แนวทางการเพิ่มผลผลิต 5 แนวทาง

รหสั วิชา 30001-1002

รายงาน
บทที่ 5 เรอ่ื ง แนวทางการเพ่มิ ผลิตภาพในองค์การ

จัดทำโดย
นางสาว ณัฐนารี นว่ มหนอม รหัสนักศึกษา 64302040006
นางสาว พรพรรณ โมเรอื ง รหัสนกั ศึกษา 64302040026
นางสาว วิมาไล พวงเงิน รหสั นักศึกษา 64302040038

เสนอ
อาจารย์ ธมกร จนั ทรโยธา

รายงานน้เี ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวชิ า องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่
หลกั สูตร ปวส ปที ่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๕ วทิ ยาลัยอาชวี ศึกษาพษิ ณโุ ลก

รำยงำน เร่ือง แนวทำงกำรเพม่ิ ผลผลิตภำพในองค์กำร

จดั ทำโดย

นางสาว ณัฐนารี นว่ มหนอม รหัสนกั ศึกษา 64302040006
นางสาว พรพรรณ โมเรอื ง รหสั นักศึกษา 64302040026
นางสาว วมิ าไล พวงเงนิ รหัสนักศึกษา 64302040038

เสนอ
อำจำรย์ ธมกร จันทนโยธำ

รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชา องค์การและการจดั การสมัยใหม่
หลักสตู ร ปวส ปที ่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๕ วิทยาลัยอาชวี ศึกษาพษิ ณโุ ลก

1.ควำมเป็นมำของกำรเพิ่มผลิตภำพ

ในสมนั โบราณอตุ สาหกรรมการผลิตและการบริการจะเนน้ การใช้แรงงานคนเป็นหลกั โด
อาศัยแรงงานของคนในครอบครัว ชุมชน สงั คม และประเทศ โดยยังไม่มีแผนการเพ่มิ ผลผลติ ภาพแต่
อยา่ งใดทาใหค้ นทางานเหลา่ นัน้ ไม่มีความรคู้ วามสามารถที่เพียงพอต่องาน ทางานแบบตาม ๆ กนั ไป
ไมม่ ีการฝึกทักษะ ไม่มคี วามถนัดหรือความสามารถเฉพาะทาง ส่งผลให้ผลติ ภาพตกต่าหรือไดป้ ริมาณที่
น้อยกว่าท่ีควรจะเปน็ ทาให้ความสารถในการแขง่ ขันของประเทศและการพฒั นาเศรษฐกิจอยู่ในระดับ
ทต่ี า่ ลงเร่อื ยๆเอาแนวคดิ และวิธกี ารวัด "ผลผลิต" (Productivity) หรือ "ผลติ ภาพ" มาใช้เป็นแนวทาง
ในการทางาน จะช่วยยกระดับการพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมการผลติ และบริการให้สูงขึน้ อย่างเป็น
รูปธรรมอีกทัง้ เพ่ือเพ่ิมขดี ความสามารถในการแข่งขันให้ทัดเทียมกบั นานาประเทศไดแ้ ละยงั สามารถ
วัดความเจริญเตบิ โตทางธรุ กิจและความกา้ วหนา้ ของงานไดอ้ กี ดว้ ย การนาหลักการและแนวคดิ
เกยี่ วกับการเพิ่มผลติ ภาพ (Productivity) เข้ามาใชอ้ ย่างต่อเนือ่ ง จะสง่ ผลให้ผลิตภาพ (
Productivity) โดยรวมสูงขน้ึ อยา่ งเห็นได้ชัดจนกลายเปน็ แนวทางการทางานทแี่ พรห่ ลายในกลุม่
อุตสาหกรรมต่าง ๆ มาถึงทุกวนั นแ้ี นวคดิ ของการเพ่มิ ผลติ ภาพเรม่ิ ขน้ึ ครัง้ แรกในประเทศสหรัฐอเมริกา
ใน ค.ศ. 1911 โดยเฟรเดอริกเทยเ์ ลอร์ (Frederick W. Taylor) ซ่งึ ได้รับการยกย่องวา่ เป็นบดิ าแหง่
การบรหิ ารเชงิ วิทยาศาสตร์ ไดท้ า การศึกษาเพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาเก่ียวกับความสน้ิ เปลอื ง
วัตถดุ ิบและพลังงานกระบวนการผลติ ท่มี ีสาเหตมุ าจากการที่คนงานปฏิบตั ิงานไมต่ รงกบั ความรู้
ความสามารถและความถนดั ตลอดจนขาดขวญั กาลงั ใจในการทางานรวมถึงการบรหิ ารงานทีข่ าด
ประสิทธภิ าพ ทาใหผ้ ลผลติ ตกต่า เทย์เลอร์ไดใ้ ห้ความสาคัญในเรอื่ งเวลาและการเคลื่อนไหวในการ
ทางานของคนงาน การกาหนดปรมิ าณงานทเี่ หมาะสมกบั ระยะเวลาที่มอบหมายกจ็ ะสง่ ผลให้คนงาน
ปฏิบัติงานไดเ้ ตม็ ความสามารถผลการศึกษาของเทย์เลอรน์ ับได้วา่ เป็นจุดเร่ิมตน้ ของการเพมิ่ ผลติ ภาพ
ดังน้ันเทย์เลอร์จึงไดป้ ระกาศแนวทางการบรหิ ารเชิงวทิ ยาศาสตร์ในหนงั สอื ช่ือ Principles of
Scientific Management สรปุ เป็นหลักการทางานได้4 ประการ คือ

1. ตอ้ งศกึ ษาวิธกี ารปฏิบตั ิงานในกระบวนการผลติ แตล่ ะส่วนอย่างละเอยี ด พฒั นาระบบการผลิตดว้ ย
การหาวิธีท่ดี ีท่ีสุด

2. คดั เลือกและจดั คนเขา้ ทางานให้หมาะสมกบั งาน โดยพจิ ารณาจากความรู้ความสามารถ แ ละความ
สนใจ อบรมคนงานใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจในงานท่รี ับผิดชอบ เพ่ือใหส้ ามารถทางานได้ถูกตอ้ งตามที่
กาหนด

3. จัดหาสิ่งจงู ใจในการทางาน โดยให้ค่าตอบแทนเปน็ สดั ส่วนกบั การผลิตของแตล่ ะคน

4. เน้นความเชยี่ วชาญชานาญเฉพาะอย่าง และแบง่ งานกันทาระหว่างฝา่ ยบริหารกับฝ่ายปฏิบัติการ

สรุป

อตุ สาหกรรมการผลิตในยุคแรกจะเนน้ ใช้แรงงานของคนเป็นหลกั โดยเรม่ิ ต้นจากครอบครัว
ชมุ ชนสังคม และประเทศ ซ่ึงยังไม่มีแผนการเพิ่มผลิตภาพแตอ่ ยา่ งใด ทาให้คนงานทางานโดยไม่มคี วามรู้
ไม่มีทกั ษะ และไม่มคี วามถนดั หรือความสามารถเฉพาะทางในงานทีท่ า สง่ ผลให้ผลผลติ ตกต่าหรอื มีจานวน
น้อยกว่าท่ีควรจะเปน็ ต่อมาจึงได้นาแนวคดิ ของเทยเ์ ลอร์มาใชใ้ นการบรหิ ารจดั การองคก์ ารโดยเน้น
หลกั การทางาน 4 ประการ คือ การหาวิธที ่ีดที ่สี ดุ ในการทางาน จัดคนเขา้ ทางานให้เหมาะสมกับงาน
จัดหาส่ิงจงู ใจในการทางาน เน้นความเชี่ยวชาญชานาญเฉพาะอย่างและแบ่งงานกนั ทา

2. นยิ ำมของผลติ ภำพ

คาวา่ "ผลิตภาพ"นแ้ี ปลมาจากคาภาษาอังกฤษวา่ Productivity ซึง่ บางแห่งอาจจะแปลวา่
ผลผลติ ประสิทธิภาพการผลิต ส่วนคาวา่ "การเพ่มิ ผลติ ภาพ" ก็มาจากคาวา่ Productivity
Improvement ซึ่งบางแหง่ อาจจะแปลวา่ การเพ่มิ ผลิตภาพ การปรับปรงุ ผลผลิต การปรับปรุงผลิต
ภาพ การพฒั นาประสทิ ธภิ าพดั้งนน้ั องค์การบางแหง่ จึงอาจใชค้ าว่า "Productivity" เพ่ือให้ครอบคลุม
ความหมายทงั้ สองนยั นีน้ ั่นคือคาว่า "การเพม่ิ ผลติ ภาพ" และ "ผลิตภาพ" ดังได้มีนักวิชาการใหน้ ิยาม
ของคาวา่ “ผลิตภาพ”(Productivity) ไว้ 2 แบบ (เดชา อัครศรสี วสั ด์ิ, 2558) ดงั น้ี

