รหสั วิชา 30001-1002 รายงาน จัดทำโดย เสนอ รายงานน้เี ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวชิ า องคก์ ารและการจัดการสมัยใหม่ รำยงำน เร่ือง แนวทำงกำรเพม่ิ ผลผลิตภำพในองค์กำร จดั ทำโดย นางสาว ณัฐนารี นว่ มหนอม รหัสนกั ศึกษา 64302040006 เสนอ รายงานนเ้ี ป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชา องค์การและการจดั การสมัยใหม่ 1.ควำมเป็นมำของกำรเพิ่มผลิตภำพ ในสมนั โบราณอตุ สาหกรรมการผลิตและการบริการจะเนน้
การใช้แรงงานคนเป็นหลกั โด 1. ตอ้ งศกึ ษาวิธกี ารปฏิบตั ิงานในกระบวนการผลติ แตล่ ะส่วนอย่างละเอยี ด พฒั
นาระบบการผลิตดว้ ย 2. คดั เลือกและจดั คนเขา้ ทางานให้หมาะสมกบั งาน โดยพจิ ารณาจากความรู้ความสามารถ แ ละความ 3. จัดหาสิ่งจงู ใจในการทางาน โดยให้ค่าตอบแทนเปน็ สดั ส่วนกบั การผลิตของแตล่ ะคน 4. เน้นความเชยี่ วชาญชานาญเฉพาะอย่าง และแบง่ งานกันทาระหว่างฝา่ ยบริหารกับฝ่ายปฏิบัติการ สรุป อตุ สาหกรรมการผลิตในยุคแรกจะเนน้
ใช้แรงงานของคนเป็นหลกั โดยเรม่ิ ต้นจากครอบครัว 2. นยิ ำมของผลติ ภำพ คาวา่ "ผลิตภาพ"นแ้ี ปลมาจากคาภาษาอังกฤษวา่ Productivity ซึง่ บางแห่งอาจจะแปลวา่ 2.1 ผลิตภำพ (Productivity) 1.ผลลัพธ์ (Output) หมายถงึ ผลงานจากการผลติ ไม่ว่าจะเปน็ ในรปู ของสินคา้ หรอื บริการ ผลลพั ธ์ (Output) = สนิ คำ้ +บรกิ ำร 2.ปัจจยั นาเขา้ (lnput) หมายถงึ ทรัพยากรต่างๆที่ใช้ในการผลิตสินคา้ หรอื บรกิ ารท่ีออกมา ปจั จยั นำเข้ำ (lnput) = แรงงำน+วัสด+ุ เงนิ ลงทุน+พลงั งำน+คำ่ ใชจ้ ำ่ ย คานาจดั ความตามนยั น้ีเป็นท่ีนยิ มกนั อย่างกว้างขวางและแตกรปู ออกไปให้เหมาะสมแก่การใชง้ านของ 2.2 ผลติ ภำพ (Productivity) หมายถงึ การใช้ประโยชน์ (Utilization) x วธิ ีการ x ผลการปฏบิ ัตงิ าน โดยกาหนดให้ 1) การใช้ประโยชน์ (Utilization) ได้แก่ อตั ราสว่ นของเวลาทท่ี างานจริงต่อเวลาทีม่ ีอยู่ 2) วธิ กี าร ได้แก่ อัตราสว่ นของเวลาทตี่ ้องใช้ในการทางานจรงิ ให้สาเร็จดว้ ยวิธกี ารท่ีดที สี่ ุดที่มี ผู้ได้ทาไวแ้ ล้วต่อเวลาจริงท่ใี ช้ในการทางานอย่างเดยี วกนั 3) ผลการปฏบิ ัตงิ าน ไดแ้ ก่ อัตราส่วนของผลการทางานของคนงานที่เป็นที่ยอมรบั หรือที่เปน็ สรุป ผลติ ภาพ (Productivity) คือ ประสิทธภิ าพในการผลติ วัดจากผลผลิตทไี่
