ข้อดี ใน การ ทํา งาน ภาษา อังกฤษ

         

          ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ช่วยให้การติดต่อทางธุรกิจมีความสะดวกสบายมากขึ้น ทำให้คนทำงานที่อยู่กันคนละประเทศมีความเข้าใจกันมากขึ้น จึงเป็นที่เข้าใจตรงกันว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักของการทำงาน หากพูดไม่ได้ ก็อาจจะทำให้เกิดผลกระทบกับการทำงานได้ หรือแม้แต่การสมัครงานเอง หากเราไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี โอกาสที่จะได้งานทำก็มีน้อยลง

          ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ใช้ติดต่อสื่อสาร และยังเป็นภาษาที่ใช้ในการทำงาน เมื่อเราต้องติดต่อกับคนต่างวัฒนธรรม ภาษาอังกฤษถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน และจะมีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการทำงานที่คนทั้งโลกต้องมาติดต่อสื่อสารกัน ธุรกิจสามารถเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น เมื่อทุกคนสามารถเข้าใจในสิ่งที่อีกคนหนึ่งพูดถึง

          เคยลองคิดกันเล่น ๆ ดูบ้างหรือไม่ว่า หากเราไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลาง การทำงานของเราจะประสบหรือพบเจอกับปัญหาอะไรบ้างหรือไม่ เราจะทำอย่างไรให้คนในอีกภาษาหนึ่งเข้าใจในสิ่งที่เราพูด เมื่อไม่ใช้ภาษาอังกฤษ และนี่คือเหตุผล 3 ข้อที่ทำให้ภาษาอังกฤษยังคงมีความสำคัญกับคนทำงาน

1. สมัครงานด้วยทักษะภาษาอังกฤษ

          จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันนี้ หลาย ๆ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน ในการลงประกาศรับสมัครงาน ภาษาอังกฤษเป็นคุณสมบัติข้อหนึ่งที่คนทำงานต้องมี หากใครไม่สามารถพูดคุยเป็นภาษาอังกฤษได้ โอกาสการได้งานทำก็จะมีน้อยลง เพราะต้องเสียโอกาสนั้นที่มีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษได้ การพูดได้เพียงเล็กน้อย หรือเขียนได้เพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีความเข้าใจในการใช้ภาษา ได้กลายเป็นอุปสรรคในการทำงานอย่าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากต้องการประสบความสำเร็จในการหางาน เราจำเป็นต้องมีความสามารถทางภาษาอังกฤษด้วย

2. เป็นสื่อกลางในการสื่อสารเมื่อเปิด AEC

          คนทำงานในภูมิภาคอาเซียนจะได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารมากขึ้น เพราะจะมีการเดินทางเข้าออกของคนทำงานได้อย่างเสรีมากขึ้น ภาษาอังกฤษจึงมีบทบาทสำคัญ เมื่อเราไม่สามารถพูดภาษาท้องถิ่นของเพื่อนบ้านได้ทุกภาษา แต่ต้องการติดต่อสื่อสาร เราจำเป็นที่จะต้องสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษให้ได้ เราจึงจะได้เปรียบคนทำงานจากประเทศอื่น เมื่อมีการเปิด AEC อย่างเต็มตัวแล้ว เราจะรู้สึกว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกคน หากพูดไม่ได้ก็ไม่ต่างจากคนที่เป็นใบ้ เกิดอุปสรรคในการติดต่อสื่อสารมากขึ้น เราจึงต้องหมั่นฝึกฝนการใช้ภาษาอังกฤษให้ดี เพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสที่ดีเมื่อมีการเปิด AEC

3. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้คนทำงาน

          ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อเราได้ยินคนทำงานที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างเชียวชาญ เรียกว่าพูดได้น้ำไหลไฟดับนั้น จะทำให้เราเกิดความประทับใจ และแอบชื่นชมอยู่ในใจว่าคน ๆ นั้นต้องเป็นคนที่ทำงานเก่ง และมีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี ภาษาอังกฤษจึงช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในการทำงาน ทำให้คนทำงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ได้รับการจับตามองจากคนอื่น ๆ ที่พบเห็น เขาจะรู้สึกว่าเราเป็นคนที่ทำงานเก่ง สามารถติดต่อสื่อสารกับคนได้ทุกชาติทุกภาษา และการทำงานของเราก็จะสะดวกมากขึ้น เพราะการที่เราได้พบปะกับคนหลาย ๆ วัฒนธรรม จะช่วยให้เราได้ไอเดียในการทำงานมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เราเติบโตในหน้าที่การงานด้วย

