Peel off mask ร บผล ต โรงงาน คร ม

บทคดั ย่อ

จากการทาโครงงานวิจยั มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตา มวี ัตถุประสงค์เพ่อื เปรียบเทียบมาสก์ สมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตาจากสมุนไพรซ่ึงเป็นพืชภูมิปัญญาท้องถิ่น ได้แก่ ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ และ ขม้นิ ชัน ซ่ึงสามารถหาได้ง่ายและมีสรรพคุณท่ีช่วยลดรอยคล้า ไม่มีสารเคมีและปลอดภัยต่อผู้ใช้ ผลติ ภณั ฑ์ โดยใชค้ วามพงึ พอใจของผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑม์ าสก์สมนุ ไพรลดรอยคล้าใต้ตาเป็นเกณฑ์

โครงงานวิจัยน้ีได้แนวคิดจากการท่ีผู้จดั ทาโครงงานวิจัยได้สอบถามปัญหาของนักเรียนชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 2/1 โรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลยั สุพรรณบุรี ปัญหาที่พบสว่ นใหญ่ คือ ปัญหาจาก การพกั ผอ่ นไม่เพยี งพอ ปัญหาจากแสงแดดและมลภาวะ ปัญหาจากพนั ธุกรรม ปัญหาจากสุขภาพโรค ภมู แิ พ้ ซ่งึ เป็นสาเหตทุ ท่ี าใหใ้ ตต้ ามรี อยคล้าและขาดความชุ่มช้นื บรเิ วณใต้ตา

จากผลการศกึ ษาพบว่า

1. ผูใ้ ช้ผลิตภณั ฑ์มคี วามพึงพอใจมาสก์ใบสะระแหน่มากกว่ามาสก์น้าผง้ึ และมาส์กขม้นิ ชนั ซ่ึง สามารถสรุปไดว้ า่ มาสก์ ใบสะระแหน่นนั้ สามารถชว่ ยลดรอยคลา้ ใตต้ าได้ดที สี่ ดุ

คำสำคญั : มำสกส์ มุนไพรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ / ระยะเวลำที่รอยคลำ้ ใต้ตำจำงลง / รอยคลำ้ ใต้ตำ / ควำมพงึ พอใจของผใู้ ช้ผลิตภณั ฑ์

กิตติกรรมประกำศ

โครงงานวจิ ยั มาสกส์ มุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ า ประกอบดว้ ยวธิ กี ารดาเนนิ งานหลายขนั้ ตอน ตงั้ แต่ การศึกษาหาขอ้ มูล การดาเนินการทดลอง การวิเคราะห์ผลการทดลอง การจดั ทาโครงงานวจิ ยั รูปเล่ม จนกระทัง่ โครงงานน้ีสาเร็จ ตลอดระยะเวลาดังกล่าวคณะผู้จัดทาโครงงานได้รับความช่วยเหลือ สนับสนุนดา้ นการเงนิ ค่าวสั ดุ อปุ กรณ์ และคาแนะนาในดา้ นต่าง ๆ จากครอบครวั และอาจารยท์ ่ีปรกึ ษา โครงงานวจิ ยั คณะผูจ้ ดั ทาตระหนักและซาบซ้งึ ในความกรุณาจากทุก ๆ ท่านเป็นอย่างยง่ิ ณ โอกาสน้ี ขอกราบขอบพระคณุ ทกุ ๆ ทา่ น ดงั น้ี

กราบขอบพระคุณ อาจารย์ธมี าภรณ์ โสภาธนัตถ์สกุล อาจารยท์ ป่ี รกึ ษาโครงงานวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรยี นกาญจนาภิเษกวทิ ยาลยั สุพรรณบุรี ผู้ใหค้ าแนะนาและได้ เมตตาใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในทกุ ๆ ดา้ น ในการทาโครงงานวจิ ยั น้จี นประสบความสาเรจ็

กราบขอบพระคุณ ผอู้ านวยการโรงเรยี นกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั สพุ รรณบรุ ี ทใ่ี หค้ วามอนุเคราะห์ และใหค้ วามชว่ ยเหลอื ในดา้ นต่าง ๆ และอาจารยน์ ชิ าภา เดชบญุ ทค่ี อยดแู ลและใหค้ าปรกึ ษาเป็นอยา่ งดี

ทา้ ยทส่ี ุด ขอกราบขอบพระคณุ ผู้ปกครองทุกท่านของคณะผู้จดั ทาท่ใี ห้การสนบั สนุนเงนิ ทุนวสั ดุ อุปกรณ์ ช่วยเหลือทงั้ สถานท่ีและบุคลากรในการทดสอบทุกอย่าง ทงั้ ยังให้กาลังใจและให้โอกาสใน การศกึ ษาอนั มคี า่ ยงิ่

ขอขอบคณุ คณะผจู้ ดั ทาทไ่ี ดใ้ หก้ ารชว่ ยเหลอื ในการทาโครงงานวจิ ยั น้ี

คณะผจู้ ดั ทา

สำรบญั หน้ำ ก บทคดั ย่อ ข กิตติกรรมประกำศ ค สำรบญั ง สำรบญั ตำรำง บทท่ี 1 บทนำ 1 1 1.1 ทม่ี าและความสาคญั 2 1.2 วตั ถปุ ระสงค์ 3 1.3 ขอบเขตของการศกึ ษา 1.4 สมมตฐิ าน 3 1.5 ตวั แปรทศ่ี กึ ษา 3 1.6 ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั 3 1.7 นยิ ามเชงิ ปฏบิ ตั กิ าร บทท่ี 2 เอกสำรและงำนวิจยั ท่ีเกย่ี วข้อง 4 2.1 ความสาคญั ของการลดรอยคล้าใตต้ า 4-6 2.2 วสั ดุทนี่ ามาผลติ มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใตต้ า บทที่ 3 วธิ ดี าเนินการทดลอง 7 3.1 วสั ดุ – อปุ กรณ์ 8 3.2 ขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน 9 3.3 สถติ ทิ ใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา

บทท่ี 4 ผลการทดลอง 10 - 11 4.1 ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑม์ าสก์สมุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ า 12 บทที่ 5 สรุป อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ 12 5.1 อภปิ รายผลการทดลอง 12 5.2 สรปุ ผลการศกึ ษา 5.3 ขอ้ เสนอแนะ 13

เอกสารอ้างองิ

สำรบญั ตำรำง

ตำรำงที่ หน้ำ

ตารางที่ 1.1 ตารางแสดงแผนการดาเนนิ งาน 2

ตารางที่ 1.2 ตารางการออกแบบการทดลอง 8

ตารางท่ี 1.3 ตารางแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 9

ตารางที่ 1.4 ตารางบนั ทกึ คา่ เฉลย่ี ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 10

ตารางท่ี 1.5 ตารางแสดงภาพรวมของค่าเฉลย่ี ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 10

ตารางกราฟแนวตงั้ ท่ี 1.6 แสดงแผนภมู แิ ทง่ แนวตงั้ ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 11

ตารางกราฟแนวนอนท่ี 1.7 แสดงแผนภมู แิ ทง่ แนวตงั้ ค่าเฉลย่ี ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 11

บทที่ 1 บทนำ

1.1 ที่มำและควำมสำคญั

เน่ืองจากวยั รุ่นในประเทศไทยนัน้ เรยี นหนักและมภี าระงานมากขน้ึ ส่งผลให้พกั ผ่อนไม่เพยี งพอ ซ่งึ เป็นสาเหตุทท่ี าให้เกดิ รอยคลา้ ใต้ตาได้ จากสถานการณ์ในปัจจุบนั นัน้ ไม่สามารถเดนิ ทางออกจากที่ อยู่อาศยั ได้ จึงมีการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ ( Online ) ซ่ึงส่งผลให้มภี าระงานมากข้นึ และไม่มี รายรบั ประจาวนั และประเทศไทยยงั อยูใ่ นช่วงทเ่ี ศรษฐกิจฝืดเคอื ง อกี ทงั้ วยั รนุ่ เรม่ิ หนั มาใส่ใจดา้ นความ งามและดูแลตวั เองกนั มากขน้ึ ซ่งึ เคร่อื งสาอางและผลติ ภณั ฑบ์ ารงุ ผวิ ด้านความงามนัน้ มรี าคาสงู ดงั นัน้ การดแู ลตวั เองดา้ นความงามโดยการประหยดั ค่าใชจ้ ่ายนนั้ จงึ เป็นท่ีตอ้ งการมากขน้ึ การดูแลตนเองดา้ น ความงามสามารถทาได้โดยใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณท่ีสามารถทาให้ลดรอยคล้าใต้ตาได้ เช่น ใบ สะระแหน่ น้าผง้ึ ขม้นิ ชนั ฯลฯ ซ่งึ ล้วนเป็นสมุนไพรที่เป็นภูมปิ ัญญาท้องถ่ิน สามารถผลดั เซลล์ผวิ ได้ เหมาะกบั สภาพผวิ ของคนไทย

การทาโครงงานวจิ ยั ครงั้ น้ี คณะผจู้ ดั ทาจงึ นาสมนุ ไพรทสี่ ามารถหาไดง้ ่ายและมสี รรพคุณทชี่ ว่ ยลด รอยคล้ามาทาผลิตภณั ฑม์ าส์กสมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตา เพ่อื สนองความต้องการของวยั รุ่นไทยในยุค ปัจจุบนั ทต่ี อ้ งการดูแลตวั เองดา้ นความงามดว้ ยการประหยดั คา่ ใชจ้ ่าย และไดใ้ ชผ้ ลติ ภณั ฑท์ ปี่ ลอดภยั

1.5 วตั ถปุ ระสงค์

1.2.1 เพอ่ื เปรยี บเทยี บมาสก์ สมนุ ไพรลดรอยคล้าใตต้ าจากพชื สมนุ ไพรทเ่ี ป็นภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ไดแ้ ก่ ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ และขมน้ิ ชนั

1.2.2 เพ่อื ศกึ ษาความพงึ พอใจของผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑ์มาสก์ สมนุ ไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา

1.3 ขอบเขตของกำรศกึ ษำ

ประชากร : มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตา 3 ชนิด เป็นมาสก์แบบลอกออก ทดสอบความระคายเคอื ง ของผลติ ภณั ฑ์ โดยการนาผลติ ภณั ฑม์ าทดลองมาสก์ไวบ้ รเิ วณทอ้ งแขน ในเวลาเช้า-เยน็ ตดิ ต่อกนั อย่าง น้อย 2-7 วนั เน่ืองจากความไวตอ่ สารกระต้นุ การระคายเคอื งและการแพใ้ นแต่ละบคุ คลไม่เทา่ กนั สงั เกต ความเปลยี่ นแปลงของผวิ ทใ่ี ต้ทอ้ งแขน หลงั จากครบ 2-7 วนั แลว้ ถ้าไม่เกดิ การระคายเคอื ง ขนั้ ต่อไปจะ นามาสก์ สมนุ ไพรลดรอยคลา้ ใต้ตาใหน้ ักเรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2/1 โรงเรยี นกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั สุพรรณบรุ ี ได้ลองใช้ผลติ ภณั ฑม์ าสกส์ มนุ ไพรลดรอยคลา้ ใตต้ าและประเมนิ แบบสอบถามความพงึ พอใจ ของผลติ ภณั ฑ์ ซ่งึ ตอ่ มาเกดิ อปุ สรรคในการดาเนินงานขน้ึ เน่อื งดว้ ยในสถานการณป์ ัจจุบนั คณะผจู้ ดั ทา จงึ ประเมนิ ความพงึ พอใจของผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑแ์ ละนามาเปรยี บเทยี บดว้ ยตนเอง