ด้มาจากการใช้ 3. ควำมหมำยของกำรเพ่ิมผลิตภำพ การเพิ่มผลติ ภาพเปน็ กระบวนการในการปฏิบตั ิงานเพื่อให้ได้สนิ คา้ และบรกิ าร หรืองานท่ีมี 3.1 ควำมหมำยตำมแนวคดิ ทำงวทิ ยำศำสตร์ การเพิ่มผลติ ภาพ (Productivity) ตามแนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ หมายถงึ การใชป้ ระโยชนจ์ าก มุง่ เน้นการทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพ ตามแนวคิดนี้การผลิตและการบริการเกิดข้นึ จากการนาส่ิงที่ ผลผลติ (Output) ปัจจยั กำรผลิต(Input) กำรเพิม่ ผลิตภำพ (Productivity) = ผลผลิต (Output) การเพ่ิมผลิตภาพ(Productivity) ผลติ ผล (Output) คือ สินคา้ หรอื บริการทีเ่ ห็นได้ จบั ตอ้ งได้ ตามแนวคิดนี้ ความหมายโดยสรปุ "การเพิม่ ผลติ ภาพเปน็ สิ่งท่ีวัดคา่ ไดแ้ ละมองเห็นเป็น 3.2 ควำมหมำยตำมแนวคิดทำงเศรษฐกิจและสงั คม การเพิ่มผลติ ภาพตามแนวคิดทางเศรษฐกจิ และสังคม หมายถึงการแสวงหาวธิ กี ารในการแกไ้ ขปรับปรงุ ความพยายามอย่างไมม่ ีทส่ี นิ้ สุด ทจ่ี ะปรับเปลี่ยนงานหรอื กจิ กรรมที่ทาใหท้ ันตอ่ การเปล่ยี นแปลงที่ 1. ความสานกึ
ในจติ ใจ เป็นความสามารถหรือการมีพลังด้านความสามารถทม่ี นุษย์แสวงหาทาง 2. การใชท้ รพั ยากรให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด การเพมิ่ ผลติ
ภาพเป็นความสานกึ ในการดาเนิน 4.ควำมจำเปน็ ในกำรเพม่ิ ผลติ ภำพในองคก์ ำร ในสภาพสงั คมและเศรษฐกิจของไทยปัจจบุ
ันเป็นสภาพที่อยู่ในภาวะวิกฤติทั้งในด้าน 4.1 ทรพั ยำกรมีอยู่อยำ่ งจำกัด การเพิม่ ผลติ ภาพจะเป็นเคร่ืองมือทีท่ าใหม้ ีการใช้ประโยชน์ 4.2 กำรเพิ่มผลิตภำพเป็นเครอ่ื งมือช่วยวำงแผนท้ังในปัจจุบันและอนำคด เช่น การกาหนด 4.3 กำรแข่งขนั สงู ขน้ึ หน่วยงาน บริษทั หรือองค์การต่าง ๆ จะอยรู่ อด
และสามารถแข่งขัน ทุน เทคโนโลยีปละการบรหิ ารจดั การ ทุกคนจงึ ตอ้ งตระหนักถึงความจาเปน็ ในการเพิ่มผลิตภาพเพระ 5. ควำมสำคัญของกำรเพม่ิ ผลิตภำพในองคก์ ำร การเพิ่มผลิตภาพเป็นสิ่งท่ีทุกคนในองคก์ ารตอ้
งพยายามทาให้การผลิตขององค์การดาเนินไป 5.1 ระดบั หนว่ ยงำนหรอื องคก์ ำร 1. ลดต้นทุนในการผลิตสนิ ค้าหรือบรกิ ารใหห้ นว่ ยงานไดร้ บั ผลตอบแทนในรปู ของกาไรท่ี 2. ชว่ ยให้พนักงานได้มีสว่ นรวมในการปรบั ปรุงวิธกี ารทางานของ ตนเองหรอื ของหนว่ ยงาน 3. มกี ารนาเทคโนโลยใี หม่ ๆ เขา้ มาสู้กระบวนการผลติ 4. ชว่ ยให้มกี ารพฒั นาทักษะในการปฏบิ ัตงิ านใหด้ ีข้ึน 5. ลูกคา้ ได้ใชสินค้าทมี