My annoying brother ค ม ค ง-ฮยอน

นอกจากกิจกรรมในวง ดี.โอ. ยังได้แสดงในละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ต่าง ๆ เช่น Pure Love (2016), My Annoying Brother (2016), Positive Physique (2016), Room No.7 (2017), รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย (2018), ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า, and Swing Kids (2018).'

ชีวิตส่วนตัวและอาชีพ[แก้]

1993–2013: ชีวิตวัยเด็กและการเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิง[แก้]

ดี.โอ.เกิดเมื่อ 12 มกราคม ค.ศ. 1993 ที่ โกยาง จังหวัดคย็องกี ประเทศเกาหลีใต้ ดี.โอ.เข้าศึกษาที่โรงเรียนประถมศึกษาโกยางพยองซาน โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นแพคชิน และโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายแพคซ็อก ดี.โอ.มีพี่ชายชื่อ โด ซึง-ซู ซึ่งมีอายุมากกว่าเขา 3 ปี[ต้องการอ้างอิง] เขาเริ่มร้องเพลงในโรงเรียนประถมศึกษาและมีส่วนร่วมในการแข่งขันร้องเพลงท้องถิ่นตลอดช่วงการศึกษาในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย[ต้องการอ้างอิง]

ในปี 2010 เขาได้รับคำแนะนำให้ออดิชั่นกับค่ายเพลง เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ หลังจากชนะการประกวดร้องเพลงในท้องถิ่น แล้วเขาก็กลายเป็นเด็กฝึกของค่ายเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ในช่วงสองปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการออดิชั่นเขาได้แสดงเพลง "Anticipation" ของ นา ยุนคว็อน และเพลง "My Story" ของ บราวน์ อายด์ โซล

My annoying brother ค ม ค ง-ฮยอน
ดี.โอ. ในงานโชว์เคสภาพยนตร์เรื่อง Swing Kids เดือนพฤศจิกายน 2018

ดี.โอ.ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในฐานะสมาชิกคนที่ 8 ของ เอ็กโซ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2012 และในปีเดียวกันวงเอ็กโซได้เดบิวต์เมื่อวันที่ 8 เมษายนด้วยมินิอัลบั้ม Mama จากนั้นในเดือนกรกฎาคมปี 2013 เขาได้ร่วมร้องในเพลง "Goodbye Summer" ของ เอฟ(เอกซ์) ในอัลบั้ม Pink Tape และในเดือนธันวาคมปี 2013 ดี.โอ.และสมาชิกในวงเอ็กโซประกอบด้วย แบ็กฮย็อน และ เฉิน (นักร้อง) ได้ร่วมกันร้องเพลงโปรโมทของวงในมินิอัลบั้ม Miracles in December

2014–ปัจจุบัน: นักแสดงนำ[แก้]

ในเดือนกันยายนปี 2014 ดี.โอ.ได้เดบิวต์ผลงานด้านการแสดงด้วยบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์เรื่อง Cart โดยรับบทเป็นนักเรียนมัธยมปลายและเป็นลูกชายของพนักงานขายของชำและสมาชิกสหภาพ(รับบทโดย ยัม จุง-อา) ภาพยนตร์ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Toronto International Film Festival 2014 นอกจากนี้เขายังร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ในเพลง "Crying Out" อีกด้วย ต่อจากนั้นในปี 2014 ดี.โอ.ได้เดบิวต์ในละครโทรทัศน์โดยเป็นนักแสดงสมทบ ในละครเรื่อง It's Okay, That's Love ทางช่อง เอสบีเอส ซึ่งมีนักแสดงนำคือ กง ฮโย-จิน และ โช อิน-ซ็อง อีกทั้งดี.โอ.ยังได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ภาพยนตร์ ฮอ จีอุง จากการแสดงละครเรื่องนี้ด้วย และต่อมาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล Baeksang Arts Awards ครั้งที่ 51