สถานที่ : โรงเรยี นกาญจนาภเิ ษกวทิ ยาลยั สพุ รรณบรุ ี และ บา้ นเลขที่ 381/4 ซอยสะพานขวา ถนน ประชา-ราษฏรส์ าย 2 แขวงบางซอ่ื เขตบางซ่อื กรุงเทพมหานคร

ระยะเวลา : รวมระยะเวลาทงั้ หมด 10 สปั ดาห์ ตงั้ แต่วนั ท่ี 10 มถิ นุ ายน พ.ศ. 2564 - 23 สงิ หาคม พ.ศ. 2564

ตำรำงที่ 1.1 ตำรำงแสดงแผนกำรดำเนินงำน

ลาดบั ท่ี การดาเนินงาน สปั ดาหท์ ่ี 1 2 3 4 5 6 7 8-10

1 จดั ซ้อื และจดั หาวสั ดุ - อุปกรณ์

2 ทดลองทาชนดิ มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใตต้ า

3 ทดสอบความระคายเคอื งของผวิ จากมาสก์สมุนไพร ลดรอยคล้าใตต้ า

4 ประเมนิ ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์มาสก์ สมนุ ไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา

วางแผนงานและกาลงั ดาเนินการ ล่าชา้ ไม่เป็นไปตามแผน

1.4 สมมติฐำน

1.4.1 ผลติ ภณั ฑม์ าสก์สมุนไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา 3 ชนดิ โดยทผ่ี ลติ ภณั ฑป์ ลอดภยั ไรส้ ารเคมี ไม่เกดิ การ

ระคายเคอื ง สามารถลดรอยคลา้ ใตต้ าไดจ้ รงิ 1.4.2 ผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑม์ คี วามพงึ พอใจกบั ผลติ ภณั ฑม์ าสกส์ มุนไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา

1.5 ตวั แปรท่ีศกึ ษำ

ตวั แปรต้น : มาสก์สมนุ ไพรลดรอยคล้าใตต้ า 3 ชนดิ ไดแ้ ก่ ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ ขมน้ิ ชนั ตวั แปรตาม : ความพงึ พอใจของผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑ์ ตวั แปรควบคุม : ปรมิ าณของสมุนไพรและส่วนผสมอน่ื ๆ , รอยคลา้ ใต้ตา

1.6 ผลที่คำดว่ำจะได้รบั

1.6.1 สามารถสรุปผลการเปรยี บเทยี บระหว่าง มาสก์ใบสะระแหน่ มาสก์น้าผง้ึ และมาสกข์ มน้ิ ชนั

1.6.2 ผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑม์ คี วามพงึ พอใจกบั ผลติ ภณั ฑม์ าสก์สมนุ ไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา

1.7 นิยำมเชิงปฏิบตั ิกำร

1.7.1 มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตา หมายถึง มาสก์สมุนไพรลดรอยคล้าใต้ตาชนิดลอกออกที่คณะ ผจู้ ดั ทาได้

ผลติ ข้นึ เป็นมาสก์เน้ือครมี ที่เม่อื ทาลงไปบนผวิ แล้วรอจนแหง้ จะสามารถลอกออกมาเป็นแผ่นได้ โดยมี

3 ชนิด คอื มาสกใ์ บสะระแหน่ มาสก์น้าผง้ึ มาสกข์ มน้ิ ชนั

บทที่ 2

เอกสำรและงำนวิจยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง

2.1 ควำมสำคญั ของกำรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ

เป็นภาวะทพ่ี บไดบ้ ่อยกบั คนทกุ เพศทุกวยั และมกั จะเป็นมากขน้ึ เมอ่ื อายมุ ากขน้ึ แมว้ า่ รอยคล้า ใต้ตาจะไม่ใชโ่ รคทจ่ี าเป็นตอ้ งรกั ษาหรอื เป็นปัญหาสาคญั ต่อสุขภาพ แตก่ ็ทาใหเ้ กดิ ปัญหาดา้ นความงาม ได้ เพราะการมรี อยคลา้ ใตต้ าอาจทาใหใ้ บหนา้ ดูเศรา้ หมอง เหน่อื ย หน้าตาดไู มส่ ดใส และดูมอี ายมุ ากขน้ึ กวา่ ความเป็นจรงิ ดงั นนั้ จงึ ควรมผี ลติ ภณั ฑใ์ นการแก้ไขปัญหารอยคลา้ ใต้ตา

2.2 วสั ดทุ ี่นำมำผลิตมำสกส์ มุนไพรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ

2.2.1 ใบสะระแหน่

ใบสะระแหน่ เป็นพชื ในตระกูลวงศ์มินต์และวงศ์กะเพรา มแี หล่งกาเนิดมาจากแถบยุโรปตอนใต้ และแถบทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน เม่อื โตเต็มทจี่ ะมคี วามสูงประมาณ 70 - 150 เซนติเมตร ส่วนใบจะมี ลกั ษณะคลา้ ยคลึงกบั ใบพืชในตระกูลม้นิ ต์ มกี ลิ่นหอมคล้ายใบมะนาว และทุก ๆ ปลายฤดูร้อน ต้น สะระแหน่จะออกดอกสขี าว ทเี่ ตม็ ไปดว้ ยน้าหอมและน้าหวานอยู่ภายใน น้ีดงึ ดดู ใจให้ผง้ึ มาดูดน้าหวาน จากเหตุน้ีทาให้สะระแหน่อยู่ในสกุลเมลิสซา ( Melissa: ภาษากรีก แปลว่าน้าผ้งึ ) และยังมีรสชาติ คลา้ ยคลงึ กบั ตะไครห้ อม มะนาว และแอลกอฮอล์ ซง่ึ ใบสะระแหน่เป็นพชื สมนุ ไพรตามธรรมชาตทิ ม่ี กี าร นาใบและน้ามนั มาใชป้ ระโยชน์ต่อสุขภาพมาอยา่ งยาวนาน อกี ทงั้ ยงั ใชเ้ ป็นยาพน้ื บา้ นสาหรบั รกั ษาโรค และอาการต่าง ๆ เช่น บรรเทาอาการปวด ชว่ ยกระตนุ้ การทางานของระบบย่อยอาหาร หรอื ใชเ้ ป็นสาร ต้านเช้อื แบคทเี รยี นอกจากน้ีใบสะระแหน่จึงสามารถทายาสฟี ัน ขนม อาหารจานต่าง ๆ รวมถงึ ใชเ้ ป็น สารแต่งกล่นิ ในสบู่และเคร่อื งสาอาง โดยนาใบสะระแหน่มาบดแลว้ ทาลงบนผวิ หนังจะทาให้ผวิ หนังชุ่ม ช้นื นอกจากน้ีในประโยชน์ของการทาครวั สามารถใชใ้ บสะระแหน่ทายาผสมลงไปในชาสมุนไพรหรอื คนั้ น้ามาผสมลงในเคร่อื งด่มื ใบสะระแหน่ยงั สามารถนาไปทาเป็นยาปฏิชวี นะและยงั ใช้เป็นตวั ขบั ไล่อนุมูล อสิ ระออกจากร่างกาย อีกทงั้ ยงั ใชเ้ ป็นยาเย็นและใช้เป็นยาคลายความเครียด และมงี านวจิ ยั อย่างน้อย ชน้ิ หน่ึงระบุว่าสามารถช่วยคลายความกดดนั ของกลา้ มเน้ืออนั มาจากความเหน่ือยลา้ และความเครียด สามารถทาน้ามนั หอมระเหยเพ่อื ใชใ้ นการทาสุคนธบาบดั อกี ทงั้ ยงั ใช้เป็นยารกั ษาโรคเก่ียวกบั ต่อม ไทรอยด์

2.2.2 น้าผง้ึ

น้าผ้ึง เป็นอาหารหวานท่ีผ้ึงผลิตโดยใช้น้าหวานจากดอกไม้ พืชพันธ์ุชนิดต่าง ๆ น้าผ้ึงมัก หมายถงึ ชนิดทผ่ี ลติ โดยผง้ึ น้าหวานในสายพนั ธ์ุ Apis เน่อื งจากเป็นผง้ึ เกบ็ น้าหวานใหค้ ุณภาพสูง น้าผ้งึ มปี ระวตั ิการบรโิ ภคของมนุษย์มายาวนาน ถูกใช้เป็นสารใหค้ วามหวานในอาหารและเคร่อื งด่ืมหลาย ชนิด และน้าผง้ึ ยงั มบี ทบาทในศาสนาและสญั ลกั ษณ์นิยม รสชาตขิ องน้าผง้ึ แตกต่างกนั ตามน้าหวานท่ี ได้มา และมีน้าผ้ึงหลายชนิดและเกรดที่สามารถหาได้ น้าผ้ึงได้ความหวานจากมอโนแซ็กคา ไรด์ ฟรุกโทสและกลโู คส และมคี วามหวานประมาณเทยี บไดก้ บั น้าตาลเมด็ น้าผง้ึ มคี ณุ สมบตั ทิ างเคมที ่ี ดงึ ดูดในการอบ และมรี สชาตพิ เิ ศษซ่งึ ทาให้บางคนชอบน้าผง้ึ มากกวา่ น้าตาลและสารให้ความหวานอ่นื ๆ จลุ นิ ทรยี ์ส่วนมากไมเ่ จรญิ เตบิ โตในน้าผง้ึ เพราะมคี า่ แอกตวิ ิตขี องน้าต่าท่ี 0.6 บางครงั้ น้าผง้ึ กม็ เี อนโด สปอร์ในระยะพกั ตวั ของแบคทีเรยี Clostridium botulinum ซ่งึ อาจเป็นอนั ตรายต่อทารก เพราะเอนโด สปอรส์ ามารถแปลงเป็นแบคทีเรยี ท่ีผลิตชีวพษิ ในทางเดินอาหารทยี่ งั ไม่เจรญิ เต็มทข่ี องทารก ซ่งึ ทาให้ เกดิ ความเจบ็ ป่วยและอาจถึงแก่ชวี ิต ซ่ึงตามแบบแผนการรกั ษาตารบั ยาโบราณของไทย ได้มกี ารสบื ทอดกนั มาตามสูตรยาสมนุ ไพรโบราณ มกั นามาใชแ้ ต่งกลนิ่ เจือรส ชคู วามง่ายในการรบั ประทาน เพราะ สว่ นมากสมนุ ไพรมกั มรี สฝาดและขม โดยน้าผง้ึ ใชท้ งั้ แตร่ ส ขน้ึ รูป และเป็นสว่ นประกบในยาแผนโบราณ หลายชนิด ตามสรรพคุณ บารุงกาลัง บารุงธาตุ แก้ปวดหลงั ปวดเอว ทาให้แห้ง ใช้ทายาอายุวฒั นะ บารุงผวิ พรรณใหเ้ ปล่งปลงั่ ดูมนี ้ามนี วลเป็นธรรมชาติ ปกป้องผวิ จากรงั สอี ลั ตราไวโอเลต เน่อื งจากมสี าร ทต่ี ่อต้านอนุมูลอิสระซ่ึงช่วยเสรมิ สร้างเซลล์ผวิ หนัง จึงช่วยทงั้ ปรบั สภาพผวิ คล้าเสียจากแดดให้มาสู่ สภาพปกติ และยงั สามารถชว่ ยเสรมิ ภมู ติ า้ นทานผวิ ทาใหผ้ วิ ตอ่ ต้านกบั รงั สอี ตั ราไวโอเลตไดม้ ากยง่ิ ขน้ึ