          ภาษาอังกฤษได้กลายภาษาที่ถูกใช้อย่างแพร่หลาย และยังเป็นการเปิดโลกกว้างทางความคิด คนทำงานที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี จะได้เปรียบคนทำงานคนอื่น ๆ เพราะสามารถติดต่อพูดคุยกับคนได้ทุกรูปแบบ ทุกชาติ ทุกภาษา โอกาสที่จะมีความก้าวหน้าในการทำงานเกิดขึ้นจากการใช้ภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน เราจึงต้องเพิ่มความมั่นใจในการใช้ภาษาอังกฤษให้มีมากขึ้น

ภาพประกอบ :  Stuart Miles เว็บไซต์ freedigitalphotos.net

New jobs every day means new opportunities. Don't miss out. Create a Job Alert

เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ใช้ภาษาอังกฤษอย่างไรให้มั่นใจ เมื่อเข้าสู่อาเซียน

ฝึกการสื่อสารกับเจ้านายเป็นภาษาอังกฤษ

  • “Tell me about yourself.” - “แนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย”
  • “What are your strengths and weaknesses?” - “จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคืออะไร?”
  • “Can you tell me about a time when you demonstrated…” - “เล่าถึงการทำงานเมื่อคุณต้องรับมือกับการทำงานที่ท้าทายให้ฟังหน่อย”

เมื่อเราต้องไปสัมภาษณ์งาน แค่ตอบคำถามเป็นภาษาไทยปกติก็ไม่ค่อยมั่นใจอยู่แล้ว พอต้องมาตอบคําถามสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษก็ทำให้หลายคนยิ่งไม่มั่นใจเข้าไปใหญ่ ซึ่งแนวทางคำถามภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากกับภาษาไทยแค่เราต้องฟังคำถามและตอบเป็นภาษาอังกฤษ เช่น ให้แนะนำตัวเอง บอกจุดแข็งและจุดอ่อน ถามถึงปัญหาที่เคยเจอในการทำงานและการแก้ปัญหา สิ่งสำคัญก็คือการเตรียมตัวฝึกตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษล่วงหน้า เพราะยิ่งเราตอบคำถามได้ฉะฉานมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสได้งานมากเท่านั้น วันนี้ JobThai ก็เลยนำคำถามสัมภาษณ์งานที่ต้องเจอ และเทคนิคการตอบเป็นภาษาอังกฤษให้ปังมาฝาก

1. “Tell me about yourself.” - “แนะนำตัวเองให้ฟังหน่อย”

คำถามนี้ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิด บริษัทถามเพื่อเปิดโอกาสให้คุณสร้าง First Impression หรือความประทับใจแรกกับเขา ซึ่งหลายคนชอบติดการแนะนำตัวด้วยการบอกว่าเราเป็นใครมาจากไหน แล้วจบแค่นั้น เช่น Good morning. My name is… I’m from… ซึ่งบอกไปก็ไม่ผิด แต่มันไม่จำเป็น และควรอธิบายสิ่งที่สำคัญมากกว่าเพิ่มเติม เพราะในใบสมัครเขาก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าคุณชื่ออะไร มาจากไหน เรียนจบไหนมา ดังนั้นคำตอบควรจะมีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับการทำงานที่สำคัญเข้าไปด้วย

ถ้าไม่รู้ว่าจะนำเสนอตัวเองยังไง ลองคิดว่าคำถามนี้กำลังถามคุณว่า “ทำไมบริษัทถึงต้องเลือกคุณ” “คุณจะสร้างประโยชน์อะไรให้กับบริษัทของเรา” อาจช่วยให้เลือกคำตอบได้ง่ายขึ้น โดยลองเลือกเอาความสำเร็จและประสบการณ์ในการทำงานที่ผ่านมามาเล่าก็ได้

ตัวอย่างการตอบ

“I have been doing social media for the last three years and I specialize in helping companies and entrepreneurs grow their Facebook fan page. My real strength is my ability to understand what your audience wants. What I’m looking for is a company that I could add value to, that I could produce a positive return on investment for.”