2.1 ผลิตภำพ (Productivity)
หมายถึง ผลลัพธ์ (Output) หารดว้ ยปจั จัยนาเขา้ (lnput)

1.ผลลัพธ์ (Output) หมายถงึ ผลงานจากการผลติ ไม่ว่าจะเปน็ ในรปู ของสินคา้ หรอื บริการ
อาจเขียนเปน็ สมการไดด้ งั น้ี

ผลลพั ธ์ (Output) = สนิ คำ้ +บรกิ ำร

2.ปัจจยั นาเขา้ (lnput) หมายถงึ ทรัพยากรต่างๆที่ใช้ในการผลิตสินคา้ หรอื บรกิ ารท่ีออกมา
เป็นผลลพั ธ(์ Output) ขา้ งตน้ ดังสามารถเขยี นสมการได้ดงั น้ี

ปจั จยั นำเข้ำ (lnput) = แรงงำน+วัสด+ุ เงนิ ลงทุน+พลงั งำน+คำ่ ใชจ้ ำ่ ย

คานาจดั ความตามนยั น้ีเป็นท่ีนยิ มกนั อย่างกว้างขวางและแตกรปู ออกไปให้เหมาะสมแก่การใชง้ านของ
แต่ละแบบ

2.2 ผลติ ภำพ (Productivity)

หมายถงึ การใช้ประโยชน์ (Utilization) x วธิ ีการ x ผลการปฏบิ ัตงิ าน โดยกาหนดให้

1) การใช้ประโยชน์ (Utilization) ได้แก่ อตั ราสว่ นของเวลาทท่ี างานจริงต่อเวลาทีม่ ีอยู่
ทง้ั หมด

2) วธิ กี าร ได้แก่ อัตราสว่ นของเวลาทตี่ ้องใช้ในการทางานจรงิ ให้สาเร็จดว้ ยวิธกี ารท่ีดที สี่ ุดที่มี

ผู้ได้ทาไวแ้ ล้วต่อเวลาจริงท่ใี ช้ในการทางานอย่างเดยี วกนั

3) ผลการปฏบิ ัตงิ าน ไดแ้ ก่ อัตราส่วนของผลการทางานของคนงานที่เป็นที่ยอมรบั หรือที่เปน็
มาตรฐาน จะเห็นวา่ คาจากดั ความนไ้ี ด้รวบรวมเรอ่ื งของซอฟต์แวร์ คอื เรอื่ งของคนและเรื่องวธิ กี ารเขา้
ไปพร้อมกนั นก้ี ็ได้ให้ความสาคญั กับเรื่องของเวลาดว้ ย

สรุป

ผลติ ภาพ (Productivity) คือ ประสิทธภิ าพในการผลติ วัดจากผลผลิตทไี่ ด้มาจากการใช้
ปัจจยั การผลติ ไปในช่วงระยะเวลาหนึง่ สามารถหาไดจ้ ากอัตราสว่ นของปัจจัยนาออก หารด้วย
ปัจจยั นาเขา้ ซ่ึงการผลิตสินค้าและบริการไดม้ าจากการแปรทรัพยากรการผลิต กล่าววา่ หาก
สามารถแปรสภาพเป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพเพียงใด ผลผลิตท่ีได้ก็จะมปี ริมาณคุณภาพและ
มูลค่าเพ่ิมมากข้ึนเท่านัน้

3. ควำมหมำยของกำรเพ่ิมผลิตภำพ

การเพิ่มผลติ ภาพเปน็ กระบวนการในการปฏิบตั ิงานเพื่อให้ได้สนิ คา้ และบรกิ าร หรืองานท่ีมี
คุณภาพสอดคล้องกบั ความต้องการของลกู ค้า ดว้ ยวิธกี ารในการลดต้นทนุ ลดการสูญเสียทุกรปู แบบ
การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อการพัฒนาศักยภาพของผปู้ ฏิบตั ิงานใน
องค์การและการใชเ้ ทคนิคการทางานต่าง ๆ เข้ามาเพอ่ื เพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางาน ดังทไี่ ด้มนี กั การ
ศกึ ษาไดใ้ ห้ความหมายของการเพิ่มผลิตภาพไว้ 2 แนวคดิ (ชนาภา หันจางสทิ ธ์ิ, 25) ดังนี้

3.1 ควำมหมำยตำมแนวคดิ ทำงวทิ ยำศำสตร์

การเพิ่มผลติ ภาพ (Productivity) ตามแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ หมายถงึ การใชป้ ระโยชนจ์ าก
ทรัพยากรในการผลติ อยา่ งคุ้มค่าก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด ซงึ่ การเพ่มิ ผลิตภาพตามแนวคดิ นี้อาจใช้
วิธกี ารลดต้นทนุ การลดความสญู เสยี การปรับปรงุ กระบวนการผลติ หรือกระบวนการทางาน และการ

มุง่ เน้นการทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตามแนวคิดนี้การผลิตและการบริการเกิดข้นึ จากการนาส่ิงที่
จาเป็นต้องใช้หรือเรยี กว่าปจั จัยการผลิต (Input) มาผ่านกระบวนการใดๆ (Process) เพื่อใหไ้ ดผ้ ลลัพธ์
หรือผลผลิต(Output) ตามท่ีตอ้ งการ

ผลผลติ (Output)
กำรเพิม่ ผลิตภำพ (Productivity) =

ปัจจยั กำรผลิต(Input)

กำรเพิม่ ผลิตภำพ (Productivity) = ผลผลิต (Output)

การเพ่ิมผลิตภาพ(Productivity) ผลติ ผล (Output) คือ สินคา้ หรอื บริการทีเ่ ห็นได้ จบั ตอ้ งได้
เช่น ชิน้ งาน เสอ้ื ผ้า อาหาร สินคา้ อุปโภคบรโิ ภค ตู้ โตะ๊ โรงเรียน โรงพยาบาล ร้านคา้ ธนาคารปัจจยั
การผลติ (Input) คอื ทรพั ยากรตา่ ง ๆ ที่นามาใช้เป็นปัจจยั ในการผลติ สินคา้ หรอื บริกาได้แก่ ข้อมลู
วัตถดุ บิ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครอื่ งจกั ร แรงงาน พลงั งาน เงินทนุ อาคาร ที่ดิน การเพ่ิมผลิตภาพ
(Productivity) มใิ ช่แค่เพียงการเพ่มิ ปรมิ าณการผลิตแต่เป็นการแสวงหาวิธกี ารอย่างชาญจลาดโดย
คานงึ ถึงประสทิ ธิภาพและประสิทธผิ ล การทางานอยา่ งมีประสิทธภิ าพหมายถึง วธิ ีการท่ีสามารถ
ทางานได้ง่ายขน้ึ สะดวกขึน้ เหนื่อยล้าน้อยลง ใชท้ รัพยากรคมุ้ คา่ ทส่ี ดุ ลดความสิ้นเปลอื ง ทางานโดย
ระวังและป้องกับไม่ให้มขี ้อผดิ พลาด มคี วามปลอดภัยมากข้ึนส่วนประสทิ ธิผลหมายถึง การดาเนนิ งาน
ไดบ้ รรลุตามวัตถปุ ระสงค์หรือเป้าหมายท่ีตง้ั ไว้

ตามแนวคิดนี้ ความหมายโดยสรปุ "การเพิม่ ผลติ ภาพเปน็ สิ่งท่ีวัดคา่ ไดแ้ ละมองเห็นเป็น
รปู ธรรม"นัน่ คือ การเพ่ิมผลิตภาพสามารถวัดค่าได้ท้งั ทางกายภาพ เชน่ วดั เป็นจานวนขนึ้ นา้ หนัก
ความยาว และอีกแบบคือ การวัดเปน็ มูลคา่ ซงึ่ วดั ในรปู ทีแ่ ปลงเปน็ ตัวเงนิ สามารถทาให้หนว่ ยงาน
หรือองค์การมองเหน็ เปน็ รปู ธรรมไดช้ ดั เจนวา่ การประกอบธุรกิจน้นั ๆ มีประสิทธิภาพและ
ประสิทธผิ ลหรือไม่