2.2.3 ขมน้ิ ชนั

ขมน้ิ ชนั เป็นพชื ลม้ ลกุ ในวงศ์ขงิ มถี นิ่ กาเนดิ ในเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ มเี หงา้ อยู่ใตด้ นิ เน้อื ในของ เหงา้ เป็นสเี หลอื ง มกี ลนิ่ หอมเฉพาะตวั มสี เี หลอื งเขม้ จนสแี สดจดั ขมน้ิ ชนั เป็นไมล้ ม้ ลุก อายุหลายปี สูง 30-95 ซม. เหง้าใตด้ ินรปู ไข่ อว้ นสนั้ มแี ขนงรูปทรงกระบอกแตกออกดา้ นขา้ ง 2 ดา้ น ตรงกนั ขา้ ม เน้ือ ในเหงา้ สเี หลอื งสม้ หรือสเี หลอื งจาปาปนสแี สด มกี ลน่ิ ฉุน ใบเดี่ยว กลางใบสแี ดงคล้า แทงออกมาเหง้า เรียงเป็นวงซ้อนทบั กนั รูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 เซนตเิ มตร ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขน้ึ มาระหว่างกา้ นใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสเี หลอื งอ่อน ใบประดบั สเี ขยี วออ่ นหรอื สนี วล บาน ครงั้ ละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู เหงา้ หรือลาต้นใต้ดินจะมีรสฝาด กลนิ่ หอม มฤี ทธใิ ์ นการฆ่าเช้ือ แบคทีเรีย เช้ือรา ลดการอกั เสบ และ มฤี ทธิใ์ นการขบั น้าดี และในเหง้ายงั มีสารสเี หลืองส้มทีเ่ รียกว่า เคอร์คูมิน สารสกัดด้วยเอทานอลจากเหงา้ สดมีฤทธิย์ ับยัง้ เอนไซม์ไทโรซิเนสและต้านอนุมูลอิสระ ขมน้ิ ชนั ไม่มพี ษิ เฉียบพลนั มคี วามปลอดภยั สงู ขมน้ิ ชนั เพมิ่ ภูมคิ ุม้ กนั อิมมูโนโกลบูลิน ชนิดจี (IgG) และลดความไวต่อตวั กระตุ้น ช่วยขยายหลอดลม ฤทธติ ์ ้านการอกั เสบ และเป็นสมุนไพรรกั ษาโรค ใน ตารายาจนี ใชเ้ ป็นยา แกป้ วดเมอ่ื ย แก้ปวดประจาเดอื น

2.1.4 มาสก์ชนดิ ลอกออก

มาสก์ชนดิ ลอกออก มกั ทาจาก wax , gelling agent , latex หรอื plastic resin มลี กั ษณะเป นข องเหลว แต เม่อื ทาลงบนผวิ หนังจะแห งกลายเป นแผ นแนบตดิ กบั ผวิ หนัง มกั ปล อยให อยู บนผวิ หน าสกั ระยะหนึ่งเพ่อื ให สารสาคญั ( Active substance ) ดูดซมึ เข าสู ผวิ หนัง แผ

นมาสก์ช วยป องกนั การสูญเสยี ความชุ มช้นื ของผวิ หนัง และทาให ผวิ หนังเรียบเนียนข้นึ เมอ่ื แห งสนทิ สามารถดงึ ลอกออกเป นแผ นให หลุดออกจากผวิ หน าได

การศึกษาที่เก่ยี วข องกบั Peel-off mask พบรายงานของ ป ญญกานต ผลพงษ และ รตั นา ศริ พิ นั ธุ ( 2546) ทาการศกึ ษาพฒั นาสตู รตารบั ฟ ล มพอกหน าจากสารสกดั ขมน้ิ ชนั โดย ใช polyvinyl alcohol เป นสารก อฟ ล ม มกี ารทดลองเตรียมตารบั แล วสงั เกตการแยกชนั้ ของตารบั เม่อื ตงั้ ท้งิ ไว นาน 2 สปั ดาห เพ่อื คดั เลอื กตารบั ทมี่ คี วามคงตวั มาทดสอบคุณสมบตั ทิ าง เคมแี ละกายภาพเพม่ิ เตมิ เมอ่ื ได ตารบั ทม่ี คี วามคงตวั และมคี ุณสมบตั ติ ามต องการ จะมกี ารเตมิ สาร สกัดขม้ินชันลงในตารับ ปริมาณท่ีเหมาะสมท่ีสุด คือ 0.001 %w/w และ เติม tween 20 ปริมาณ 0.75 %w/w เพอ่ื ใหต้ ารบั มคี วามคงตวั ดี และเมอ่ื นาไปทดสอบในอาสาสมคั รสุขภาพดจี านวน 4 คน พบว