จากที่ยกตัวอย่างมา จะแยกออกเป็นประเด็นต่าง ๆ ได้ตามนี้

เล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา

“I have been doing social media for the last three years and I specialize in helping companies and entrepreneurs grow their Facebook fan page.” ฉันทำงานด้าน Social Media มาแล้ว 3 ปี มีความเชี่ยวชาญในการช่วยทำให้แฟนเพจ Facebook ของบริษัทและผู้ประกอบการเติบโตขึ้น

เล่าถึงข้อดีของคุณ

“My real strength is my ability to understand what your audience wants.” จุดแข็งของฉันคือสามารถเข้าใจความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้

เล่าถึงสิ่งที่กำลังมองหา หรือโอกาสที่คิดว่าคุณจะนำความสามารถไปประยุกต์ใช้ได้

“What I’m looking for is a company that I could add value to, that I could produce a positive return on investment for.” สิ่งที่ฉันกำลังมองหาคือบริษัทที่ฉันสามารถเข้าไปสร้างคุณค่า และทำให้บริษัทได้รับผลแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน

หางานที่ต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษได้ ที่นี่

2. “What are your strengths and weaknesses?” - “จุดแข็งและจุดอ่อนของคุณคืออะไร?”

เป็นคำถามที่เปิดโอกาสให้คุณพูดถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง เหตุผลเพราะเขาอยากรู้ว่าคุณถนัดอะไรหรือทำอะไรได้ดีที่สุด รวมถึงจุดด้อยในการทำงานของคุณ หรือทักษะที่คุณยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ซึ่งคุณไม่ควรพูดถึงเพียงข้อดีเพียงอย่างเดียว ควรพูดถึงข้อเสียด้วย แต่ควรเป็นข้อเสียที่ไม่เกี่ยวกับงานหลักหรือส่งผลต่อการทำงานโดยตรงมากนัก ให้เอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถพัฒนาได้

นอกจากนั้นเทคนิคง่าย ๆ ในการตอบคำถามให้ดูดี ก็คือการใช้ Signposting Language หรือการส่งสัญญาณให้ผู้ฟังรู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องไหนแล้ว เพื่อช่วยให้อีกฝ่ายคิดตามเราได้ง่ายยิ่งขึ้น เข้าใจง่าย และดูไม่วกไปวนมา 

ตัวอย่าง Signposting Language

  • Firstly หรือ First of all ขั้นแรก, อย่างแรก เมื่อต้องพูดเกริ่นนำ

  • For example หรือ For instance เมื่อต้องการยกตัวอย่าง

  • On the other hand, On the contrary หรือ However ในอีกด้านหนึ่ง, ในขณะเดียวกัน พูดถึงสิ่งที่ขัดแย้งกับข้อความแรก

  • Coming back to… เมื่อต้องการพูดย้อนไปถึงสิ่งที่พูดก่อนหน้านี้

  • Finally เมื่อต้องการสรุปใจความของสิ่งที่พูดไปทั้งหมด

ตัวอย่างคำตอบ

Firstly, I'm very good at working with other people. For example, in my last job, I always tried to encourage my colleagues and create a good atmosphere. On the other hand, I suppose I can be a little bit careless sometimes, because I'm not the kind of person who focuses on details. Coming back to strengths, I'm very calm, and I can keep a cool head even in very stressful situations.

อย่างแรกเลย ทักษะในการทำงานร่วมกับคนอื่นของฉันค่อนข้างดีมาก อย่างเช่น งานที่ทำล่าสุด ฉันพยายามให้กำลังใจคอยสนับสนุนเพื่อนร่วมงานและสร้างบรรยากาศที่ดีเสมอ แต่ในขณะเดียวกัน บางครั้ง ฉันก็อาจจะไม่ได้ระมัดระวังในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางจุดไปบ้าง เพราะฉันเป็นคนไม่ค่อยถนัดในการทำงานที่ต้องลงรายละเอียด กลับมาที่จุดแข็งต่อ ฉันเป็นคนใจเย็น สามารถควบคุมสติไดแม้ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดมาก ๆ

สำหรับการตอบจุดอ่อนอาจจะต้องระวังและประเมินว่าตำแหน่งงานของคุณเป็นยังไง ถ้าเนื้องานเป็นงานที่วางแผนในภาพกว้าง ไม่ได้ต้องเช็กความถูกต้องที่ต้องแม่นยำทุกอย่าง จุดอ่อนที่บอกว่าเป็นคนไม่ค่อยละเอียดกับเรื่องดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็อาจจะไม่ใช่ปัญหา

3. “Can you tell me about a time when you demonstrated…” / "Tell me about a time you dealt with a challenging situation at work..." - “เล่าถึงการทำงานเมื่อคุณต้องรับมือกับการทำงานที่ท้าทายให้ฟังหน่อย”

คำถามเหล่านี้ถามถึงการแก้ไขปัญหาที่คุณเคยประสบมาก่อนในการทำงาน หรือการรับมือกับงานที่ท้าทายความสามารถ คำตอบมักเป็นการเล่าถึงปัญหา วิธีการทำงาน หรือการแก้ปัญหาที่คุณเคยทำมาแบบยาว ๆ เพื่อให้คนสัมภาษณ์ได้ฟังรายละเอียดอย่างครบถ้วน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อเราตื่นเต้น ก็อาจจะทำให้เราอธิบายได้ไม่ดีนัก จนคำตอบของเราฟังดูไม่ชัดเจน ชวนสงสัย หรืออาจฟังไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้นคุณควรจะเตรียมตัวสำหรับคำถามนี้ให้ดีก่อนไปสัมภาษณ์ โดยอาจจะใช้วิธีคิดแบบ STAR

  • S - Situation (What was the situation?) เกิดอะไรขึ้นตอนนั้น?

