13 ตึกรวมไปถึงพระราชวัง และร้านหมวกไฮทอปป์ ส่วนบ้านของอลิซถ่ายทำในบ้านสถาปัตยกรรมทรงจอร์เจียยุคต้นที่สร้างตั้งแต่ปี 1700s และที่สำคัญคือทางกองยังทำงานด้วยคอนเซ็ปต์อนุรักษ์ธรรมชาติ ทั้งการบริจาคไม้ทั้งหมดที่เหลือจากการถ่ายทำให้กับโรงเรียนท้องถิ่น บริจาคผ้าที่เหลือจากการตัดเย็บให้กับกลุ่มรีไซเคิลผ้าและสิ่งทอระหว่างประเทศ และบริจาคผ้าปูที่นอนและผ้าห่มจากบ้านพักทีมงานทั้งหมดให้กับองค์กรการกุศลสำหรับคนไร้บ้านอีกด้วย

วรรณกรรมชิ้นเอกระดับโลก ที่หลายๆประเทศใช้สอนกับเยาวชนในวิชาตีความวรรณกรรมกันอย่างแพร่หลาย (แต่อาจจะยกเว้นประเทศนี้) ดันเป็นวรรณกรรมในโหมด “ไร้สาระ” (Literature Non-Sense) ของนามปากกา Lewis Carroll เรื่อง “Alice Adventure In Wonderland” ซึ่งใครใครในโลกต่างต้องเคยได้ยินชื่ออลิซ ในรูปแบบที่ถูกเล่าแตกต่างกันออกไป แต่ทุกอย่างล้วนมาจากรากฐานความคิดเดียวกัน คือ “การผจญภัยในแดนมหัศจรรย์”

แต่ทว่าในการตีความเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอลิซในแดนมัหศจรรย์นั้น ต่างวิพากษ์สิ่งต่างๆในแดนมหัศจรรย์ไปในรูปแบบที่แตกต่างกันไป จนทำให้เห็นว่าจริงๆแล้ว อลิซ กำลังต้องเผชิญกับดินแดนที่แปลกประหลาด กฎระเบียบที่มันไม่เป็นเหตุเป็นผล และทุกอย่างอาจจะเป็นความมหัศจรรย์ที่หลายครั้ง ไม่ได้น่าสนุก

แต่เป็นกฎเกณฑ์บางอย่างของสังคมที่เราต้องยอมรับไปอย่างงงๆ ไม่ต่างอะไรจากการเมายา

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
Alice in Wonderland – 1951 (Disney)

ดินแดนมหัศจรรย์มีหลายแบบ

ตลอดเวลาหลายร้อยปีของเนื้อหาท่องแดนมหัสจรรย์นั้น อลิซถูกตีความใหม่ไปหลายรอบแล้ว ซึ่งสตูดิโอยักษ์ใหญ่อย่าง Disney ก็ได้เอามาทำเป็นทั้งเวอร์ชั่นการ์ตูนเทพนิยายคลาสสิค และฉบับภาพยนตร์ ซึ่งนอกจาก Disney แล้ว ภาพยนตร์ที่ใช้เรื่องราวของ Alice ในแดนมหัศจรรย์เป็นที่มา ก็ยังมีการเอาไปใช้และตีความแดนมหัศจรรย์ออกไปอย่างแตกต่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ฉันชื่ออลิซ เคยทำงานให้กับบริษัทอัมเบรลล่า” ในภาพยนตร์ Resident Evil ภาคแรก (2002) ก็เพียงแค่เปลี่ยนแดนมหัศจรรย์เป็นซอมบี้เสีย หรือแม้แต่ในซีรีส์ Alice in Borderland (2020) ก็ปรับเปลี่ยนให้อลิซเป็นผู้ชาย ต้องผจญภัยไปกับโลกที่ต้องเล่นเกมไปเรื่อยๆ เพื่อเอาตัวรอด

ดังนั้นเมื่อ อลิซ ถูกแทนค่าด้วยคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ต้องไปเผชิญโลกที่แสนโหดร้าย และเปลี่ยนตัวตนของเธอไปเรื่อยๆ แต่ละสิ่งที่ต้องพบเจอในดินแดนมหัศจรรย์ ก็จะแทนสิ่งที่มาเปลี่ยนแปลงตัวตนและความคิด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นในภาพยนตร์ อาจจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ สิ่งมีชีวิตที่แปลกตาแฟนตาซี แต่ทว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่ถูกหยิบยืมมาจากโลกแห่งความจริงก็ได้