3.2 ควำมหมำยตำมแนวคิดทำงเศรษฐกิจและสงั คม

การเพิ่มผลติ ภาพตามแนวคิดทางเศรษฐกจิ และสังคม หมายถึงการแสวงหาวธิ กี ารในการแกไ้ ขปรับปรงุ
กระบวนการผลิต กระบวนการทางานใหม้ ีประสิทธิภาพมากยิ่งขนึ้ ลดความสูญเสยี ทเ่ี ปล่าประโยชน์ลง
ทง้ั เรอ่ื งของการประหยดั ทรัพยากร พลงั งาน และเงินตรา และตอ้ งรว่ มมอื ปรบั ปรุงเร่งรดั การเพิ่มผลิต
ภาพในทุกระดับ ตลอดจนการแสวงหาแนวทางในการเพม่ิ คุณคา่ ให้กับสินค้าหรือบรกิ ารเพ่อื ใหล้ กู ค้า
พงึ พอใจสูงสุดสถาบันเพ่ิมผลิตภาพแหง่ ยโุ รป (European Productivity Agency: EPA)ในการประชมุ
ทก่ี รงุ โรม(Rome Conference) ใน ค.ศ. 1959 ได้ใหค้ านยิ ามไว้ว่า "เหนอื สิ่งอน่ื ใด Productivity คอื
จติ สานึก(Consciousness of Mind) หรอื เจตคตทิ ี่จะแสวงหาทางปรบั ปรงุ และสรา้ งสรรคส์ งิ่ ตา่ ง ๆ
ให้ดีข้นึ เสมอด้วยความเช่ือมัน่ ว่าเราจะสามารถทาวนั นใี้ ห้ดีกวา่ เมื่อวาน และพร่งุ นต้ี ้องดีกวา่ วันนี้ เป็น

ความพยายามอย่างไมม่ ีทส่ี นิ้ สุด ทจ่ี ะปรับเปลี่ยนงานหรอื กจิ กรรมที่ทาใหท้ ันตอ่ การเปล่ยี นแปลงที่
เกดิ ขึ้นด้วยการใช้เทคนิควิธกี ารใหม่ ๆ Productivity จงึ เป็นความเชอื่ มน่ั ในความกา้ วหน้าของมนษุ ย์
น่ันเอง"การเพมิ่ ผลิตภาพตามแนวคดิ ทางเศรษฐกจิ และสงั คมให้ความสาคัญกบั เร่ืองดังต่อไปนี้

1. ความสานกึ ในจติ ใจ เป็นความสามารถหรือการมีพลังด้านความสามารถทม่ี นุษย์แสวงหาทาง
ปรบั ปรงุ สิง่ ตา่ ง ๆ ให้ดีข้ึนเสมอ โดยเชือ่ ว่าสามารถทาสง่ิ ต่าง ๆ ในวนั นีใ้ ห้ดีกว่าเม่ือวานน้ี
พรุง่ นดี้ ีกว่าวันนี้ โดยผ้มู ีจติ สานกึ ดา้ นการเพมิ่ ผลติ ภาพจะประยุกตใ์ ช้เทคนิคและวิธกี ารใหม่ ๆ
นามาใช้อยา่ งต่อเน่ือง เพือ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์แก่หนว่ ยงาน สังคม และประเทศชาติ และทันตอ่
สภาวะเศรษฐกจิ และสังคมที่มีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา

2. การใชท้ รพั ยากรให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด การเพมิ่ ผลติ ภาพเป็นความสานกึ ในการดาเนิน
กิจกรรมในตลอดวถิ ีชวี ติ ด้วยการใช้ทรัพยากรท่ีมอี ยู่อย่างจากดั ให้เกิดประโยชนพ์ ร้อมทั้ง
พยายามลดการสูญเสยี ทุกประเภท ความมีสานึกดังกลา่ วได้แก่ การชว่ ยกันประหยดั พลังงาน
ต่าง ๆ และคา่ ใช้จา่ ยการเคารพกฎระเบียบตา่ ง ๆ การมนี ิสยั ตรงต่อเวลา การลดข้อผดิ พลาด
ต่าง ๆ ในการทางาน และการใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ เปน็ ตน้

4.ควำมจำเปน็ ในกำรเพม่ิ ผลติ ภำพในองคก์ ำร

ในสภาพสงั คมและเศรษฐกิจของไทยปัจจบุ ันเป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤติทั้งในด้าน
ทรพั ยากรท่ลี ดลงอยา่ งมากจนขาดความสมดลุ จากนโยบายของรฐั บาลทีผ่ ่านมาท่มี ุ่งส่งเสรมิ ให้
ประเทศไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ ทาใหส้ ง่ ผลกระทบต่อชีวติ ความเปน็ อยู่ของคนไทยเปน็
อยา่ งมาก ท้ังปัญหาด้านส่ิงแวดลอ้ มท่ีเกดิ จากผู้ผลติ ที่ขาดจรรยาบรรณ ผลผลติ ด้อยคณุ ภาพไมเ่ ปน็ ท่ี
พอใจของผู้บรโิ ภคซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นเชน่ น้ีตอ่ ไปเรื่อย ๆ กจ็ ะก่อให้เกิดความเสยี หายเป็นอันมากต่อ
เศรษฐกิจของประเทศ และมูลเหตุสาคัญทม่ี ีความจาเปน็ จะตอ้ งนาการเพิม่ ผลิตภาพมาแกป้ ญั หาและ
สรา้ งคุณภาพของผลผลติ มีดงั น้ี

4.1 ทรพั ยำกรมีอยู่อยำ่ งจำกัด การเพิม่ ผลติ ภาพจะเป็นเคร่ืองมือทีท่ าใหม้ ีการใช้ประโยชน์
จากทรัพยากรท่ีมีอยู่อยา่ งจากดั ให้เกิดประโยชน์สงู สุด

4.2 กำรเพิ่มผลิตภำพเป็นเครอ่ื งมือช่วยวำงแผนท้ังในปัจจุบันและอนำคด เช่น การกาหนด
สัดส่วนของการผลติ ทเ่ี หมาะสมกับความตอ้ งการของลูกค้าเพอื่ ไมใ่ ห้มสี ่วนเกนิ ซึ่งถือเป็นความสูญ
เปล่าของทรพั ยากร

4.3 กำรแข่งขนั สงู ขน้ึ หน่วยงาน บริษทั หรือองค์การต่าง ๆ จะอยรู่ อด และสามารถแข่งขัน
กับคู่แข่งทง้ั ในประเทศและตา่ งประเทศได้จะต้องมีการปรับปรงุ และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และการ
เพ่ิมผลติ ภาพเป็นแนวทางในการปรับปรุงคุณภาพ และทาให้เปดิ การลดต้นทนุ สามารถแขง่ ขนั กับค่แู ขง่
ได้จะเหน็ ได้ว่าผลิตภาพเป็นผลลพั ธ์ทเ่ี กิดจากการนาปัจจยั การผลิตต่าง ๆ มาใช้รว่ มกัน เชน่ แรงงาน

ทุน เทคโนโลยีปละการบรหิ ารจดั การ ทุกคนจงึ ตอ้ งตระหนักถึงความจาเปน็ ในการเพิ่มผลิตภาพเพระ
การเพ่ิมผลติ ภาพเปน็ ความรับผดิ ชอบของทกุ คนในองค์การผู้บริหารต้องมีความเข้าใจในเรื่องของการ
เพ่ิมผลติ ภาพและให้การสนับสนุนในการดาเนินกจิ กรรมอย่างเตม็ ความสามารถและเพิ่มทักษะการ
ทางานให้สูงขน้ึ และใช้ทรัพยากรให้เกดิ ประโยชน์สงู สุด ซ่ึงจะสง่ ผลให้ผลติ ภาพโดยรวมขององค์การ
เพิ่มสงู ข้นึ และนาไปสกู่ ารยกระดับมาตรฐานการครองชีพของประชาชนในประเทศซ่งึ ก็คือเปา้ หมาย
สงู สดุ ของการเพ่ิมผลิตภาพ