าหลังจากใช ผลิตภัณฑ ความชุ มช้ืนท่ีผิวหนังเพิ่มข้ึนอย างมีนัยสาคัญทางสถิติเป็ น เวลานานถงึ 135 นาที

รายงานของ Beringhs, el at., 2013 ทาการออกแบบสูตรตารับ Green Clay และ Aloe Vera Peel-Off Facial Mask โดยศึก ษ าดู อิท ธิพ ลของ Cereal alcohol - EtOH ( drying accelerator ) , Carbomer ( viscosity agent ) และ Polyvinyl alcohol ( film forming agent ) ที่ความเข มข นต

าง ๆ ทม่ี ผี ลต อคุณสมบตั ทิ างกายภาพ , drying time และความคงตวั ทางเคมกี ายภาพ และทางจุล ชวี วิทยา พบว าสูตรตารบั ท่ีเหมาะสมที่สุดคือสูตรตารบั ที่ประกอบด วย13%w/w PVA, 10%w/w cereal alcohol และไม ใส carbomer

Simchareon, el at., 2013 ท าการออกแบบ สูตรตารับ Peel-off Mask จาก Deproteinized Natural Rubber Latex ซ่ึ ง ใน สู ต รต ารับ ป ระก อ บ ด้ ว ย DNRL, polyvinyl alcohol ( PVA ) แ ล ะ methylcellulose ( MC ) เ ป น film formers, propylene glycol ( PG ) แ ล ะ glycerin เ ป น plasticizer, Tween 80 เป น stabilizer, Paraben concentrate เป น preservative และ สารสาคญั อ่นื ๆ ผ ูวู จิ ยั ศึกษาลกั ษณะทางกายภาพของ Peel-off Mask ในรูปแบบ paste , คุณสมบตั ิเชงิ กล ของแผ นฟ ล ม , ความคงตวั ของตารบั และการระคายเคอื งต อผวิ หนัง พบว าสูตรตารบั ที่ เหมาะสม ประกอบด วย 14% DNRL , 2% PVA, 2.5% MC, 3% PG, 1.5% glycerin, 1.25% Tween 80, 1% Paraben concentrate, 5% tocopheral acetate, 1% aloe vera, 2% jojoba oil, 0.5% tamarind extract

บทที่ 3 วิธีดำเนิ นกำรทดลอง

การดาเนินงานวจิ ยั น้มี ่งุ เนน้ ศกึ ษาเพอ่ื หาวธิ ใี นการผลติ มาสก์สมุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ า ซ่งึ ในบทน้ี จะกลา่ วถงึ ทงั้ วสั ดุ - อุปกรณแ์ ละขนั้ ตอนการดาเนนิ งานอย่างละเอยี ด ดงั น้ี

3.1 วสั ดุ - อุปกรณ์

3.1.1 ใบสะระแหน่ 3.1.2 น้าผง้ึ 3.1.3 ผงขมน้ิ ชนั สาเรจ็ รูป 3.1.4 ผงมาสก์ชนิดลอกออก ( peel-off ) 3.1.5 น้าสะอาด 3.1.6 เคร่อื งปัน่ อเนกประสงค์ 3.1.7 ชอ้ นตกั สาหรบั ทาใตต้ า 3.1.8 ชอ้ นสาหรบั ผสม 3.1.9 ถ้วยตวง 3.1.10 ถ้วยสาหรบั ผสม

3.2 ขนั้ ตอนกำรดำเนินงำน

สว่ นท่ี 1 กำรทดลองทำมำสก์สมนุ ไพรแก้ใต้ตำคลำ้ ออกแบบใหม้ มี าสก์ สมุนไพรแกใ้ ตต้ าคล้าจานวน 3 สูตร ดงั รายละเอยี ดในตาราง

ตำรำงที่ 1.2 ตำรำงกำรออกแบบกำรทดลอง

สูตรท่ี ชนดิ วสั ดุ อตั ราส่วน

1 ใบสะระแหน่ ผงมาสก์ หน้าชนิด 30:40:40 ลอกออก น้าสะอาด

2 น้าผง้ึ ผงมาสก์ หน้าชนดิ ลอก 30:40:40 ออก น้าสะอาด

3 ขมน้ิ ชนั ผงมาสก์ หน้าชนดิ ลอก 30:40:40 ออก น้าสะอาด

มขี นั้ ตอนในการดาเนนิ การ ดงั น้ี

1. ลา้ งใบสะระแหน่ดว้ ยน้าสะอาด จากนนั้ นาใบสะระแหน่ไปปัน่ ใหล้ ะเอยี ด 2. นาใบสะระแหน่ น้าผง้ึ ผงขมน้ิ ชนั มาใส่ถ้วย ปรมิ าณอยา่ งละ 300 มลิ ลลิ ติ ร แลว้ พกั ทง้ิ ไว้ 3. นาผงมาสกช์ นิดลอกออก ( peel-off ) มาผสมกบั น้าใหเ้ ขา้ กนั ดว้ ยอตั ราส่วน 40:40 ทาทงั้ หมด 3 ถ้วย 4. ผสมวตั ถุดบิ ตามสตู รท่ี 1, 2 และ 3

สว่ นที่ 2 กำรทดสอบควำมระคำยเคืองของผิวจำกมำสกส์ มุนไพรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ

1. ทาผลติ ภณั ฑบ์ นทอ้ งแขนทงั้ 2 ขา้ ง ในเวลาเชา้ - เยน็ ติดตอ่ กนั อย่างน้อย 2 - 7 วนั 2. สงั เกตความเปลย่ี นแปลงของผวิ ทใ่ี ต้ทอ้ งแขนในแต่ละวนั ว่ามอี าการระคายเคอื งต่อผวิ หนังหรอื ไม่

