ข อสอบ las ส ออนไลน ว ทยาศาสตร ม ป 2558

บัณฑติ แนะแนว คมั ภีร์พิชิตขอ้ สอบ ป.4 วิชาวิทยาศาสตร์ 1 คาํ นาํ การสรา้ งองค์ความรู้เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นมที กั ษะพืน้ ฐานในแตล่ ะเนือ้ หาวชิ า และสามารถนาํ ไปปรับใชใ้ นการแกป้ ญั หา ของการสอบในทุกระดบั เชน่ การสอบวดั ผลของสถานศึกษา, การสอบ ONET/LAS/NT, การสอบคัดเลอื กเข้าเรยี นตอ่ รวมถึงการสอบแข่งขนั เพ่ือวัดความเปน็ เลิศหรือชงิ ทนุ การศึกษา จําเป็นต้องอาศยั สื่อการเรียน-การสอนท่คี รบถ้วน และมีคุณภาพเพียงพอ สํานกั งานบัณฑิตแนะแนวจึงไดผ้ ลติ “ชดุ เรยี นรอู้ ัจฉริยะ” เพื่อตอบสนองวัตถปุ ระสงค์ ขา้ งต้น โดยภายในชดุ เรียนรู้แตล่ ะวิชาจะมีองคป์ ระกอบ 3 ประการ คือ 1. หนงั สอื ชุดคมั ภีร์ เปน็ ตําราสาํ หรบั ใชศ้ กึ ษาและทบทวนความร้ดู ้วยตนเอง, 2. สือ่ บนั ทกึ การสอน เปน็ คลปิ วิดีโอออนไลนโ์ ดยคณาจารย์ที่เชี่ยวชาญ ในแตล่ ะวชิ าท่สี อนให้เขา้ ใจบทเรยี นอยา่ งละเอยี ด ลึกซง้ึ และนา่ ตดิ ตาม, 3. คลงั โจทยอ์ อนไลน์ สําหรบั ใชท้ ดสอบ และวดั ผลความรู้เพอ่ื ประเมนิ ศักยภาพของผู้เรยี นไดต้ ลอดเวลา โดยจดั ทําชุดเรียนรูด้ งั กลา่ วแยกเป็น 3 ส่วน ดงั นี้ -หนงั สอื “คัมภีร์สรุปเนอ้ื หา” ซ่งึ สามารถใช้ควบคู่กับ “คลิปวดิ ีโอการสอนออนไลน์คอรส์ สรุปเนื้อหา” -หนงั สือ “คมั ภรี ต์ ะลุยโจทย์” ซง่ึ สามารถใชค้ วบคกู่ ับ “คลิปวิดีโอการสอนออนไลน์คอร์สตะลยุ โจทย์” -หนงั สือ “คัมภรี พ์ ชิ ติ ข้อสอบ” ซ่ึงสามารถใช้ควบคู่กับ “คลังโจทย์ออนไลน”์ ของบัณฑติ แนะแนว ทัง้ น้ี ผูเ้ รยี นสามารถเลอื กใช้เฉพาะหนังสือเล่มใดเลม่ หนงึ่ ตามทีต่ ้องการ หรือจะใชบ้ ริการออนไลนป์ ระเภท “คลปิ วิดโี อการสอน” หรือ “คลังโจทยอ์ อนไลน”์ เพิม่ ควบคไู่ ปด้วยเพอ่ื ความครบถ้วนสมบูรณย์ ง่ิ ขึน้ กไ็ ด้ สาํ หรบั “คัมภรี พ์ ชิ ิตขอ้ สอบ” เลม่ นี้ เปน็ หนังสอื คมู่ อื เตรียมสอบแนวใหม่ ทร่ี วบรวมแนวข้อสอบ NT-ONET, ขอ้ สอบปลายปี และข้อสอบคัดเลอื กเขา้ เรยี นต่อจรงิ ของสถาบนั ชน้ั นาํ ทว่ั ประเทศ ทงั้ ในหลกั สูตรปกติ และหลกั สูตร EP & GIFTED อยา่ งครบถ้วน พร้อมเฉลยละเอียด เหมาะสําหรบั ใชฝ้ กึ ทําเพอ่ื ทบทวนความรู้ใน แต่ละวิชา และทดสอบตัวเองก่อนการสอบจริงจะมาถงึ ซ่ึงหากลงทะเบียนเขา้ ใช้งาน “คลังโจทย์ออนไลน์” เพิ่ม ก็จะทําใหไ้ ดร้ บั ประโยชน์ยงิ่ ข้ึนและชว่ ยใหป้ ระสบความสําเรจ็ ในการพชิ ิตข้อสอบในท่สี ุด อนึง่ เม่ือท่านใช้บรกิ ารแลว้ พบขอ้ บกพร่องหรือมีข้อเสนอแนะประการใด โปรดแจง้ ให้ทราบดว้ ย เพื่อจะได้ปรับปรุงให้ดียิ่งขึน้ ในโอกาสตอ่ ไป สาํ นักงานบัณฑติ แนะแนว คมั ภีรพ์ ชิ ติ ขอ้ สอบ ป.4 วิชาวิทยาศาสตร์ กองบรรณาธิการ : ไพจิตร ศภุ พมิ ล สิทธชิ ัย นยิ มสทิ ธิ์ วภิ าพร ประมวล นันท์ปภัสร์ โปกุล เพยาว์ ชาวบา้ นซอ่ ง สุจิตตา ไชยจนั ลา เพชรไพลนิ รอดนาค ประไพพร ไขม่ ่วง วฒุ ิภทั ร จนั ทรน์ าค ธีรยทุ ธ พงษ์ศิรริ ตั น์ ปรดี าวรรณ ชลชพี ภทั รพล รอดนาค เจ้าของ : สาํ นกั งานบณั ฑติ แนะแนว โทรศัพท์ 02-2794808 แฟกซ์ 02-6171820 เลขท่ี 1033/4 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม. 10400 พิมพท์ ี่ : ห้างหนุ้ สว่ นจํากัดรงุ่ เรอื งสาส์นการพมิ พ์ เลขท่ี 195/6 หมู่ 5 ซอยพุทธบูชา 44 แขวงบางมด เขตทงุ่ ครุ กทม. 10140 โทรศพั ท์ 02-8706301-3 สงวนลขิ สทิ ธติ์ ามพระราชบัญญัติลขิ สิทธ์ิ (ฉบับเพ่มิ เตมิ ) พ.ศ.2558 : ห้ามลอกเลยี น คัดลอก จัดพิมพ์ หรอื ทําซ้ํา ไม่ว่าสว่ นใดสว่ นหนงึ่ ของหนังสือเล่มนกี้ อ่ นได้รบั อนุญาตเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษร

2 บณั ฑิตแนะแนว คมั ภรี พ์ ิชติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ สารบัญ ส่วนที่ 1 : แนวข้อสอบ NT&ONET ชัน้ ป.4 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชดุ ท่ี 1) แนวข้อสอบ NT & ONET ชนั้ ป.4.....................................................3 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชุดที่ 2) แนวข้อสอบ NT & ONET ชน้ั ป.4 ....................................................9 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชุดที่ 3) แนวข้อสอบ NT & ONET ชนั้ ป.4 ................................................. 15 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชุดที่ 4) แนวข้อสอบ NT & ONET ชนั้ ป.4 ................................................. 21 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชุดที่ 5) แนวข้อสอบ NT & ONET ชน้ั ป.4 ................................................. 27 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชดุ ที่ 6) แนวข้อสอบ NT & ONET ชนั้ ป.4 ................................................. 33 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชดุ ที่ 7) แนวข้อสอบ NT & ONET ชน้ั ป.4 ................................................. 39 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชดุ ที่ 8) แนวข้อสอบ NT & ONET ชน้ั ป.4 ................................................. 47 ส่วนท่ี 2 : แนวขอ้ สอบปลายปีเพอ่ื เรียนตอ่ ช้นั ป.5 ของโรงเรียนชัน้ นํา - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชดุ ท่ี 9-10) แนวข้อสอบของหลกั สตู รปกติ................................................. 53 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 11-12) แนวข้อสอบของหลักสูตรปกติ................................................ 73 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชดุ ท่ี 13-14) แนวข้อสอบของหลกั สูตรปกติ ............................................... 93 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 15) แนวข้อสอบของหลกั สูตรปกติ...................................................107 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 16) แนวขอ้ สอบของหลกั สตู ร EP&GIFTED และ พเิ ศษอืน่ ๆ...........115 - วิชาวิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 17) แนวขอ้ สอบของหลกั สูตร EP&GIFTED และ พิเศษอื่นๆ...........123 - วชิ าวิทยาศาสตร์ (ชดุ ท่ี 18) แนวข้อสอบของหลกั สตู ร EP&GIFTED และ พิเศษอน่ื ๆ...........135 สว่ นที่ 3 : เฉลยแนวขอ้ สอบ - เฉลยแนวขอ้ สอบ NT & ONET ชน้ั ป.4 .....................................................................................146 - เฉลยแนวข้อสอบปลายปีเพื่อเรยี นต่อ ชน้ั ป.5 ของโรงเรียนชั้นนาํ ...........................................177 ซ.พหลโย ิธน 2 TV สีชอ ง 5 ไป ิดนแดง ซ.พหลโย ิธน 3 ไปสะพานควาย สถานรี ถไฟฟา ถ.พหลโยธิน ไปราชเทวี สนามเปา BTS รพ.พญาไท 2 ซ.พหลโย ิธน 1 ถ.ราช ิว ีถ รพ.ราชวถิ ี รพ.พระมงกฎุ สํานักงานบัณฑิตแนะแนว 1033/4 ถ.พหลโยธนิ สามเสนใน พญาไท กทม. 10400 เวลาทํางาน 08.00-17.00 น. Website : www.bunditnaenaew.com ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์ เปิดทุกวนั (จนั ทร-์ อาทติ ย์) โทรศัพท์ 02-2794808 แฟกซ์ 02-6171820 ฝ่ายประสานงานโรงเรียน-รา้ นค้า เปดิ เฉพาะวันจันทร-์ วันศกุ ร์ โทรศพั ท์ 02-2794433 แฟกซ์ 02-2796611