5. ควำมสำคัญของกำรเพม่ิ ผลิตภำพในองคก์ ำร

การเพิ่มผลิตภาพเป็นสิ่งท่ีทุกคนในองคก์ ารตอ้ งพยายามทาให้การผลิตขององค์การดาเนินไป
ได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะทรัพยากรต่าง ๆ นับวันจะขาดแคลนลงหรอื ลดน้อยลงไปทุกวนั ดังน้นั
องค์การจงึ ต้องพยายามหาวิธีการเพ่ิมผลิตภาพในทุกวิถที างเพ่อื ทจ่ี ะใช้ทรัพยากรท่ีมีอยอู่ ย่างจากดั ให้
เกดิ ประสิทธิภาพสูงสุดในการทจ่ี ะทาให้การผลิตสนิ ค้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า โดพยายาม
ทาใหเ้ กดิ การสูญเสียนอ้ ยที่สดุ หรอื ไม่มกี ารสญู เสียใดๆ เลยในกระบวนการผลติ ซ่งึ กจ็ ะเป็นการ
ประหยดั ทรัพยากรท่ีมีให้ใช้ได้อย่างคุ้มค่าดังนัน้ การเพิ่มผลิตภาพจงึ มคี วามสาคัญดังน้ี

5.1 ระดบั หนว่ ยงำนหรอื องคก์ ำร

1. ลดต้นทุนในการผลิตสนิ ค้าหรือบรกิ ารใหห้ นว่ ยงานไดร้ บั ผลตอบแทนในรปู ของกาไรท่ี
สงู ข้ึน

2. ชว่ ยให้พนักงานได้มีสว่ นรวมในการปรบั ปรุงวิธกี ารทางานของ ตนเองหรอื ของหนว่ ยงาน
ของตน

3. มกี ารนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ เขา้ มาสู้กระบวนการผลติ

4. ชว่ ยให้มกี ารพฒั นาทักษะในการปฏบิ ัตงิ านใหด้ ีข้ึน

5. ลูกคา้ ได้ใชสินค้าทมี ีคุณภาพดีและราคาถูก

6. ทาใหพ้ นกั งานมีความมัน่ คงและมีคุณภาพชวี ิตท่ีดีขนึ้

7. องค์การสามารถแข่งขนั กบั ค่แู ข่งในดา้ นคุณภาพและบริการได้

5.2 ระดับประเทศ

1. เพิ่มผลิตภณั ฑม์ วลรวมของประเทศ (Gross National Product: GNT) ซ่ึงเปน็ ดชั นีท่ีชถี้ งึ
ฐานะทางเศรษฐกจิ ที่ดีข้นึ ของประเทสนั้น ๆ

2. ลดอตั ราเงนิ เฟ้อของประเทศ

3. เพ่ิมขีดความสามารถในด้านการแข่งขนั ในตลาดโลกดังน้ันการเพ่ิมผลิตภาพจงึ มึ
ความสาคญั ต่อองค์การทั้งในระดบั องค์กรและระดบั ประเทศ โดยช่วยลดต้นทนุ การผลติ ทาให้
สนิ ค้าท่ผี ลติ ได้ใชท้ รัพยากรอย่างคุม้ ค่า ลดการสูญเสยี ต่าง ๆ ในกระบวนการผลิตอกี ทั้งช่วยให้
พนกั งานมีทศั นคติท่ีดีในการทางาน เปน็ การเพม่ิ ขวัญและกาลงั ใจในการทางาน เพราะพนักงานได้
มสี ว่ นร่วมในการทางาน มีการเรยี นรู้ในการใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ ๆ เปน็ การเพ่ิมทักษะในการทางาน
และความชานาญในหน้าทีข่ องตนเองซ่ึงจะสง่ ผลดีต่อองค์การ

6.องค์ประกอบของกำรเพิม่ ผลติ ภำพในองค์กำร

องคป์ ระกอบในการเพิ่มผลติ ภาพในองค์การเปน็ สง่ิ ทม่ี ีความสาคญั เปน็ อย่างมาก ซ่งึ
ผูป้ ระกอบการต้องคานงึ ถึง เพราะส่งผลถงึ ภาพลกั ษณ์ขององค์การและเป็นการทากาไรท่ีย่ังยนื ปจั จุบนั
องค์การสว่ นใหญค่ านงึ ถึงแต่ผลกาไรเพียงอย่างเดียวมุ่งแตจ่ ะลดตน้ ทุนทาใหม้ ีการละเลยหรือไม่
ปฏิบัตติ หรือไม่ปฏิบัติตามจรรยาบรรณต่าง ๆ ทาใหเ้ กิดผลเสยี ตอ่ พนักงานในองค์การและผูบ้ ริโภค
ดงั นนั้ เพ่ือใหม้ ีการดาเนนิ การท่เี ปน็ ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติโดยสว่ นรวม จึงควรปฏิบตั ิตาม
องคป์ ระกอขท้งั 7 ประการ คือ Q, C, D, S, M, E และ E ซง่ึ เป็นอกั ษรย่อทไ่ี ด้มาจาก Quality, Cost,
Delivery, Safety,morale,environmentและ ethics ซ่ึงมรี ายละเอยี ดดงั นี้

6.1 คณุ ภำพ (Quality)

คุณภาพ (Qua lity: Q) คือ สงิ่ ทีส่ ามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสรา้ งความพึง
พอใจใหก้ ับลกู คา้ ได้ เพราะความพึงพอใจเปน็ เหตุผลสาคัญทช่ี ่วยใหก้ ารตัดสนิ ใจเลือกซ้ือสนิ ค้าหรือ
บริการรา่ ยขน้ึ ผู้ประกอบการจึงจาเปน็ ตอ้ งให้ความสาคัญกบั คุณภาพของสนิ คา้ หรือบริการ เช่น การ
สร้างความพงี พอไห้กบั ลูกคา้ การลดตน้ ทุน การยกระดับความต้องการของลูกค้าการส่งมอบได้ตาม
เวลาคณุ ภาพของสนิ ค้าและบรกิ ารสามารถแบง่ ออกได้เปน็ 5 ประเภท ดงั นี้

1. คุณภาพด้านเทคนิค ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพและความสามารถในการใช้งานทส่ี มั พันธ์
กบั คณุ ภาพของสินค้าและบริการ เช่น ความแข็งแรงทนทานของผลิตภัณฑ์ ระบบป้องกัน
ความปลอดภยั การใชง้ านตาม Function ของผลิตภัณฑน์ ้นั ๆ

2. คณุ ภาพด้านจิตวิทยาได้แก่ คุณลักษณะท่ีมผี ลตอ่ จิตใจของผ้บู ริโภคในการตัดสนิ ใจซือ้
สินค้าหรอื ใชบ้ ริการ เชน่ ความสวยงามของการออกแบบผลิตภณั ฑ์ รปู ร่าง ขนาด สสี นั
และภาพลกั ษณ์ของผลิตภณั ฑ์

3. คณุ ภาพด้านความผกู พนั ต่อเน่อื งหลังการขาย เชน่ การให้บริการหลังการขาย การ
รบั ประกนั สนิ คา้ การซ่อมแชมและบารุงรักษา การตรวจเชก็ สภาพผลติ ภณั ฑ์

4. คณุ ภาพด้านเวลา เชน่ อายกุ ารใชง้ านของผลติ ภณั ฑ์ ความยากงา่ ยในการบารุงรักษา
ความรวดเรว็ ในการใหบ้ รกิ าร การขนสง่ สนิ ค้า

5. คณุ ภาพด้านจริยธรรม เชน่ ความถูกต้องตรงตามมาตรฐานการผลิต ความจรงิ ใจในการ
ใหบ้ ริการ

6.2 ต้นทนุ (Cost)

ตน้ ทุน (Cost: C) หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายทใ่ี ชไ้ ปเพอ่ื ดาเนนิ การผลติ สนิ คา้ หรือบริการเรม่ิ ตง้ั แต่
การออกแบบการผลติ การตรวจสอบ การจัดเกบ็ การขนส่ง และการส่งมอบลูกค้า เรียกว่า เป็นต้นทนุ
การดาเนินงานซ่ึงประกอบดว้ ย

1.ตน้ ทนุ วตั ถดุ บิ (Material Cost) เป็นค่าวัตถุดิบทีซ่ ื้อมาจากหนว่ ยงานภายนอก เพือ่ นาไป
ผลติ สนิ คา้ หรอื บรกิ าร ตลอดจนคา่ วัสดตุ ่าง ๆ ทจี่ าเป็นต้องใชใ้ นการปฏิบัตงิ าน เช่น ค่าอุปกรณ์
สานกั งานคา่ ถ่ายเอกสาร และคา่ โทรศัพท์ต่าง ๆ