ในเดือนมิถุนายนปี 2015 ดี.โอ.ได้เป็นนักแสดงรับเชิญในละครเรื่อง Hello Monster ของช่อง เคบีเอส ซึ่งรับบทเป็นฆาตกรโรคจิต ในเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ดี.โอ.ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัล Grand Bell Awards ครั้งที่ 52 จากบทบาท แทยอง ในภาพยนตร์เรื่อง Cart

ในเดือนมกราคมปี 2016 ดี.โอ.ได้เป็นหนึ่งในนักแสดงนำในภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง Underdog ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์ในปี 2019 เขาพากย์เสียงเป็น มุงชิ สุนัขจรจัดที่ถูกเจ้าของทิ้ง ในเดือนกุมภาพันธ์ 2016 เขาได้ทำงานร่วมกับ ยู ยอง-จิน ในผลงานเพลง "Tell Me (What Is Love)" สำหรับโปรเจกต์เอสเอ็มสเตชัน ของค่ายเอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนต์ ก่อนหน้านี้เขาเคยแสดงเพลงนี้เวอร์ชันสั้นๆ ในการแสดงโซโล่ของคอนเสิร์ต EXO from Exoplanet 1 – The Lost Planet ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตแรกของวงเอ็กโซ และในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ดี.โอ. ได้รับบทนักแสดงนำชายคู่กับนักแสดงนำหญิง คิม โซ-ฮย็อน ในภาพยนตร์เรื่อง Pure Love ในเดือนตุลาคมปี 2016 ดี.โอ.ได้รับบทนักแสดงนำคู่กับ แชซอจิน ในเว็บดราม่าเรื่อง Be Positive โดย ซัมซุง. และเว็บดราม่าเรื่องนี้ยังกลายเป็นเว็บดราม่าที่มีคนดูมากที่สุดตลอดกาลของประเทศเกาหลีใต้ ในเดือนพฤศจิกายนปี 2016 ดี.โอ.ได้แสดงนำแสดงร่วมกับ โจ จอง-ซอก และ พัก ชิน-ฮเย ในภาพยนตร์เรื่อง My Annoying Brother ซึ่งรับบทเป็นนักกีฬายูโดระดับชาติ นอกจากนั้น ดี.โอ.และโจ จองซอก ยังได้ร่วมกันร้องเพลง "Don't Worry" สำหรับประกอบภาพยนตร์อีกด้วย และ ดี.โอ.ยังได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจาก Blue Dragon Film Awards ในหนึ่งปีต่อมาจากการแสดงของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้

ในปี 2017 ดี.โอ.ได้แสดงนำในภาพยนตร์ระทึกขวัญตลกเรื่อง Room No.7 ในปีเดียวกันเขาได้รับบทนักแสดงสมทบในภาพยนตร์ของ คิม ยง-ฮวา เรื่อง ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ซึ่งเป็นการดัดแปลงจากการ์ตูนทางอินเทอร์เน็ตเรื่อง Along with the Gods เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัยฝ่าแดนปรโลกทั้งเจ็ดเพื่อส่งดวงวิญญาณภายในเวลา 49 วัน

ในปี 2018 ดี.โอ.ได้แสดงนำในเรื่อง Swing Kids เป็นภาพยนตร์ในค่ายกักกันของเกาหลีเหนือในช่วงสงครามเกาหลี เขารับบทเป็นทหารเกาหลีเหนือที่ตกหลุมรักการเต้นแท็ปท่ามกลางความวุ่นวายทั้งหมด ในปีเดียวกันนั้น เขาได้เป็นนักแสดงนำในละครโทรทัศน์เป็นครั้งแรก โดยรับบทเป็นองค์รัชทายาท ในละครเรื่อง รัก 100 วันของฉันและองค์ชาย และละครเรื่องนี้ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากได้กลายเป็นละครเกาหลีที่เรตติ้งสูงสุดติดอันดับที่ 5 ในประวัติศาสตร์ละครเกาหลีช่องเคเบิลทีวี