บัณฑิตแนะแนว คมั ภรี ์พิชิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 3 บัณฑิตแนะแนว วชิ า วิทยาศาสตร์ (ชดุ ที่ 1) แนวขอสอบเสรมิ ประสบการณร ะดับประถมศกึ ษา ชอื่ -นามสกลุ .................................................................... เลขทีน่ ง่ั สอบ.......................................... สถานทส่ี อบ..................................................................... หอ้ งสอบ................................................. __________________________________________________________________________ คําอธิบาย 1. ข้อสอบชุดนี้ มจี าํ นวน 30 ข้อ คะแนนเตม็ 30 คะแนน ให้เวลาทาํ 30 นาที 2. ในการทาํ ขอ้ สอบ ให้เลือกคาํ ตอบทถ่ี ูกตอ้ งหรือเหมาะสมที่สุด เพียงคาํ ตอบเดียว กรณขี อ้ ใด ไมม่ ตี ัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งใหต้ อบตวั เลือกท่ี 5) แทน 3. นักเรยี นจะต้องพยายามทําข้อสอบและจบั เวลาเหมอื นกับการสอบแข่งขันจริง หา้ มใช้เวลาสอบเกนิ ท่ีกําหนดและหา้ มเปดิ ตําราดู หรอื นําอปุ กรณช์ ว่ ยในการคดิ คาํ นวณมาใช้ เดด็ ขาด ท้งั นเ้ี พื่อประโยชนใ์ นการทดสอบวดั ความรขู้ องตัวนกั เรียนเอง (อาจใหผ้ ู้ปกครองช่วย ควบคุมการสอบ หรืออาจใชน้ าฬกิ าปลกุ ตงั้ เวลากไ็ ด)้ เม่อื หมดเวลาสอบ ใหต้ รวจคะแนนจาก ส่วนเฉลย เรอ่ื งใดทําไม่ได้หรือทาํ ผิดใหก้ ลับไปอา่ นหนังสือทบทวนใหม่ ข้อสอบชุดนี้จดั ทําขึ้นโดยรวบรวม-ปรบั ปรุงมาจาก “คลังขอ้ สอบระดบั ประถมศึกษา 10 ปีลา่ สดุ ” ของบัณฑติ แนะแนว ซง่ึ เคยผา่ นการใช้ทดสอบนักเรียนทว่ั ประเทศกวา่ 50,000 คน มาแล้ว จงึ เหมาะท่จี ะใช้ ทบทวนความรแู้ ละวดั ผลตนเอง เพ่อื พัฒนาความเปน็ เลิศในแตล่ ะวิชาและเตรยี มสอบแขง่ ขนั ในทุกสนาม

4 บัณฑิตแนะแนว คมั ภีรพ์ ิชติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวิทยาศาสตร์ กระดาษคําตอบ วชิ า.............................................................. ชุดท.่ี ............... 1 c d e f g 26 c d e f g 51 c d e f g 76 c d e f g 2 c d e f g 27 c d e f g 52 c d e f g 77 c d e f g 3 c d e f g 28 c d e f g 53 c d e f g 78 c d e f g 4 c d e f g 29 c d e f g 54 c d e f g 79 c d e f g 5 c d e f g 30 c d e f g 55 c d e f g 80 c d e f g 6 c d e f g 31 c d e f g 56 c d e f g 81 c d e f g 7 c d e f g 32 c d e f g 57 c d e f g 82 c d e f g 8 c d e f g 33 c d e f g 58 c d e f g 83 c d e f g 9 c d e f g 34 c d e f g 59 c d e f g 84 c d e f g 10 c d e f g 35 c d e f g 60 c d e f g 85 c d e f g 11 c d e f g 36 c d e f g 61 c d e f g 86 c d e f g 12 c d e f g 37 c d e f g 62 c d e f g 87 c d e f g 13 c d e f g 38 c d e f g 63 c d e f g 88 c d e f g 14 c d e f g 39 c d e f g 64 c d e f g 89 c d e f g 15 c d e f g 40 c d e f g 65 c d e f g 90 c d e f g 16 c d e f g 41 c d e f g 66 c d e f g 91 c d e f g 17 c d e f g 42 c d e f g 67 c d e f g 92 c d e f g 18 c d e f g 43 c d e f g 68 c d e f g 93 c d e f g 19 c d e f g 44 c d e f g 69 c d e f g 94 c d e f g 20 c d e f g 45 c d e f g 70 c d e f g 95 c d e f g 21 c d e f g 46 c d e f g 71 c d e f g 96 c d e f g 22 c d e f g 47 c d e f g 72 c d e f g 97 c d e f g 23 c d e f g 48 c d e f g 73 c d e f g 98 c d e f g 24 c d e f g 49 c d e f g 74 c d e f g 99 c d e f g 25 c d e f g 50 c d e f g 75 c d e f g 100c d e f g หลกั เกณฑใ์ นการประเมนิ ผล ระดบั ท่ี 1 กรณีทาํ คะแนนไดต้ า่ํ กวา่ 30%......................= อ่อนมาก ระดบั ที่ 2 กรณที าํ คะแนนไดร้ ะหวา่ ง 30-40%.............= ออ่ น ระดบั ท่ี 3 กรณที าํ คะแนนได้ระหว่าง 41-50%.............= พอใช้ ระดบั ที่ 4 กรณที าํ คะแนนไดร้ ะหว่าง 51-60%.............= เกือบดี ระดับที่ 5 กรณที าํ คะแนนไดร้ ะหวา่ ง 61-70%.............= ดี ระดับท่ี 6 กรณีทําคะแนนไดม้ ากกวา่ 70%...................= ดมี าก

บณั ฑิตแนะแนว คมั ภีรพ์ ชิ ิตขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 5 1. สารในขอ ใดที่มคี ุณสมบัตเิ ปนกรดทงั้ หมด 2) น้ํายาลางหองนาํ้ โซดาซักผา 1) น้าํ ข้เี ถา น้ําโซดา 4) นํ้ามะนาว ผงฟู 3) นาํ้ สม สายชู นาํ้ อัดลม 2. ความดนั 1 บรรยากาศมคี าเทา ใด 2) 76 มลิ ลเิ มตรปรอท 1) 760 มิลลิเมตรปรอท 4) 7.6 เซนตเิ มตรปรอท 3) 760 เซนตเิ มตรปรอท 3. พืชในขอ ใดมีรากแกวทั้งหมด 2) มะมว ง สม โอ ลาํ ไย 1) มะพรา ว ไผ ชบา 4) ตน หอม สับปะรด ขนึ้ ฉาย 3) กลวย หอมหวั ใหญ ผักชี 4. จากสมมติฐานที่กลา ววา “ถา แสงมีผลตอ การเจริญเติบโตของพืชแลว พชื ทไ่ี ดรบั แสงจะเจรญิ เติบโตไดดีกวา พืช ท่ีไมไดร ับแสง” ขอใดเปนตัวแปรตามของการทดลองนี้ 1) ปริมาณนาํ้ ทรี่ ด 2) ชนิดของดิน 3) แสงแดด 4) การเจริญเตบิ โตของพชื 5. รากเกาะเปนรากทพี่ บในพชื ชนิดใด 2) กาฝาก 1) กลว ยไม 4) กระชาย 3) พรกิ ไทย 6. พืชในขอ ใดมีดอกเปนอวยั วะสบื พันธุ 2) สน 1) ปรง 4) แหน 3) มอส 7. ดอกไมใ นขอ ใดมลี กั ษณะเปน ดอกชอท้ังหมด 2) ดอกเข็ม ดอกดาวกระจาย 1) ดอกพวงชมพู ดอกเข็ม 4) ดอกชบา ดอกแค 3) ดอกกลว ยไม ดอกทวิ ลิป 8. ขอ ใดตอ ไปนกี้ ลาวผิด 1) สว นท่ีชว ยปอ งกันอนั ตรายจากแมลงและจลุ ินทรีย คือ ใบเลี้ยง 2) เนือ้ มะพราวคอื สว นทเี่ รยี กวา กาบมะพราว 3) ใบเล้ียงของเมล็ดถ่ัวอยทู ่ีเนือ้ ของเมล็ด 4) เราเรยี กเปลือกของขาวเปลอื กวา แกลบ 9. ในการออกดอกและผลของพืชขนึ้ อยูกบั ปจจัยของการเจรญิ เติบโตตามขอ ใดมากทีส่ ุด 1) การไดร ับปรมิ าณแสงแดดอยา งเพียงพอ 2) การไดรบั ปริมาณน้ําทพี่ อเหมาะและเปนเวลา 3) การเลือกดินทเ่ี หมาะสมกบั ชนดิ ของตนพชื และหมั่นพรวนดนิ อยูเสมอ 4) การจัดวางตนพชื ใหอ ยูใ นบริเวณที่มอี ากาศถายเทสะดวกและมอี ณุ หภูมเิ หมาะสม

6 บัณฑิตแนะแนว คัมภรี ์พชิ ิตขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 10. “คณุ แมข า เวลาเราดํานา้ํ ไปดปู ะการงั ใตท ะเล ชางสวยงามจริงๆ เลยคะ” คําท่ขี ีดเสนใตจ ดั อยูในกลมุ ใด 1) พชื นํา้ ท่มี ลี าํ ตน แข็งและตัน 2) สัตวไ มมกี ระดกู สันหลังชนดิ มรี พู รุนพวกฟองนาํ้ 3) พืชนา้ํ ทม่ี ีลาํ ตวั เปน โพรง 4) สตั วไมมกี ระดูกสนั หลงั ชนดิ ลาํ ตัวมีโพรง 11. ขอ ใดกลาวถกู ตอง 1) สตั วเ ล้ยี งลูกดวยนาํ้ นมเปนสัตวท่ีมวี ิวฒั นาการสูงทส่ี ดุ จะออกลกู เปนตัวท้ังหมด 2) พยาธิ คอื สัตวท ีเ่ ปน ประเภทหนอนตัวกลมและหนอนตวั แบน 3) ไสเดือนเปน สตั วทีม่ ี 2 เพศ ในตัวเดยี วกันจึงสามารถผสมพนั ธภุ ายในตัวเดียวกันได 4) คางคาวเปน สัตวปก ที่ออกหากนิ ในเวลากลางคืนเนอ่ื งจากมีประสาทตาที่มีความไวตอแสงมาก 12. การสืบพนั ธุแบบไมอ าศัยเพศในขอใดทไ่ี มสัมพนั ธก นั 1) การแตกหนอ - ไฮดรา 2) การขาดจากกันเปน ทอน - พยาธติ วั ตืด 3) การงอกใหม - จิง้ จก 4) การแบงตวั - พารามเี ซียม 13. สัตวจ ําพวกโค และกระบือซึง่ จัดอยูในประเภทสตั วเศรษฐกจิ นิยมขยายพนั ธุดวยวธิ กี ารใด 1) การถา ยฝากตวั ออ น 2) การผสมพันธตุ ามธรรมชาติ 3) การโคลนนิ่ง 4) การผสมพันธแุ บบสายเลือดชดิ 14. ส่ิงมชี วี ิตไมวา จะเปน พชื จลุ นิ ทรีย หรือสัตว จะมคี ณุ สมบตั ิท่ีสาํ คัญที่สุดตามขอใด 1) การลาํ เลยี งสาร 2) การเคลือ่ นไหว 3) การถา ยทอดลักษณะทางพันธกุ รรม 4) การสบื พันธุ 15. มนษุ ยโลกมีนาํ้ สะอาดใชใ นการดํารงชีวติ ซึ่งเกิดจากสาเหตุในขอใดสาํ คญั ท่สี ุด 1) การบําบัดน้าํ เสีย 2) การกรอง 3) การเปลย่ี นสถานะ 4) การกลน่ั 16. การกระทําในขอใดทาํ ใหเกดิ การเปลยี่ นแปลงตอโลกมากทีส่ ดุ 1) การระเบดิ ภูเขา 2) การตัดไมทาํ ลายปา 3) การขุดเจาะทาํ เหมอื งแร 4) การตดั ถนน และกอ สราง 17. ตามแนวพระราชดําริ “เศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจาอยหู ัว ในการใชพ ื้นที่เพาะปลูกที่มีอยู อยา งจาํ กดั เราควรกระทําการตามขอ ใด ก. อนรุ กั ษดนิ ข. พฒั นาดนิ ค. อนรุ กั ษตนนํา้ ลําธาร ง. พัฒนาแหลงนา้ํ ขอ ใดถูกตอง 1) ก. และ ข. 2) ก. และ ค. 3) ก. และ ง. 4) ข. และ ง.