2. ตน้ ทุนดำ้ นแรงงำน (Labor Cost) เปน็ คา่ จ้างพนักงานเพอ่ื ทาหน้าท่ีต่าง ๆ ใน
กระบวนการทางานขององค์การ

3.ตน้ ทนุ กำรทำงำนของเครือ่ งจักร (Machine Operating Cost) เป็นค่าใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ ท่ี
เกี่ยวขอ้ งกบั เครื่องจักรทใี่ ช้ในการผลิตสินค้า โดยไมค่ านึงวา่ เครอ่ื งจักรนนั้ กาลงั ทางานอยู่หรอื ไม่ เช่น
ค่าเชือ้ เพลิง หรือพลงั งานทีใ่ ช้ในการขบั เคลอ่ื นเครอื่ งจักร ค่าซ่อมบารุงรกั ษา ค่าชน้ิ สว่ นและอะไหล่
ต่าง ๆของเครื่องจกั ร

6.3 กำรส่งมอบ (Delivry)

การสง่ มอบ (Delivery: D) หมายถงึ การสง่ มอบสนิ ค้าหรอื บรกิ ารใหก้ ับลูกคา้ ได้
อยา่ งตรงเวลามีจานวนครบถ้วน และมคี ุณสมบัตติ รงตามท่ีลูกคา้ กาหนด เป็นการช่วยให้องค์การ
ไดเ้ ปรียบในการแข่งขนั ทง้ั นี้ต้องข้นึ อย่กู ับระบบการส่งมอบทดี่ ภี ายในหนว่ ยงานขององค์การดว้ ย
อุปสรรคของการสง่ มอบคือความสูญเสยี ต่าง ๆ มผี ลกระทบต่อการส่งมอบสินค้า เชน่

1. วัตถุดิบขาด ไมเ่ พียงพอต่อความตอ้ งการของฝ่ายผลิต

2. เสยี เวลารอคอยขอ้ มูล เพ่อื ใช้ในการออกแบบ

3. กาลงั การผลติ ไม่เพียงพอต่อการผลติ

4. เคร่ืองจักรเสีย

5. ผลิตช้นิ งานแตล่ ะชิน้ เสียเวลานานเกนิ ไป

6. พนักงานมีวิธกี ารทางานไม่เหมาะสม

6.4 กำรส่งมอบ (Delivry)

ความปลอดภยั (Safety: S) หมายถงึ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทางานให้มี
ความปลอดภัยไม่เป็นอนั ตรายกบั พนักงานหรอื หมายถงึ การป้องกนั การสูญเสียจากอุบัตเิ หตุ คอื การ
บาดเจบ็ เจ็บป่วยทรพั ยส์ ินเสียหายและความสญู เสยี เนื่องจากกระบวนการผลิตถ้าหากองค์การหรือ
หนว่ ยงานมสี ภาพการทางานที่ปลอดภยั และพนักงานทุกคนทางานด้วยความปลอดภัยจะเกิดประโยชน์
ดังน้ี

1. ผลผลติ เพิม่ ขน้ึ เม่ือองคก์ ารมสี ภาพแวดล้อมที่ดี มีอุปกรณ์ปอ้ งกันอนั ตราย พนกั งานก็
ทางานไหเ้ ต็มที่ สง่ ผลใหผ้ ลผลติ เพิม่ ขึ้น

2. ตนั ทนุ การผลติ ลดลง คือ ตันทนุ การผลติ เน่ืองจากความสญู เสยี ตา่ ง ๆ ทท่ี าให้เกดิ อุบตั เิ หตุ
เช่นคา่ รักษาพยาบาล เงนิ ทดแทน และค่าบาตเจ็บลดลง ต้นทุนการผลิตจงึ ลดลง

3. ทาให้องคก์ ารเกิดผลกาไรมากขน้ึ ถา้ มกี ารทางานอยา่ งปลอดภยั ทาใหผ้ ลผลิตสูงขน้ึ ต้นทนุ
ตา่ ลง สามารถแข่งขนั กบั คูแ่ ข่งได้ ส่งผลให้องค์การมีกาไรมากขน้ึ

4. สงวนทรพั ยากรมนุษยใ์ หแ้ กป่ ระเทศชาติ อบุ ตั ิเหตทุ ีเ่ กิดขึ้นแต่ละครัง้ จะทาให้พนักงาน
บาดเจ็บพกิ าร ทพุ พลภาพ หรือเสยี ชีวิตลงได้ ซึ่งเป็นการสญู เสียทรพั ยากรมนุษย์ที่สาคัญไป

5. เปน็ ปจั จัยในการจงู ใจในการทางาน การจัดสภาพการทางานให้ปลอดภัยจะทาใหเ้ ปน็
แรงจงู ใจให้พนักงานเกิดความต้องการและรสู้ กึ สนใจในงานมากข้นึ

6.5 ขวญั และกำลงั ใจในกำรทำงำน (Morale)

ขวญั และกาลังใจในการทางาน(Morale: M)องค์การที่ปฏิบัตงิ านอยู่ขวัญและกาลังใจสมารถทาใหห้ นกั
งานมคี วามกระตือรือรันในการทางาน อนั จะนาไปสจู่ ุดม่งุ หมายทอ่ี งค์การกาหนดไว้ ดง้ั น้ันผบู้ รหิ าร
องค์การจงึ ต้องใหค้ วามสาคญั กบั ปัจจัยทสี่ ง่ ผลต่อขวัญและกาลงั ใจของพนกั งานดงั น้ี

1. คณุ สมบตั แิ ละลักษณะของผบู้ งั คับบัญชาเปน็ ความสัมพันธ์ระหว่างผบู้ งั คบั บญั ชาและ
ผใู้ ตบ้ งั คบั บัญชา

2. ความพึงพอใจในการปฏิบัตงิ าน ความรสู้ ึกโดยรวมในการปฏิบตั งิ าน รายไดพ้ ่ีไดร้ บั เพื่อน
ร่วมงาน

3. รางวัลผลตอบแทน ผลประโยชน์จากกาไร

4. แผนและนโยบายขององค์การ

5. สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานและบรรยากาศในการทางาน

6. สุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ปฏิบตั งิ าน

ดงั นนั้ การจดั ระดบั ขวญั และกาลังใจ สามารถจัดได้เปน็ รายบุคคลวา่ มีระดับขวัญและกาลังใจ
มากน้อยเพยี งใด โดยใช้แบบทดสอบแบบอตั นัย และแบบปรนัย การตรวจสอบขวัญและกาลงั ใจ
สามารถใช้การสังเกตการณ์ สมั ภาษณ์ เกบ็ ประวัติและออกแบบสอบถาม เปน็ ตน้

7. จรรยาบรรณต่อหนว่ ยงานราชการ (Government) ปฏิบตั ติ ามกฎหมายใหค้ วามร่วมมือ
และสนับสนนุ มที ศั นคตท่ีดีตอ่ หน่วยงานราชการ

8. จรรยาบรรณต่อสังคม (Society) ไม่โฆษณาเพื่อหลอกลวงขายสนิ คา้ และบริการในราคาท่ี
ไม่เหมาะสมไมข่ นสง่ เกินนา้ หนกั

9. จรรยาบรรณตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม (Environment) ไมป่ ล่อยของเสียต่างๆ สสู่ ่ิงแวดล้อมที่ทาให้
เกดิ มลภาวะและทาลายสิ่งแวดลอ้ ม เชน่ การปลอ่ ยนา้ เสียลงในแมน่ า้ ลาคลอง การปลอ่ ยก๊าซพิษจาก
กระบวนการผลติ การท้ิงขยะมลู ฝอย

โดยองคป์ ระกอบของการเพม่ิ ผลิตภาพท้ัง 7 ประการ สามารถแยกออกได้ดังน้ี

Q. C. D เปน็ การเพม่ิ ผลผลติ เพื่อลกู ค้า

S. M เป็นการเพิ่มผลผลติ เพ่ือพนกั งาน

E,E. เป็นการเพมิ่ ผลผลิตเพ่อื สังคม

สรุป

ในการเพิ่มผลิตภาพนัน้ จะตอ้ งลดตน้ ทนุ ในการผลติ ให้ต่าลง ซงึ่ ตอ้ งทาควบคู่ไปกบั การบริหาร
คณุ ภาพดว้ ย โดยการพยายามลดความสญู เสยี และคา่ ใช้จา่ ยตา่ ง ๆ ท่ไี มจ่ าเปน็ ออกไป
ขณะเดยี วกนั ก็ต้องประหยัดพลงั าน แรงาน และทรัพยากรตา่ ง ๆ ท่ีมีอยู่อยา่ งจากัด ดังนั้นการเพ่ิม
ผลิตภาพขององคก์ ารจึงต้องคานงึ ถงึ องค์ประกอบ 7 ประการ ดงั น้ี

1 ) คุณภาพ (Quality)

2) ต้นทนุ

3) การสง่ มอบ (Delivery)

4) ความปลอดภยั (Safety)

5) ขวญั และกาลังใจในการทางาน (Morale)

6) ส่ิงแวดล้อม (Environmient)

7) จรรยาบรรณในการดาเนินธุรกจิ (Ethics)

7.แนวทำงกำรเพม่ิ ผลิตภำพในองค์กำร

การลดตนั ทุนเปน็ ท้ังศาสตร์และศิลป์สาหรบั การดาเนนิ กจิ การในเวดวงอตุ สาหกรรม เพราะ
ตน้ ทุนทผ่ี ปู้ ระกอบการสามารถลดลงได้ ย่อมหมายถึงกาไรที่เพิม่ ขึน้ ทวา่ สงิ่ ท่ียากยิ่งกว่าการลดตน้ ทนุ
เพื่อให้ได้กาไรทม่ี ากขน้ึ ก็คอื การลดต้นทนุ ที่สามารถเพ่มิ ผลผลติ ให้สูงขึน้ ได้น่ันเอง การนา้ แนวทางการ
เพ่มิ ผลติ ภาพมาใชเ้ ป็นเคร่ืองมือสาหรบั วเิ คราะห์เพ่ือหาแนวทางในการเพิ่มประสทิ ธภิ าพของผลผลิต
และเปน็ สว่ นหนงึ่ ท่ีทาให้กระบวนการผลติ สามารถลดต้นทุนลงได้ไม่มากกน็ ้อย อย่างไรก็ตาม การนา
แนวทวงการเพ่ิมผลิตภาพไปประยุกต์ใช้ จาเปน็ ต้องมีความร้แู ละความเข้าใจในกระบวนการผลิตเปน็
อยา่ งดี แมว้ ่ท่ายทีส่ ุดแล้วการเพม่ิ ผลติ ภาพน้ันถอื เป็นหนา้ ท่ีความรบั ผดิ ชอบท่ีทุกคนต้องมีส่วนรว่ มก็
ตาม เพราะไมว่ ่าจะเป็นการลดตน้ ทุนหรอื การเพิ่มผลิตภาพ กล็ ว้ นแตเ่ ป็นกญุ แจนาสู่ความสาเรจ็ ทั้งสน้ิ
ซึง่ แนวทางการเพ่ิมผลิตภาพในองค์การทใ่ี ช้อยู่สามารถแบ่งออกเป็น 5 แนวทาง ดังน้ี

7.1 กำรใช้ปจั จัยกำรผลิต (Input)เทำ่ เดมิ ในขณะเดยี วกันทำใหผ้ ลผลิต(Output)เพ่ิมข้ึน

แนวทางนีน้ าไปใช้ในการเพม่ิ ผลติ ภาพในสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาพปกติ คือ เม่ือพนักงานมี
เท่า เดิมต้องการให้ผลิตผลมากขนึ้ ก็หาวิธกี ารปรับปรุงงานด้วยการนาเทคนิควิธกี ารปรับปรงุ การเพิ่ม
ผลติ ภาพเข้ามาช่วย เชน่ ปรับปรงุ วธิ ีการทางาน ฝกึ อบรมทักษะในเรอ่ื งการทางานให้มีทักษะคุณภาพ
กิจกรรม5 ส กิจกรรม OCC เป็นต้น จะเปน็ การเพิม่ ผลิตภาพให้มีค่าสูงขน้ึ โดยไมเ่ พ่ิมปัจจัยการผลติ

7.2 กำรใชป้ ัจจัยกำรผลิต (Input) ลดลงในขณะเดียวกันทำใหผ้ ลผลิต (Output) เพิม่ ขึ้น

แนวทางนี้สามารถนามาใช้เพื่อช่วยให้การเพ่ิมผลติ ภาพมีค่าสูงสดุ มากกว่าวธิ อี นื่ ๆ เป็น
แนวทางที่นาเอาแนวทางที่ 1 และแนวทางท่ี 4 เข้าดว้ ยกัน ผูป้ ฏิบตั ติ ้องใช้ความพยายามอย่างมากใน
การปรับปรุงกระบวนการผลิตวธิ ีการทางานทั้งหมด จนไม่มีการสญู เสยี ในกระบวนการผลิต แนวทางนี้
จะเปน็ วธิ กี ารเพ่ิมผลิตภาพหรือเพ่ิมประสิทธิภาพด้วยต้นทนุ ตา่ " ใชท้ รพั ยากรท่ีมอี ยู่ในองค์การอยา่ ง
ค้มุ คา่ หรือมปี ระสทิ ธิภาวะสงู สุด โดยเฉพาะการเพ่ิมผลิตภาพจากพนกั งานให้สูงขึน้ และให้ลดความ
สญู เสยี ทเี่ กดิ จากตรัวไหล" ตา่ ง ๆ ให้มากทีส่ ดุ ประหยดั ไดต้ ้องประหยดั ลดกันทุกจดุ ทท่ี าได้ ก็เท่ากบั ล
ตต้นทนุ

7.3 กำรใช้ปจั จัยกำรผลติ (Input) เพ่ิมขน้ึ ในขณะเดียวกนั ทำใหผ้ ลผลติ (Output)
เพม่ิ ขนึ้ ด้วย

แตก่ ารเพ่ิมขึ้นของปจั จัยการผลติ (Input) จะต้องเพิ่มในอัตราท่ีตา่ กวา่ การเพ่ิมขึ้นของผลิตผล
(Output)มาทางนีน้ าไปใช้ในสภาวะเศรษฐกจิ กาลงั เตบิ โตตอ้ งการขยายกิจการและขยายธรุ กิจให้ใหญ่
ข้ึน มีทุนพอทจ่ี ะจัดซื้อเครื่องจักรมาเพ่ิมข้นึ จา้ งแรงงานเพิ่ม ใชเ้ ทคโนโลยเี ข้าชว่ ยในการผลิต ลงทุนใน
ดา้ นปัจจัยการผลติ เพิ่มขนึ้ เมื่อเปรียบเทียบกับผลผลติ ทีเ่ พ่ิมขึ้นแล้วอตั ราส่วนของผลผลิตที่เพิม่ จะ
มากกวา่ การเพ่ิมของปจั จัยการผลิต

7.4 กำรใช้ปัจจัยกำรผลติ (Input) ลดลงในขณะเดียวกันทำใหผ้ ลผลติ (Output) เท่ำเดมิ

แนวทางนไี้ ม่เพ่ิมยอดการผลติ นน่ั คือการใช้ปัจจยั การผลิตที่มีอยู่ใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ
เหมาะทจี่ ะใชก้ บั ชว่ งท่ภี าวะเศรษฐกจิ ถดถอย ความต้องการของตลาดมไี มม่ ากนกั เช่น การประหยดั
น้า ประหยดั ไฟขจัดเวลาทส่ี ญู เสียต่าง ๆ การประหยัดทรัพยากรทมี่ ีอยู่ใหใ้ ช้อยา่ งจากัดและลดความ
ฟมุ้ เฟอื ยตา่ ง ๆ หาจุดไหลในการผลติ และลดจดุ รั่วนัน้ ๆ

