โดย อายุงานแค่ไหนที่ กู้ซื้อบ้าน ได้ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารนะค่ะ บางที่กำหนด 6 เดือน บางที่ 2 ปี หรือบางที่กำหนดว่าผ่านช่วงทดลองงานก็สามารถกู้บ้านได้แล้ว อาจต้องสอบถามธนาคารที่ต้องกู้บ้านดูค่ะ
นอกจากเรื่องอายุงานแล้ว
โดยทั่วไปธนาคารจะดูความสามารถในการผ่อนชำระหนี้ด้วย ซึ่งเราควรมีภาระผ่อนหนี้ทุกอย่างทั้งบ้าน รถ สินเชื่อบุคคล ไม่เกิน 40% ของรายได้ต่อเดือน จะได้ไม่เป็นภาระที่หนักเกินไป
อย่างเช่น เงินเดือน 21,000 บาท ก็ไม่ควรผ่อนบ้านเกิน 8,400 บาท ถ้าคิดเป็นวงเงินกู้บ้านก็จะอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 ล้านบาทค่ะ
แล้วถ้าจะกู้ซื้อบ้าน ก็ควรมีเงินดาวน์เตรียมไว้ก้อนหนึ่งอย่างน้อย 20% ของมูลค่าบ้านด้วยนะคะ สมมติว่า
บ้านหรือคอนโดที่สนใจราคา 1.5 ล้านบาท ก็ควรมีเงินดาวน์อย่างน้อย 3 แสนบาท ที่เหลือจึงขอเป็นวงเงินสินเชื่อ
ในแต่ละเดือน นอกจากเตรียมค่าผ่อนบ้านแล้ว อย่าลืมเผื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ตามมาด้วยนะคะ เช่น ค่าประกัน
ค่าส่วนกลาง ค่าเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งซ่อมแซมห้อง เป็นต้นค่ะ
สุดท้ายสำหรับใครที่ทำงานยังไม่ถึงปีแต่อยู่ในช่วงเวลาข้างต้นที่กล่าวมา ก็ลองโทรไปสอบถาม ตามแต่ละธนาคารได้เลยนะค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก K-Expert
You are here: Home / FAQs / ผู้กู้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร...
13 มีนาคม 2562/
“มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ จงมักน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน” ขอยกคำกลอนที่ได้ยินกันมานานให้เพื่อน ๆ ได้คิดกันนะครับว่า ถึงแม้เราจะมีเงินน้อย รายได้น้อยกว่าคนอื่น ก็อย่าน้อยใจในโชควาสนา เพราะถึงมีเงินเดือนน้อย ถ้ารู้จักใช้อย่างพอเพียงเราก็สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขนะครับ เพื่อน ๆ ที่มีรายได้จำกัดคงจะเคยสงสัยกันใช่ไหมว่าถ้าเรามีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท จะซื้อบ้านได้ไหม ต้องบอกกันก่อนเลยว่าได้ครับ และเพื่อเป็นการทำให้ทุกคนเห็นภาพวันนี้เราจึงได้ทำการรวบรวมเคล็ดลับดีๆ ที่คุณสามารถมีวิมานหลังน้อยเป็นของตัวเองได้มาฝากทุกคนกัน
รวม 4 เคล็ดลับที่จะช่วยตอบคำถามที่ว่าถ้าเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ในยุคหล้งสถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาด จะซื้อบ้านได้ไหม?
เคล็ดลับที่ 1 คำนวณหาจำนวนเงินที่เราจะมีกำลังในการกู้ซื้อบ้านได้
จากหลักของการกู้ทั่วไปมีอยู่ว่า “ผู้กู้สามารถแบกรับภาระได้ไม่เกิน 40% ของรายได้เท่านั้น”
ตัวอย่างเช่น ผู้กู้มีเงินเดือน 15,000 บาท จะสามารถผ่อนบ้านสูงสุดได้ 15,000 x 40% = 6,000 บาท
ซึ่งก็คือหากผู้กู้มีรายได้ 15,000 บาทต่อเดือนจะสามารถผ่อนบ้านเป็นจำนวนเงินได้ 6,000 บาท ที่สำคัญเราต้องไม่มีหนี้สินผ่อนชำระสินค้าอื่น ๆ หากเรามีหนี้สินอื่น ๆ เช่น ผ่อนรถอยู่ เดือนละ 5,000 บาท ก็ทำให้ผู้กู้เหลือความสามารถในการผ่อนบ้านต่อเดือนลดลง (6,000 – 5,000) เหลือเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ถ้าเราสามารถผ่อนบ้านเป็นจำนวนเงินได้ 6,000 บาท จะสามารถกู้ซื้อบ้านได้วงเงินตามนี้
15 ปี | 647,000 บาท |
20 ปี | 744,000 บาท |
25 ปี | 811,000 บาท |
30 ปี | 858,000 บาท |
35 ปี | 889,000 บาท |
โดยคิดจากอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5
เคล็ดลับที่ 2 หาโครงการบ้านที่อยู่ในวงเงินที่เราสามารถกู้ได้เมื่อคำนวณจากเคล็ดลับที่ 1