บัณฑิตแนะแนว คัมภีรพ์ ิชติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวิทยาศาสตร์ 7 18. ครู : นกั เรยี นทราบไหมคะ วาภาพทค่ี รูแสดงอยนู ค้ี อื ภาพอะไร นกั เรยี น : แกรนด แคนยอน คะ ครู : ใชแลวคะ แกรนด แคนยอนเกิดจากการกดั กรอ นหินทรายจนเปน ธารนา้ํ ลึกถึงหนง่ึ ไมล จากบทสนทนาขา งตน ปจจยั สาํ คัญท่ที ําใหเ กดิ การเปล่ียนแปลงดังกลา วคือขอใด 1) กระแสลม 2) กระแสนาํ้ 3) การกระทาํ ของมนษุ ย 4) การเคลือ่ นไหวของเปลือกโลก 19. ถาตอ งการสรางบา นโดยใหพ้ืนบา นมคี วามแขง็ แรงมากๆ นกั เรยี นควรเลอื กใชหนิ ชนดิ ใด 1) หนิ ออ น 2) หนิ แกรนิต 3) ศิลาแลง 4) หนิ ทราย 20. ถา นกั เรียนเดนิ ทางไปในยานอวกาศ นักเรยี นจะสามารถมองเห็นดาวฤกษไ ดเ มอ่ื ใด 1) เวลากลางวัน 2) เวลากลางคนื 3) เวลารงุ เชาและใกลค าํ่ 4) ตลอดเวลา 21. ระยะหางจากดวงอาทิตยถ ึงโลกประมาณเทาใด 2) 8 วนิ าทแี สง 1) 1 ช่วั โมงแสง 4) 8 ชวั่ โมงแสง 3) 8 นาทีแสง 22. กลมุ ดาวจกั รราศจี ะปรากฏตามแนวใดบนทรงกลมทอ งฟา 1) เสนศนู ยสูตร 2) ระนาบของกาแล็กซที างชางเผอื ก 3) เสนขอบฟา 4) เสนสรุ ิยะวถิ ี 23. เม่ือใดท่ีรางกายไดประโยชนจ ากอาหารแนน อน 2) เมอ่ื ถกู ลาํ เลียงเขา สกู ระแสโลหิต 1) เมือ่ ถูกสลายใหไดพลังงานเกดิ ขน้ึ 4) เม่ืออาหารถกู เกบ็ สะสมไวในเซลล 3) เม่ือถูกยอ ยในลาํ ไสเ รียบรอยแลว 24. ขอความใดตอไปน้ีไมใชค ณุ สมบัติของวติ ามนิ 2) ใหพ ลังงานและความอบอนุ แกร างกาย 1) จาํ เปนอยา งยิ่งตอ สขุ ภาพของคนและสตั ว 4) ควบคุมการทํางานของระบบตา งๆ ใหเปน ปกติ 3) ทําใหร า งกายแข็งแรงและเจรญิ เติบโต 25. เมื่อรา งกายอยูใ นสภาพอดอาหารนานๆ สารอาหารในขอใดจะถูกดึงมาใชเ ปนอันดบั หลังสุด 1) โปรตนี 2) คารโ บไฮเดรต 3) ไขมนั 4) วิตามินและเกลอื แร 26. อวัยวะในขอ ใดจะทํางานสัมพนั ธกัน เม่อื รา งกายเกดิ การหายใจเขาและหายใจออก 1) กระดูกซี่โครงและปอด 2) ปอดและกะบงั ลม 3) กะบงั ลมและกระดูกซโี่ ครง 4) กะบงั ลมและถุงลม 27. “นายเดชถูกกลมุ ผกู อ การรา ยยิงและฟน ท่รี างกายทาํ ใหเ สยี เลือดมาก แตตอนน้ีพน ขีดอนั ตรายแลว อยใู นระหวา ง พกั รักษาตัว” นกั เรยี นจะแนะนํานายเดชใหบริโภคอาหารในขอใด 1) ปูทะเล, ปลาทู และถัว่ เหลือง 2) เครอื่ งในสัตว, ถั่วเหลือง และไขไ ก 3) ปลาชอน, เนย และนม 4) ผักสด, นม และไขไ ก

8 บณั ฑติ แนะแนว คัมภรี พ์ ิชติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 28. เมือ่ ใหแหลงกาํ เนดิ แสงเคลือ่ นทผ่ี านวัตถุในขอใดจะมีปริมาณแสงท่สี องผานออกมาไดนอยท่สี ดุ 1) แผนพลาสติกใส 2) แผน เหล็ก 3) กระจกฝา 4) กระดาษวา ว 29. การหักเหของแสงผา นตัวกลางในขอใดถกู ตอ งตามกฎการหักเหของแสง อากาศ นํ้า 1) 2) น้ํา แกว อากาศ แกว 3) 4) แกว อากาศ 30. กระแสไฟฟา ที่ไดจากการใชถ านไฟฉายคือขอใด 2) ไฟฟา กระแสหมนุ 1) ไฟฟา กระแสตรง 4) ไฟฟากระแสสลับ 3) ไฟฟากระแสโคง ————————————————————

บัณฑิตแนะแนว คมั ภรี ์พิชิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 9 บัณฑิตแนะแนว วชิ า วิทยาศาสตร์ (ชดุ ที่ 2) แนวขอสอบเสรมิ ประสบการณร ะดับประถมศกึ ษา ชอื่ -นามสกลุ .................................................................... เลขทีน่ ง่ั สอบ.......................................... สถานทส่ี อบ..................................................................... หอ้ งสอบ................................................. __________________________________________________________________________ คําอธิบาย 1. ข้อสอบชุดนี้ มจี าํ นวน 30 ข้อ คะแนนเตม็ 30 คะแนน ให้เวลาทาํ 30 นาที 2. ในการทาํ ขอ้ สอบ ให้เลือกคาํ ตอบทถ่ี ูกตอ้ งหรือเหมาะสมที่สุด เพียงคาํ ตอบเดียว กรณขี อ้ ใด ไมม่ ตี ัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งใหต้ อบตวั เลือกท่ี 5) แทน 3. นักเรยี นจะต้องพยายามทําข้อสอบและจบั เวลาเหมอื นกับการสอบแข่งขันจริง หา้ มใช้เวลาสอบเกนิ ท่ีกําหนดและหา้ มเปดิ ตําราดู หรอื นําอปุ กรณช์ ว่ ยในการคดิ คาํ นวณมาใช้ เดด็ ขาด ท้งั นเ้ี พื่อประโยชนใ์ นการทดสอบวดั ความรขู้ องตัวนกั เรียนเอง (อาจใหผ้ ู้ปกครองช่วย ควบคุมการสอบ หรืออาจใชน้ าฬกิ าปลกุ ตงั้ เวลากไ็ ด)้ เม่อื หมดเวลาสอบ ใหต้ รวจคะแนนจาก ส่วนเฉลย เรอ่ื งใดทําไม่ได้หรือทาํ ผิดใหก้ ลับไปอา่ นหนังสือทบทวนใหม่ ข้อสอบชุดนี้จดั ทําขึ้นโดยรวบรวม-ปรบั ปรุงมาจาก “คลังขอ้ สอบระดบั ประถมศึกษา 10 ปีลา่ สดุ ” ของบัณฑติ แนะแนว ซง่ึ เคยผา่ นการใช้ทดสอบนักเรียนทว่ั ประเทศกวา่ 50,000 คน มาแล้ว จงึ เหมาะท่จี ะใช้ ทบทวนความรแู้ ละวดั ผลตนเอง เพ่อื พัฒนาความเปน็ เลิศในแตล่ ะวิชาและเตรยี มสอบแขง่ ขนั ในทุกสนาม