ีคุณภาพดีและราคาถูก 6. ทาใหพ้ นกั งานมีความมัน่ คงและมีคุณภาพชวี ิตท่ีดีขนึ้ 7. องค์การสามารถแข่งขนั กบั ค่แู ข่งในดา้ นคุณภาพและบริการได้ 5.2 ระดับประเทศ 1. เพิ่มผลิตภณั ฑม์ วลรวมของประเทศ (Gross National Product: GNT) ซ่ึงเปน็ ดชั นีท่ีชถี้ งึ 2. ลดอตั ราเงนิ เฟ้อของประเทศ 3. เพ่ิมขีดความสามารถในด้านการแข่งขนั ในตลาดโลกดังน้ันการเพ่ิมผลิตภาพจงึ มึ 6.องค์ประกอบของกำรเพิม่ ผลติ ภำพในองค์กำร องคป์ ระกอบในการเพิ่มผลติ ภาพในองค์การเปน็ สง่ิ ทม่ี ีความสาคญั เปน็ อย่างมาก ซ่งึ 6.1 คณุ ภำพ (Quality) คุณภาพ (Qua lity: Q) คือ สงิ่ ทีส่ ามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและสรา้ งความพึง 1. คุณภาพด้านเทคนิค ได้แก่ ลักษณะทางกายภาพและความสามารถในการใช้งานทส่ี มั พันธ์ 2. คณุ ภาพด้านจิตวิทยาได้แก่ คุณลักษณะท่ีมผี ลตอ่ จิตใจของผ้บู ริโภคในการตัดสนิ ใจซือ้ 3. คณุ
ภาพด้านความผกู พนั ต่อเน่อื งหลังการขาย เชน่ การให้บริการหลังการขาย การ 4. คณุ ภาพด้านเวลา เชน่ อายกุ ารใชง้ านของผลติ ภณั ฑ์ ความยากงา่ ยในการบารุงรักษา 5. คณุ ภาพด้านจริยธรรม เชน่ ความถูกต้องตรงตามมาตรฐานการผลิต ความจรงิ ใจในการ 6.2 ต้นทนุ (Cost) ตน้ ทุน (Cost: C) หมายถึง ค่าใชจ้ ่ายทใ่ี ชไ้ ปเพอ่ื ดาเนนิ การผลติ สนิ คา้
หรือบริการเรม่ิ ตง้ั แต่ 1.ตน้ ทนุ วตั ถดุ บิ (Material Cost) เป็นค่าวัตถุดิบทีซ่ ื้อมาจากหนว่ ยงานภายนอก เพือ่ นาไป 2. ตน้ ทุนดำ้ นแรงงำน (Labor Cost) เปน็ คา่ จ้างพนักงานเพอ่ื ทาหน้าท่ีต่าง ๆ
ใน 3.ตน้ ทนุ กำรทำงำนของเครือ่ งจักร (Machine Operating Cost) เป็นค่าใชจ้ ่ายตา่ ง ๆ ท่ี 6.3 กำรส่งมอบ (Delivry) การสง่ มอบ (Delivery: D) หมายถงึ การสง่ มอบสนิ ค้าหรอื บรกิ ารใหก้ ับลูกคา้ ได้ 1. วัตถุดิบขาด ไมเ่ พียงพอต่อความตอ้ งการของฝ่ายผลิต 2. เสยี เวลารอคอยขอ้ มูล เพ่อื ใช้ในการออกแบบ 3. กาลงั การผลติ ไม่เพียงพอต่อการผลติ 4. เคร่ืองจักรเสีย 5. ผลิตช้นิ งานแตล่ ะชิน้ เสียเวลานานเกนิ ไป 6. พนักงานมีวิธกี ารทางานไม่เหมาะสม 6.4 กำรส่งมอบ (Delivry) ความปลอดภยั (Safety: S) หมายถงึ การสร้างสภาพแวดล้อมในการทางานให้มี 1. ผลผลติ เพิม่ ขน้ึ เม่ือองคก์ ารมสี ภาพแวดล้อมที่ดี