7.5 กำรใช้ปัจจัยกำรผลติ (Input) ลดลงในขณะท่ที ำใหผ้ ลผลิต (Output) ลดลงด้วย

แตก่ ารลดลาของปจั จยั การผลิต (Iกput) จะต้องลดลงในอัตราทสี่ งู กวา่ การลดลงของผลติ ผล
(Output) แนวทางนี้ใช้ในภาวะที่ความต้องการของสินคา้ หรอื บริการในตลาดนอ้ ยลง เช่น สภาวะท่ี
เศรษฐกจิ ถดถอย คนไม่มีกาลังซื้อสินคา้ พุม่ เฟือยไม่มคี วามจาเปน็ ต่อการดารงชีวิต เชน่ รถยนต์
น้าหอม เสอื้ ผ้า เคร่อื งประดบั สนิ คาเหลา่ ขายไม่ได้มาก บริษัททผ่ี ลติ ต้องลดปริมาณการผลติ ลง และ
พยายามลดปจั จัยการผลติ ให้มากกว่าด้วยเพ่อื ใหก้ ารเพิ่มผลิตภาพมีคา่ สงู ขึ้น

แนวทางการเพิ่มผลติ ภาพในองค์การท้ัง 5 แนวทางทก่ี ลา่ วมาจะไม่สามารถบอกไต้อยา่ งแนช่ ัดวา่
แนวทางใดจะเหมาะสมกบั สภาวะเศรษฐกิจอยา่ งไรได้ทง้ั หมด เพราะต้องพจิ ารณาท้งั ผลติ ผลและ
ปัจจยั การผลิตรว่ มกนั เพื่อหาแนวทางทีเ่ หมาะสมกับองคก์ ารหรอื หนว่ ยงานนน้ั ๆ แตโ่ ดยหลกั การ
พนื้ ฐานแลว้ สามารถพิจารณาได้ดังน้ี

1. หากดว้ ยงเพ่ิมผลิตผลหรอื Output สูงน้นั เหมาะกบั สภาวะเศรษฐกิจท่ีตลาดขยายตัว
ผ้บู รโิ ภคกาลังซอ้ื สงู สนิ คก้ าลงั เปน็ ทต่ี ้องการของตลาด

2. หากลดผลติ ผลลงหรอื Output ลดลง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซา ตลาดหด
ตวั สนิ คา้ ไมเ่ ป็นทีต่ อ้ งการของตลาดขณะนั้น

3. หากเพิ่มปจั จยั การผลติ น่ันหมายถึง ต้องการลงทุนเพ่ิมในชว่ งเศรษฐกิจเติบโต ต้องมั่นใจ
วา่ สินคา้ ที่ผลิตออกมาแล้วเป็นที่ตอ้ งการของตลาด

4. หากลดปัจจยั การผลติ ก็จะหมายถึง ลดปจั จัยการผลติ ไดใ้ นทุกสภาวะเศรษฐกจิ เพราะเป็น
การแสดงใหเ้ ห็นถงึ การใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ใหค้ มุ้ ค่า

สรุป

จากแนวทางการเพ่ิมผลติ ภาพดงั กลา่ วข้างตน้ หลายองค์การต่างกพ็ ยายามหาวิธกี าร
เพมิ่ ผลิตภาพใหส้ งู ข้ึน โดยเลือกใช้แนวทางใดแนวทางหนงึ่ ที่สอดคล้องกับปัจจยั การผลิตของ
องค์การและเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกจิ โดยให้ความสาคัญกบั การใช้ทรัพยากรทมี่ ีอยู่อย่าง
จากดั ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสงู สุดในการที่จะทาให้การผลติ สินคา้ เพียงพอกับความตอ้ งการของ
ลกู ค้า และทาใหเ้ กดิ การสญู เสียน้อยท่ีสุด โดยมแี นวทางการเพ่มิ ผลิตภาพ 5 แนวทาง คือ

1) ปัจจัยการผลิตเท่าเติมผลผลิตเพม่ิ ขนึ้

2) ปัจจยั การผลติ ลดลงผลผลิตเพม่ิ ขน้ึ

3) ปจั จัยการผลติ เพ่ิมขึน้ แตเ่ พิ่มน้อยกว่าการเพิม่ ของผลผลติ

4) ปจั จยั การผลิตลดลงผลิตผลเท่าเดิม

5) ปัจจัยการผลติ ลดลงแต่ลดลงมากกว่าการลดลงของผลผลิต

8.ควำมสูญเสยี ในกำรเพ่ิมผลติ ภำพในองค์กำร

ในปจั จบุ นั องคก์ ารท่ีจะอยู่รอดไดห้ รือแข่งขันได้ ตอ้ งแสวงหาวิธกี ารในการปรับปรงุ การผลติ การ
บรกิ าร เพื่อเพ่ิมคณุ ภาพ ลดต้นทุน สง่ มอบทันเวลา และมคี วามสามารถในการทากาไรและดาเนิน
กจิ การต่อไปใด้อย่างย่ังยนื การเพ่ิมผลติ ภาพและการลดตน้ ทนุ เป็นแนวทางการพยายามลดความ
สูญเสียทกุ รปู แบบในกระบวนการทางานทุกสายงาน ดังนน้ั ทุกคนในองค์การจงึ จาเปน็ ตอ้ งมคี วามรู้ มี
จติ สานึกการสังเกด คน้ หาสาเหตขุ องความสูญเสยี และหาแนวทางแก้ไข ปอ้ งกนั ซึง่ เปน็ หนทางท่ีใช้ใน
การปรบั ปรงุ ผลิตภาพ เพื่อความอยรู่ อดขององค์การในระยะยาวตอ่ ไป ซงึ่ ลกั ษณะความสูญเสยี
(Waste) สามารถแบ่งได้เป็น 7 ประการ ดังน้ี

8.1ควำมสูญเสยี จำกกำรผลิตมำกเกนิ ไป(Over Production)

การผลติ ทมี่ ากเกินไปจึงต้องมีการเพ่ิมตันทุน วัตถดุ ิบและคลังเก็บ จนเกดิ ปัญหาเงนิ ทุนจม

เสยี เวลาในการผลิต เพราะฉะน้นั การผลติ ตอ้ งพอดแี ละเหมาะสมกบั ความต้องการของตลาด

8.2ควำมสูญเสยี ทเ่ี กดิ จำกกำรรอคอย (Waste of Walting)

ความสูญเสียท่ีเกดิ จากการรอคอย (Waste of Walting) อันเกดิ จากการขาดความสมดุลอนั
เนือ่ งมาจากการวางแผนการไหลของวัตถดุ ิบในกระบวนการผลิตทไ่ี มล่ งตัวหรือไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเปน็
จากความไมส่ มดลุ ความเร็วในการผลติ ความลา่ ข้าในการผลติ ระยะทางระหวา่ งกระบวนการผลิตท่ี
หา่ งไกลกนั การเติมวตั ถดุ บิ ในคลงั สนิ ค้า ความไมส่ ัมพันธ์ของเครอ่ื งจักรอตั โนมัติกับพนกั งานทท่ี างาน
แบบ Manual หรือแมก้ ระทัง่ จากความสามารถของพนักงานเก่ากบั พนกั งานใหม่ในการส่งมอบงานต่อ
กนั เปน็ ตน้

8.3ควำมสูญเสียทีเ่ กิดจำกของเสยี มำกเกนิ ไป(Waste of Defect)

ความสญู เสยี ที่เกิดจากของเสียมากเกินไป (Waste of Defect) มักเกิดจากการผลิตที่
ผิดพลาด การผลติ เป็นจานวนมาก (Mass Production) การซอ่ มหรือการปรับแตง่ เครื่องจกั รที่ยังไม่
ลงตัวหรอื เกดิ จากการตรวจนับของเสยี ที่ผิดพลาด รวมถึงจากการนางานเกา่ มาแกไ้ ขใหม่อีกด้วย

8.4ควำมสูญเสียทเี่ กดิ จำกกำรขนสง่ (Waste of Transportation)

ซึ่งมีอยหู่ ลายจะมาจาการเดนิ ทางหรือการเคล่ือนยา้ ยวตั ถุดิบท้งั ก่อน ระหวา่ ง หรือหลัง
กระบวนการผลิต การจัดเกบ็ คลงั สนิ ค้า/สินคา้ คงคลังการขนย้ายไปไว้ชว่ั คราว ณ แห่งใดแห่งหนงึ่ หรอื
การขนสง่ วตั ถุดบิ /สินค้ากง่ึ สาเร็จระหว่างโรงงาน เปน็ ต้น

8.5ควำมสญู เสยี ทเ่ี กดิ จำกกำรคลงั สนิ ค้ำและสินค้ำคงคลงั (Waste of Warehouse
andInventory)