10 บัณฑติ แนะแนว คัมภีร์พชิ ิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ กระดาษคาํ ตอบ วิชา.............................................................. ชุดท.ี่ ............... 1 c d e f g 26 c d e f g 51 c d e f g 76 c d e f g 2 c d e f g 27 c d e f g 52 c d e f g 77 c d e f g 3 c d e f g 28 c d e f g 53 c d e f g 78 c d e f g 4 c d e f g 29 c d e f g 54 c d e f g 79 c d e f g 5 c d e f g 30 c d e f g 55 c d e f g 80 c d e f g 6 c d e f g 31 c d e f g 56 c d e f g 81 c d e f g 7 c d e f g 32 c d e f g 57 c d e f g 82 c d e f g 8 c d e f g 33 c d e f g 58 c d e f g 83 c d e f g 9 c d e f g 34 c d e f g 59 c d e f g 84 c d e f g 10 c d e f g 35 c d e f g 60 c d e f g 85 c d e f g 11 c d e f g 36 c d e f g 61 c d e f g 86 c d e f g 12 c d e f g 37 c d e f g 62 c d e f g 87 c d e f g 13 c d e f g 38 c d e f g 63 c d e f g 88 c d e f g 14 c d e f g 39 c d e f g 64 c d e f g 89 c d e f g 15 c d e f g 40 c d e f g 65 c d e f g 90 c d e f g 16 c d e f g 41 c d e f g 66 c d e f g 91 c d e f g 17 c d e f g 42 c d e f g 67 c d e f g 92 c d e f g 18 c d e f g 43 c d e f g 68 c d e f g 93 c d e f g 19 c d e f g 44 c d e f g 69 c d e f g 94 c d e f g 20 c d e f g 45 c d e f g 70 c d e f g 95 c d e f g 21 c d e f g 46 c d e f g 71 c d e f g 96 c d e f g 22 c d e f g 47 c d e f g 72 c d e f g 97 c d e f g 23 c d e f g 48 c d e f g 73 c d e f g 98 c d e f g 24 c d e f g 49 c d e f g 74 c d e f g 99 c d e f g 25 c d e f g 50 c d e f g 75 c d e f g 100c d e f g หลักเกณฑ์ในการประเมนิ ผล ระดับท่ี 1 กรณีทาํ คะแนนได้ตา่ํ กว่า 30%......................= อ่อนมาก ระดับท่ี 2 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหว่าง 30-40%.............= ออ่ น ระดบั ท่ี 3 กรณีทําคะแนนได้ระหว่าง 41-50%.............= พอใช้ ระดบั ที่ 4 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหวา่ ง 51-60%.............= เกอื บดี ระดับที่ 5 กรณที ําคะแนนได้ระหว่าง 61-70%.............= ดี ระดับท่ี 6 กรณีทําคะแนนไดม้ ากกวา่ 70%...................= ดีมาก

บณั ฑิตแนะแนว คัมภีรพ์ ชิ ิตขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 11 1. ถานกั เรยี นไมช อบรบั ประทานไขมนั เลยจะทําใหร า งกายไมส ามารถดูดซมึ วิตามินในขอ ใดได 1) วติ ามินบี 1 2) วิตามนิ บี 2 3) วติ ามนิ ดี 4) วติ ามนิ ซี 2. เมอ่ื นักเรียนพบวาเพ่ือนของนกั เรยี นคนหน่ึงมีรา งกายผอมแหง พุงปอ ง กน ปอด เบ่อื อาหาร นักเรียนจะแนะนํา ใหเ ขาเลือกรบั ประทานอาหารในขอใด 1) สลดั ผัก 2) หมูทอดกระเทียม 3) ผัดไทย 4) นา้ํ สมคนั้ 3. เด็กหญิงจริงใจนําอาหารมาทดสอบหาแปงโดยหยดสารละลาย A ลงไปในอาหารแตละชนิด ผลปรากฏดังตาราง อาหาร สขี องสารละลาย A A สนี ้ําเงิน B ไมเปลี่ยนแปลง C สีน้ําเงิน D ไมเ ปลีย่ นแปลง อยากทราบวา อาหารท่ีเดก็ หญงิ จริงใจนาํ มาทดสอบเปนอาหารในขอ ใด และสารละลาย A คือสารอะไร 1) อาหาร A และ C เปน อาหารจาํ พวกคารโ บไฮเดรต สารละลาย A คือ สารละลายไอโอดีน 2) อาหาร A และ C เปน อาหารจาํ พวกโปรตนี สารละลาย A คอื เอทิลแอลกอฮอล 3) อาหาร B และ D เปนอาหารจําพวกคารโบไฮเดรต สารละลาย A คือ สารละลายไอโอดีน 4) อาหาร B และ D เปนอาหารจําพวกโปรตีน สารละลาย A คอื เจนเชยี นไวโอเลต พจิ ารณาการทดสอบตอ ไปนี้ แลว ตอบคาํ ถามขอ 4-5 เดก็ ชายแสนดนี าํ นํา้ สมสายชทู ี่มีขายในทองตลาดมาทดสอบกับสารละลายชนิดหน่ึง และไดผลการทดลองดงั ตารางตอ ไปนี้ ชนิดของนา้ํ สมสายชู การเปลี่ยนแปลงของนาํ้ สมสายชู A สีเขียว B สีมวง C สมี วง 4. อยากทราบวา เดก็ ชายแสนดีควรจะสรปุ ผลการทดลองวาอยางไร 1) น้ําสมสายชู A และ C เปน น้าํ สมสายชูแท 2) น้ําสมสายชู B เปน นํา้ สม สายชปู ลอม 3) นาํ้ สม สายชู B และ C เปน นา้ํ สม สายชูปลอม 4) น้าํ สมสายชู A เปน น้าํ สม สายชูปลอม 5. สารในขอใดทีเ่ ด็กชายแสนดนี าํ มาทดสอบนํา้ สมสายชวู าเปนของแทห รอื ของปลอม 1) สารละลายไอโอดนี 2) สารละลายเจนเชยี นไวโอเลต 3) สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด 4) สารละลายเบเนดกิ ต

12 บัณฑิตแนะแนว คัมภีรพ์ ิชิตขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 6. ทอลาํ เลียงในลําตนพชื ขอ ใดที่มลี กั ษณะเหมอื นกัน 1) ตนหอม - ตน เทยี น 2) ตน หอม - ตนกุหลาบ 3) ตน กหุ ลาบ - ตนเทยี น 4) ตนเทียน - ตน ออ ย 7. ขอ ใดไมใ ชหนาท่ีของรากมนั เทศ 2) ดูดน้ําและแรธ าตุ 1) สะสมอาหาร 4) ยดึ ลาํ ตน 3) สรา งอาหาร 8. ขอใดกลาวไดถ ูกตองเกย่ี วกับกระบวนการสังเคราะหดวยแสง 1) แสงแดดและคลอโรฟลล เปน ผลผลิตจากการสังเคราะหดวยแสง 2) CO2 และ H2O เปน แกสท่ีไดจ ากการสังเคราะหด ว ยแสง 3) การสงั เคราะหดวยแสงของพชื จะไดน้ําตาลแลว เปล่ยี นเปนแปง ทีหลัง 4) H2O และ O2 เปน ตัวเรงปฏกิ ิริยาใหเกิดการสังเคราะหดวยแสง 9. ดอกของพืชในขอใดแตกตางจากพวก 1) ดอกกลวยไม 2) ดอกบวั 3) ดอกกหุ ลาบ 4) ดอกชบา 10. ขอใดทม่ี กี ารสืบพันธุแ บบเดยี วกนั 2) มอส - เหด็ 1) ยีสต - รา 4) เฟน - ยีสต 3) สาหราย - มอส 11. สตั วใ นขอ ใดทม่ี รี ะบบการหายใจแตกตา งจากพวก 1) จระเข 2) เปด 3) อง่ึ อาง 4) เตา 12. อานขอความตอไปนี้ ก. สตั วค รง่ึ น้ําคร่งึ บกมีผวิ หนงั ชุมชนื้ ออกลกู เปน ไขบ นบก ข. สตั วเลยี้ งลูกดวยนา้ํ นมมีตอมน้ํานม และใหอาหารตัวออ นผา นทางรก ค. สตั วป ก เปน สัตวท่มี ีกระดกู กลวงและเบา จงึ สามารถบนิ ได ง. ปลาและสัตวเ ล้อื ยคลานมลี กั ษณะการหายใจเหมอื นกนั คือใชปอด ขอ ใดถูกตอ ง 1) ก. และ ข. 2) ข. และ ง. 3) ก. และ ค. 4) ข. และ ค. 13. สัตวในขอใดมวี ัฏจกั รชีวิตเชน เดียวกบั ผีเสอ้ื 2) แมลงวัน 1) เตา 4) กบ 3) แมลงปอ 14. วตั ถุในขอ ใดไมใชแหลง กําเนิดแสง 2) หงิ่ หอ ย 1) ดวงจันทร 4) ดาวฤกษ 3) โทรทศั น

บัณฑติ แนะแนว คมั ภีรพ์ ิชิตข้อสอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 13 15. ปรากฏการณใ ดที่แสดงวาแสงเดินทางเปนเสน ตรง 1) การเกดิ เงา 2) การเกิดรงุ กนิ น้ํา 3) การเกดิ อาทติ ยทรงกลด 4) การเห็นวัตถใุ นน้ําอยูตืน้ กวาความเปน จรงิ 16. หากตอ วงจรไฟฟา แลว สายไฟยาวไมพอ นักเรยี นจะเลือกวตั ถใุ ดมาตอแทนสายไฟเพื่อใหไ ฟฟา ไหลไดครบวงจร 1) ยางยืด 2) เชอื ก 3) ดินสอ 4) ตะปู 17. การเกิดรุงกินนาํ้ เปน การกระจายของแสงขาวจากดวงอาทติ ยออกเปน 7 สี สใี ดตอไปนไี้ มม ใี นแสงที่กระจายออกมา ท้งั สองสี 1) สมี ว งและสีเขยี ว 2) สคี รามและสีเหลือง 3) สีนํา้ ตาลและสีเทา 4) สีนํา้ เงนิ และสคี ราม 18. เหตุใดเราจงึ เห็นดาวฤกษเฉพาะตอนกลางคืน 1) ไมม ดี าวฤกษใ นตอนกลางวนั 2) ดาวฤกษไ มม แี สงสวางในตัวเอง 3) ดาวฤกษเ ปลงแสงเฉพาะตอนกลางคนื 4) แสงจากดวงอาทติ ยสวา งกวามากจนสงั เกตแสงสวางจากดาวฤกษไ มเหน็ 19. การเปลย่ี นแปลงและการหมนุ เวยี นของหนิ ตรงกับความหมายในขอ ใด 1) วงจรชีวติ ของหิน 2) วฏั จักรของหิน 3) กระบวนการเกิดหิน 4) กระบวนการปรับสภาพของหนิ 20. ในปจ จบุ นั หนิ ชนดิ ใดท่นี ยิ มนํามาใชเปน วตั ถดุ ิบในอตุ สาหกรรมเซรามิก 1) หนิ ออน 2) หินดินดาน 3) หนิ ทราย 4) หินแกรนติ 21. หนิ ชนิดใดมแี รไมกา แรเ ฟลดส ปา และแรค วอตซ เปนองคประกอบสําคัญ 1) หินออ น 2) หินตะกอน 3) หินแปร 4) หนิ แกรนติ 22. ขอ ใดกลา วไดถ กู ตองท่สี ุด 1) จนั ทรปุ ราคาเต็มดวง เกิดขึน้ เม่อื ดวงจันทรบ างสวนผานเงามัวของโลก 2) จันทรุปราคาบางสวน เกิดขึ้นเมอ่ื ดวงจันทรบางสวนผา นเงามืดของโลก 3) จนั ทรปุ ราคาเงามัว เกดิ ขนึ้ เมอ่ื ดวงจนั ทรโ คจรผา นเขาไปในเงามวั ของโลก 4) จนั ทรปุ ราคา มักเกดิ ขนึ้ ขณะทองฟาโปรง อากาศเย็นสบาย และดวงอาทติ ยอ ยเู หนอื ศรี ษะ 23. ดาวหางมักมวี งโคจรเปน อยางไร 2) วงโคจรมขี นาดไมแนน อน 1) วงกลมรอบดวงอาทิตย 4) เคลื่อนท่เี ปน วงกลมสลบั กับวงรีในระนาบเอยี ง 3) เคล่ือนท่ตี ัดกบั วงโคจรของดาวเคราะห