ถ้าไมป่ รากฏอาการคนั แสบแดง แหง้ ลอก หรอื ผวิ อกั เสบ กส็ ามารถใชผ้ ลติ ภณั ฑน์ ัน้ ได้

ส่วนที่ 3 ประเมินควำมพงึ พอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์

1. สรา้ งแบบประเมนิ ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑม์ าสก์สมนุ ไพรลดรอยคลา้ ใตต้ าแบบ 5 ระดบั ไดแ้ ก่

5 หมายถงึ พงึ พอใจมากทสี่ ดุ 4 หมายถงึ พงึ พอใจมาก 3 หมายถงึ พงึ พอใจปานกลาง 2 หมายถงึ พงึ พอใจ

นอ้ ย และ 1 หมายถงึ พงึ พอใจนอ้ ยทสี่ ุด 2. ทดลองใชผ้ ลติ ภณั ฑเ์ ป็นเวลา 1 สปั ดาห์ ในเวลาเชา้ - เยน็ โดยการมาสกไ์ ว้ 20 นาที แลว้ ลอกมาสก์ ออก 3. บนั ทกึ ผลและประเมนิ ความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ 4. สรปุ ผลการดาเนินงาน

ตำรำงที่ 1.3 ตำรำงแบบประเมินควำมพงึ พอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์มำสก์สมนุ ไพรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ

สูตร ค่าเฉลยี่ ความพงึ พอใจตอ่ มาสกส์ มุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ า ความชมุ่ ชน้ื ลดรอยคล้าใตต้ า ความกระจ่างใส ลดถงุ ใตต้ า ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ ขมน้ิ ชนั

3.3 สถิติท่ีใช้ในกำรศึกษำ

คา่ เฉลย่ี คานวณจากสตู ร

บทที่ 4

ผลกำรดำเนิ นงำน

4.1 ควำมพึงพอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์มำสกส์ มนุ ไพรลดรอยคลำ้ ใต้ตำ

ตำรำงที่ 1.4 ตำรำงบนั ทึกค่ำเฉลีย่ ควำมพงึ พอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์

สตู ร คา่ เฉลย่ี ความพงึ พอใจตอ่ มาสกส์ มุนไพรลดรอยคล้าใต้ตา ค่าเฉลยี่

ใบสะระแหน่ ความช่มุ ช้นื ลดรอยคล้าใตต้ า ความกระจ่างใส ลดถุงใต้ตา 4.25 น้าผง้ึ 4 ขมน้ิ ชนั 45 35 3.75

54 43

35 43

จากตารางที่ 1.4 พบวา่ มาสก์ใบสะระแหน่ได้รบั ความพงึ พอใจมากทส่ี ดุ รองลงมาคอื มาสก์น้าผง้ึ และมาสก์ ขมน้ิ ชนั แสดงวา่ มาสก์ ใบสะระแหน่สามารถชว่ ยลดรอยคลา้ ใตต้ าไดด้ ที สี่ ุด

ตำรำงท่ี 1.5 ตำรำงแสดงภำพรวมของค่ำเฉล่ยี ควำมพึงพอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์

รายการประเมนิ ค่าเฉลย่ี การแปลผล 1.ความชมุ่ ชน้ื บรเิ วณใต้ตา 4 มากทสี่ ดุ 2.ระยะเวลาทมี่ าสก์ลดรอยคลา้ ใต้ตาไดด้ ี 4.67 มากทส่ี ดุ 3.ความกระจา่ งใสบรเิ วณใตต้ า 3.67 4.ผลติ ภณั ฑม์ าสก์สมุนไพรชว่ ยลดถุงใต้ตา 3.67 มาก 4 มาก รวม มากทสี่ ดุ

จากตารางที่ 1.5 พบว่า ความพงึ พอใจของผใู้ ชผ้ ลติ ภณั ฑม์ าสกส์ มุนไพรลดรอยคลา้ ใต้ตาโดยภาพ รวมอย่ใู น ระดบั มากทส่ี ดุ คอื 4 เม่อื แยกเป็นรายขอ้ พบวา่ ขอ้ ทม่ี คี า่ เฉลย่ี สงู ทีส่ ุด คอื ระยะเวลาทมี่ าสก์ ลดรอยคลาใตต้ าไดด้ ี โดยมคี ่าเฉลย่ี อยใู่ นระดบั มากทสี่ ดุ คอื 4.67 รองลงมาคอื ความช่มุ ช้นื บรเิ วณใต้ตา โดยมคี ่าเฉลยี่ อยู่ในระดบั มากทสี่ ดุ คอื 4 และน้อยทส่ี ุดคอื ความกระจา่ งใสบรเิ วณใต้ตากบั การชว่ ยลดถุง ใตต้ า โดยมคี า่ เฉลย่ี อยู่ในระดบั มากคอื 3.67