สมมติว่า เราเลือกจะผ่อนชำระที่ 30 ปี จะสามารถกู้ได้ 858,000 บาท ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีโครงการที่ราคาต่ำกว่าล้านอยู่หลายโครงการเลย เช่น คอนโดแถบชานเมือง หรือในแถบปริมณฑลก็ยังมีราคาไม่ถึงล้านอยู่เยอะ หรือถ้าหากอยู่ที่ต่างจังหวัดก็ยิ่งมีโครงการราคาต่ำกว่าล้านมากมาย หรือถ้าเพื่อน ๆ สนใจเป็นบ้านมือสองก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพราะบ้านมือสองสภาพดีราคาไม่ถึงล้านก็มีอยู่ในตลาดมือสองให้เลือก (คลิกที่นี่เพื่ออ่านวิธีการจัดการเงินกู้บ้านแบบยิ้มได้)
เคล็ดลับที่ 3 ทำประวัติเครดิตบูโรของเราให้ดี
ถ้าเพื่อน ๆ มีหนี้
บัตรเครดิตบัตรกดเงินสด และบัตรผ่อนชำระต่าง ๆ หนี้สินของบัตรต่าง ๆ ตรงนี้จะไปแสดงที่เครดิตบูโรของเรา หากมีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี ไม่ตรงต่อเวลา ผิดนัดจ่ายหนี้กับธนาคาร หรือเบี้ยวหนี้ไม่จ่ายเลย เครดิตบูโรก็จะขึ้น Blacklist ซึ่งหมายความว่า เมื่อเราไปยื่นกู้ซื้อบ้านกับธนาคารแล้วทางธนาคารไปตรวจสอบเครดิตบูโรของเราก็จะเห็น Blacklist ของเรา ซึ่งอาจทำให้กู้ซื้อบ้านได้ยากขึ้น เพราะธนาคารก็ไม่มั่นใจว่า เราจะจ่ายค่างวดให้เค้าได้หรือไม่ และยังมีอีกกรณีหนึ่งหากเป็นหนี้บัตรเครดิตเยอะเกินไป ซึ่งหมายความว่าเราไม่ได้ติด Blacklist แต่เมื่อธนาคารทำการประเมินรายได้ของเราแล้วปรากฏว่า แค่ยอดที่ต้องชำระในแต่ละเดือนสำหรับบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดแต่ละใบของเราในแต่ละเดือน ก็ไม่พอที่จะส่งค่างวดสำหรับสินเชื่อบ้านแล้ว แบบนี้ธนาคารก็คงอนุมัติให้ผ่านยาก ดังนั้น ควรทำประวัติเครดิตบูโรของเราให้ดี เช่น ชำระหนี้ให้ตรงต่อเวลา ไม่ผิดนัดจ่ายหนี้ ไม่เป็นหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดมากเกินไป หรือทางที่ดีที่สุดคือไม่ก่อหนี้เลย เหมือนคำพระที่ว่า “การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ” (อ่านวิธีเลือกสินเชื่อบ้านให้ผ่อนได้สบาย ๆ ได้
)
เคล็ดลับที่ 4 หาผู้กู้ร่วม
ในกรณีที่ฝันว่าอยากจะมีวิมานในฝันที่หลังใหญ่ขึ้นมาหน่อย แต่ลำพังแค่เงินเดือนของเราอาจจะได้ยอดเงินกู้ไม่เพียงพอ เราก็จำเป็นต้องหาผู้กู้ร่วม เพื่อเพิ่มวงเงินกู้ให้มากขึ้น ในกรณีที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแต่กู้คนเดียวไม่ผ่านหรือรายได้ไม่พอ การกู้ร่วมก็เป็นทางออกหนึ่งของปัญหาที่นิยมเลือกใช้กันมาก โดยความหมายของผู้กู้ร่วม หมายถึง ลูกหนี้ร่วม ในทางกฎหมายลูกหนี้ร่วมจะต้องรับผิดชอบหนี้เป็นส่วนเท่า ๆ กัน เว้นแต่จะกำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และในบางสถาบันการเงินจะกำหนดให้ผู้กู้ร่วมต้องมีความสัมพันธ์กับผู้กู้ในฐานะที่เป็นพี่น้องท้องเดียวกันหรือบิดามารดากู้ร่วมกับบุตรและสามีภรรยา หรือถ้าแต่งงานกันแล้วและยังไม่ได้จดทะเบียน ผู้กู้ร่วมก็ต้องแสดงหลักฐานอื่น ๆ ประกอบ เช่น ทะเบียนบ้านที่แสดงว่าปัจจุบันอยู่ด้วยกัน หรือถ้ามีบุตรก็ต้องแสดงใบเกิดที่ระบุชื่อพ่อแม่
ในการซื้อบ้านแบบการกู้ร่วมสามารถทำได้ 2 แบบ คือ
- กรรมสิทธิ์บ้านเป็นชื่อของคน ๆ เดียว แต่เวลากู้ยืมใช้คนหลายคนมากู้ร่วม
- การกู้ร่วมโดยใส่ชื่อผู้กู้ทุกคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม
ซึ่งการกู้ร่วมนั้น สถาบันการเงินจะพิจารณารายได้ของทุกคนที่ขอกู้ร่วม โดยจะหักภาระค่าใช้จ่ายของทุกคน หลังจากนั้นก็ดูว่า เหลือเงินที่จะสามารถผ่อนชำระได้ต่อเดือนเท่าไหร่ แล้วพิจารณาให้สินเชื่อไปตามสัดส่วน ซึ่งจะทำให้เพื่อน ๆ ที่มีผู้กู้ร่วม สามารถกู้วงเงินได้สูงขึ้นมากอีกพอสมควร
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความที่เราได้นำเสนอไปคงจะช่วยตอบคำถามที่ว่าเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาทซื้อบ้านได้ไหม? หากได้ลองทำตามเคล็ดลับที่ได้แนะนำไปในข้างต้น มั่นใจเลยว่าพนักงานเงินเดือนน้อยๆ ก็สามารถฝันที่จะมีบ้านหลังน้อยไว้เป็นที่พักผ่อนได้เหมือนกับทุกๆ คน อย่างแน่นอน