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
Resident Evil (2002) – Screen Gems
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
Alice in Borderland (2020) – Netflix

อลิซ! ตั้งใจเรียนวิชาประวัติศาสตร์หน่อยสิ 

มากาเร็ต พี่สาวของอลิซกำลังอ่านหนังสือวิชาประวัติศาสตร์ให้กับอลิซฟัง ซึ่งเธอก็ดุอลิซที่ใจเหม่อลอยว่าไม่ยอมตั้งใจฟังเอาเสียเลย อลิซพูดกับพี่สาวเธอว่า “มันน่าเบื่อออก นั่งฟังหนังสือที่ไม่มีรูปภาพ” ซึ่งหากย้อนกลับไปในยุคของเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง หนังสือที่มีรูปภาพก็ใช่ว่าจะหาอ่านได้แพร่หลายนัก อลิซที่มองโลกอย่าง “ไม่ควรจะเป็น” นัก เป็นคนแรกๆเลย ที่ถามหาหนังสือที่มีรูปภาพ หรืออย่างน้อย ก็ช่วยทำให้วิชาประวัติศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเมืองการปกครองนั้น เข้าใจง่ายๆหน่อยไม่ได้หรือไงนะ

“เพราะในโลกของฉัน ทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ไม่ควรเป็น”

วิชาประวัติศาสตร์ที่ไม่มีรูปภาพ มีเพียงเอกสารที่รัฐนั้นๆ ประกอบร่างและสอนอลิซกันต่อมา เป็นเครื่องมือที่จะทำให้อลิซต้องทำความเข้าใจโลก แต่ทว่าเมื่อเธอต้องออกไปเผชิญโลกแห่งความจริง วิชาประวัติศาสตร์กลับไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย เพราะเมื่อเธอตกลงไปในโพรงกระต่ายแล้ว โพรงกระต่ายนั้น กลับลึกล้ำ เต็มไปด้วยสิ่งแปลกประหลาด และอลิซก็ต้องเริ่มทุกอย่างใหม่ตั้งแต่แรก ซึ่งเท่ากับว่า ประวัติศาสตร์ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย

ในภาพยนตร์หลายๆ เรื่องที่ใช้อลิซเป็นสัญญะแทนการเล่า ก็มักจะให้มีวลีติดปากว่า “จงลืมทุกอย่างที่คุณเคยรู้” ก่อนจะพาตัวละครไปพบกับความจริงที่ยิ่งกว่า ดังเช่นในโลกของ The Matrix (1999) ที่ชัดเจนในการใช้ Alice In Wonderland เป็นสัญญะแทนให้เห็น ภาพยนตร์จึงพยายามจะสื่อว่า นอกจากคุณจะต้องลืมตรรกะในหัวของคุณแล้ว เราจะพาไปดูกันว่าโพรงกระต่ายนั้นลึกแค่ไหน

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

ฉันตัวใหญ่ไป และเล็กไป ฉันผ่านประตูไม่ได้

อลิซมองเห็นกระต่ายที่เร่งรีบ เธอเดินตามกระต่ายขาวตัวนั้นไป ซึ่งการ Coming of Age ของอลิซ ถูกทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น ว่าหลังจากที่เธอตกลงไปในโพรงแล้ว ก่อนที่เธอจะออกไปเจอแดนมหัศจรรย์เพื่อหากระต่ายขาวตัวนั้น เธอต้องมีขนาดตัวที่พอดีกับประตูเสียก่อน เธอต้องกิน “น้ำย่อขนาดและเค้กเพิ่มขนาด” และเสีย “น้ำตา” ก่อนจะผ่านประตูไปได้ มันแสดงถึงการรู้ว่าทุกอย่างที่เธอคิด มันอาจจะไม่เป็นดั่งใจได้เสมอไป 

กล่าวได้ว่าการก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ อลิซคงต้องมีวุฒิภาวะที่พอดีเสียก่อน

ความเจ็บปวดของการก้าวผ่านเป็นผู้ใหญ่และต้องสูญเสีย เป็นสิ่งที่หนังและภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้องกับการ Coming Of Age จะต้องให้ตัวละครผ่านไปให้ได้ แต่ทว่า Alice กลับให้เธอเผชิญก่อนที่จะผ่านเข้าดินแดนมหัศจรรย์ไปเลย ดังนั้นถ้าเธอต้องกลับหัว กลับสมอง รวมถึงต้องสูญเสียบางอย่างก่อน เพื่อก้าวเข้าผ่านประตู และต่อให้เธอผ่านประตูไปได้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่เธอคาดหวัง เพราะทุกอย่างในโลกหลังประตูนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล เชื่อมโยงถึงกันได้เลย