14 บัณฑติ แนะแนว คัมภรี พ์ ิชติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวิทยาศาสตร์ 24. ดาวเคราะหนอ ยมักจะโคจรอยรู ะหวางวงโคจรของดาวเคราะหคใู ด 1) ดาวพุธกับดาวศุกร 2) โลกกับดาวองั คาร 3) ดาวองั คารกับดาวพฤหัสบดี 4) ดาวศกุ รก ับดาวพฤหัสบดี 25. ดวงอาทิตยมผี ลตอ ระบบการสือ่ สารโทรคมนาคมของโลกจากปรากฏการณใด 1) การระเบดิ รนุ แรง 2) การเกดิ พายุสุรยิ ะ 3) การขยายตัวเขา และออก 4) การหมุนรอบตัวเองอยา งรวดเร็ว 26. กลอ งโทรทรรศนอวกาศฮับเบิลเปนกลอ งโทรทรรศนประเภทใด 1) กลองโทรทรรศนหกั เหแสงชวยในการสังเกตเพื่อใหมองเหน็ ดวงดาวและวัตถุทอ งฟา ตางๆ 2) กลอ งโทรทรรศนวิทยุ รบั คล่นื วิทยจุ ากดวงดาวดว ยจานขนาดใหญ แลว นําไปแปรสญั ญาณ 3) กลอ งโทรทรรศนจนั ทรา รับรังสีเอกซจากดวงดาว แลว นําไปแปรสัญญาณเพ่ือศกึ ษาขอมูล 4) กลองโทรทรรศนส ะทอ นแสงขนาดใหญ ปอ งกันการรบกวนของแสงที่สะทอนจากช้ันบรรยากาศ 27. ในชว งกลางเดอื นพฤษภาคมถงึ กลางเดือนตุลาคม จะเกดิ ลมมรสมุ ข้นึ ในบรเิ วณมหาสมุทรอินเดยี แลว พดั ผาน เสน ศนู ยส ตู รขึ้นมา นาํ ความชื้นเขา สปู ระเทศไทย ลมมรสุมนคี้ ือขอใด 1) ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงใต 2) ลมมรสมุ ตะวันออกเฉียงใต 3) ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื 4) ลมมรสมุ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 28. ดินโดยทั่วไปมีสวนประกอบของส่ิงใดในปริมาณมากท่ีสดุ 1) นา้ํ 2) อากาศ 3) อนิ ทรยี วตั ถุ 4) อนนิ ทรยี วัตถุ 29. ขอ ใดเปนลักษณะของดินชน้ั บน 2) ไมม ีแรธ าตุสําหรับพชื 1) มฮี วิ มสั ปรมิ าณมาก 4) เนอื้ ดินมักอดั ตวั กันแนน 3) ไมส ามารถอุมนาํ้ ไวไ ด 30. การกระทาํ ในขอ ใดจะมีผลทาํ ใหดินมกี ารเส่อื มสภาพไดเรว็ 1) ใชสารเคมฉี ีดพน ศัตรพู ชื 2) ใชปยุ อนิ ทรยี แทนปุยวิทยาศาสตร 3) การปลกู พชื คลุมดนิ และพืชหมนุ เวียน 4) การปลกู พชื แบบข้ันบันได และปลูกพชื คลมุ ดิน ————————————————————

บณั ฑิตแนะแนว คัมภรี ์พชิ ติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 15 บัณฑิตแนะแนว วิชา วิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 3) แนวขอสอบเสรมิ ประสบการณร ะดับประถมศึกษา ชอ่ื -นามสกลุ .................................................................... เลขทนี่ ่ังสอบ.......................................... สถานทสี่ อบ..................................................................... หอ้ งสอบ................................................. __________________________________________________________________________ คําอธิบาย 1. ข้อสอบชดุ น้ี มีจํานวน 30 ข้อ คะแนนเต็ม 30 คะแนน ใหเ้ วลาทาํ 30 นาที 2. ในการทําขอ้ สอบ ให้เลือกคาํ ตอบทถี่ กู ต้องหรอื เหมาะสมท่สี ดุ เพียงคําตอบเดียว กรณขี อ้ ใด ไม่มตี ัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งใหต้ อบตวั เลอื กท่ี 5) แทน 3. นักเรยี นจะต้องพยายามทาํ ข้อสอบและจบั เวลาเหมอื นกบั การสอบแข่งขันจริง หา้ มใช้เวลาสอบเกนิ ที่กาํ หนดและหา้ มเปดิ ตําราดู หรอื นําอปุ กรณ์ชว่ ยในการคดิ คาํ นวณมาใช้ เด็ดขาด ทง้ั นเ้ี พ่อื ประโยชนใ์ นการทดสอบวดั ความรขู้ องตัวนกั เรยี นเอง (อาจใหผ้ ู้ปกครองช่วย ควบคมุ การสอบ หรอื อาจใช้นาฬกิ าปลกุ ตง้ั เวลากไ็ ด)้ เม่ือหมดเวลาสอบ ใหต้ รวจคะแนนจาก ส่วนเฉลย เร่ืองใดทําไมไ่ ด้หรอื ทําผดิ ใหก้ ลับไปอา่ นหนังสือทบทวนใหม่ ขอ้ สอบชุดนจี้ ดั ทาํ ขน้ึ โดยรวบรวม-ปรับปรงุ มาจาก “คลังขอ้ สอบระดบั ประถมศึกษา 10 ปลี า่ สดุ ” ของบณั ฑติ แนะแนว ซ่งึ เคยผา่ นการใช้ทดสอบนักเรยี นทวั่ ประเทศกวา่ 50,000 คน มาแลว้ จึงเหมาะทจ่ี ะใช้ ทบทวนความรแู้ ละวดั ผลตนเอง เพ่ือพัฒนาความเป็นเลศิ ในแตล่ ะวิชาและเตรียมสอบแขง่ ขนั ในทกุ สนาม

16 บัณฑติ แนะแนว คัมภีร์พชิ ิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ กระดาษคาํ ตอบ วิชา.............................................................. ชุดท.ี่ ............... 1 c d e f g 26 c d e f g 51 c d e f g 76 c d e f g 2 c d e f g 27 c d e f g 52 c d e f g 77 c d e f g 3 c d e f g 28 c d e f g 53 c d e f g 78 c d e f g 4 c d e f g 29 c d e f g 54 c d e f g 79 c d e f g 5 c d e f g 30 c d e f g 55 c d e f g 80 c d e f g 6 c d e f g 31 c d e f g 56 c d e f g 81 c d e f g 7 c d e f g 32 c d e f g 57 c d e f g 82 c d e f g 8 c d e f g 33 c d e f g 58 c d e f g 83 c d e f g 9 c d e f g 34 c d e f g 59 c d e f g 84 c d e f g 10 c d e f g 35 c d e f g 60 c d e f g 85 c d e f g 11 c d e f g 36 c d e f g 61 c d e f g 86 c d e f g 12 c d e f g 37 c d e f g 62 c d e f g 87 c d e f g 13 c d e f g 38 c d e f g 63 c d e f g 88 c d e f g 14 c d e f g 39 c d e f g 64 c d e f g 89 c d e f g 15 c d e f g 40 c d e f g 65 c d e f g 90 c d e f g 16 c d e f g 41 c d e f g 66 c d e f g 91 c d e f g 17 c d e f g 42 c d e f g 67 c d e f g 92 c d e f g 18 c d e f g 43 c d e f g 68 c d e f g 93 c d e f g 19 c d e f g 44 c d e f g 69 c d e f g 94 c d e f g 20 c d e f g 45 c d e f g 70 c d e f g 95 c d e f g 21 c d e f g 46 c d e f g 71 c d e f g 96 c d e f g 22 c d e f g 47 c d e f g 72 c d e f g 97 c d e f g 23 c d e f g 48 c d e f g 73 c d e f g 98 c d e f g 24 c d e f g 49 c d e f g 74 c d e f g 99 c d e f g 25 c d e f g 50 c d e f g 75 c d e f g 100c d e f g หลักเกณฑ์ในการประเมนิ ผล ระดับท่ี 1 กรณีทาํ คะแนนได้ตา่ํ กว่า 30%......................= อ่อนมาก ระดับท่ี 2 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหว่าง 30-40%.............= ออ่ น ระดบั ท่ี 3 กรณีทําคะแนนได้ระหว่าง 41-50%.............= พอใช้ ระดบั ที่ 4 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหวา่ ง 51-60%.............= เกอื บดี ระดับที่ 5 กรณที ําคะแนนได้ระหว่าง 61-70%.............= ดี ระดับท่ี 6 กรณีทําคะแนนไดม้ ากกวา่ 70%...................= ดีมาก