  • T - Task (What did you have to do?) หน้าที่ที่คุณต้องทำตอนนั้นคืออะไร?

  • A - Action (What did you actually do?) คุณลงมือทำมันยังไงบ้าง?

  • R - Result (What the end result was?) ผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง?

ตัวอย่าง

ผู้สัมภาษณ์: Can you tell me about a time when you demonstrated excellent customer service?“เล่าถึงเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าคุณให้บริการลูกค้าได้ดีเยี่ยมให้ฟังหน่อย”

ผู้ถูกสัมภาษณ์: There was one time when a customer’s order hadn’t arrived, and we didn’t know what had happened to it. The customer was very unhappy, and I had to try to solve the problem for him. I arranged for a replacement to be sent, thinking we could find out what happened to the previous order later. In the end, the customer was happy that I could solve his problem quickly and simply.

จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่ามีการตอบคำถามแบบ STAR คือ

S - Situation: What was the situation?

- There was one time when a customer’s order hadn’t arrived. ไม่ได้รับออร์เดอร์ของลูกค้า

- We didn’t know what had happened to it. ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับออเดอร์นั้น

- The customer was very unhappy. ลูกค้าไม่พอใจอย่างมาก

T - Task: What did you have to do?

- I had to try to solve the problem for him. ต้องพยายามแก้ไขปัญหา

A - Action: What did you actually do?

- I arranged for a replacement to be sent. จัดหาของส่งไปให้ลูกค้า

R - Result: What was the end result?

- The customer was happy. ลูกค้าพอใจ

การตอบคำถามสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษนั้นไม่จำเป็นต้องยืดยาว แต่ต้องตอบให้กระชับ ตรงจุด และเรียบเรียงการพูดให้ดี ใครที่กำลังจะไปสัมภาษณ์งานภาษาอังกฤษ ก็อย่าลืมเอาเทคนิคที่เราบอกไปฝึกซ้อม จะได้ตอบแบบคล่องแคล่วมั่นใจ เพราะแน่นอนว่าคนจะเก่งได้ต้องผ่านการฝึกฝนมาแล้วทั้งนั้น ขอให้ทุกคนที่กำลังไปสัมภาษณ์งานประสบความสำเร็จ ผ่านการสัมภาษณ์และได้งานดี ๆ แบบที่ตัวเองหวังไว้

JobThai Official Group เพื่อการหางาน หาคน และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการทำงาน

ที่มา:

JADOH Learning 

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ศัพท์ทางทหาร military words แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 พจนานุกรมศัพท์ทหาร ศัพท์ทหาร ภาษาอังกฤษ pdf ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง ไทยแปลอังกฤษ ประโยค lmyour แปลภาษา การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ประปาไม่ไหล วันนี้ ฝยก. ย่อมาจาก หยน ห่อหมกฮวก แปลว่า เมอร์ซี่ อาร์สยาม ล่าสุด แปลภาษาจีน ่้แปลภาษา onet ม3 การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 1 ข้อสอบโอเน็ต ม.3 ออกเรื่องอะไรบ้าง ตตตตลก บบบย ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คาราโอเกะ เขียน อาหรับ แปลไทย เนื้อเพลง ห่อหมกฮวก แปลไทย asus zenfone 2e กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปานครหลวง ก่อนจะนิ่งก็ต้องกลิ้งมาก่อน เนื้อเพลง ข้อสอบภาษาอังกฤษ ม.ปลาย พร้อมเฉลย คะแนน o-net โรงเรียน ชขภใ ชื่อเต็ม ร.9 คําอ่าน ตัวอย่าง flowchart ขั้นตอนการทํางาน นยน. ย่อมาจาก ทหาร บทที่ 1 ที่มาและความสําคัญของปัญหา ฝสธ. ย่อมาจาก มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 ซับไทย มัดหัวใจเจ้าชายเย็นชา 2 เต็มเรื่อง ยศทหารบก เรียงลําดับ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 รัชกาลที่ 10 ห่อหมกฮวกไปฝากป้า คอร์ด