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

วิ่งสิ พวกเธอต้องวิ่ง ตัวถึงจะแห้ง

นกโด้โด้ที่แหวกว่ายทะเลน้ำตาไปถึงฝั่งก่อน สั่งให้สัตว์ตัวอื่นๆวิ่งไปรอบหินสูงริมหาด ที่ตัวเขากำลังผิงไฟเพื่อให้ตัวแห้ง เขาตะโกนบอกสัตว์อื่นๆว่า “พวกเธอต้องวิ่งไปเรื่อยๆ ตัวจะได้แห้ง” สัตว์เหล่านั้นก็วิ่งวนเป็นวงกลม ขณะที่ทะเลก็ซัดคลื่นมาทำให้ตัวพวกเขาเปียกเป็นระลอกๆ เมื่ออลิซมาถึงฝั่ง เธอตะโกนถามว่า “ทำแบบนี้แล้ว ตัวพวกเขาจะแห้งไปได้ยังไง” นกโดโด้ตอบเธอว่า “แห้งสิ ฉันยังแห้งเลย”

หลายๆครั้งเรื่องราวของอลิซในส่วนนี้ ถูกแทนค่าถึงนายทุนที่สั่งให้คนงานวิ่งทำงานเพื่อเขาตัวแห้งแทน ในขณะที่คนงานวิ่งทุกวิถีทาง ก็ไม่มีทางที่จะสบายเหมือนนายทุนไปได้ การดิ้นรนเพื่อผ่านเกมส์ต่างๆของ อลิซ ใน Alice in Borderland นั้น หยิบประเด็นนี้มาต่อขยายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อตัวเอกเป็นเด็กติดเกม ติดห้อง ติดเพื่อน ไม่มีอนาคต อยู่ดีดีที่กลางหกแยกกลางโตเกียว เขาหลุดเข้าไปในโลกที่ไม่มีผู้คน และต้องใช้ทักษะในเกมส์ที่เขาเคยมี เอาชีวิตรอดต่อไป เมื่อคนที่ไม่มีงานทำ ต้องร่วมเล่นเกมกับผู้รอดชีวิตที่ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท เพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้

หรือแม้แต่ในโลกของ Resident Evil อลิซที่ทำงานกับบบริษัทอัมเบรลล่า ที่ยอมพัฒนาอาวุธชีวภาพทุกอย่างเพื่อการทหาร แต่บ้านสามในห้าหลังที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของอัมเบรลล่า กลับไม่รู้เลยว่า สายการผลิตที่เต็มไปด้วยกำลังบริโภคของพวกเขา กำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไวรัส ที่อาจจะเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นซอมบี้ให้ได้ 

อลิซจึงต้องวิ่งตามไปด้วย เพื่อให้รอดจากการกลืนกินของระบบทุนนิยม

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

สัตว์ประหลาดบุกบ้านเหรอ เผาบ้านไล่มันสิ

หลังจากเดินทางมาได้พักหนึ่ง อลิซตัวเล็กลงกว่าเดิมหลังจากเหตุการณ์ในบ้านของกระต่ายขาว ตอนแรกมันเข้าใจว่าเธอคือคนใช้ เลยใช้เธอให้ไปหยิบถุงมือให้หน่อย แต่เธอก็แว้บไปเห็นเค้กในบ้าน เธอก็เลยขอชิมชิ้นนึง แค่นั้นเอง เธอกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ตัวใหญ่คับบ้านไปแล้ว นายทุนอย่างนกโดโด้ที่มีคนนับหน้าถือตาแต่ไม่มีสมองบังเอิญเดินผ่านมา เขาใช้กิ้งก่าแรงงานปีนปล่องไฟไปไล่อลิซออกจากบ้านที่เธอตัวโตจนเต็มบ้านไปหมด แต่กิ้งก่าทำไม่สำเร็จ เขาแนะนำให้กระต่าย “เผาบ้านตัวเองซะ” จะได้ไล่อลิซตัวร้ายออกไป ซึ่งไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย

แน่นอน กระต่ายที่ตื่นตูม ขนเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง ทรัพย์สินทั้งหลาย มาเป็นเชื้อเพลิงอย่างสิ้นสติ