บัณฑติ แนะแนว คัมภรี พ์ ชิ ติ ขอ้ สอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 17 1. สวนใดของพชื ทจี่ ะเจริญเตบิ โตไปเปนเมล็ด 2) เกสรเพศเมยี 1) เกสรเพศผู 4) รงั ไข 3) ไขออน 2. จากคาํ กลาวท่ีวา “ตนไมคือเพื่อนชวี ิต เจา ชว ยดูดอากาศพษิ แทนขา ” อากาศพษิ นาจะหมายถึงแกส ชนดิ ใด 1) ซลั เฟอรไ ดออกไซด 2) ไนโตรเจนมอนอกไซด 3) คารบอนมอนอกไซด 4) คารบอนไดออกไซด 3. ชาวสวนใชพ ชื ชนดิ ใดเปนยาฆา แมลง 2) สะเดา 1) ชะอม 4) โหระพา 3) สะระแหน 4. การกระทําของใครตอไปนเ้ี ปน การนํากลับมาใชใหมห รอื การรไี ซเคิล 1) เดชใชใ บบวั แทนพลาสตกิ 2) แดงนาํ ขวดแยมที่หมดแลว มาใสลูกอม 3) เด่ียวซอมวิทยุท่เี สียใหใชไ ด 4) ดอนนาํ เศษแกว มาหลอมใหม 5. ขอ ใดเปน สมบตั ิของแสงที่อธิบายการเกิดเงาและเกิดสุรยิ ุปราคา 1) แสงเปน พลังงานรูปหนึง่ 2) แสงเดินทางดวยความเร็วสูง 3) แสงเดินทางเปน แนวตรง 4) แสงเกิดการหกั เหของแสงได 6. เหตใุ ดเราจงึ เห็นเหรียญบาทในแกวนํา้ ท่มี ีนํา้ อยูตื้นกวา ตาํ แหนงท่อี ยูจรงิ ของเหรยี ญบาท 1) แสงเดินทางเปนแนวตรง 2) การหกั เหของแสง 3) การสะทอนของแสง 4) นาํ้ เปนตัวกลางโปรงใส 7. ผักบงุ ของนายชน้ั มีอาการของตน และใบเหยี่ วลงแตยงั มสี เี ขียว ผักบุง นาจะไมไ ดร บั ส่ิงใด 1) นํ้า 2) อากาศ 3) แสงแดด 4) ปยุ 8. ดาวทะเล และหมกึ ไมถูกจัดเปน ปลา เพราะเหตุผลในขอใด 1) ไมไดห ายใจทางเหงอื ก 2) ไมม คี รบี 3) ไมมีกระดกู สันหลัง 4) สืบพันธไุ มเหมอื นปลา 9. สมจติ รแขวนกอนหนิ กับเครือ่ งชงั่ สปรงิ อานนํ้าหนกั ได 300 กรัม ถานําไปช่งั ในนาํ้ จะมนี าํ้ หนักอยางไร 1) นอ ยกวา 300 กรัม 2) มากกวา 300 กรมั 3) เทา กับ 300 กรมั 4) ไมแ นนอนเพราะนํ้าไหลไปมา 10. ส่งิ ใดในบรรยากาศท่ีชวยปอ งกันรังสีทเ่ี ปนอันตรายตอ มนษุ ยได 1) ออกซิเจน 2) ไนโตรเจน 3) ฮเี ลียม 4) โอโซน 11. เดด็ ใชไ มเ ขีย่ กงิ้ กอื จะเหน็ กง้ิ กอื ขดเปนวงกลมเปน เพราะสาเหตใุ ด 1) พักผอนนอนหลับ 2) เตรียมตอ สู 3) หลีกเลย่ี งศตั รู 4) เตรียมหาอาหาร

18 บณั ฑติ แนะแนว คัมภีรพ์ ิชิตข้อสอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 12. อาหารในขอ ใดที่มกั พบดนิ ประสิวมากเกินจนอาจกอใหเกดิ โรคมะเร็งได 1) ไสก รอก แหนม 2) เตาหูยี้ ปลารา 3) ปลาแหง ขนมปงกรอบ 4) นํา้ ปลา ซอี วิ๊ 13. การเปลีย่ นสถานะของสารในขอ ใดเปน “การระเหิด” 1) ของเหลว → ของแขง็ 2) ของแข็ง → ของเหลว 3) ของเหลว → แกส 4) ของแขง็ → แกส 14. เราใชส ารเคมใี นขอใดฆา เช้ือโรคในน้ํา 1) สารสม 2) คลอรนี 3) จนุ สี 4) ปนู ขาว 15. ผลของพืชในขอ ใดทย่ี งั คงมีกลีบเล้ียงติดอยู 1) มะพรา ว 2) มะมวง 3) มะกรูด 4) สมโอ 16. การกระทําของใครจะทาํ ใหปา ไมค งสภาพที่สุด 1) ชายกําจดั แมลงท่เี ปน ศตั รตู นไม 2) โชตปิ อ งกันสตั วปา มากนิ ตนออน 3) เชิดแนะนําการใชไ มอยา งถูกตอง 4) ชาตชิ ว ยปลูกปา ทดแทน 17. มนุษยย งั ไมส ามารถเดนิ ทางไปยังดาวเคราะหท ีอ่ ยไู กลมากๆ ไดเน่ืองจากสาเหตุใด 1) หาตาํ แหนง ดาวไมไ ด 2) ใชเ วลาเดนิ ทางนานมาก 3) เช้ือเพลงิ ไมพอ 4) คา ใชจ า ยสงู มาก 18. พชื ในขอ ใดชอบขึน้ อยบู รเิ วณปา ชายเลน 1) เต็ง รัง แดง 2) มะคา ตะเคียน หลุมพอ 3) ประดู ยาง สัก 4) ลําพู แสม โกงกาง 19. ปา ไมชวยทาํ ใหมนษุ ยไ มเสยี ชวี ติ ลงอยางรวดเร็วเพราะอะไร 1) ผลิตแกสออกซิเจน 2) เปนตนน้าํ ลําธาร 3) ควบคุมภาวะโลกรอน 4) ใหป จ จัยส่ี 20. นิภาใสเ กลอื ปน ลงในถังที่มีน้ําแขง็ อยูอุณหภูมิของนาํ้ แข็งจะเปน อยา งไร 1) เทา เดมิ 2) มากขึน้ กวาเดิม 3) นอยลงกวา เดิม 4) ขึ้นๆ ลงๆ ไมแนนอน 21. ขาวเปลือกคือสว นใดของตน ขา ว 1) ผล 2) ตนออน 3) รงั ไข 4) เมลด็

บณั ฑติ แนะแนว คัมภรี ์พิชติ ขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 19 22. การทดสอบสารอาหารพวกโปรตนี ดวยไบยูเร็ตกบั เน้อื ไกจ ะไดสีมว ง ถาไมมเี นอ้ื ไกจะใชส ิ่งใดแทนจึงจะไดผลเหมอื น เนือ้ ไก 1) ฟกทอง 2) มะละกอ 3) นาํ้ เตา หู 4) นา้ํ มะนาว 23. ขอใดเปนการเปลยี่ นแปลงทางเคมี 2) น้ําเดอื ดกลายเปนไอ 1) รวั้ เหล็กเปน สนิม 4) นาํ้ ทะเลระเหยแหง ไดเกลือ 3) ดินละลายน้าํ เปนโคลน 24. สารละลายใดท่ีเปลยี่ นสีกระดาษลิตมสั จากสนี ํา้ เงินเปน สีแดง 1) น้าํ ปนู ใส 2) นา้ํ ยาลางจาน 3) นาํ้ สบู 4) นาํ้ อัดลม 25. โรคไขหวดั ใหญส ายพันธใุ หม 2009 มีสาเหตจุ ากส่ิงมชี ีวิตใด 1) โพรโทซวั 2) แบคทีเรยี 3) ไวรสั 4) ฟงไจ 26. สัตวในขอ ใดมกี ารเปลีย่ นแปลงรูปรางขณะเจริญเตบิ โตมากที่สดุ 1) ไก 2) กบ 3) นก 4) แมว พจิ ารณาขอ มลู ในตารางตอ ไปนี้ แลวตอบคาํ ถามขอ 27-28 ตารางบันทึกผลลกั ษณะการละลายนา้ํ ของสาร สาร ละลายนํา้ ไดดี การละลายนาํ้ ไมละลายนํา้ เกลือ 9 ละลายนาํ้ บางสวน - ผงชูรส 9 - นํา้ ตาลทราย 9 - - น้ําสม - - ข้เี ถา - - แปงมัน - - - น้ํามนั พืช - - 9 9 9 9 - 27. สารในขอ ใดเมื่อละลายน้ําแลว ต้งั ท้ิงไวส ักครูจะเหน็ ตะกอน 1) ผงชรู ส ขเี้ ถา 2) เกลอื นํา้ สม 3) ขีเ้ ถา แปง มนั 4) เกลอื นาํ้ มนั พืช 28. สารในขอใดทีม่ ลี ักษณะการละลายนํ้าเหมอื นกนั 1) เกลือ ขเ้ี ถา นํ้ามนั พืช 2) เกลือ ผงชรู ส นา้ํ ตาลทราย 3) น้ําสม แปงมนั น้ํามันพชื 4) ผงชรู ส ขี้เถา แปง มัน

20 บณั ฑิตแนะแนว คมั ภรี ์พิชิตขอ้ สอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 29. กิจกรรมในขอ ใดทท่ี ําใหเ ลอื ดหมุนเวียนไดเ ร็วท่สี ดุ 2) การออกกําลังกาย 1) การเลนเกมออนไลน 4) การรับประทานอาหาร 3) การนอนเลน 2) เหนยี วตวั เหนอะหนะ 30. ฤดูหนาวอากาศจะมีไอนํา้ อยูนอ ยทาํ ใหม ีผลในขอใด 4) ตากผา แหงเรว็ 1) เหง่ือออกมาก 3) ตากผาแหงชา ————————————————————

บณั ฑิตแนะแนว คัมภรี ์พชิ ติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 21 บัณฑิตแนะแนว วิชา วิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 4) แนวขอสอบเสรมิ ประสบการณร ะดับประถมศึกษา ชอ่ื -นามสกลุ .................................................................... เลขทนี่ ่ังสอบ.......................................... สถานทสี่ อบ..................................................................... หอ้ งสอบ................................................. __________________________________________________________________________ คําอธิบาย 1. ข้อสอบชดุ น้ี มีจํานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ใหเ้ วลาทาํ 20 นาที 2. ในการทําขอ้ สอบ ให้เลือกคาํ ตอบทถี่ กู ต้องหรอื เหมาะสมท่สี ดุ เพียงคําตอบเดียว กรณขี อ้ ใด ไม่มตี ัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งใหต้ อบตวั เลอื กท่ี 5) แทน 3. นักเรยี นจะต้องพยายามทาํ ข้อสอบและจบั เวลาเหมอื นกบั การสอบแข่งขันจริง หา้ มใช้เวลาสอบเกนิ ที่กาํ หนดและหา้ มเปดิ ตําราดู หรอื นําอปุ กรณ์ชว่ ยในการคดิ คาํ นวณมาใช้ เด็ดขาด ทง้ั นเ้ี พ่อื ประโยชนใ์ นการทดสอบวดั ความรขู้ องตัวนกั เรยี นเอง (อาจใหผ้ ู้ปกครองช่วย ควบคมุ การสอบ หรอื อาจใช้นาฬกิ าปลกุ ตง้ั เวลากไ็ ด)้ เม่ือหมดเวลาสอบ ใหต้ รวจคะแนนจาก ส่วนเฉลย เร่ืองใดทําไมไ่ ด้หรอื ทําผดิ ใหก้ ลับไปอา่ นหนังสือทบทวนใหม่ ขอ้ สอบชุดนจี้ ดั ทาํ ขน้ึ โดยรวบรวม-ปรับปรงุ มาจาก “คลังขอ้ สอบระดบั ประถมศึกษา 10 ปลี า่ สดุ ” ของบณั ฑติ แนะแนว ซ่งึ เคยผา่ นการใช้ทดสอบนักเรยี นทวั่ ประเทศกวา่ 50,000 คน มาแลว้ จึงเหมาะทจ่ี ะใช้ ทบทวนความรแู้ ละวดั ผลตนเอง เพ่ือพัฒนาความเป็นเลศิ ในแตล่ ะวิชาและเตรียมสอบแขง่ ขนั ในทกุ สนาม