มีอุปกรณ์ปอ้ งกันอนั ตราย พนกั งานก็ 2. ตนั ทนุ การผลติ ลดลง คือ ตันทนุ การผลติ เน่ืองจากความสญู เสยี ตา่ ง ๆ ทท่ี าให้เกดิ อุบตั เิ หตุ 3. ทาให้องคก์ ารเกิดผลกาไรมากขน้ึ ถา้ มกี ารทางานอยา่ งปลอดภยั ทาใหผ้ ลผลิตสูงขน้ึ ต้นทนุ 4. สงวนทรพั ยากรมนุษยใ์ หแ้ กป่ ระเทศชาติ อบุ ตั ิเหตทุ ีเ่
กิดขึ้นแต่ละครัง้ จะทาให้พนักงาน 5. เปน็ ปจั จัยในการจงู ใจในการทางาน การจัดสภาพการทางานให้ปลอดภัยจะทาใหเ้ ปน็ 6.5 ขวญั และกำลงั ใจในกำรทำงำน (Morale) ขวญั และกาลังใจในการทางาน(Morale: M)องค์การที่ปฏิบัตงิ านอยู่ขวัญและกาลังใจสมารถทาใหห้ นกั 1. คณุ สมบตั แิ ละลักษณะของผบู้ งั คับบัญชาเปน็ ความสัมพันธ์ระหว่างผบู้ งั คบั บญั ชาและ 2. ความพึงพอใจในการปฏิบัตงิ าน ความรสู้ ึกโดยรวมในการปฏิบตั งิ าน รายไดพ้ ่ีไดร้ บั เพื่อน 3. รางวัลผลตอบแทน ผลประโยชน์จากกาไร 4. แผนและนโยบายขององค์การ 5. สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงานและบรรยากาศในการทางาน 6. สุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้ปฏิบตั งิ าน ดงั นนั้ การจดั ระดบั ขวญั และกาลังใจ สามารถจัดได้เปน็ รายบุคคลวา่ มีระดับขวัญและกาลังใจ 7. จรรยาบรรณต่อหนว่ ยงานราชการ (Government) ปฏิบตั ติ ามกฎหมายใหค้ วามร่วมมือ 8. จรรยาบรรณต่อสังคม (Society) ไม่โฆษณาเพื่อหลอกลวงขายสนิ คา้
และบริการในราคาท่ี 9. จรรยาบรรณตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม (Environment) ไมป่ ล่อยของเสียต่างๆ สสู่ ่ิงแวดล้อมที่ทาให้ โดยองคป์ ระกอบของการเพม่ิ ผลิตภาพท้ัง 7 ประการ สามารถแยกออกได้ดังน้ี Q. C. D เปน็ การเพม่ิ ผลผลติ เพื่อลกู ค้า S. M เป็นการเพิ่มผลผลติ เพ่ือพนกั งาน E,E. เป็นการเพมิ่ ผลผลิตเพ่อื สังคม สรุป ในการเพิ่มผลิตภาพนัน้ จะตอ้ งลดตน้ ทนุ ในการผลติ ให้ต่าลง ซงึ่ ตอ้ งทาควบคู่ไปกบั การบริหาร 1 ) คุณภาพ (Quality) 2) ต้นทนุ 3) การสง่ มอบ (Delivery) 4) ความปลอดภยั (Safety) 5) ขวญั และกาลังใจในการทางาน (Morale) 6) ส่ิงแวดล้อม (Environmient) 7) จรรยาบรรณในการดาเนินธุรกจิ (Ethics) 7.แนวทำงกำรเพม่ิ ผลิตภำพในองค์กำร การลดตนั ทุนเปน็ ท้ังศาสตร์และศิลป์สาหรบั การดาเนนิ กจิ การในเวดวงอตุ สาหกรรม เพราะ 7.1 กำรใช้ปจั จัยกำรผลิต (Input)เทำ่ เดมิ ในขณะเดยี วกันทำใหผ้ ลผลิต(Output)เพ่ิมข้ึน แนวทางนีน้ าไปใช้ในการเพม่ิ ผลติ ภาพในสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในสภาพปกติ คือ เม่ือพนักงานมี 7.2 กำรใชป้ ัจจัยกำรผลิต (Input) ลดลงในขณะเดียวกันทำใหผ้ ลผลิต (Output) เพิม่ ขึ้น แนวทางนี้สามารถนามาใช้เพื่อช่วยให้การเพ่ิมผลติ ภาพมีค่าสูงสดุ มากกว่าวธิ อี นื่ ๆ เป็น 7.3 กำรใช้ปจั จัยกำรผลติ (Input) เพ่ิมขน้ึ ในขณะเดียวกนั ทำใหผ้ ลผลติ (Output) แตก่ ารเพ่ิมขึ้นของปจั จัยการผลติ (Input) จะต้องเพิ่มในอัตราท่ีตา่ กวา่ การเพ่ิมขึ้นของผลิตผล 7.4 กำรใช้ปัจจัยกำรผลติ (Input) ลดลงในขณะเดียวกันทำใหผ้ ลผลติ (Output) เท่ำเดมิ แนวทางนไี้ ม่เพ่ิมยอดการผลติ นน่ั คือการใช้ปัจจยั การผลิตที่มีอยู่ใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ 7.5 กำรใช้ปัจจัยกำรผลติ (Input) ลดลงในขณะท่ที ำใหผ้ ลผลิต (Output) ลดลงด้วย แตก่ ารลดลาของปจั จยั การผลิต (Iกput) จะต้องลดลงในอัตราทสี่ งู กวา่ การลดลงของผลติ ผล แนวทางการเพิ่มผลติ ภาพในองค์การท้ัง 5 แนวทางทก่ี ลา่ วมาจะไม่สามารถบอกไต้อยา่ งแนช่ ัดวา่ 1. หากดว้ ยงเพ่ิมผลิตผลหรอื Output สูงน้นั เหมาะกบั สภาวะเศรษฐกิจท่ีตลาดขยายตัว 2. หากลดผลติ ผลลงหรอื Output ลดลง เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซบเซา ตลาดหด 3. หากเพิ่มปจั จยั การผลติ น่ันหมายถึง ต้องการลงทุนเพ่ิมในชว่ งเศรษฐกิจเติบโต ต้องมั่นใจ 4. หากลดปัจจยั การผลติ ก็จะหมายถึง ลดปจั จัยการผลติ ไดใ้ นทุกสภาวะเศรษฐกจิ เพราะเป็น สรุป จากแนวทางการเพ่ิมผลติ ภาพดงั กลา่ วข้างตน้ หลายองค์การต่างกพ็ ยายามหาวิธกี าร 1) ปัจจัยการผลิตเท่าเติมผลผลิตเพม่ิ ขนึ้ 2) ปัจจยั การผลติ ลดลงผลผลิตเพม่ิ ขน้ึ 3) ปจั จัยการผลติ เพ่ิมขึน้ แตเ่ พิ่มน้อยกว่าการเพิม่ ของผลผลติ 4) ปจั จยั การผลิตลดลงผลิตผลเท่าเดิม 5) ปัจจัยการผลติ ลดลงแต่ลดลงมากกว่าการลดลงของผลผลิต 8.ควำมสูญเสยี ในกำรเพ่ิมผลติ ภำพในองค์กำร ในปจั จบุ นั องคก์
ารท่ีจะอยู่รอดไดห้ รือแข่งขันได้ ตอ้ งแสวงหาวิธกี ารในการปรับปรงุ การผลติ การ 8.1ควำมสูญเสยี จำกกำรผลิตมำกเกนิ ไป(Over Production) การผลติ ทมี่ ากเกินไปจึงต้องมีการเพ่ิมตันทุน วัตถดุ ิบและคลังเก็บ จนเกดิ ปัญหาเงนิ ทุนจม เสยี เวลาในการผลิต เพราะฉะน้นั การผลติ ตอ้ งพอดแี ละเหมาะสมกบั ความต้องการของตลาด 8.2ควำมสูญเสยี ทเ่ี กดิ จำกกำรรอคอย (Waste of Walting) ความสูญเสียท่ีเกดิ จากการรอคอย (Waste of Walting) อันเกดิ จากการขาดความสมดุลอนั 8.3ควำมสูญเสียทีเ่ กิดจำกของเสยี มำกเกนิ ไป(Waste of Defect) ความสญู เสยี