ตรรกะที่ดูเหมือนจะประหลาด แต่ทว่ามันเกิดขึ้นได้จริงๆ ในระบอบสังคมและการเมือง หากเราสามารถเลือกให้ใครซักคนเป็นปีศาจได้แล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร และเสียหายแค่ไหนก็ตาม เราก็จะต้องกำจัดปีศาจยักษ์ออกไปจากบ้านให้ได้ ทั้งๆที่ปีศาจนั้น อาจจะเกิดขึ้นจากเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างที่อลิซแค่หยิบเค้กขยายร่างมากินเท่านั้นเอง

ในระบบสังคมที่พร้อมจะเชื่อว่ามีปีศาจอยู่ สังคมสามารถทำลายตัวเอง เผาบ้านฆ่าหนู หรือเลือกโจรเพื่อมาปราบโจรได้ ไม่ต่างอะไรจากที่เจ้าโดโด้ตัวเดิม ออกไอเดียให้เผาบ้านของกระต่ายขาว เพื่อขับไล่อลิซไป ทั้งๆที่การแก้ปัญหาง่ายๆไม่ซับซ้อนอย่างการให้เธอกินแครอทที่อยู่ข้างบ้าน เธอก็จะกลับมาเป็นตัวปกติแล้วเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่มีใครมีสติพอที่จะทำ

อาจจะง่ายกว่า ที่จะเชื่อว่ามีปีศาจที่ต้องกำจัดมันออกไป

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

เธอสายพันธุ์อะไรอ่ะ อี๋ เธอไม่ใช่ดอกไม้แถวนี้นี่

หลังจากตัวหดลงอีก อลิซลี้ภัยออกมาจากบ้านกระต่าย และหลงเข้าไปในดงดอกไม้แสนสวยและมีเสียงอันชวนไพเราะ เหล่าดอกไม้หลากพันธุ์ที่พูดได้ ต่างกระซิบกระซาบไปมา อวดกันและกันว่าฉันเป็นดอกไม้ที่งดงามที่สุดในสวนนี้ แต่พวกเธอมองอลิซเป็นวัชพืช และดูถูกค่อนแคะ พยายามขับไล่เธอออกไปจากสวน เมื่อรู้ว่าเธอไม่ใช่ “สายพันธุ์เดียวกับเรา”

อลิซถึงกับพูดกับตัวเองว่า “เราเรียนรู้อะไรหลายอย่างจากดอกไม้” จริงๆ เธอโดนรังเกียจ เพราะเธอตัวเล็กแค่สามนิ้วเอง และนั่นมันทุเรศสิ้นดี

เมื่อเธอรู้ตัวว่าการตัวเล็กมันไม่เป็นที่ยอมรับ เธอหลงไปเจอเข้ากับหนอนผีเสื้อสีฟ้าที่กำลังสูบบารากุอย่างสบายใจ ผิดกับอลิซที่สับสนกับทุกๆอย่างไปหมด จนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เธอตอบเขาไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เพราะเธอรู้สึกว่าอะไรๆมันผิดที่ผิดทางไปหมด เขาแนะนำให้เธอลองท่องอาขยานบทที่แปลกประหลาด หรือแม้แต่ขอให้เธอรู้จักควบคุมความโกรธเสียบ้าง อลิซจึงบอกว่า ตอนนี้เธอสูงแค่สามนิ้วเอง และเป็นความสูงที่ทุเรศสิ้นดี แต่ทว่าหนอนผีเสื้อสูงแค่สามนิ้ว เขาเลยโมโหที่เธอเหยียดความสูงของเขา และตะคอกเธอว่า แดกเห็ดแล้วไปไกลๆเลยถ้าอยากสูงนักก็

น่าตลกที่เขาก็เพิ่งสอนเธอให้รู้จักควบคุมอารมณ์อยู่หยกๆ

การโดนเหยียดซ้ำเหยียดซ้อนจากดอกไม้ มาจนให้หนอนผีเสื้อสีฟ้าที่กำลังสูบยา สอนให้เธออย่าเกี้ยวกราดให้มาก และต้องร้องเรียนทุกอย่างด้วยความสุภาพ ทำให้อลิซเห็นว่าระบบสังคมนั้นเต็มไปด้วยการแบ่งแยก และการตะโกนความจริงว่าเธอไม่ใช่เด็กน้อยตัวเล็ก เธอไม่ได้เป็นดอกไม้ และไม่ควรสูงเพียงสามนิ้ว มันไม่ใช่เรื่องง่าย