22 บัณฑติ แนะแนว คัมภีร์พชิ ิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ กระดาษคาํ ตอบ วิชา.............................................................. ชุดท.ี่ ............... 1 c d e f g 26 c d e f g 51 c d e f g 76 c d e f g 2 c d e f g 27 c d e f g 52 c d e f g 77 c d e f g 3 c d e f g 28 c d e f g 53 c d e f g 78 c d e f g 4 c d e f g 29 c d e f g 54 c d e f g 79 c d e f g 5 c d e f g 30 c d e f g 55 c d e f g 80 c d e f g 6 c d e f g 31 c d e f g 56 c d e f g 81 c d e f g 7 c d e f g 32 c d e f g 57 c d e f g 82 c d e f g 8 c d e f g 33 c d e f g 58 c d e f g 83 c d e f g 9 c d e f g 34 c d e f g 59 c d e f g 84 c d e f g 10 c d e f g 35 c d e f g 60 c d e f g 85 c d e f g 11 c d e f g 36 c d e f g 61 c d e f g 86 c d e f g 12 c d e f g 37 c d e f g 62 c d e f g 87 c d e f g 13 c d e f g 38 c d e f g 63 c d e f g 88 c d e f g 14 c d e f g 39 c d e f g 64 c d e f g 89 c d e f g 15 c d e f g 40 c d e f g 65 c d e f g 90 c d e f g 16 c d e f g 41 c d e f g 66 c d e f g 91 c d e f g 17 c d e f g 42 c d e f g 67 c d e f g 92 c d e f g 18 c d e f g 43 c d e f g 68 c d e f g 93 c d e f g 19 c d e f g 44 c d e f g 69 c d e f g 94 c d e f g 20 c d e f g 45 c d e f g 70 c d e f g 95 c d e f g 21 c d e f g 46 c d e f g 71 c d e f g 96 c d e f g 22 c d e f g 47 c d e f g 72 c d e f g 97 c d e f g 23 c d e f g 48 c d e f g 73 c d e f g 98 c d e f g 24 c d e f g 49 c d e f g 74 c d e f g 99 c d e f g 25 c d e f g 50 c d e f g 75 c d e f g 100c d e f g หลักเกณฑ์ในการประเมนิ ผล ระดับท่ี 1 กรณีทาํ คะแนนได้ตา่ํ กว่า 30%......................= อ่อนมาก ระดับท่ี 2 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหว่าง 30-40%.............= ออ่ น ระดบั ท่ี 3 กรณีทําคะแนนได้ระหว่าง 41-50%.............= พอใช้ ระดบั ที่ 4 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหวา่ ง 51-60%.............= เกอื บดี ระดับที่ 5 กรณที ําคะแนนได้ระหว่าง 61-70%.............= ดี ระดับท่ี 6 กรณีทําคะแนนไดม้ ากกวา่ 70%...................= ดีมาก

บณั ฑติ แนะแนว คมั ภีรพ์ ชิ ติ ข้อสอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 23 1. สวนใดของพืชทําหนาท่คี ลายจมกู ของคน 1) ปากใบ 2) ลําตน 3) กิง่ กาน 4) ราก 2. ขอใดทาํ ใหเกดิ ผลเสยี ตอ พืชมากกวาผลดี 1) กําจัดแมลงศัตรพู ืชทกุ วัน 2) พรวนดินสมา่ํ เสมอ 3) ใสปุย ทกุ วนั 4) รดน้าํ ทุกวนั ที่ฝนไมตก 3. ในธรรมชาตแิ บคทีเรียใหประโยชนใดมากทส่ี ดุ 1) ทาํ ลายความเค็มในดิน 2) ทาํ ใหซากพชื ซากสตั วเ นาเปอ ย 3) ทําใหเ กิดโรคในพืช 4) ทาํ ใหอ าหารบูดเนา 4. จากวฏั จักรทีก่ าํ หนดใหเปนของส่ิงมชี ีวติ ในขอใด ไขอ ยูในน้าํ ข้นึ มาอยบู นบก ตวั ออนไมมขี าแตมีหาง มี 4 ขา หายใจดวยปอด หายใจดวยเหงอื ก ตัวออ นหางส้นั ลง มีขางอกออกมา 1) เตา 2) จระเข 3) ยุง 4) กบ 5. อปุ กรณในขอใดที่ใชว ัดรอบลูกฟตุ บอลไดเ หมาะสมที่สุด 1) สายวดั 2) เชอื กปอ 3) ไมบรรทดั 4) ตลบั เมตร

24 บัณฑติ แนะแนว คมั ภรี ์พชิ ติ ขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 6. การกระทาํ ของใครที่ชว ยใหคําขวัญที่วา “ขจัดมลพษิ ทกุ ชีวติ ปลอดภยั ” เปนจริงได 1) สมศรีเผาซังขาวในนาเพื่อรอทาํ นาครัง้ ใหม 2) สมสวนลางถุงพลาสตกิ แลวนํามาใชใ หม 3) สมพรปลูกไมย นื ตนทดแทนตน ที่ถกู ตดั โคน ไป 4) สมชายใชผ า ปดปากเวลาออกจากบาน 7. ตน โกงกางมีมากในจังหวดั ใด 1) สุพรรณบุรี 2) เพชรบุรี 3) อางทอง 4) พระนครศรอี ยุธยา 8. ขอ ใดเปน วัตถปุ ระสงคท ่สี าํ คญั ท่สี ุดของการชลประทาน 1) การเกบ็ กกั และระบายนํา้ ไปใช 2) การสรา งแหลงทอ งเทีย่ วทางนํา้ 3) การเพม่ิ แหลงเพาะพันธสุ ัตวนํา้ 4) การรักษาปา ตนนํ้า 9. การฝงซากพืชซากสตั วทําใหเกิดผลดีขอ ใดมากที่สดุ 1) ไมม ีกลิน่ เหมน็ รบกวน 2) ปองกนั โรคระบาด 3) เพิม่ ปุย ใหแกด นิ 4) ประหยดั เวลา 10. การผลติ กระแสไฟฟา แบบใดท่มี ีผลกระทบตอส่งิ แวดลอ มนอ ยทีส่ ุด 1) แบบพลงั ไอนาํ้ 2) แบบพลังงานนิวเคลยี ร 3) แบบกงั หนั แกส 4) แบบพลงั งานน้าํ 11. การใชจุลนิ ทรียใ นการปราบลูกนํา้ ยงุ ลายเปนการนาํ เทคโนโลยีมาใชด านสงิ่ แวดลอ ม เรยี กวธิ นี ีว้ า อยางไร 1) เทคโนโลยชี วี เคมี 2) เทคโนโลยีชีวภาพ 3) เทคโนโลยชี วี ศิลป 4) เทคโนโลยีชีวิต 12. ขอ ใดเปนการใชป ระโยชนจากสมบัตขิ องยางรัดของ 1) ความเหนียว 2) ความนุมนวล 3) ความยดื หยุน 4) ความแขง็

บัณฑิตแนะแนว คมั ภีรพ์ ชิ ิตข้อสอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 25 13. การหลอ เทยี นจาํ นาํ พรรษา มีการเปลี่ยนสถานะอยางไร “ความกดอากาศสงู แผป กคลุม 1) ของเหลว → แกส → ของแข็ง 2) ของแขง็ → ของเหลว → ของแข็ง 3) ของแข็ง → ของเหลว → แกส 4) ของเหลว → ของแข็ง → ของเหลว 14. วางลูกเหมน็ ไวในตเู สอื้ ผาแลวลกู เหมน็ หมดไป เรียกการเปลยี่ นแปลงน้วี าอะไร 1) การระเหดิ 2) การระเหย 3) การกลายเปนไอ 4) การละลาย 15. ขอใดที่สมชายไมควรปฏบิ ัติเกย่ี วกบั สารเคมี 1) อานวันเดอื นปท ี่ผลิต และวนั หมดอายุ 2) ใชสารในปริมาณท่พี อเหมาะ 3) เกบ็ ใหมิดชดิ พน มือเดก็ 4) ซือ้ มามากๆ เพ่ือเก็บไวใ ชนานๆ 16. นักเรยี นคิดวา จะเกิดเหตุการณใดข้ึนถากรมอุตนุ ิยมวทิ ยาพยากรณอากาศวา ประเทศไทย และอณุ หภูมลิ ดตํ่าลง” 1) ฝนตกหนัก 2) อากาศหนาว 3) มีพายุลมแรง 4) ลูกเหบ็ ตก 17. ขอใดเปนการใชแรงเสียดทานนอ ย 1) การขรี่ ถจักรยาน 2) กระดานหก 3) กระดานล่ืน 4) รองเทาเลน กีฬา 18. ขยะชนิดใดท่ีนาํ มาทาํ ปยุ ได 1) เศษโฟม 2) เศษแกว 3) เศษอาหาร 4) เศษพลาสติก

26 บณั ฑิตแนะแนว คมั ภรี พ์ ิชิตขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 19. “เตา ก้งิ กา จระเข ....................” ควรเติมสัตวช นดิ ใดลงในชองวางจึงจะเขา พวก 1) ตะขาบ 2) กงิ้ กือ 3) คางคก 4) ตกุ แก 20. เมธาใชเกณฑใดจดั ทองแดง ไสด ินสอ ไม ใหเปน พวกเดยี วกัน 1) เปน ของแขง็ 2) เปนฉนวนไฟฟา 3) เปน สารเช้อื เพลงิ 4) เปนสารประกอบ ————————————————————