ตำรำงกรำฟแนวตงั้ ที่ 1.6 แสดงแผนภมู ิแท่งแนวตงั้ ควำมพึงพอใจของกำรใช้ผลิตภณั ฑ์

65 55 44 5 4 4 3 33

43

2

0

ความช่มุ ชน้ื ลดรอยคลา้ ใตต้ า ความกระจ่างใส ลดถงุ ใตต้ า

ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ ขมน้ิ ชนั

ตำรำงกรำฟแนวนอนท่ี 1.7 แสดงแผนภมู ิแท่งแนวตงั้ ค่ำเฉลี่ยควำมพงึ พอใจของกำรใช้

4.ผลติ ภณั ฑม์ าสกส์ มนุ ไพรชว่ ยลดถุงใตต้ า

3.ความกระจ่างใสบรเิ วณใตต้ า

2.ระยะเวลาทม่ี าสกล์ ดรอยคล้าใตต้ าไดด้ ี

1.ความชมุ่ ชน้ื บรเิ วณใตต้ า

012345 ค่าเฉลย่ี

ผลิตภณั ฑ์

บทท่ี 5

สรปุ ผลกำรวิจยั อภิปรำยผลและเสนอแนะ

5.1 อภิปรำยผลกำรทดลอง

จากการศกึ ษาและทดลองทามาสก์สมุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ า ไดผ้ ลปรากฏว่า มาสก์สมุนไพรลด รอยคลา้ ใต้ตาใชง้ านไดจ้ รงิ และเมอ่ื เปรยี บเทยี บมาสกส์ มุนไพรลดรอยคลา้ ใตต้ าจากสมนุ ไพรซ่งึ เป็นพชื ภูมปิ ัญญาทอ้ งถนิ่ ไดแ้ ก่ ใบสะระแหน่ น้าผง้ึ และขมน้ิ ชนั ทงั้ 3 สตู ร มปี ระสทิ ธภิ าพในดา้ นการลดรอย คลา้ ใต้ตาไดด้ ี และจากการศกึ ษาความพงึ พอใจของการใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ มาสก์ ใบสะระแหน่ไดร้ บั ความพงึ พอใจมากทสี่ ุดรองลงมาคอื มาสกน์ ้าผง้ึ และมาสก์ ขมน้ิ ชนั แสดงวา่ มาสก์ ใบสะระแหน่สามารถช่วยลด รอยคลา้ ใต้ตาไดด้ ที ส่ี ุด

5.2 สรปุ ผลกำรศึกษำ

จากการจดั ทามาสก์สมนุ ไพรลดรอยคล้าใต้ตาพบว่า สามารถนาสมุนไพรทเ่ี ป็นภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ มาใชป้ ระโยชน์ได้จรงิ เช่น ใบสะระแหน่ มาช่วยในการลดรอยคล้าบรเิ วณใต้ตา และยงั มตี ้นทุนทต่ี ่ากว่า การทต่ี อ้ งไปซ้อื มาสกล์ ดรอยคล้าใต้ตาจากตามทอ้ งตลาด ซ่งึ ผลติ ภณั ฑม์ าสก์สมุนไพรลดรอยคลา้ ใต้ตา ของทางคณะผูจ้ ดั ทาสามารถใชง้ านไดจ้ รงิ แต่ต้องใช้ระยะเวลา มขี นั้ ตอนที่สะดวกสบายต่อการใช้งาน เพราะมาสก์ชนดิ น้ีสามารถทาลงบนบรเิ วณใต้ตาแล้วรอจนแหง้ สามารถลอกออกไดท้ นั ทโี ดยไม่ต้องลา้ ง ออก พกพาไปไดท้ กุ ที่

5.3 ขอ้ เสนอแนะ

ผลติ ภณั ฑม์ าสกส์ มนุ ไพรลดรอยคลา้ ใต้ตาเหมาะสาหรบั บคุ คลทม่ี ตี ้นทนุ ต่า เพราะสว่ นประกอบท่ี ใชห้ าไดง้ า่ ยและมรี าคาถูกและเหมาะสาหรบั คนทไี่ มร่ บี ในการใชผ้ ลติ ภณั ฑแ์ ก้ปัญหารอยคล้าใต้ตา เพราะมาสก์สมนุ ไพรตอ้ งใชร้ ะยะเวลาในการรกั ษาแผล 5 - 7 วนั เป็นขนั้ ต่า

เอกสำรอ้ำงอิง

1. แอสเทลลา สตาร์ คลบั . (2562). ขนั้ ตอนกำรทดสอบกำรแพเ้ ครือ่ งสำอำงง่ำย ๆ ดว้ ยตนเอง [ออนไลน์].

สบื คน้ จาก: https://astellacosmetics.com/blog/2019/06/test-allergy-to-cosmetic-easily- by-yourself (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มูล : 21 มถิ ุนายน 2564).

2. รายงานผลการดาเนนิ งานโครงการทานุบารงุ ศลิ ปวฒั นธรรม ของ ผชู้ ่วยศาสตราจารย วรษิ ฎา ศลิ าอ อน

ผชู้ ่วยศาสตราจารย อุษณา พวั เพมิ่ พลู ศริ ิ และ อ.ดร. ชลลดั ดา พชิ ญาจติ ตพิ งษ์ (2558). โครงกำรกำรพฒั นำผลิตภณั ฑ บวั บกเพอ่ื ส งเสริมอุตสำหกรรมบวั บก [ออนไลน์]. สบื คน้ จาก: http://202.28.48.80/webmgr/jupload/uploads/docs/static_250/ns250_537.pdf (วนั ทค่ี น้ ขอ้ มลู : 5 ตลุ าคม 2564).

3. พรหมพฒั น์. (2556). สะระแหน่ สรรพคณุ และประโยชน์ของสะระแหน่ 41 ข้อ ! [ออนไลน์]. สบื คน้ จาก : https://medthai.com/สะระแหน่ (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล : 22 กนั ยายน 2564).

4. พงพฤกษ์ อุดมศกั ด.ิ ์ (2553). ตำรบั สมนุ ไพรไทย: รกั ษำโรค บำรงุ สุขภำพ. กรุงเทพฯ: เลฟิ แอนด์ลพิ เพรส

5. น้ำผงึ้ [ออนไลน์]. สบื คน้ จาก: https://th.m.wikipedia.org/wiki/น้าผง้ึ (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มูล : 30 มถิ นุ ายน 2564).