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

ไม่ได้ๆ อย่านั่งสิ ถ้าเขายังไม่ได้เชิญเธอ

เมื่อมาถึงทางแยก มีป้ายแนะนำเต็มไปหมด จนอลิซไม่รู้เลยว่าจะไปทางไหนดี แมวล่องหนเชอร์เชียร์สก็ปรากฎตัวขึ้น เธอถามมันว่าควรจะไปทางไหนดี เขาเลยถามเธอกลับว่า เธอจะไปไหนล่ะ อลิซที่ยังไม่รู้จุดหมายว่าจะไปหากระต่ายขาวได้ที่ไหน จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร เจ้าแมวเลยสวนกลับว่า งั้นก็ไม่สำคัญว่าจะไปทางไหน มันก็เหมือนกัน เธอก็หลงอยู่ดี

เหมือนในโลกที่เต็มไปด้วยคำแนะนำของผู้รู้เต็มไปหมด แต่หาประโยชน์อะไรไม่ได้ ถ้าเราไม่รู้จักตัวเอง

เจ้าแมวแนะนำให้ไปถามทางจากช่างทำหมวกบ้าบอ ที่กำลังจัดปาร์ตี้น้ำชา ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน อลิซเด๋อด๋าเข้าไปนั่งปรบมือในวงน้ำชา ที่เก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง แต่ช่างทำหมวกและกระต่ายมัชแฮร์ ก็ไล่ให้เธอย้ายที่พลางบอกว่า ไม่มีที่ว่าง อลิซก็งงเพราะที่ว่างเต็มไปหมด เขาจึงบอกเธอว่า ก็ไม่ควรนั่งในที่ที่เขาไม่ได้เชิญไม่ใช่เหรอ อลิซพูดคุยกับช่างทำหมวกบนโต๊ะน้ำชาโดยไม่ได้ดื่มชาเสียที 

เป็นการเสียดสีพิธีรีตองบนโต๊ะน้ำชายามบ่ายของอังกฤษอันแสนฟุ่มเฟือยของเหล่าผู้ดีแต่ไร้ซึ่งสาระ

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

เธอไม่มีวันจะหาทางกลับบ้านได้ เพราะทุกทาง เป็นทางของราชินี!!!

หลังจากร้องไห้หลงทางอยู่กลางป่าทัลจี้ เธอก่นด่าตัวเองในทุกๆทางว่าทำไมถึงสอดรู้ในโลกที่เธอไม่มีวันจะเข้าใจได้ เจ้าแมวเลยบอกว่า งั้นฉันมีทางลัดที่ง่ายกว่า “ระบอบกษัตริย์และเผด็จการ” ไงล่ะ ราชินีที่กุมอำนาจและเส้นทางเอาไว้ทุกอย่าง ถ้าอยากหลุดออกจากความสับสน ก็อย่าทำให้เธอโกรธ ทาสีกุหลาบให้แดงอย่างที่เธอพอใจ ไม่งั้นหัวได้หลุดออกจากบ่าแน่ๆ

ฉะนั้นยอมเล่นเกมโครเค่ต์ที่เธอไม่มีวันชนะซะ กางปลายเท้าออก ถอนสายบัว และพูดว่า “เพคะ ทูลกระหม่อม”

ในดินแดนมหัศจรรย์ถูกรูปแบบ ทั้งในโลกซอมบี้ และซีรีส์หลุดโลกของญี่ปุ่น อลิซมักจะต้องเจอกับบอสใหญ่ในชื่อเดียวกันคือ “ราชินีแดง” ซึ่งรูปแบบของเธอก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น AI สุดล้ำ หรือมนุษย์ต่างดาวบนหน้าไพ่ ซึ่งทั้งหมดยืนพื้นมาจากต้นฉบับทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกอันแปลกประหลาดของเธอนั้น มาจากราชินีผู้ทรงอำนาจ แต่เธอกลับมาความบ้าบิ่น ออกกฎอันแปลกประหลาด ไว้สำหรับดูแลดินแดนมหัศจรรย์ที่ไร้เหตุผลนี้เสียอย่างนั้น