บณั ฑิตแนะแนว คัมภรี ์พชิ ติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 27 บัณฑิตแนะแนว วิชา วิทยาศาสตร์ (ชุดท่ี 5) แนวขอสอบเสรมิ ประสบการณร ะดับประถมศึกษา ชอ่ื -นามสกลุ .................................................................... เลขทนี่ ่ังสอบ.......................................... สถานทสี่ อบ..................................................................... หอ้ งสอบ................................................. __________________________________________________________________________ คําอธิบาย 1. ข้อสอบชดุ น้ี มีจํานวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ใหเ้ วลาทาํ 20 นาที 2. ในการทําขอ้ สอบ ให้เลือกคาํ ตอบทถี่ กู ต้องหรอื เหมาะสมท่สี ดุ เพียงคําตอบเดียว กรณขี อ้ ใด ไม่มตี ัวเลอื กทถี่ กู ตอ้ งใหต้ อบตวั เลอื กท่ี 5) แทน 3. นักเรยี นจะต้องพยายามทาํ ข้อสอบและจบั เวลาเหมอื นกบั การสอบแข่งขันจริง หา้ มใช้เวลาสอบเกนิ ที่กาํ หนดและหา้ มเปดิ ตําราดู หรอื นําอปุ กรณ์ชว่ ยในการคดิ คาํ นวณมาใช้ เด็ดขาด ทง้ั นเ้ี พ่อื ประโยชนใ์ นการทดสอบวดั ความรขู้ องตัวนกั เรยี นเอง (อาจใหผ้ ู้ปกครองช่วย ควบคมุ การสอบ หรอื อาจใช้นาฬกิ าปลกุ ตง้ั เวลากไ็ ด)้ เม่ือหมดเวลาสอบ ใหต้ รวจคะแนนจาก ส่วนเฉลย เร่ืองใดทําไมไ่ ด้หรอื ทําผดิ ใหก้ ลับไปอา่ นหนังสือทบทวนใหม่ ขอ้ สอบชุดนจี้ ดั ทาํ ขน้ึ โดยรวบรวม-ปรับปรงุ มาจาก “คลังขอ้ สอบระดบั ประถมศึกษา 10 ปลี า่ สดุ ” ของบณั ฑติ แนะแนว ซ่งึ เคยผา่ นการใช้ทดสอบนักเรยี นทวั่ ประเทศกวา่ 50,000 คน มาแลว้ จึงเหมาะทจ่ี ะใช้ ทบทวนความรแู้ ละวดั ผลตนเอง เพ่ือพัฒนาความเป็นเลศิ ในแตล่ ะวิชาและเตรียมสอบแขง่ ขนั ในทกุ สนาม

28 บัณฑติ แนะแนว คัมภีร์พชิ ิตข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ กระดาษคาํ ตอบ วิชา.............................................................. ชุดท.ี่ ............... 1 c d e f g 26 c d e f g 51 c d e f g 76 c d e f g 2 c d e f g 27 c d e f g 52 c d e f g 77 c d e f g 3 c d e f g 28 c d e f g 53 c d e f g 78 c d e f g 4 c d e f g 29 c d e f g 54 c d e f g 79 c d e f g 5 c d e f g 30 c d e f g 55 c d e f g 80 c d e f g 6 c d e f g 31 c d e f g 56 c d e f g 81 c d e f g 7 c d e f g 32 c d e f g 57 c d e f g 82 c d e f g 8 c d e f g 33 c d e f g 58 c d e f g 83 c d e f g 9 c d e f g 34 c d e f g 59 c d e f g 84 c d e f g 10 c d e f g 35 c d e f g 60 c d e f g 85 c d e f g 11 c d e f g 36 c d e f g 61 c d e f g 86 c d e f g 12 c d e f g 37 c d e f g 62 c d e f g 87 c d e f g 13 c d e f g 38 c d e f g 63 c d e f g 88 c d e f g 14 c d e f g 39 c d e f g 64 c d e f g 89 c d e f g 15 c d e f g 40 c d e f g 65 c d e f g 90 c d e f g 16 c d e f g 41 c d e f g 66 c d e f g 91 c d e f g 17 c d e f g 42 c d e f g 67 c d e f g 92 c d e f g 18 c d e f g 43 c d e f g 68 c d e f g 93 c d e f g 19 c d e f g 44 c d e f g 69 c d e f g 94 c d e f g 20 c d e f g 45 c d e f g 70 c d e f g 95 c d e f g 21 c d e f g 46 c d e f g 71 c d e f g 96 c d e f g 22 c d e f g 47 c d e f g 72 c d e f g 97 c d e f g 23 c d e f g 48 c d e f g 73 c d e f g 98 c d e f g 24 c d e f g 49 c d e f g 74 c d e f g 99 c d e f g 25 c d e f g 50 c d e f g 75 c d e f g 100c d e f g หลักเกณฑ์ในการประเมนิ ผล ระดับท่ี 1 กรณีทาํ คะแนนได้ตา่ํ กว่า 30%......................= อ่อนมาก ระดับท่ี 2 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหว่าง 30-40%.............= ออ่ น ระดบั ท่ี 3 กรณีทําคะแนนได้ระหว่าง 41-50%.............= พอใช้ ระดบั ที่ 4 กรณที ําคะแนนไดร้ ะหวา่ ง 51-60%.............= เกอื บดี ระดับที่ 5 กรณที ําคะแนนได้ระหว่าง 61-70%.............= ดี ระดับท่ี 6 กรณีทําคะแนนไดม้ ากกวา่ 70%...................= ดีมาก

บณั ฑิตแนะแนว คมั ภรี ์พชิ ติ ข้อสอบ ป.4 วิชาวทิ ยาศาสตร์ 29 1. พืชชนิดใดมรี ากอากาศ 2) มะมว ง 1) ไทร 4) หญาแฝก 3) ขนุน 2. ดอกของพืชชนดิ ใดไมสามารถผสมพันธุภ ายในดอกเดยี วกนั ได 1) พริก 2) โหระพา 3) มะเขือ 4) ฟก ทอง 3. ขอ ใดเปน เหตผุ ลท่ดี อกของพืชในคาํ ตอบขอ 2 ไมส ามารถผสมพันธุภายในดอกเดียวกนั ได 1) เปนดอกไมส มบูรณ 2) เปน ดอกไมสมบรู ณเ พศ 3) เกสรเพศผูอ ยูตาํ่ กวา เกสรเพศเมยี 4) เกสรเพศผไู มแข็งแรงจึงตองผสมขามดอก 4. พิจารณาขอ ความตอไปน้ี “ปอสงั เกตตนแคหนา บา นเปน เวลา 1 สัปดาห พบวา ใบของตน แคจะกางในตอนเชา และใบจะหุบในตอนเยน็ ” ปอควรสรปุ ผลการสังเกตไดว า อยางไร 1) ตน แคพกั ผอ นเปน เวลา 2) ตน แคตอ งการแสงเฉพาะเวลากลางวนั 3) ตน แคมีการตอบสนองตอแสง 4) ตน แคหบุ ใบเพื่อปอ งกนั ความรอ นจากแสง 5. วิเชยี รตอ งการทดลองวา แสงเปนปจ จยั ในการเจริญเติบโตของพืชหรือไม เขาควรออกแบบการทดลองอยา งไรจึงจะ เหมาะสมทสี่ ดุ 1) ต้ังตนไมทง้ั 2 กระถางไวในบรเิ วณเดยี วกัน 2) ต้ังตน ไมท้งั 2 กระถางไวใ นบรเิ วณท่ไี มมแี สงสองเลย 3) ตั้งตน ไมกระถางที่ 1 ไวในท่ีท่มี ีแดดจัด และต้งั กระถางท่ี 2 ไวใ นทรี่ ม 4) ตงั้ ตน ไมกระถางที่ 1 ไวในที่ที่มีแดดสอง และตั้งกระถางท่ี 2 ไวใ นหองมดื 6. นดิ าจดั กลุม พืชไดด ังนี้ กลมุ ที่ 1 กลวย ไผ หมาก กลมุ ที่ 2 ชมพู เงาะ มะมวง อยากทราบวา นิดาใชเกณฑใดในการจดั กลมุ 1) พชื ไมมีผล - พชื มีผล 2) พืชไมม ีดอก - พืชมดี อก 3) พชื ใบเล้ยี งเด่ียว - พืชใบเลย้ี งคู 4) พชื ขนาดเล็ก - พชื ขนาดใหญ

30 บัณฑติ แนะแนว คัมภีร์พชิ ติ ขอ้ สอบ ป.4 วชิ าวิทยาศาสตร์ 7. กติ ติสาํ รวจและจาํ แนกกลุมสัตวไ ดดังนี้ ชนิดของสตั ว สตั วเลอื้ ยคลาน ประเภทของสัตว สัตวปก สตั วเลีย้ งลกู ดว ยนาํ้ นม สัตวครึ่งนํ้าครึ่งบก คา งคาว 9 9 ตุดตู 9 9 กะทา ง เหา ชา ง 9 ไกฟา ขอ มลู ใดในตารางทีก่ ิตติจัดกลมุ ไมถกู ตอ ง 2) ตุดต,ู กะทา ง 1) คา งคาว, เหาชาง 4) กะทาง, เหาชา ง 3) ตดุ ตู, เหา ชา ง ก 8. ไข ข ยุง ควรเตมิ ขอใดลงใน ก และ ข ในวัฏจักรของยุง ตามลําดับ 1) ลกู นํา้ , ลกู ออด 2) ลูกออด, ตัวโมง 3) ลกู นา้ํ , ตัวโมง 4) หนอน, ดกั แด 9. ตวั ออน ไข ดกั แด ตัวเต็มวยั วัฏจกั รทก่ี ําหนดใหควรเปน ส่ิงมชี วี ิตชนดิ ใด 1) ดว งกวา ง 2) ตกั๊ แตน 3) แมลงสาบ 4) แมงมมุ 10. ถา รา งกายของมนุษยขาดแคลเซียมจะมีผลตอ อวัยวะใด 1) กลามเน้ือ 2) กระดกู 3) ตับ 4) ลาํ ไส 11. ผลไมใ นขอใดไมค วรรบั ประทานมากเกินไป เพราะใหสารคารโบไฮเดรตมาก 1) ขนุน 2) มะพรา ว 3) ทุเรียน 4) มะมว ง

โปรดทราบ! ตวั อยา่ งนี้จะโชว์เฉพาะหนา้ 1-30 เท่านน้ั หากจะขอดหู นงั สอื ท้ังเลม่ ตอ้ งตดิ ต่อท่ี บณั ฑิตแนะแนว (โทรศพั ท์ 02-2794808) หรอื ท่รี ้านจําหน่ายหนงั สือชั้นนาํ ทัว่ ประเทศ สํานกั งานบณั ฑติ แนะแนว 1033/4 ถ.พหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กทม. 10400 เวลาทํางาน 08.00-17.00 น. Website : www.bunditnaenaew.com ฝ่ายประชาสัมพนั ธ์ เปดิ ทกุ วนั (จันทร-์ อาทิตย์) โทรศัพท์ 02-2794808 แฟกซ์ 02-6171820