ความสูญเสยี ทเ่ี กิดจากการคลังสนิ คา้ และสนิ ค้าคงคลัง (Waste of Warehouse
andInventory) คลังสินค้าและสินคา้ คงคลงั มักเปน็ การทางานคู่กันโดยจะตอ้ งประสานกันในเรื่องของ
วัตถุดิบในการผลติ วัตถุดิบระหวา่ งการผลิต สินค้าก่ึงสาเร็จรูป หรือสนิ ค้าสาเรจ็ รูป โดยจะตอ้ งไม่ใหม้ ี
การเกบ็ ไว้มากเกินความจาเป็น หรอื การใชใ้ นกระบวนการการผลติ รวมถงึ การกาหนดพื้นที่ในการเกบ็
รกั ษาและอุปกรณใ์ ชใ้ นการวางเรียงจดั เกบ็ ภายในคลังสินคา้ หากละเลยการใช้วัตถุดิบและสินค้าถึง
สาเรจ็ รปู หรือสาเร็จรูปไว้ในสตอ๊ กนานจนเกิดความเสียหายจะจัดเป็นของเสยี

8.6 ควำมสญู เสียทเ่ี กดิ จำกกำรเคลอ่ื นไหวมำกเกนิ ไป (Waste of Motion)

มกั จะพบได้ภายในโรงงานทว่ั ไปโดยเกิดจากการออกแบบสภาพการทางานท่ีไมเ่ หมาะสม และ
ขาดมาตรฐานในการทางานส่งผลให้คณุ ภาพของงานท่ีออกมาไม่มคี วามสม่าเสมอ หรือต้องใช้เวลาใน
การทางานมากข้นึ

8.7 ควำมสูญเสียท่ีเกิดจำกกระบวนกำรกำรผลติ และกระบวนกำรทำงำนมำกเกินไป (Wasteof
Processing)

มกั จะมกี ารออกแบบกระบวนการผลิต/การทางานทมี่ ีขั้นตอนมากเกนิ ความจาเปน็ จนนาไปสู่
ความชา้ ชอ้ นในการทางาน ความไม่สะดวกสาหรบั พนักงานในการทางาน รวมถงึ มีการตรวจสอบทกุ ๆ
จุดกระบวนการทางาน ดงั นัน้ การตรวจสอบกระบวนการผลิต การทางานท่ีไม่ก่อใหเ้ กิดผลผลติ ท่ี
เพ่มิ ข้ึนจึงเปน็ ส่ิงทค่ี วรนามาทบทวนตลอดเวลา

สรุป

ในกระบวนการผลิตมักจะพบว่ามีความสูญเสียตา่ ง ๆ แฝงอยไู่ ม่มากกน็ ้อยเป็นภาพและ
ประสิทธผิ ลของกระบวนการผลติ ต่ากวา่ ท่คี วรจะเปน็ เช่น มีการผลติ ใช้เวลารอคอยนาน มีของ
เสยี มากเกินไป มีความสูญเสยี จากการขนสง่ มีมากเกนิ ความจาเป็น ใช้เวลาในเคลื่อนไหวหรือ
เวลาทางานมากเกนิ ไป กระบวนการผลิตยุ่งยากทาใหต้ ้นทุนสูง ซง่ึ ทกุ องค์การต่างก็พยายาม
หาทางลดความสญู เสยี ต่าง ๆ เหล่าน้ีทเี่ กิดขนึ้ การเพ่ิมผลติ ภาพทสี่ ามารถลดตน้ ทนุ และสง่ มอบได้
ทนั เวลา จะสามารถทาใหอ้ งค์การลดความสูญเสยี ทุกรูปแบบในกระบวนการทางานทุกสายงาน

9.เทคนิคกำรเพ่มิ ผลติ ภำพในองค์กำร

การเพิ่มผลติ ภาพในองค์การน้ันสามารถที่จะทาการเพ่ิมผลิตภาพไดห้ ลายรปู แบบ เชน่ การลด
เวลาในการผลติ (Cycle Time) การลดตน้ ทนุ ของวตั ถุดบิ (Material Cost) การลดจานวนของเสีย
(Defect Reduction) และอื่นๆซ่ึงในหนว่ ยนจ้ี ะขอยกตัวอยา่ งเทคนิคในการเพิ่มผลิตภาพในองค์การ
พอสงั เขป ดังน้ี

9.1เทคนิคกำรเพิ่มผลติ ภำพด้ำนงำน

โดยพิจารณาจากการทางานที่ใช้วิธีการตา่ ง ๆ มาทาการวิเคราะหก์ ารทางาน เช่น การศึกษา
การทางาน การวิเคราะหผ์ ลงาน การออกแบบระบบงาน การประเมินงานและผลงาน การวางแผนการ
ผลติ และหลกั การยศาสตร์ (Ergonomics)

9.2เทคนคิ กำรเพม่ิ ผลิตภำพด้ำนเทคโนโลยี

เป็นการนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทางาน เชน่ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยในการ
ออกแบบ (Computer-Aided Design: CAD) ชว่ ยการผลิต (Computer-Aided Manufacturing:
CAM) ชว่ ยในการออกแบบวางแผนและควบคุมกระบวนการผลติ ใชโ้ ปรแกรม Simulation Program
มาวเิ คราะห์การทางานของผลติ ภณั ฑ์ และหุ่นยนต์เข้ามาช่วยในการผลติ เปน็ ต้น

9.3 เทคนคิ กำรเพิม่ ผลติ ภำพด้ำนรูปแบบกำรมีส่วนร่วมของพนักงำน

ซึ่งเก่ียวกบั การใชก้ ิจกรรมกลุ่ม เช่น กล่มุ ควบคมุ คณุ ภาพ (QCC) เขา้ มาช่วยลดจานวนของ
เสีย กจิ กรรม 5 ส ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และระบบเสนอแนะ

9.4 เทคนคิ กำรเพมิ่ ผลติ ภำพด้ำนคณุ คำ่ และรปู แบบของผลิตภัณฑ์

เปน็ การใชเ้ รือ่ งวิศวกรรมคุณค่า(Value Engineering) การใช้ทรัพยากรใหค้ มุ้ ค่าทส่ี ุด

การใช้ผลิตภัณฑม์ าตรฐานในการผลติ ระบบการลอกเลียนแบบความน่าเช่ือของผลิตภณั ฑ์ และการ
วจิ ัยและพฒั นา เปน็ ต้น

9.5 เทคนิคกำรเพมิ่ ผลติ ภำพด้ำนวัสดุ

เปน็ การจัดการระบบของวสั ดุระบบวางแผนความองค์การการบริหารวสั ดุ การควบคมุ วสั ดุ
(Material RequirementPlanning: MRP) การควบคุมสนิ ค้าคณุ ภาพและระบบทนั เวลาพอ(Just in
Time: JIT) เปน็ ตน้

9.6 เทคนคิ กำรเพม่ิ ผลิตภำพด้ำนพนักงำน

ซึง่ เป็นเรอ่ื งเกย่ี วกับการให้เงนิ จงู ใจรายตวั รายกลุ่ม สวัสดิการ การเลื่อนข้นั การหมุนเวยี น
เปล่ยี นงาน การมีสว่ นรว่ มของพนักงาน การบริหารโดยวตั ถปุ ระสงค์การฝกึ อบรมการลงโทษ ของเสีย
เปน็ ศูนย์ การบริหารเวลา เสน้ โค้งการเรยี นรงู้ าน เป็นต้น

สรุป

การเพ่ิมผลผลติ ภาพเปน็ กระบวนการในการปฏบิ ัตงิ านเพื่อใหไ้ ด้สนิ คา้ บรกิ ารหรอื งาน
ทีม่ ีคุณภาพสอดคล้องกับความตอ้ งการและความพงึ พอใจของลกู ค้า ด้วยวธิ กี ารในการลด
ต้นทุน ลดการสญู เสยี ทกุ ประเภททีซ่ ้อนอยู่ การใช้ยากรอย่างคุ้มค่า การใช้เทคโนโลยี
เหมาะสม การพัฒนาศกั ยภาพของผู้ปฏิบัตงิ าน และใชเ้ ทคนิควิธีการทางานตา่ ง ๆ เข้ามาเพ่ือ
เพม่ิ ผลติ ภาพขององค์การ ได้แก่ การเพิม่ ผลิตภาพด้านงาน ด้านเทคโนโลยี ด้านรปู แบบการมี
สว่ นของพนักงาน ด้านคณุ ค่าและรปู แบบของผลิตภัณฑ์ ด้านวสั ดุ และดา้ นพนกั งาน