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

เจ้ามีความเห็นยังไง กับคดี “หมิ่นพระเกียรติ” ครั้งนี้

หลังจากเจ้าแมวยั่วโมโหราชินีจนฟิวส์ขาด ความซวยจึงบังเกิดกับอลิซ แต่พระราชาที่ไร้อำนาจก็ขอให้พระนางเอาอลิซขึ้นศาล อย่างน้อยก็เพื่อให้ดูว่า “ได้ขึ้นศาลแล้ว” และขนาดกระต่ายขาวที่เธออุตส่าห์ตามเขามาถึงพระราชวัง ก็ใช่ว่าจะเข้าข้างเธอ แม้ว่าอลิซจะงงงวยกับข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นคนล่อลวงให้พระนางเล่นโครเค่ต์เพื่อหาเรื่องหมิ่นพระเกียรติ และเป็นการวางแผนมาล่วงหน้า อลิซขอให้มีการสืบสวนก่อนตัดสิน แต่นางก็ทุบโต๊ะแล้วบอกว่า “ตัดสินไปเลย เดี๋ยวค่อยร่างการสืบสวนทีหลังก็ได้” การเบิกพยานจึงเต็มไปด้วยเรื่องไร้สาระ เพราะไปลากตาสีตาสาที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลยมาขึ้นศาลหมด ตั้งแต่ช่างทำหมวก ยันกระต่ายมัชแฮร์

“ข้านอนอยู่บ้าน ตอนที่เกิดคดีหมิ่นพระเกียรติ” 

“ดีมาก ขณะลูกขุน จดไว้ด้วย ปากคำสำคัญเชียวนะ”

แต่ทว่าถ้าจำเลยมีส่วนสูงกว่าหนึ่งไมล์ ให้ออกจากศาลทันที

อลิซจำได้ว่าตัวเองเก็บเศษเห็ดไว้ในกระเป๋า แม้ว่าในระหว่างการพิจารณาคดี เธอพูดอะไรไม่ได้ไปมากกว่า “เพคะ ทูลกระหม่อม” แต่พอยัดเห็ดเข้าปากไปทั้งสองด้านมั่วๆ ตัวเธอก็ใหญ่ค้ำศาล จนพระราชาต้องเปิดหนังสือกฎหมายอ่านออกเสียงว่า ถ้าจำเลยตัวสูงไป ให้ออกจากศาลทันที อลิซจึงชี้หน้าด่าราชินีอย่างหมดความอดทน

ท่านน่ะมัน อ้วน แก่ เอาแต่ใจ เป็นทรราชที่น่าสมเพชที่สุ… อ้าว ตัวกลับมาเล็กเสียแล้ว แหะแหะ

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์
อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

อลิซวิ่งหนีออกจากโลกอันวุ่นวาย และค้นพบว่าตัวเองเพียงแค่ผล็อยหลับไประหว่างฟังพี่สาวสอนวิชาประวัติศาสตร์เท่านั้น ช่างโชคดีเสียจริงๆ ที่เธอยังเด็กอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ตัวโตไป หรือตัวเล็กไปอีกแล้ว พี่สาวของเธอก็ได้แต่ถอนหายใจ และพาอลิซไปทานน้ำชายามบ่ายอย่างเสียไม่ได้

ประวัติศาสตร์มนุษย์แบบไม่มีภาพให้เห็น นี่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจยากเสียจริง สำหรับเด็กผู้หญิงในชุดสีฟ้าช่างฝัน และมีความคิดที่แปลกแยกแบบอลิซ แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ประหลาดในสังคมประหลาดนั้น

เด็กในชุดสีฟ้าช่างฝัน อาจจะต้องวนเวียนอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ที่ตอนจบอาจไม่ได้สวยหรู

หรือแค่ฝันไปแบบในการ์ตูนก็เป็นได้

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

Alice in Wonderland Disney netflix Resident Evil The Matrix อลิซในดินแดนมหัศจรรย์

Content Creator

อลิซผจญภัยเมืองวันเดอร์แลนด์

พิพัฒน์ วัฒนพานิช

นักคิด นักเขียน นักสร้างคอนเทนต์ ตัวปัญหาของกระแส ชาวเกย์ผู้แปลกแยก และนักเล่าเรื่องในรูปแบบที่แตกต่าง หลงใหลวัฒนธรรม Pop ทั้งหนังสือ ภาพยนตร์ ซีรีส์และดนตรี และยังเป็นผู้กำกับอิสระ นักดนตรีและนักแต่งเพลง รวมถึงแอดมินเพจที่ประสบความสำเร็จในโซเชียลอีกด้วย เก่งซะไม่มี