ที่เกิดจากของเสียมากเกินไป (Waste of Defect) มักเกิดจากการผลิตที่ 8.4ควำมสูญเสียทเี่ กดิ จำกกำรขนสง่ (Waste of Transportation) ซึ่งมีอยหู่ ลายจะมาจาการเดนิ ทางหรือการเคล่ือนยา้ ยวตั ถุดิบท้งั ก่อน ระหวา่ ง หรือหลัง 8.5ควำมสญู เสยี ทเ่ี กดิ จำกกำรคลงั สนิ ค้ำและสินค้ำคงคลงั (Waste of Warehouse ความสูญเสยี ทเ่ี กิดจากการคลังสนิ คา้ และสนิ ค้าคงคลัง (Waste of Warehouse 8.6 ควำมสญู เสียทเ่ี กดิ จำกกำรเคลอ่ื นไหวมำกเกนิ ไป (Waste of Motion) มกั จะพบได้ภายในโรงงานทว่ั ไปโดยเกิดจากการออกแบบสภาพการทางานท่ีไมเ่ หมาะสม และ 8.7 ควำมสูญเสียท่ีเกิดจำกกระบวนกำรกำรผลติ และกระบวนกำรทำงำนมำกเกินไป (Wasteof มกั จะมกี ารออกแบบกระบวนการผลิต/การทางานทมี่ ีขั้นตอนมากเกนิ ความจาเปน็ จนนาไปสู่ สรุป
ในกระบวนการผลิตมักจะพบว่ามีความสูญเสียตา่ ง ๆ แฝงอยไู่ ม่มากกน็ ้อยเป็นภาพและ 9.เทคนิคกำรเพ่มิ ผลติ ภำพในองค์กำร การเพิ่มผลติ ภาพในองค์การน้ันสามารถที่จะทาการเพ่ิมผลิตภาพไดห้ ลายรปู แบบ เชน่ การลด 9.1เทคนิคกำรเพิ่มผลติ ภำพด้ำนงำน โดยพิจารณาจากการทางานที่ใช้วิธีการตา่ ง ๆ มาทาการวิเคราะหก์ ารทางาน เช่น
การศึกษา 9.2เทคนคิ กำรเพม่ิ ผลิตภำพด้ำนเทคโนโลยี เป็นการนาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทางาน เชน่ การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ชว่ ยในการ 9.3 เทคนคิ กำรเพิม่ ผลติ ภำพด้ำนรูปแบบกำรมีส่วนร่วมของพนักงำน ซึ่งเก่ียวกบั การใชก้ ิจกรรมกลุ่ม เช่น กล่มุ ควบคมุ คณุ ภาพ (QCC) เขา้ มาช่วยลดจานวนของ 9.4 เทคนคิ กำรเพมิ่ ผลติ ภำพด้ำนคณุ คำ่ และรปู แบบของผลิตภัณฑ์ เปน็ การใชเ้ รือ่ งวิศวกรรมคุณค่า(Value Engineering) การใช้ทรัพยากรใหค้ มุ้ ค่าทส่ี ุด การใช้ผลิตภัณฑม์ าตรฐานในการผลติ ระบบการลอกเลียนแบบความน่าเช่ือของผลิตภณั ฑ์ และการ 9.5 เทคนิคกำรเพมิ่ ผลติ ภำพด้ำนวัสดุ เปน็ การจัดการระบบของวสั ดุระบบวางแผนความองค์การการบริหารวสั ดุ การควบคมุ วสั ดุ 9.6 เทคนคิ กำรเพม่ิ ผลิตภำพด้ำนพนักงำน ซึง่ เป็นเรอ่ื งเกย่ี วกับการให้เงนิ จงู ใจรายตวั รายกลุ่ม สวัสดิการ การเลื่อนข้นั การหมุนเวยี น สรุป การเพ่ิมผลผลติ ภาพเปน็ กระบวนการในการปฏบิ ัตงิ านเพื่อใหไ้ ด้สนิ คา้ บรกิ ารหรอื งาน |